วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2563

หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 91 ตอนลงแขกแลกเกรด 3

              ผมเดินกลับมาถึงบ้านพักพอเปิดประตูเข้าไปเจอเพื่อน ๆ นอนเมาหลับกองสุมกันเต็มห้อง จากที่แบ่งนอนกันหลังละ 7 คน
              ผมกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง เห็นตรงกลางห้องมีขวดเหล้า ซากจานกลับแกล้มเกลื่อนห้อง แสดงว่าพวกนี้มันมาต่อกันที่ห้อง
              “ต๊ะ...มึงไปไหนมา” ผมสะดุ้งแล้วรีบหันขวับกลับไปทางประตู
              เป็นไอ้เจตเปิดประตูเข้ามาพอดี
              “กูก็เดินดูความเรียบร้อย เผื่อมีใครเมาหลับจะได้ลากมันมานอนเดี๋ยวเสือคาบไปแดกพอดี”
              จริง ๆ แล้วทุกครั้งที่ออกนอกพื้นที่หรือไปไหน ผมก็จะนอนหลังเพื่อนเป็นของธรรมดาเพราะต้องดูแลความเรียบร้อยก่อน ด้วยวิสัยของหัวหน้าห้อง
              “แล้วมึงล่ะไปไหนมา   สบายตัวละซิ”
              “สบายตัวเหี้ยไร กูไปช่วยอาจารย์ดูมอเตอร์เครื่องตัดหญ้าเพิ่งเสร็จกับมานี่”
              “อ้าว.......ที่ไหน”
              “ห้องเก็บเครื่องมืออาจารย์บ้านหลังตรงโน้นไง”
              มิน่าล่ะเห็นมีไฟเปิด ตอนแรกนึกว่าอาจารย์เปิดไฟไว้เฉย ๆ ที่แท้ซ่อมเครื่องตัดหญ้ากับไอ้เจตนี่เอง
              “หรอ...ตั้งแต่เมื่อไหร่”
              “ตั้งแต่สองทุ่มได้มั้ง กูอยากออกมากินเหล้าต่อแต่ไม่กล้า เกรงใจจารแก” ผมนึกในใจอ้าวแล้วที่ไอ้หยกเห็นมันใครล่ะ
              “ทำไมไม่บอกกูล่ะ จะได้ไปช่วยอาจารแทนมึง”
              “กูว่าจะไปชวนมึงแล้ว แต่จารย์บอกว่าให้มึงช่วยดูเพื่อน ๆ เพราะเหล้าเข้าปากแล้วอาจจะแสดงอิทธิฤทธิ์กัน กูก็เห็นด้วย เลยไปช่วยอาจารย์คนเดียว”
              “แล้วไม่ชวนคนอื่นไปด้วย”
              “มึงดูสภาพมันแต่ละคนดิว่าใครจะพอไปได้”
              “แล้วเจอไอ้หยกกับไอ้บอยมั้ย”
              “นอนอีกหลังนึง มันบอกเหม็นเหล้า เหม็นบุหรี่ ป่านนี้หลับเป็นตายหมดแล้วมั้ง”
              ถ้าจะบอกว่าไอ้หยกมันยังไม่หลับเพราะเพิ่งแอบไปเย็ดกันในสวนมาเมื่อกี้ก็กลัวมันด่าเอา เลยเงียบไว้
              “ต๊ะ.......” ไอ้เจตเข้ามากระซิบข้าง ๆ
              “มีไร” มันหันมองเพื่อน ๆ แล้วกระซิบเบา ๆ ที่หู
              “ไปชักว่าวกัน พอเหล้าเข้าปากแล้ว....แม่งกูเงี่ยนชิบหาย”
              “เฮ้ย......”
              “มึงจะเสียงดังทำไม” ไอ้เจตไม่รอคำตอบมันลากผมอ้อมมาทางหลังบ้าน ทางเดี๋ยวกับที่ผมเพิ่งเย็ดไอ้หยกเสร็จเมื่อกี้
              ผมเดินตามไอ้เจตไปตามเส้นทางอย่างคุ้นเคย มันทั้งลากทั้งจูงจนมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งก็เป็นต้นเดียวกับที่เย็ดไอ้หยกเมื่อกี้
              “ต๊ะเร็วดิ” ไอ้เจตไม่รอช้ามันถอดกางเกงแล้วชักว่าวอย่างรวดเร็ว
              “เดี๋ยวกูชักให้มึงก็ได้” ผมเองก็เพลีย ๆ จากการเสียน้ำให้ไอ้หยกเมื่อกี้เพราะปล่อยไปแบบไม่มีกั๊ก ขาเกิดอาการอ่อนแรงยังไม่หายสั่นเลย
              “ไม่เอา...มาชักด้วยกัน”
              “กูถามจริง มึงอยากชักว่าวหรืออยากให้กูเย็ด”
              “เอาน่าเหมือนกันแหละ” ไอ้เจตพูดเสร็จมันก็เอามือจับต้นไม้ใหญ่แล้วหันตูดมาทางผม
              “เร็วดิ” มันกำลังจะเอามือมาจับควยผม ผมรีบปัดมือออกเพราะคาบน้ำควยที่เย็ดไอ้หยกเมื่อกี้ยังไม่ได้ล้าง ถ้ามันจับควยผมมันจะรู้ทันที
              “คือ......กู” ผมว่าจะบอกความจริงมันแต่ก็ไม่กล้า
              “คืออยู่นั่นแหละเร็วดิ” มันโก่งตูดให้ผมอีกมือจับต้นไม้ อีกมือชักว่าว กางเกงมันหลุดไปตอนไหนไม่รู้
              “เอาว๊ะมาถึงขั้นนี้แล้ว” ผมถอดกางเกงลงไปกองที่หัวเข่า เอามือขยำควยไม่กี่ทีควยค่อย ๆ แข็งขึ้นเรื่อย ๆ จนมันพร้อมรบ คราบน้ำควยเมื่อกี้ยังเหนียวติดมือ ผมบ้วนน้ำลายลงไปชโลมทำให้มันลื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ไอ้เจตเองก็บ้วนน้ำลายขยายรูมันรอไว้เรียบร้อย
              “เอาใส่เข้ามาดิ” มันเร่งผมให้เอาควยใส่ตูดมัน
              พอควยชุ่มน้ำลายได้ที่ผสมกับน้ำควยที่ตกค้าง ผมจอปลายควยให้ตรงรูตูดไอ้เจต กดทีเดียวมิดยันโคน
              “โอ้ย....เบา ๆ ดิ”
              “ก็มึงเร่งนักไม่ใช่หรอ”
              “มึงก็ใส่เข้ามาเบา ๆ ก็ได้”
              พอควยเข้าไปสุดลำผมจับสะโพกมันแน่นแล้วควงควยใส่ลำไส้มัน
              “อย่าเพิ่ง กูแสบ จุกด้วย” ผมไม่ฟังเสียง ถอนควยออกมาแล้วกระแทกควยเข้าไปอีกอย่างรวดเร็ว
              “มึงไปตายอดตายอยากมาจากไหนต๊ะ” มึงต่างหากล่ะที่ตายอดตายอยาก อยากได้ดีนักเลยจัดให้
              “ตับ ตับ ตับ”
              ผมกระแทกควยใส่ตูดมันรัว ไอ้เจตถึงกับขมิบตูดขนลุกเกรียว
              “ต๊ะแรงอีก กูใกล้แล้ว”
              “อ้าวไอ้เหี้ยเพิ่งเย็ดได้ไม่กี่นาทีเอง น้ำกูยังไม่เดินเลย” ผมด่ามันเบา ๆ
              “ต๊ะกูไม่ไหวแล้ว” ไอ้เจตโก่งตัวขึ้น มือนึงอ้อมมากดตูดผมแน่น อีกมือนึงชักว่าวรัว หูรูดรูตูดมันบีดรัดตัวแรงมากจนควยผมแทบขาด รูตูดมันเองก็ตอดแรงและแน่นมาก
              จังหวะนี้ผมจับมือมันออกแล้วถอนควยพร้อมเอามือจับสะโพกมันแน่นแล้วกระชากเข้าหาพร้อมเย็ดสวนเข้าไป
              “ต๊ะอย่าเพิ่ง” ผมไม่ฟังคำห้ามของมัน รูตูดบีบรัดแน่น ๆ แบบนี้ทำให้ผมเสียวหัวควยขึ้นมาทันที
              ไอ้เจตเอาสองมือเกาะต้นไม้แน่น ขามันสั่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ตูดมันก็โก่งรับควยผมเต็มที่
              ผมกระหน่ำเย็ดมันติด ๆ แบบรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเย็ดมันมาก็ว่าไอ้เจตกัดฟันครางจนเพ้อ
              “อ้า................ซีส................” กล้ามเนื้อตูดไอ้เจตเกร็งอีกครั้ง ทำให้ผมเสียวปลายควยอย่างรุนแรง วินาทีนี้เอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่ ผมชักควยเข้าออกมาเกือบสุดแล้วกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงอีกไม่กี่ครั้งก่อนที่จะกดควยเข้าไปฝังฝนตูดไอ้เจตแน่น พร้อมกับกระตุกควยปล่อยน้ำสองของวันใส่ตูดไอ้เจต
              ผมโน้มตัวลงไปกอดแผนหลังมันแน่น หายใจหอบจนตัวโยน หัวใจผมเต้นรุนแรงมาก
              “มึงไปอดอยากมาจากไหนต๊ะ กระแทกรุนแรงชิบหาย”
              ผมไม่ตอบเพราะกำลังเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้า
              ไอ้เจตค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นโดยที่ควยผมยังคงกระตุกในตูดมัน
              “เอาออกได้แล้ว” ควยผมค่อย ๆ อ่อนตัวลื่นไหลหลุดออกมา ไอ้เจตนั่งยอง ๆ เบ่งลูกผมทิ้งจนได้ยินเสียงลมออกมาด้วย
              “ปู๊ด”
              “เชี้ย....”
              “อะไรเจต”
              “ขี้กูไหลออกมาด้วย แม่งเล่นซ๊ะกูขี้แตกเลย”
              อ้าวกำแล้วมั้ยล่ะ งานนี้สงสัยไอ้เจตแถมทองให้แล้ว ผมรีบเดินออกมาห่าง ๆ เพื่อให้มันขี้ให้เสร็จ
              ผมค่อย ๆ เดินย่องควยแกว่งออกมาตากต้นไม้ใหญ่ไม่กล้าใส่กางเกง ไม่กล้าเอามือจับควยกลัวเจอขี้ไอ้เจต จนมาถึงห้องน้ำหลังบ้านผมเข้าไปล้างควยโดยไม่เปิดไฟ เสร็จแล้วก็เข้าไปนอนบ้านอีกหลัง เปิดประตูเข้าไปเห็นไอ้หยกกับไอ้บอยนอนหลับเป็นตายในมุ้งกลางบ้าน
              ผมดูนาฬิกาสี่ทุ่มกว่า ๆ ปิดไฟแล้วมุดมุ้งนอน กำลังเคลิ้มมีคนมุดเข้ามาในมุ้ง
              “เชี้ยแม่งไม่รอกูเลย” เป็นเสียงไอ้เจตแล้วมันค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ
              “แอ้ม”
              มีเสียงเหมืนคนกระแอมมาจากนอกมุ้ง ผมยกหัวขึ้นและหันไปดูในความมืดว่าเป็นเสียงใคร แต่มองไม่เห็นอะไรเลยล้มตัวนอนต่อ ไม่กี่อึดใจผมก็หลับเป็นตาย

หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 90 ตอนลงแขกแลกเกรด 2

               วันแรกมาถึงก็วางแผนลงนากันเต็มที่ วางคนตามเส้นทางที่จะเอาข้าวไปให้รถสีข้าว สีเสร็จก็ต้องส่งต่อไปตากเมล็ดข้าวที่ลานมันซึ่งอาจารย์บอกว่าเช่าลานมันไว้เรียบร้อย
              วันนี้เราเริ่มงานได้เยอะจนเป็นที่น่าพอใจ อาจารย์บอก 3 วันที่พวกเรามาน่าจะโอเค ส่วนที่เหลือก็ให้แรงงานที่อาจารย์จ้างมาทำต่อ
              ตกเย็นอาจารย์เลี้ยงข้าวปลาอาหารแบบไม่อั้นตั้งแต่วันแรก เห็นบางคนมีแอบเอาเหล้ามากินกันด้วย จริง ๆ แล้วก็อาจารย์นั่นแหละแอบเอามาให้ 55555555
              พอเหล้าเข้าปากความสนุกก็มาเยือน พอมีเสียงเพลง เสียงลำ แล้วพวกเครื่องดนตรีประเภทกลอง แคน พิน ไม่รู้มาตอนไหนจนเริ่มเป็นวงใหญ่ ชาวบ้านหรือแรงงานที่ทำงานกันตอนกลางวันก็เริ่มหนาตาขึ้นเรื่อย ๆ ชาวบ้านแถวนั้นก็เข้ามาสมทบ กลุ่มผมก็สิบกว่าคนรวมชาวบ้านอีก ลานหน้าบ้านอาจารย์เลยดูเล็กไปถนัดตา
              ใครเข้ากับคนง่ายก็จะโดนลุงป้าน้าอาลากไปก้งเหล้าด้วย ใครดูนิ่ง ๆ ก็จะคุยกันเอง เพื่อนผมกินเหล้ากันทุกคนแต่คอแข็งคออ่อนต่างกัน บางคนเจอเหล้าขาว 40 ดีกรีเพรียวไปสองแก้วถึงกับหลับกลางอากาศ บางคนก็ถึงกับอ็วกแตก ใครคออ่อนก็จะโดนแซวตลอดเป็นที่สนุกสนานของลุง ป้า น้า อา
              ผมจิบเหล้าบ้างเล็กน้อยเพื่อให้มีกลิ่น แต่สายตาก็คอยดูเพื่อน ๆ เผื่อมีใครทำอะไรแผลงๆจะได้เตรียมรับมือ เพื่อนผมแต่ละคนก็พอจะรู้สันดานมันดี พอเหล้าเข้าปากสันดานมันจะเริ่มเปลี่ยน อะไรก็เกิดขึ้นได้ อาจารย์เดินมาตบบ่าเป็นการขอบใจเหมือนรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่
              ประมาณสามทุ่มอาหารเย็นสิ้นสุด เพราะต้องเก็บแรงไว้พรุ่งนี้ต่อ ต่างจังหวัดเวลานี้ก็ถือว่าดึกมาก เพื่อนผมเมาหลับกลางอากาศหลายคน ผมดูรอบ ๆ ไม่เห็นไอ้เจตกับไอ้หยก ผมนึกใจใจว่ามันต้องแอบไปเย็ดกันที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ ซึ่งก็ทำให้ผมเป็นกังวลว่าจะมีใครจับได้ พยายามเดินหารอบ ๆ บ้านไม่เจอ กำลังจะกลับเข้าห้องเห็นไอ้หยกเดินหน้าเป็นตูดมาหา
              “ไปไหนมา.........แล้วนี่เป็นไรหน้าบูดเป็นตูดเชียวมึง”
              ไอ้หยกสบัดหันมามองหน้าผม แต่สายตาขวาง ๆ หน้ายังนิ่งเหมือนเดิม
              “เออ....แล้วเห็นไอ้เจตมั้ย”
              “ตายคาหีไปแล้วมั้ง” ไอ้หยกพูดเสียงดัง ทำเอาผมตกใจ
              “เดี๋ยว...เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร….ใครตายคา................”
              “ก็ไอ้พี่เจตนั่นแหละ ป่านนี้โดนหีหนีบตายไปแล้วมั้ง”
              “มึงเล่าให้ละเอียดดิ เรื่องมันยังไง กูยัง งงๆ”
              ไอ้หยกมีอาการกระฟัดกระเฟียด ผมเลยลากมันไปนั่งบนแคร่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมรั้ว อีกอย่างกลัวคนอื่นได้ยินเสียงคุยกันด้วย โดยเฉพาะเวลาไอ้หยกมันไม่พอใจอะไรสักอย่างเสียงมันจะดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่สนหน้าอินหน้าพรหมที่ไหน อีกอย่างคืนนี้แม้เดือนไม่เต็มดวงแต่ก็สว่างใช้ได้ทำให้นั่งคุยกันได้สบาย
              “ไหนมึงเล่ามาให้ละเอียด  เรื่องมันเป็นยังไง” ผมดันบ่าให้ไอ้หยกนั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่ แล้วผมลงไปนั่งข้าง ๆ
              “คือหยกนัดกับพี่เจตว่าจะไปเถียงนาตรงโน้นกัน”
              “พวกมึงจะไปทำไมค่ำ ๆ มืด ๆ”  ทั้งที่รู้ว่ามันไปทำไมแต่ก็ถามเพื่อความแน่ใจ
              “บ้า.......รู้แล้วยังมาถามอีก”
              “พวกมึงนี่มันตายอดตายอยากมาจากไหน เจอกันไม่ได้  นี่มันต่างถิ่นนะโว้ย....อดใจไว้บ้าง ถ้าเกิดมีใครเห็นหรือจับได้พวกมึงจะทำยังไง แค่ไม่กี่วันเอง พวกมึงเก็บความเงี่ยนไว้ไปแดกกันที่หอไม่ได้รึไง...กูละกลัวใจพวกมึงจริง ๆ”
              “ก็ไอ้พี่เจตนะดิแม่งพอแดกเหล้าเข้าปากมันก็เงี่ยนจะลากหยกไปเย็ดตั้งแต่หัวค่ำแล้ว หยกบอกรอให้คนหลับก่อนก็ไม่ยอม" ไอ้หยกพูดเสียงดัง ผมรีบเอามือปิดปากมันอย่างรวดเร็ว
              “พูดเบา ๆ ก็ได้ไอ้นี่............แล้วไงต่อ”
              “หยกบอกเลิกกินข้าวแล้วให้ไปรอที่เถียงนาก่อนเดี๋ยวหยกตามไป เพราะไอ้บอยมันยังไม่หลับ”
              “แล้ว”
              “เมื่อกี้พอหยกไปถึง เห็นไอ้พี่เจตแม่งโก่งตูดเย็ดกันกับผู้หญิง จนอีนั่นร้องเสียงดังลั่นทุ่ง หยกเลยรีบเดินกลับมา”
              “แล้วมึงเห็นหรอว่าเป็นไอ้เจต”
              “ก็หยกนัดกับพี่เจตไว้ตรงนั้น แล้วใครจะอุตริไปเย็ดกันค่ำ ๆ มืด ๆ แบบนั้น” ไอ้หยกกระชากเสียงสูงด้วยความโมโห
              “ก็มึงสองคนยังนัดกันได้แล้วคนอื่นจะนัดกันไม่ได้เชียวหรือ”
              “ไม่รู้แหละ ไอ้พี่เจตแม่งมั่วแดกไม่เลือก .......กลับไปอย่าหวังเลย”
              “ไอ้เจตมันต้องการ หรือมึงต้องการกันแน่” ผมพูดเสร็จก็จ้องหน้าไอ้หยกนิ่ง  ถ้ากลางวันคงเห็นสีหน้ามันว่าเป็นยังไง เพราะรู้ว่าทุกครั้งไอ้หยกจะเป็นฝ่ายลากไอ้เจตมากกว่า
              “พี่ต๊ะ....เย็ดกัน” อยู่ ๆ ไอ้หยกก็พูดขึ้นมาเสียงดัง
              “เฮ้ย...มึงจะบ้าหรอเบา ๆ ดิเดี๋ยวใครได้ยิน แล้วที่กูด่ามึงปาว ๆ ยังไม่สำนึกอีกหรอ ยังมีหน้ามาชวนกูอีก”
              “หมั่นไส้ไอ้พี่เจต”
              “มึงก็เลยมาลงที่กู”
              “อย่าพูดมาก ตามหยกมา” มันลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่ฟังเสียง แล้วก็ได้ทั้งลากทั้งจูงผมเดินอ้อมไปทางหลังบ้าน
              ในบริเวณบ้านอาจารย์น่าจะประมาณ 10 ไร่ มีบ้านหลังใหญ่สองชั้น ชั้นล่างก่ออิฐบล็อก ชั้นบนเป็นไม้ และหลังเล็กก่ออิฐบล็อกขนาด 2 ห้องอีก 3 หลัง ตอนนี้ใช้เป็นห้องเก็บอุปกรณ์ทางการเกษตร 1 หลัง และให้พวกผมนอนอีก 2 หลัง แต่ละหลังห่างกันประมาณ 20 กว่าเมตรมีต้นมะม่วงและไม้ผลปลูกแซมเป็นระยะพอร่มรื่น ตรงกลางเป็นลานดินกว้างขนาดใหญ่ ซึ่งก็เป็นที่ตากพืชผลทางการเกษตร ด้านหลังบ้านจะเป็นสวนไม้ผล ส่วนใหญ่ก็จะเป็นมะม่วง ขนุน ถัดไปอีกนิดก็จะเป็นบ่อเลี้ยงปลา กับแปลงผัก
              ไอ้หยกลากผมไปทางสวนหลังบ้านซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับที่มันเดินมาจากเถียงนา
              “มึงจะลากกูไปไหน”
              “มาเถอะน่า ไม่เอาไปฆ่าทิ้งหรอก”
              พอถึงใต้ต้นไม้ใหญ่มันจับผมหันหลังพิงต้นไม้ แล้วถอดกางเกงผมลง ผมยืนนิ่งให้มันทำโดยไม่ขัดขืน พอกางเกงผมหลุดมันเอาปากมางับควยผมที่อ่อนหัวห้อย มันดูดควยผมไม่กี่อึดใจควยผมก็ค่อย ๆ แข็งขึ้นเรื่อย ๆ มันกำโคนควยแน่นแล้วใช้ลิ้นเลียวนหัวควย สายตามันก็แหงนขึ้นมาดูผมเป็นระยะ
              แสงจันทร์จากข้างนอกพอมองเห็นว่ามันทำอะไร ไอ้หยกทั้งเลีย ทั้งดูดตรงปลายควยผม ลีลาการใช้ลิ้นมันถือว่าขั้นเทพ โดยเฉพาะตอนที่มันทำปลายลิ้นแหลม ๆ แข็ง ๆ แล้วแหย่เน้น ๆ ตรงรูเยี่ยว มันทั้งเสียวทั้งสยิว และลีลาการใช้ปลายสิ้นเลียรอบคอหยัก สลับกับใช้ลิ้มฝีปากเม้มตรงคอหยัก ทำให้ผมเสียวจนขาสั่น
              บางครั้งมันก็ดูดกระโปกผมเสียงดัง ซึ่งมันไม่เคยทำแบบนี้ ผมนึกในใจแม่งลีลาขั้นเทพแบบนี้มันไปหัดมาจากไหน
              “มึงไปหัดมาจากไหนหยก ดูคล่องชิบหาย” ไอ้หยกไม่พูดมันยังคงมุ่งมั่นกับการดูดควยผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
              “เสียวมั้ยพี่ต๊ะ” เกือบ 10 นาทีที่มันดูดควยผม เพิ่งได้ยินเสียงมัน
              “เสียวมากเลยว่ะ”
              “เสียวก็แตกเลย หยกจะกินน้ำ”
              “เสียว....แต่ดูดยันเช้าน้ำกูก็ไม่แตก”
              “ทำไงถึงแตก”
              “ต้องเย็ดตูดมึงถึงจะแตก”
              “ไม่เอา...เย็ดแล้วไม่ได้กินน้ำพี่ต๊ะ กินน้ำก่อนแล้วค่อยเย็ด”
              “ก็มึงไม่กินเอง”
              “จะกินได้ไง พี่ต๊ะเคยออกมาแตกข้างนอกมั้ยล่ะ มีแต่แตกใน”
              “กูแตกในแล้วมึงก็ล้วงออกมากินดิ”
              “แหวะ...สกปรก โสโครก”
              “ทำมาแหวะ....เดี๋ยวกูถีบไปโน่น”
              “ก็ได้  เย็ดก็เย็ด” ไอ้หยกถอดกางเองออกอย่างรวดเร็ว แล้วดันผมออกแล้วหันไปเกาะต้นไม้โก่งตูดขึ้นมา
              “ไม่มีอะไรหล่อลื่น”
              “หยกทำมาแล้ว” อ้าวไอ้นี่พร้อมแล้วก็ไม่บอกแล้วยังมาลีลา
              ผมเอามือคลำไปที่รูตูดมัน มันตกใจขมิบตูดอย่างรวดเร็ว รูตูดมันออกฟู ๆ แสดงว่ามันขยายมาแล้ว รอบ ๆ รูตูดมันรื่น ๆ มันคงใส่อะไรมาสักอย่าง แต่ผมไม่สนใจว่ามันจะเป็นอะไร เพราะเวลานี้ควยแข็งจนปวด
              “เบานะพี่ต๊ะ” พอผมจ่อปลายควยให้ตรงรูตูดไอ้หยกมันรีบร้องบอกให้เบา ๆ
              “รูบานขนาดนี้คงไม่เจ็บหรอก”
              “พี่ต๊ะบ้า...จะเอามั้ย” ผมรีบจับสะโพกมันแน่นเพราะกลัวมันเปลี่ยนใจ ควยแข็งขนาดนี้ถ้าไม่ได้เอาน้ำออกมีหวังนอนไม่หลับทั้งคืนแน่
              “มึงเล่นควยกูจนปวดขนาดนี้แล้วไม่ให้กูเย็ด มึงจะโดนหนักกว่าเดิม”
              ผมค่อย ๆ กดปลายควยเข้าไป มันลื่นเข้าง่าย พอหัวควยผลุบเข้าไปไอ้หยกถึงกับสดุ้ง
              “เบาก่อนพี่ต๊ะ มันตึง”
              ผมล้วงไปในเสื้อไอ้หยก แล้วเขี่ยหัวนมมันที่แข็งเป็นไต มันคงเสียวทั้งตูดเสียวทั้งนม มันกระแทกตูดใส่ควยผมอย่างแรงทำให้ควยผมผลุบเข้าไปทีเดียวหมดลำ
              “เชี้ย....ไหนบอกให้เบาๆ”
              ผมกอดไอ้หยกแน่นเพราะเจอท่านี้เข้าไปทำให้เสียวปลายควยโคตร ๆ  
              “แรงๆเลยพี่ต๊ะ”
              “ไม่เจ็บแล้วหรอ”
              “ทนได้ แต่เสียวมากกว่า”
              ผมจับสะโพกมันแน่น แล้วกระชากเข้าหาตัว พร้อมกับกระแทกควยสวนเข้าไปอย่างรวดเร็ว
              “อัก อัก” เสียงไอ้หยก ไม่รู้ว่ามันจุก หรือเสียว
              “ตับ ตับ ตับ” อากาศที่เย็น ทำให้ไม่เหนื่อยง่าย แต่ดึก ๆ เงียบ ๆ แบบนี้ทำให้เสียงเย็ดกันดังกว่าปกติ ผมเลยต้องลดกระแทกไม่ให้ชนแก้มตูดมันเพื่อลดเสียงดัง
              “กระแทกเข้ามาสุด ๆ เลยพี่ต๊ะ หยกไม่ไหวแล้ว”
              “อ้า...................ซีส.......................”
              “เสียงมันดัง” ผมพยายามให้มันครางเสียงเบาลง
              “ช่างแม่งมัน”
              ผมนึกในใจว่าตกลงงานนี้ไอ้หยกมันต้องการเย็ดประชดไอ้เจตแน่ ๆ แต่เอวผมก็เร็วขึ้นเรื่อย ๆ
              “พี่ต๊ะหยกไม่ไหวแล้ว” ไอ้หยกขมิบตูดตอดควยผมแรงขึ้น ก่อนที่มันจะมีอาการเกร็งกระตุก
              พอรูตูดมันบีบรัด ผมรีบกระชากสะโพกมันแรงขึ้นแล้วเย็ดเน้น ๆ ต่อเนื่องอีกไม่กี่นาทีผมก็กดตูดแน่น กระดกควยปล่อยน้ำใส่ตูดไอ้หยก
              ไอ้หยกเองถึงกับหมดแรงเกาะต้นไม้ขาสั่น ผมโน้มตัวลงไปกอดมันจากข้างหลังแน่น
              “เชี่ยแม่งตอดแรงชิบหาย ทำให้กูเสียวจนขาสั่น”
              “หยกเองก็เสียวยันท้องน้อยเลยพี่”
              “พักแปบนึงเดี๋ยวขออีกดอกนะ”
              ไอ้หยกไม่ตอบแต่มันค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นแล้วหันหน้ามาทางผม ผมเองก็ยืดตัวตาม แล้วกอดมันแน่นจากข้างหลัง โดยที่ควยยังแข็งฝังตูดมันแน่น
              “ไว้พรุ่งนี้ค่อยเอาอีกดอกนะพี่ต๊ะ เดี๋ยวไอ้บอยตื่นมาไม่เห็น”
              “อ้าว...แล้วไม่อยากกินน้ำกูแล้วหรอ”
              “ไม่เอา....กลัวเจอขี้”
              “ขี้มึงเองจะกลัวไปทำไม”
              “แหวะ......สกปรก” คุยกันไปคุยกันมาจนควยผมเองก็อ่อนตัว ไอ้หยกมันขมิบตูดแน่น ทำให้ควยผมลื่นไหลหลุดออกมาจากตูดมัน  
              เราสองคนรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไอ้หยกค่อย ๆ เดินออกมาก่อน พอไอ้หยกลับตาผมก็เดินอ้อมไปอีกทาง
              ผมเดินกลับมาถึงบ้านพัก พอเปิดประตูเข้าไปเจอเพื่อน ๆ นอนเมาหลับกองสุมกันเต็มห้อง จากที่แบ่งนอนกันหลังละ 7 คน
              ผมกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง เห็นตรงกลางห้องมีขวดเหล้า ซากจานกลับแกล้มเกลื่อนห้อง แสดงว่าพวกนี้มันมาต่อกันที่ห้อง
              “อ้าว ต๊ะ...ไปไหนมา”
              ผมสะดุ้งแล้วรีบหันขวับกลับไปทางประตู

หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 89 ตอนลงแขกแลกเกรด 1

               ถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว อาจารย์มาถามว่ามีใครพอว่างมั้ยจะชวนไปเกี่ยวข้าว แต่ละคนก็นิ่งเงียบเพราะที่บ้านตัวเองก็มีข้าวที่ต้องเก็บเกี่ยวเหมือนกัน
              “ไม่ว่างไม่เป็นไร เกรดออกมาต่ำก็อย่ามาว่าครูโหดนะ”
              “โห..............อาจารย์” เสียงไอ้นะโวยขึ้นมาทันที
              ผมเองคะแนนสูง  ไม่ไปก็คงไม่มีปัญหา แต่อาจารย์คงหาคนช่วยไม่ได้จริง ๆ ถึงต้องใช้ไม้นี้
              “วันไหนครับอาจารย์ เดี๋ยวผมไปช่วย”
              “เฮ้ยต๊ะ วิชาของอาจารย์มึงได้เกือบเต็มเลยนะ มึงยังจะไปอีกหรอ” ไอ้อ้อมหันมากระซิบข้าง ๆ
              “อาทิตย์หน้าถ้าได้สัก 10 คน 3 วันก็น่าจะเสร็จ ครูมีค่าแรงให้”
              “ได้ครับอาจารย์”
              “ขอบใจมากต๊ะ” อาจารย์พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป
              “ไอ้ต๊ะ ใครจะไปกับมึง อีกอย่างคะแนนมึงเกือบเต็มอยู่แล้ว” ไอ้นะปรี่เข้ามาหาผมอย่างพร้อมเพรียงกับ ไอ้เจต ไอ้อ้อม ไอ้วิท ไอ้วัน
              “ตั้งแต่อาจารย์สอนแกเคยเอาเรื่องนี้มาพูดมั้ย แสดงว่าตอนนี้แกเดือดร้อนจริง ๆ ถึงกล้าทำขนาดนี้ วิธีการพูดอาจจะดูไม่ถูกต้อง แต่ดูจากแววตาจารย์แล้วแกน่าจะวิตกกังวลหลายอย่าง”
              ผมมองสีหน้าเพื่อน ๆ ทุกคนเริ่มนิ่ง
              “แค่ 3 วัน ถือเสียว่าไปเที่ยว อีกอย่างจารแกก็บอกว่ามีค่าแรงให้ อย่าคิดว่าไปทำงานแลกเกรดดิ คิดว่าไปช่วยอาจารย์แล้วได้เที่ยวด้วย”
              “อืม” ทุกคนเริ่มเสียงอ่อนลง แต่ยังยืนนิ่งไม่ออกความเห็น
              “กูไม่ได้บังคับพวกมึงนะ อาชีพพ่อแม่พวกเราก็ทำนา การเกี่ยวข้าวมันอยู่ในสายเลือด บางคนอาจจะไม่เก่ง แต่เชื่อว่าไม่เกินความสามารถหรอก”
              “งั้นไปยกห้องเลย ดีมั้ย” ไอ้เจตเสนอ
              “เออ....เอาไงพวกกูเอาด้วยโว้ยต๊ะ” เพื่อนในห้องสนับสนุนกันทั้งห้อง
              “พวกมึงมันต้องอย่างนี้ซิว๊ะ”
              “เฮ้......................”
              “พวกเธอทำอะไรกัน เสียงดังรบกวนคนอื่น”
              อาจารย์ปราณี ที่สอนห้องข้าง ๆ เดินมาทุบประตูด่า
              “ขอโทษครับอาจารย์”
              “ไม่มีเรียนก็ไปที่อื่น อย่ามารบกวน”
              “ทุกคนรีบคว้ากระเป๋าเรียนได้ก็รีบวิ่งลงจากอาตารเรียนอย่างรวดเร็ว
*******************
              เช้าวันเสาร์เราขึ้นรถสองแถวไปบ้านอาจารย์ ซึ่งห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 60 กว่าโล ทุกคนมาอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า
              แต่ละคนทำตัวเหมือนมาทัศนะศึกษา คุยกันแต่เรื่องเที่ยว บางคนก็เอากีต้าร์ไปด้วย
              “เดี๋ยว รอด้วย” ผมหันไปตามเสียง เป็นไอ้หยกกับไอ้บอย
              ผมหันหน้าไปมองไอ้เจตทันที
              “กู.............” ไอ้เจตพูดได้แค่นั้นแล้วก็รีบก้มหน้าหลบตาผม
              “พวกมึงสองคนจะไปไหน”
              “ก็ไปเที่ยวกับพี่ ๆ ไง”
              “ไปเที่ยวที่ไหน พวกกูจะไปเกี่ยวข้าว”
              “พวกพี่ ๆ ก็เกี่ยวข้าวไปดิ ผมสองคนจะไปเที่ยว”
              “แล้วพวกมึงจะไปให้มันหนักรถทำไม อีกอย่างกูไม่ได้ชวน”
              “ก็แล้วแต่พี่ต๊ะดิ ผมไปตามคำชวนของพี่เจต”
              ผมหน้าไปมองไอ้เจตอีกครั้ง
              “เออ.....กูไม่ได้ชวน กูแค่เล่าให้มันฟังเฉย ๆ”
              “มึงจะอะไรมากนักว๊ะต๊ะ ให้มันไปเถอะ ไหน ๆ มันก็เอากระเป๋ามาแล้ว ตัวเท่าเขียดมันคงไม่เปลืองเท่าไหร่หรอกว๊ะ ให้มันไปด้วยเถอะ” ไอ้วันแสดงความเห็นขึ้นมา
              ผมมนึกในใจว่ากูไม่ได้กลัวเปลืองข้าวเปลืองน้ำหรอก  แต่กลัวใจไอ้หยกมันจะลากไอ้เจตไปดูดควยจนไม่เป็นอันทำงาน เดี๋ยวมีใครเห็นเข้าทีนี้เรื่องคงฉาวโฉ่ทั้งวิทลัยแน่  แต่ก็ได้แค่กังวล ผมหันหน้าไปถลึงตาใส่ไอ้เจต มันก็คงรู้ว่าผมกลัวอะไร แต่มาสำนึกผิดตอนนี้มันคงสายไปแล้ว
              ไอ้หยกขึ้นไปนั่งตักไอ้เจตทันที โดยไอ้เจตเองก็หันมามองหน้าผมทำตาปริบ ๆ
              ผมนึกในใจว่าสมน้ำหน้าหาเรื่องเอง อยากชวนกันดีนัก
              ไม่ถึง 10 นาทีรถสองแถวก็เคลื่อนออกจาก บขส มุ่งหน้าไปอำเถอบ้านอาจารย์
              60 กิโลเมตรใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง แวะทุกป้าย แวะทุกจุด แวะรอผู้โดยสารด้วย ถึงบ้านอาจารย์พวกเราต้องเดินอีกประมาณกิโลกว่า ๆ
              “มา ๆ เข้าบ้านก่อน” มีลุงแก่ ๆ ออกมาต้อนรับ สงสัยจะเป็นพ่ออาจารย์
              “หวัดดีครับลุง” พวกเรายกมือไหว้แทบจะพร้อมเพรียง
              “ไหว้พระเถอะ มากันเยอะเลย มา ๆ เข้าบ้านพักให้หายเหนื่อยก่อน”
              ยังไม่ทันก้าวขาเข้าบ้านอาจารย์ก็เดินเข้ามาสมทบ
              “จารย์หวัดดีครับ”
              “เฮ้ย....มาทั้งห้องเลยหรอ” ห้องผมตอนนี้เหลือ 18 คน ปกติมี 20 ลาออกไป 2 เพราะทำผู้หญิงท้องตั้งแต่ปี 1 ไป 1 คน ไอ้เชนลาออกเพราะย้ายไปเรียนที่กรุงเทพอีก 1 คน
              “แค่ 15 คนครับอาจารย์”
              “แค่นี้ก็ขอบใจมากแล้วต๊ะ” อาจารย์ก็คงรู้ว่าในห้องก็จะมีแปลก ๆ ไม่เอาเพื่อนเอาฝูงอยู่สามสี่คน
              “ให้พวกผมทำอะไรบ้างครับ”
              “เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้”
              “ไม่เป็นไรครับอาจารน์ คุยกันตอนนี้จะได้รีบวางแผน”
              “คือครูจะเกี่ยวข้าว แต่ไม่มีที่เก็บข้าวเปลือกเลยต้องเกี่ยวไปสีข้าวไปแล้วเอาไปตากที่ลานมันที่เช่าเขาไว้อีกที รถสีข้าวเขามีเวลาให้แค่ 3 วัน แต่ครูหาคนขนข้าวไม่ได้เลยต้องรบกวนพวกเรา”
              “โหจารเรื่องแค่นี้เอง”
              “ข้าวเยอะมั้ยครับ”
              “500 กว่าไร่”
              “หา.................................” ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด
              “คือครูหาได้ทั้งคนทั้งรถ แต่กลัวเสร็จไม่ทันเลยอยากให้พวกเราช่วยจะได้เสร็จเร็วขึ้น”
              “อ๋ออออออออออออออ” พวกเราอ๋อแทบจะพร้อมกัน ผมเองตอนแรกก็ตกใจนึกว่าต้องทำทั้ง 500 ไร่
              อาจารย์มีที่นาตรงนี้หลายร้อยไร่ ทุกปีเกี่ยวเสร็จจะมีลานเก็บรวงข้าวไว้เป็นกองใหญ่ ๆ เพื่อรอจ้างรถมาสีแยกระหว่างเมล็ดข้าวเปลือกกับฟางข้าวออกจากกัน จะใช้เวลาอยู่ประมาณเกือบเดือน
              แต่ปีนี้เห็นว่าติดขัดเรื่องรถสีข้าว มีเวลาว่างแค่ช่วงนี้ 3 วัน แต่ข้าวยังเกี่ยวไม่เสร็จ บางส่วนที่เสร็จก็ยังไม่ได้ขนมารวมกันรอสีข้าว ต้องทำงานแข่งกับเวลา
              ทุ่งนาทางอีสานจะเป็นที่ลาดเอียงเลยต้องทำคันนาเพื่อเก็บกักน้ำตอนปลูกข้าว การที่จะใช้รถเกี่ยวจึงยากเพราะจะติดคันนา นาแปลงไหนใหญ่และใกล้ทางรถเข้าได้ก็จะใช้รถเกี่ยวและขนกลับ แปลงไหนเล็กก็ต้องใช้แรงงานคน ถ้าจะใช้รถทั้งหมดก็ต้องจ้างคนขุดคันนาออกเพื่อให้รถเกี่ยวข้าววิ่งได้ และก็ต้องจ้างคนมาปิดคันนาเพื่อทำนาครั้งต่อไปอีก ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงไม่คุ้ม
              นาแถวภาคอีสานจะไม่เหมือนภาคกลาง ทางภาคกลางแทบจะไม่มีคันนาเลย เป็นแปลงใหญ่ ๆ เพราะเป็นพื้นที่ราบ ดังนั้นการทำนาทางถาคกลางถึงใช้รถดำนา รถเกี่ยวข้าวได้อย่างสบาย
              วันแรกเราวางแผนว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ทุกคนแบ่งหน้าที่กัน ยกเว้นไอ้หยกกับไอ้บอยที่เดินตามไอ้เจตไม่ห่าง
              “ต๊ะ  กูถามหน่อย” ผมหันไปเจอไอ้ยะ หรือปิยะเพื่อนในห้อง ปกติก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะมันก็มีกลุ่มของมันและมีบัดดี้คือไอ้ตุ๊ก ไปไหนสองคนแบบดูโอ้
              “มีอะไรยะ”
              “กูว่าไอ้เจตกับไอ้หยกมันดูแปลก ๆ มั้ย”
              “แปลกยังไง” ผมเริ่มกังวลขึ้นมาทันที
              “มึงไม่สังเกตหรอ ดูได้หยกมันเอาใจไอ้เจตเป็นพิเศษ”
              “มึงก็คิดมากไปไอ้ ไอ้หยกมันติดไอ้เจตมาตั้งแต่ปี 1 เหมือนขาดความอบอุ่น เหมือนขาดพี่ชาย”
              “อืม......แต่ก็ว่ามันสนิทกันเกินกว่าพี่ชายนะ ดูสายตาที่ไอ้หยกมันมองไอ้เจตดิ”
              “ไม่ถามมันดูล่ะ ว่ามันคิดกับไอ้เจตแบบไหน”
              “ไอ้บ้า....ไม่เอา” ไอ้ยะพูดเสร็จมันก็เดินไปทำงานต่อ สมัยนั้นเรื่องเกย์ยังไม่เป็นที่รู้จัก จะมีแต่ตุ๊สกับกระเทย
              ตุ๊สก็คือเด็กผู้ชายปกติแต่ชอบออกอาการกระตุ้งกระติ้ง จีบปากจีบคอพูด แอบแต่งหน้าบ้างเล็กน้อย
              กระเทยคือผู้ชายที่ชอบแต่งหญิง นิยมไว้ผมยาว แต่งหน้าเข้ม จัดจ้าน
              แต่ไอ้หยกไม่มีลักษณะทั้งสอง เพียงแต่มันชอบอ้อนไอ้เจต แล้วตามติดไอ้เจตแจ

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2563

หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 88 ตอนลูกศิษย์วัยละอ่อนและน้องเพื่อน

               ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนไอ้แหวงมาปลุกผมดูนาฬิกา 7 โมงกว่า ๆ ผมลุกไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตา กลับมาอีกทีไอ้โต้งยังไม่ตื่น เอามือไปแตะที่ตัวมัน มีอาการรุม ๆ สงสัยโดนเย็ดเมื่อคืน ผมไปขอยาแก้ปวดบ้านเจ้าภาพมาแล้วข้าวต้มร้อน ๆ
              “เอาไปให้ใครต๊ะ” เสียงไอ้แหวงตะโกนถาม
              “ไอ้โต้งตัวรุม ๆ”
              “ก็สมควรอยู่หรอก เมื่อคืนมันร้องคนเดียวชั่วโมงกว่า ฝากดูแลมันด้วย”
              “เออ ๆ”
              จะเริ่มแห่นาคประมาณ 9 โมงเช้า วัดไม่ไกลจากบ้าน ประมาณกิโลกว่า ๆ แต่ตอนแห่ไม่ต้องใช้นักร้อง ใช้แต่มโหรี
              ผมปลุกไอ้โต้งขึ้นมากินข้าวแล้วให้มันกินยา แล้วให้มันนอนต่อ ส่วนผมออกไปช่วยวงเตรียมเครื่องดนตรี
              9 โมงตั้งขบวนเสร็จเตรียมแห่นาคไปวัด ไอ้แหวงบอกให้ผมอยู่เก็บของขึ้นรถรอ เพราะบวชเสร็จก็เดินทางกลับจะกลับโดยให้รถไปรับที่วัด
              กลางคืนเจ้าภาพหามอลำมาฉลองพระใหม่
              ผมอุ้มไอ้โต้งที่มีอาการเพลีย ๆ แต่ตัวไม่รุมเท่าไหร่ขึ้นรถเดินทางกลับตัวจังหวัด
              ถึงตัวจังหวัดผมเลยให้มันกินข้าวกินยาแล้วนอนพักที่หอผมต่อ
              เย็น ๆ ไอ้โต้งตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย
              “เป็นไงบ้างโต้ง”
              “เจ็บตูด” ไอ้โต้งพูดไปหน้าบูดไป
              “เดี๋ยวก็หาย”
              “พี่ต๊ะนะพี่ต๊ะ”
              “ก็เอ็งอยากไปกวนมันทำไมล่ะ” ผมโยนความผิดให้ไอ้โต้งทันที
              “ก็ผมไม่ได้ตั้งใจ”
              “แหม....ขนาดไม่ได้ตั้งใจแตกไป 3 น้ำเลยนะมึง”
              “ก็มันเสียวนิ”
              “เสียวตรงไหน”
              “เสียวควย” ไอ้โต้งพูดแผ่วเบา
              “แล้วไม่เสียวตูดหนอ”
              “เสียวที่ไหนเจ็บจะตาย”
              “เจ็บจะตายจริงง่ะ” ผมหันไปจ้องหน้ามันนิ่ง
              “เออ...จริง” พูดเสร็จมันก็ก้มหน้าต่ำลงจนแทบชิดหัวเข่า แล้วค่อย ๆ ชำเรืองตาขึ้นมามองผม แล้วรีบก้มหน้าลงไปอีก
              “เสียวหรือไม่เสียวก็บอกมาตรง ๆ แต่ถ้าไม่เสียวเลยจะได้ไม่ทำอีก” ได้ผลไอ้โต้งเลยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
              “เออ....มันก็มีเสียวบ้าง”
              “555555555555555555” ไอ้โต้งรู้ว่าพลาดแล้ว มันก้มหน้าแต่เอามือมาฟาดต้นขาผมอย่างแรง
              “เพี๊ยะ”
              “เฮ้ย...มาตีพี่ทำไม”
              “ก็พี่แกล้งโต้ง”
              “กูไปแกล้งอะไรมึง” ไอ้โต้งเงยหน้ามองผมแล้วก็นิ่งเงียบ
              “...........................”
              “หิวมั้ย”
              “หิว” ผมเอามือจับหน้าผากมันดูไม่มีไข้แล้ว
              “เดี๋ยวไปหาไรกินแล้วพี่ถีบจักรยานไปส่งบ้าน”
              “ครับ”
              ผมพาไอ้โต้งไปหาอะไรกินที่ตลาดแลง เสร็จแล้วพามันไปส่งบ้าน
              “หวัดดีครับ” ผมหวัดดีพ่อไอ้โต้ง นั่งอยู่กันพร้อมหน้า ไอ้โต้งลงจากจักรยานได้ก็รีบเดินเข้าบ้านทันที ดูจากอาการเดินของมันแล้วท่าทางตูดยังระบมอยู่
              “ไอ้โต้งมันดื้อหรือเปล่าครับ”
              “ไม่ดื้อครับ แถมยังช่วยทำงานด้วย...อ๋อนี่เงินโต้งครับ” ผมควักเองเงินรางวัลที่ไอ้โต้งได้ตอนร้องเพลง แล้วไอ้แหวงให้มาอีก 200 ร้อยค่าตัวไอ้โต้ง
              “เงินอะไรครับ”
              “โต้งช่วยร้องเพลงเมื่อคืนครับ พอดีแขกที่มาร่วมงานเขาชอบ เขาก็เลยให้รางวัล โต้งเสียงดีมากเลยนะครับ”
              “ได้เยอะขนาดนี้เลยหรอครับ”
              “ไอ้โต้งมันเสียงดี มันร้องให้ย่าฟังบ่อย ๆ” เสียงย่าเสริมขึ้นมาอีกคน
              “ครับเสียงดีจริง ๆ คนชมทั้งงาน มีงานอีกเพื่อนผมยังบอกให้เอาโต้งไปช่วยร้องเพลง”
              “ได้เลยคุณ” พ่อไอ้โต้งอนุญาตทันที เพราะเห็นเงินรางวัลที่กำอยู่ในมือพันกว่าบาท
              “ครับ ถ้างานตรงเสาร์อาทิตย์ก็จะชวนไปครับ...งั้นผมลาละครับ”
              “ครับ...ขอบคุณครับที่พามันมาส่ง” ผมยกมือไหว้แล้วขอตัวออกมา
              ผมถีบจักรยานออกมาจากบ้านไอ้โต้ง พอผ่านหน้าโรงเรียนชายเจอไอ้ชินวิ่งออกมาจากโรงเรียน
              “พี่ต๊ะ พี่ต๊ะ”
              “ไปไหนมาชิน”
              “มาเตะบอลกับเพื่อน ๆ”
              “แล้วจะไปไหนต่อ”
              “ไอ้โต้งเป็นไงบ้างพี่”
              “พี่ไปส่งบ้านแล้ว เพื่อนเรานี่เสียงดีมากเลยนะ ร้องเพลงเพราะด้วย”
              “อ้าวหรอ...ไม่เคยเห็นมันร้องเพลงเลย”
              “ไป...เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน”
              “ผมเอาจักรยานมาพี่”
              “งั้นพี่ไปก่อนนะ”
              “เดี๋ยวผมไปด้วยพี่ต๊ะ...รอแปบนึง” ไอ้ชินวิ่งเข้าไปเอาจักรยานในโรงเรียน ผมมองเข้าไปในโรงเรียน ตอนนี้เพิ่ง 5 โมงกว่า ๆ กำลังแดดร่มลมตก สนามบอลโรงเรียนเต็มไปด้วยเด็ก ๆ มาเตะบอลกันอย่างสนุกสนานรวมทั้งไอ้ชินด้วย
              ผมถีบจักรยานนำหน้าไอ้ชินเข้าซอยหอผม จอดจักรยานได้ไอ้ชินก็วิ่งขึ้นหอผมทันที
              “เร็วพี่ ปวดขี้”
              “มึงเห็นหอกูเป็นส้วมสาธารณะแล้วหรอ” ผมเปิดประตูได้ ไอ้ชินก็วิ่งจูดเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว มันหายเข้าไปอยู่พักใหญ่มันก็ออกมาหน้าตาสดใส แล้วนั่งลงที่เตียงนอน
              “ไม่กลับไปเตะบอลต่อหรอ”
              “ไม่เอาแล้วพี่  วันนี้ได้แต่นั่งดู พี่ ๆ เขาใช้สนามแข่งบอลกัน”
              สนามบอลโรงเรียนก็แบบนี้แหละ ถ้ารุ่นพี่ลงแข่งไม่ว่าจะแข่งจริงหรือแข่งกันเล่น ๆ  เด็ก ๆ ก็ต้องถอยออกมานั่งดู ใครชอบดูก็นั่งได้นาน ใครไม่ชอบดูก็เดินออกมา
              ไอ้ชินลงนอนเล่นบนเตียงอย่างสบายอารมณ์หลังจากที่มันได้ปลดทุกข์เรียบร้อย
              “ไอ้เชนส่งข่าวมาบ้างหรือเปล่าชิน”
              “เห็นเขียนจดหมายมาเหมือนกันพี่ แต่ผมไม่ได้อ่าน”
              “เห็นพ่อบอกว่ามันได้โรงเรียนแล้วนะ เป็นโรงเรียนเอกชน”
              “เออดีเหมือนกัน”
              “พี่ต๊ะ....”
              “ว่าไง...มีไรหรอ” ผมหันหน้าไปมองไอ้ชินที่นอนหงายมองผมตาแป๋ว
              “พี่ต๊ะจำเรื่องที่ผมเคยบอกพี่ไว้ได้มั้ย”
              “เรื่องอะไร  พี่จำไม่ได้”
              “เรื่องไอ้โต้งไง” ผมหันควับไปทันที
              “ทำไม เรื่องไอ้โต้งมันทำไม” ผมคิดว่ามันรู้เรื่องผมเย็ดไอ้โต้ง แต่อีกใจก็ไม่น่าจะใช่เพราะมันสองคนยังไม่เจอกัน
              “คือ.......ผมเผลอพูดกับมันว่า เออ...ผมกับพี่มีไรกัน” ผมอึ้ง ทึ่ง เสียว ขึ้นมาทันที
              “เฮ้ยไปพูดอย่างนั้นได้ไง.....เมื่อไหร่”
              “นานแล้ว”
              “แล้วอยู่ ๆ ทำไมไปเล่าให้เพื่อนฟังล่ะ เกิดเพื่อนเอาไปพูดต่อจะว่ายังไง”
              “ก็วันนั้นผมกับไอ้โต้งมาติวที่หอพี่ แล้วพี่ต๊ะเข้าไปอาบน้ำแล้วนุ่งผ้าขนหนูออกมา แล้วมานั่งสอนผมต่อ ผมกับไอ้โต้งนอนคว่ำหน้าอยู่ พอเงยหน้ามองขึ้นไปมองเห็นควยพี่ต๊ะเต็ม ๆ ไอ้โต้งมันจ้องควยพี่ต๊ะตาเขม็งเลย”
              “แล้วทำไมไม่บอกพี่”
              “ตอนแรกจะบอกแต่กลัวพี่อาย
              “ก็เลยนอนดูกันเพลินเลย”
              “แล้วแค่เห็นควยแล้วทำไมต้องไปเล่าที่เราเย็ดกันให้ไอ้โต้งฟัง”
              “ไม่ได้บอกว่าเย็ดกัน...แค่บอกว่ามีอะไรกันเฉย ๆ”
              “พูดแค่นั้นเขาก็รู้แล้ว ….แล้วไงต่อ”
              “พอมันเห็นควยพี่ต๊ะวันนั้น มันบอกว่าใหญ่มากมันอยากลองจับ”
              “แล้วไง”
              “ผมก็เลยเผลอบอกมันว่า  ผมได้จับแล้ว”
              “แค่บอกว่าจับแล้วนี่นะ”
              “เปล่า....ได้อมด้วย”
              “แล้วไงต่อ”
              “มันถามผมว่าอร่อยมั้ย ผมก็เลยบอกว่าหวาน ๆ เค็ม ๆ”
              “แล้วไงต่อ”
              “มันบอกว่ามันอยากลองดูบ้าง มันเลยให้ผมมาขอพี่ต๊ะ”
              “แค่นี้”
              “แค่นี้แหละ” เฮ่อ มึงจะรู้มั้ยไอ้ชินว่าได้โต้งมันไม่ได้แค่อมควยกู แต่มันโดนกูเย็ดตูดเรียบร้อยโรงเรียนลาวไปแล้ว ป่านนี้คงยังนอนซมเพราะพิษไข้
              “เอ็งแน่ใจนะว่าแค่นี้”
              “แล้วพี่ต๊ะยอมให้ไอ้โต้งจับหรือเปล่า..ผมจะได้ไปบอกมัน”
              “กูขอคิดดูก่อน ควยกูไม่ใช่ของสาธารณะ ใครอยากจับก็มาจับได้”
              “ไม่เห็นเป็นไรเลย”
              “เอ็งนี่ก็เหลือเกิน เอาไปพูดเรื่อยเปื่อยยังไม่พอยังจะมาขอให้เพื่อนมาจับควยกูอีกเดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก…ทีหลังพี่ไม่ให้เอ็งมาจับควยแล้ว” ผมแกล้งงอนไอ้ชิน มันลุกขึ้นมากอดผมด้านหลังแน่น
              “ผมขอโทษ”
              “ไม่ต้องเลย”
              “น่านะ ผมขอโทษ อย่าโกรธเลยนะ...ผมยอมให้ทำโทษ”
              “ให้ทำอะไร”
              “พี่ต๊ะอยากทำอะไรผมยอมหมด”
              ผมหันหน้ามาประจันไอ้ชินทันที ไอ้ชินกอดผมทางด้านหน้าแน่น มันเอาหน้าท้องแนบเข้ากับเป้าผมเต็ม ๆ
              “เอ.....จะทำโทษยังไงดีน้า  ให้ไปวิ่งรอบหอดีมั้ย หรือ ให้ถูห้อง หรือล้างห้องน้ำดี” ผมแกล้งพูดเรื่องอื่น ทั้งที่รู้ว่าไอ้ชินมันต้องการอะไร
              “ไม่ดี”
              “งั้นทำโทษอะไรดี ไหนลองเสนอมาดิ”
              “เออ....คือ...ผมให้พี่ต๊ะทำโทษทั้งคืนเลย”
              “ทำโทษอะไรทั้งคืน วิดพื้นหรอ”
              “บ้า...ผมให้พี่ต๊ะเย็ดทั้งคืนเลย”
              “5555555 นั่นหรอคือการลงโทษมึง  กูว่าไม่ใช่แล้วมั้ง”
              “เอาแบบนี้แหละ” แหมมึงนี่ก็ชั่งคิดวิธีการลงโทษเนาะไอ้ชิน...ลงโทษโดยการเย็ดทั้งคืน ไม่มึงก็กูแหละได้เหลืองตายกันไปข้างนึง 555555555555         
              ไอ้ชินมันเอามือล้วงลงไปในกางเกงผม แล้วคลึงควยผมเบา ๆ
              “มาเล่นควยกูเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง”
              ไอ้ชินเงยหน้าขึ้นมามองตาหวานเยิ้ม มันแก้กางเกงผมแล้วก้มลงไปดูดควยผมด้วยความหิวโหย
              หลังจากเย็ดกันมาหลายครั้งไอ้ชินพัฒนาลีลาดีขึ้นมาก เวลาอมควยก็ไม่โดนฟันเหมือนตอนแรก ๆ ไอ้ชินทั้งอม ทั้งเลีย ทั้งดูดปลายควยอยู่พักใหญ่ มันก็ถอดกางเกงบอลมันออก แล้วไปยืนเกาะโต๊ะหนังสือ
              “ล้างหรือยัง”
              “ล้างแล้ว เมื่อกี้ไง”
              ผมเดาเอาว่ามันไม่ได้ปวดขี้ แต่มันเข้าไปทำแท้งเพื่อให้ผมเย็ดโดยเฉพาะ แหม......ไอ้นี่แผนสูงเหนือเมฆจริง ๆ
              ผมสังเกตจากสายตามันแสดงว่ามันเงี่ยนมากเต็มที่อยากโดนผมเย็ดไว ๆ ผมเดินไปหยิบเควายในตู้เอามาบีบใส่นิ้วแล้วไปป้ายที่รูตูดไอ้ชิน มันเหลียวหลังมาจ้องหน้าผมนิ่ง
              “เบานะพี่ต๊ะ”
              “เดี๋ยวกูจะลงโทษมึงให้ตูดฉีกเลย…อ้อนดีนัก”
              ผมขู่ไอ้ชินแทนที่มันจะสลดกับแสดงสีหน้าแบบลิงโลด
              “แหม....กูขู่จะเย็ดให้ตูดฉีกมึงนี่ไม่มีอาการสลดเลยนะ”
              “เร็ว ๆ เถอะพี่ต๊ะ มัวแต่คุยอยู่นั่นแหละ” ไอ้ชินเร่งให้ผมเอาควยใส่ตูดมัน
              “จะค่ำแล้วไม่กลับบ้านหรอ” ผมกะจะแกล้งมันต่อ แต่ไอ้ชินไม่สนใจคำพูดผม มันเอามือมาจับควยผมแน่น แล้วถอยตูดใส่ควยผมเองอย่างช้า ๆ โดยผมยืนนิ่ง ๆ
              “อือ....เบาพี่ต๊ะ เจ็บ”
              “มึงดันเข้ามาเองนะ เจ็บก็หยุดดิ” ผมขำกับอาการของไอ้ชิน มันหยุดผ่อนลมหายใจ แก้มตูดมันสั่นริก ๆ ไม่รู้ว่าตึง เจ็บ หรือว่าเสียว ไอ้ชินมันถอยตูดเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่องจนควยผมเข้าไปฝังในตูดมันสุดโคน ไอ้ชินถึงกับปล่อยลมหลายใจออกเฮือกใหญ่
              มันเอามือมากดตูดผมไว้แน่นเหมือนกำลังบอกว่าอย่าเพิ่งกระเด้าเพราะเกิดอาการตึงตรงรูตูดรอให้รูตูดมันปรับสภาพก่อน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคงสอนมันว่าให้รอสักพักเพื่อให้ควยกับรูตูดสร้างความคุ้นเคยกัน
              ผมยืนแช่ควยอยู่อย่างนั้นจนไอ้ชินมันหันหน้ามาทางผม
              “เย็ดดิพี่ต๊ะ ยืนรออะไรอยู่ล่ะ” ไอ้ชินหันหน้ามาสั่งผมด้วยสีหน้าเคร่ง
              “อ้าว.............................” ผมเดาไอ้ชินไม่ออกว่าวันนี้มันจะมาไม้ไหน เดี๋ยวสั่งหยุด เดี๋ยวสั่งเย็ด
              ผมถอนควยออกมาเกือบหลุดแล้วกระแทกเข้าไปใหม่แบบทีเดียวสุดลำควย เพื่อเป็นการทำโทษมัน ไอ้ชินถึงกับผวายกหัวขึ้น มือเท้าเกร็งสั่นริก ๆ
              “อ้า.................แบบนั้นแหละ” อ้าวเวรแล้วกู.....กะว่าจะทำโทษมันดันเสือกทำให้มันเสียวเพิ่มขึ้นไปอีก
              ครั้งนี้ไม่มีการอุ่นเครื่อง ไม่มีการเล้าโลม ไม่มีการออมแรง ผมจับเอวมันมั่นแล้วกระชากเข้าหาตัวผม แล้วเสยควยกระแทกเย็ดมันเน้น ๆ หนัก ๆ มีแรงเท่าไหร่อัดเข้าไปเต็มที่
              “ตับ ตับ ตับ”
              ไม่ถึง 10 นาที ทั้งผมและไอ้ชินเริ่มเสียวพร้อม ๆ กัน รูตูดไอ้ชินตอดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มันเอามือมันชักว่าวรัวมือเป็นระวิง
              “อ้า...............ใกล้แล้วพี่” เสียงไอ้ชินเหมือนเพ้อ ผมกัดฟันกระแทกควยเน้น ๆ เพื่อตามมันให้ทัน ไอ้ชินขมิบตูดแน่น กระตุกปล่อยน้ำเต็มใต้โต๊ะหนังสือผม ตอนรูตูดมันบีบรัด ผมกระชากเย็ดแรง ๆ อีกสามสี่ครั้งก่อนที่จะกดควยแน่นปล่อยน้ำใส่ตูดไอ้ชิน ผมดึงมันขึ้นมาจูบปากแลกลิ้น แทบหมดอารมณ์ไอ้แต่กลิ่นปลาหมึกย่าง เลยได้แต่เลียที่ใบหูมัน
              “อ้า.....ไม่เอา...จักกะจี้” ไอ้ชินหนีบคอหนีเพราะเกิดอาการจักกะจี้
              ผมยังแลบลิ้นตามไปเลียติ่งหูมันเล่น
              เสียงหายใจและเสียงหัวใจเราสองคนแข่งกันเต้น ทั้งเสียว ทั้งเหนื่อยจนหอบตัวโยน ผมยืนกอดไอ้ชินจากจ้างหลังแน่นกระชับ โดยไอ้ชินเองก็เอาหัวพิงมาตรงบ่าผมเต็ม ๆ
              พอผมหายเหนื่อยกะว่าจะเย็ดไอ้ชินต่ออีกสักน้ำ เพราะควยผมยังหดตัวไม่มาก คิดว่าถ้าไอ้อีกสักน้ำ รับรองคืนนี้นอนหลับสบาย
              กำลังค่อย ๆ ถอนควยออกมาแล้วกดเข้าไปต่อ ไอ้ชินผลักผมออกทันที ควยผมหลุดออกจากตูดไอ้ชิน ดีดขึ้นน้ำกระเด็น
              “บล็อก”
              พอควยหลุดตูดไอ้ชินวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
              ผมมองตามหลังเห็นน้ำควยผมไหลออกจากรูตูดไอ้ชิน มันลงไหลไปตามขา เป็นทางยาว บางส่วนหยดลงพื้นกอง
              “อ้าว...............เฮ้ยจะไปไหน” ผมพูดตามหลังไอ้ชินแบบ งงๆ ตอนแรกคิดว่ามันคงแค่ไปล้างตูดเอาน้ำออกแล้วมาเย็ดต่อ หรือมันปวดขี้ หรือมันปวดเยี่ยว
              ผมยืนควยแข็งโด่รอไอ้ชินออกมาจากห้องน้ำ เตรียมเย็ดมันต่อ
              เสียงไอ้ชินฉีดน้ำล้างตูด ล้างเสร็จมันเดินเอาผ้าขนหนูเช็ดตามตัวจนแห้งแล้วเอากางเกงมาใส่ ผมสงสัยเลยถามไอ้ชิน
              “ไหนมึงบอกให้กูเย็ดทั้งคืนไง  แล้วนี่จะไปไหน”
              “วันนี้พ่อให้กลับบ้านเร็ว”
              “อ้าว....เฮ้ย....แล้วควยกูล่ะ” ผมชี้ไปที่ควยให้ไอ้ชินดู
              “ก็มึงบอกกูเมื่อกี้ว่าจะให้เย็ดทั้งคืน”
              “เมื่อกี้แค่ส่งดอก เดี๋ยววันหลังมาให้ลงโทษแบบเต็ม ๆ นะพี่ต๊ะนะ”         
              มันเข้ามาลูบแขนผมปลอบใจ แล้วรีบใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วเปิดประตูวิ่งออกไปทันที
              จากเมื่อกี้ควยแข็งพร้อมรบ ตอนนี้ควยเหี่ยวหัวห้อย ผมเดาอารมณ์เด็กไม่ถูกจริง ๆ ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยอารมณ์บอกไม่ถูก ไม่รู้จะโกรธหรือจะขำดี 5555555555 แล้วเปิดฝักบัวอาบน้ำอย่างสบายตัว

หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 87 ตอนพาน้องท่องโลก

              วันเสาร์สาย ๆ ไอ้ชินพาไอ้โต้งมาหาที่หอเพื่อติวหนังสือ ผมตากผ้าเสร็จพอดี
              “หวัดดีพี่ต๊ะ” ไอ้ชินยกมือไหว้มาแต่ไกล
              “หวัดดีครับพี่” ไอ้โต้งไหว้ผมตามหลังไอ้ชิน
              “ได้ลูกศิษย์เพิ่มอีกแล้วหรอต๊ะ” เสียงลุงสมหมายพี่ชายป้าเจ้าของหอทักมาแต่ไกล
              “หวัดดีครับลุง  มาหาป้าหรอครับ” ผมยกมือไหว้ โดยไอ้ชินกับไอ้โต้งยกมือไหว้ตาม
              “เออ  แต่ไม่รู้ไหน”
              “ไปตลาดยังไม่กลับมั้งครับ”
              “สงสัยจะใช่  ว่าไงเจ้าชิน เรียนถึงไหนแล้ว” ลุงสมหมายหันมาถามไอ้ชินที่ยืนฟังตาแป๋ว
              “ดีขึ้นตามลำดับครับ เข้าใจมากขึ้น”
              “เอ็งนี่สอนเก่งนะ น่าจะเรียนสายครู”
              “ไม่ได้เก่งอะไรครับ สอนตามที่ตัวเองเข้าใจ”
              “น่าจะเปิดติวอย่างเป็นทางการ คงมีคนมาเรียนเยอะ”
              “ไม่ไหวครับ สอนเวลาว่างอย่างนี้ดีกว่า ถือเป็นการทบทวน อยากสอนเวลาไหนก็ได้ เก็บเงินแล้วเครียดครับ”
              “555555555555 ดีเหมือนกันช่วยเหลือเด็ก ๆ มัน เดี่ยวลุงไปก่อนนะ”
              “หวัดดีครับลุง”  เราสามคนยกมือไหว้ลุงพร้อมกัน ลุงยกมือนึงเป็นการรับไหว แล้วขี่มอเตอร์ไซต์ออกไป
              “ไปชินพาเพื่อนขึ้นห้องก่อน” ไอ้ชินเดินนำหน้าไอ้โต้งไปยังห้องผม
              ผมเริ่มติวหนังสือให้ไอ้ชินกับไอ้โต้งตั้งแต่สาย ๆ จนใกล้เที่ยง เริ่มหิวข้าว เลยบอกให้สองคนอ่านหนังสือไปก่อน ส่วนผมว่าจะออกไปซื้อก๊วยเตี๋ยวหน้าปากซอยมากินมื้อเที่ยง
              “พ่อให้ตังมาด้วยพี่ต๊ะ”
              “เอ็งเก็บไว้เถอะ” ผมคว้ากุญแจห้องได้ ก็ลงมาถีบจักรยานไปซื้อก๊วยเตี๋ยวหน้าปากซอย
              ผมได้ก๊วยเดี๋ยวมา 3 ถุง ผมใส่ชามแล้วเรียกเด็ก ๆ มานั่งล้อมวงกินก๊วยเตี๋ยว
              “เมื่อกี้พอเข้าใจมั้ยโต้ง” ผมหันไปตามไอ้โต้ง ส่วนไอ้ชินพอมองมันออกแล้วว่ามันหัวไวไม่น่าเป็นห่วง
              “ก็ยังงงครับ”
              “งั้นมึงต้องมาบ่อย ๆ จะได้เข้าใจมากขึ้น” ไอ้ชินพูดไปกินไป
              “กูไม่รู้จะมาได้บ่อยๆมั้ย”
              “อ้าวทำไมล่ะ” ผมหันไปถามไอ้โต้งด้วยความสงสัย
              “ก็พ่อกับแม่ออกไปทำงาน ผมอยู่บ้านกับย่าสองคน วันไหนพ่อหรือแม่หยุดอยู่เป็นเพื่อนย่า ผมถึงจะออกมาได้”
              “อ้าวหรอ แล้วพ่อกับแม่ทำงานไร”
              “ขับรถครับ บางทีแม่ก็ไปด้วย”
              “แล้วพี่น้องเราล่ะ”
              “พี่ชายผมสองคนไปเรียนที่โคราช กลับมาเสาร์อาทิตย์ บางทีก็ไม่กลับ”
              “ก็มาติววันที่พี่ชายเรามาก็ได้นี่”
              “พวกมันมาก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน”
              “เออ.........ถ้างั้นว่างเมื่อไหร่ก็มาแล้วกัน”
*********************
              ตั้งแต่วันนั้นผมติวหนังสือให้ไอ้โต้งอีกหลายครั้งจนเกิดความคุ้นเคยกัน ทั้งที่มาคนเดียวและมากับไอ้ชิน
              การเรียนมันพัฒนาขึ้นเหมือนได้เปิดสมอง เท่าที่ดูจากบุคลิกไอ้โต้งน่าจะเหมาะกฎหมายมากกว่าสายวิทย์-คณิต เพราะการพูดการจามันเป็นหลักเป็นการมาก มีการกล่าวอ้าง ส่วนไอ้ชินน่าจะไปทางวิศวะหรือเครื่องกล เพราะสนใจพวกรถยนต์ พวกเครื่องยนต์ มิน่าวิชาคำนวณมันถึงได้อ่อน
              “สาร์หน้าพี่อาจจะไม่ได้ติวนะ” ผมเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่กำลังติวหนังสือไอ้ไอ้ชินกับไอ้โต้ง
              “อ้าวทำไมล่ะพี่ต๊ะ ผมว่างพอดีเลย พ่อกับแม่อยู่กันครบ”
              “พี่ไปช่วยเพื่อนเล่นมโหรีงานบวช อีกอำเภอนึง”
              ผมนอกจากจะเล่นหมอลำเป็นตัวตลกแล้ว ยังมีความสามารถร้องเพลงลูกทุ่งหมอลำได้บ้าง แต่ไม่ไพเราะเท่ากับเพื่อนในห้อง เวลามีคนจ้างมโหรีวงของเพื่อนไปเล่นถ้าขาดคนร้องจริง ๆ มันก็จะมาชวนผมไปเติมเต็ม หรือเอาไปเสริมเผื่อนักร้องตัวจริงมันเมาไม่รู้เรื่อง ซึ่งก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยครั้ง
              จริง ๆ แล้วไอ้แหวง หรือแสวงมันก็ไม่ใช่เพื่อนผมโดยตรง เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมกับไอ้รม พี่ไอ้ริน มันเคยดูผมเล่นหมอลำเลยแกล้งชวนให้ไปช่วยเล่นมโหรี แต่ผมคนชอบสนุกเลยไปกับมันจริง ๆ แรก ๆ ก็ได้ค่าจ้างบ้างไม่ได้บ้าง
              มโหรีก็คล้าย ๆ กับแตรวงทางภาคกลางนั่นแหละ เอาไว้แห่นาค แห่งานบุญต่าง ๆ โดยจะเล่นสด
              มโหรีส่วนใหญ่จะมีเครื่องดนตรีทางอีสานเป็นหลัก เช่น กลองยาว กลองใหญ่ พิน ซอ แคน ฉิ่ง ฉาบ โหวด หรือมีคีบอร์ดเสริมบ้าง
              การว่าจ้างงานก็มีหลายอย่าง เช่น เล่นดนตรีเพื่อแห่นาคกลับจากโกนผมที่วัด เล่นดนตรีคลอตอนทำขวัญนาค พอตกกลางคืนก็เล่นดนตรีกล่อมนาคซึ่งช่วงนี้เอามันส์สนุกสนานเข้าว่า จังหวะต้องเร้าใจ บางงานมีนักร้องประจำถิ่นมาร่วมแจมคับคั่ง โดยเราไม่ต้องร้องเลยสักเพลง
              จริง ๆ แล้วการเล่นดนตรีในคืนนี้ถือว่าเป็นคืนสุกดิบ เป็นการเล่นดนตรีเพื่อให้ขี้เหล้า หรือแม่ครัวเต้นกัน หรือให้พวกญาต ๆ ที่เดินทางไกลมาร่วมงานได้สนุกกันเต็มที่ เพื่อรอบวชลูกหลานในวันรุ่งขึ้น
              และการเล่นมโหรีในช่วงนี้ถ้าใครจ้างมโหรีได้วงใหญ่มีชื่อเสียงแสดงว่าฐานะทางบ้านค่อนข้างดี หรือบางเจ้าภาพที่ร่ำรวยและมีคนนับหน้าถือตา หรือนักการเมืองท้องถิ่นก็จ้างหมอลำวงใหญ่มาเล่นกันอย่างเต็มที่
              การจะเล่นมโหรีคืนนี้ส่วนใหญ่ตกลงกันเที่ยงคืน แต่ถ้าจะเล่นดึกกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับการตบรางวัลของบรรดาขาเต้นและรางวัลที่เจ้าภาพให้ รวมทั้งเหล้ายาปลาปิ้งที่รับรอง
              พอตอนเช้าก็เล่นดนตรีเพื่อแห่นาคจากบ้านเจ้าภาพไปบวชวัด แล้วแห่รอบโบสส่งนาคเข้าโบสก็ถือว่าเสร็จงาน
              แต่บางงานก็จ้างต่อให้เล่นกลางคืนของอีกวันเพื่อฉลองพระใหม่
              “เฮ้ย....พี่เล่นเป็นหรอ” ไอ้ชินหันมาถามด้วยความสนใจ
              “ก็นิดหน่อย”
              “เสียดาย อุตส่าว่าง” ไอ้โต้งบ่นเสียดาย
              “มึงไปกับพี่ต๊ะดิโต้ง...น่าสนุกนะ” ไอ้ชินเสนอความเห็น
              “มึงไปมั้ย ถ้ามึงไปกูก็จะขอพ่อไปด้วย”
              “กูคงไม่ได้ไปว่ะ  กลางคืนพ่อกูแทบจะไม่ให้ออกจากบ้านไปไหนเลยกลัวมีเรื่อง” ผมเข้าใจสถานะของไอ้ชินว่าพ่อมันเข้มงวด หลังจากไอ้เชนติดคุก
              “น่าเสียดายเนาะ” ไอ้โต้งพูดด้วยความเสียดาย แล้วมันก็หมอบลงกับพื้นก้มหน้าต่ำดูหนังสือเรียนมันไป
              “ไปเสียดายทำไมโต้ง มันเหนื่อยนะไม่สนุกหรอก” ผมพูดปลอบใจไอ้โต้ง ซึ่งไอ้โต้งก้มหน้านิ่ง
              วันเสาร์ผมเตรียมตัวเสร็จตั้งแต่ 8 โมง รอเพื่อนมารับเพื่อไปเล่นมโหรี
              “ก๊อก ก๊อก”
              “มาเร็วแท้ นัดกัน 9 โมงนี่หว่า” ผมเดินไปเปิดประตู
              “อ้าวโต้ง  ไปไหนวันนี้พี่บอกแล้วไงไม่ว่าง” ผมมองดูไอ้โต้ง ยืนยิ้มหน้าห้อง วันนี้มันนุ่งกางเกงยีนส์ใส่เสื้อยืดเอาเข้าในกางเกง สวมรองเท้านักเรียนสีน้ำตาล
              “ผมไปกับพี่ต๊ะด้วย”
              “เฮ้ยไปได้ไง พี่ไปค้างคืนนะ กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้เย็น ๆ”
              “ผมขอพ่อแล้ว”
              “บอกพ่อหรือเปล่าพี่ไปค้างคืน”
              “พ่ออยู่ข้างล่าง” ผมงง หันหน้าเลิกลัก ทำการปิดห้องแล้วเดินตามไอโต้งลงไปข้างล่าง
              ผมเห็นชายวัยประมาณ 30 กว่า ๆ ยืนหันหลังสูบบุหรี่ข้าง ๆ โต๊ะหินอ่อน ไอ้โต้งรีบวิ่งเข้าไปหา
              “พ่อ พ่อ นี่พี่ต๊ะ” พ่อไอ้โต้งหันมายิ้ม ก่อนที่จะทิ้งก้นบุหรี่แล้วเอาเท้าบี้ก้นบุหรี่
              “หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้พ่อไอ้โต้ง
              “ผมฝากไอ้โต้งด้วย มันจะขอไปเล่นมโหรีกับต๊ะ” ผมเพิ่งเห็นพ่อไอ้โต้งครั้งแรก แต่พ่อไอ้โต้งเรียกชื่อผมเหมือนคุ้นเคยมานาน
              “เออ......ผมไปค้างคืนนะครับ”
              “ไอ้โต้งมันบอกผมแล้ว เคยได้ยินแต่มันเล่าให้ฟังว่ามาติวหนังสือกับต๊ะ เพิ่งเห็นตัวจริงวันนี้”
              “อย่าเรียกว่าติวเลยครับ เป็นการทบทวนให้มากกว่า”
              “ตั้งแต่ต๊ะติวให้การเรียนมันดีขึ้นมากเลย ผมเคยดูผลการเรียนมัน เจอครูก็ถามว่าทำไมเดี๋ยวนี้ไอ้โต้งมันเรียนดีขึ้น”
              “พี่ต๊ะสอนเก่งมากเลยพ่อ สอนเก่งกว่าครูอีก”
              “เวอร์ไปโต้ง 5555555”
              “จริง ๆ พ่อ พอพี่ต๊ะแนะมันทำไมเข้าใจง่ายกว่าที่ครูสอนอีก”
              “ถ้าตั้งใจเรียนก็รู้เรื่องหมดและโต้ง” ผมเริ่มอายกับคำยอ
              “จริง ๆ ครับ ขนาดครูยังเคยมาถามที่บ้านเลยว่าอยู่กันยังไง ทำไมเดี๋ยวนี้การเรียนดีขึ้น” พ่อไอ้โต้งพูดเสริมขึ้น
              “ขอบคุณครับ”
              “พอไอ้โต้งมันมาขอไปกับต๊ะผมอนุญาตทันที”
              “เออ......”
              “นะพี่ต๊ะนะ ไหน ๆ พ่อก็อนุญาตแล้ว ให้ผมไปด้วยนะ”
              “อ้าว...มึงไม่ได้บอกพี่เขาไว้ก่อนหรอ”
              “พี่ต๊ะชวนผมเองเลยพ่อ ผมถึงกล้าไปขอพ่อไง” ไม่น่าปากพร่อยเลยไอ้ต๊ะเอ้ย ต้องมานั่งรับผิดชอบลูกชาวบ้านอีก
              “ครับ เห็นตั้งใจเรียนเลยอยากพาไปเปิดสมองเป็นรางวัล” ผมแถไปเรื่อย แต่จริง ๆ ชวนเพราะปากพร่อยมากกว่า
              “ก็ดีเหมือนกันครับ ไอ้โต้งมันไม่ค่อยได้ไปไหน ไอ้ผมกับแม่มันก็ต้องทำงาน เลยให้มันอยู่เป็นเพื่อนย่าที่บ้าน พอดีอาทิตย์นี้ปิดงานเร็วเลยได้กลับมาพักผ่อน”
              “ได้ครับ”
              “งั้นผมฝากไอ้โต้งด้วยนะครับ มึงก็อย่ากวนพี่เขามากนะโต้ง”
              “ครับผม” ไอ้โต้งรับปากเสียงขันแข็ง
              “เดี๋ยวผมขอตัวก่อน ว่าจะเอารถไปให้เขาดูสักหน่อย”
              “หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้พ่อไอ้โต้ง ก่อนที่พ่อไอ้โต้งจะขี่มอเตอร์ไซต์ออกไป
              ผมพาไอ้โต้งขึ้นมารอบนห้อง รอเวลารถมารับ ไอ้โต้งนั่งกอดเป้อยู่บนเตียงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ว่าจะได้ไปเที่ยว
              9 โมงกว่า ๆ ไอ้แหวง หรือแสวงที่เป็นเจ้าของมโหรี มารับ
              “เฮ้ยโทษทีว่ามาเลสนิดนึง”
              “ไม่เป็นไร เออแหวง กูพาน้องไปด้วยคนนึงได้เปล่า”
              “ได้สบายมาก ที่นั่งเหลือเฟือ” พอไอ้แหวงอนุญาตไอ้โต้งถึงกับฉีกยิ้มปากจนแทบถึงรูหู เพราะเมื่อกี้มันก็ยังนั่งลุ้นว่าไอ้แหวงจะให้ไปด้วยหรือไม่
              “ไป ๆ ขึ้นรถ ถึงเร็วก็ได้พักผ่อนเร็ว”
              “งานกี่โมง”
              “วันนี้เริ่มเล่นตอน 5 โมงเย็น ถ้าออกตอนนี้กว่าจะถึงก็บ่าย ๆ มีเวลานอนเอาแรง เพราะคืนนี้น่าจะเลิกประมาณเที่ยงคืนได้”
              “อืม...ไป ๆ โต้ง” ผมเดินไปที่รถ 6 ล้อ มีคอกกั้น โดยเอาผ้าใบคลุมเป็นหลังคา มีเครื่องดนตรีเต็มรถ และมีพี่ ๆ ลุง ๆ ที่เป็นนักดนตรี 10 กว่าคน
              “หวัดดีครับ” ผมกับไอ้โต้งยกมือไหว้ทุกคนก่อนปีนขึ้นรถ
              “เลือกนั่งตามสบายเลยต๊ะ” พี่บุญชัย หมอแคนลีลาพริ้ว เคยร่วมงานกับแกสามสี่ครั้ง พอคุ้นเคยหน้ากันดี
              เราเลือกได้ที่นั่งห้าง ๆ กลอง โดยไอ้โต้งไปนั่งข้าง ๆ เราทั้งคู่นั่งเงียบ สักพักไอ้โต้งเริ่มเอนไปเอนมา
              “ง่วงหรอโต้ง”
              “อืม....” ไอ้โต้งพูดโดยไม่ลืมตา ผมเลยจับหัวไอ้โต้งให้ไปนอนหนุนตักผม ไอ้โต้งทำตามอย่างว่าง่าย ไม่นานมันก็หลับสนิท
              ประมาณ บ่าย 2 กว่า ๆ เรามาถึงบ้านงาน เห็นคนวิ่งไปมาพลุ้งพล่าน ก็เหมือนงานบวชทางภาคอีสานทั่วไป ชาวบ้านจะทิ้งงานมาออกแรงช่วยกันอย่างเต็มที่
              พวกเราขนเครื่องดนตรีลง  พร้อมกับเอาไปตั้งในเพิงมุงแฝกที่ทำขึ้นใหม่ ขนาดกว้างประมาณ 4 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตร เสาร์ทั้งสี่ต้นตกแต่งด้วยทางมะพร้าวขัดเป็นตาข่าย และดอกไม้อย่างสวยงาม ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยริบบิ้นริ้วหลากสี และธงกระดาษ    พื้นปูด้วยแผ่นกระดาน  
              ไอ้โต้งช่วยหยิบนั่นจับนี่โดยไม่ต้องร้องบอกให้ช่วย ถือว่าเป็นเด็กที่ไม่นิ่งดูดาย
              ผมหันไปมองไอ้โต้งมันช่วยพี่ ๆ จับโน่นจับนี่ ใบหน้ามันยิ้มแย้มสดใส และบางครั้งได้ยินเสียงมันหัวเราะอย่างมีความสุข
              “เหนื่อยมั้ยโต้ง”
              “สนุกดีครับพี่ต๊ะ” เสื้อไอ้โต้งเปียกโชกไปด้วยเหนื่อ หน้าตามันก็เต็มไปด้วยเหงื่อไคลไหลย้อยไปเต็มหน้า แต่แววตาและสีหน้ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
              เราตั้งเครื่องดนตรีเสร็จ บางคนก็ทดสองเครื่อง บางคนก็นั่ง ๆ นอน ๆ บางคนก็เริ่มมองหันหาเหล้าที่เจ้าภาพจัดมาให้พร้อมกับแกล้มเป็นเนื้อวัวสดๆ จิ้มกับแจ่วแสนเผ็ด ผมเห็นแล้วถึงผวากลัว ขอตัวหลบไปที่อื่น ถึงแม่ผมเป็นคนอีสานก็จริงแต่ผมไม่กินเนื้อวัว กินแต่หมู ไก่ และปลา ส่วนปลาก็กินเฉพาะปลาที่มีเกล็ด ผมพยายามลดกินกินสัตว์ใหญ่ เพื่อเป็นกุศลเนื่องจากพ่อ แม่ ปู่ ย่าตายาย จะเข้าวัดเป็นประจำ ดังนั้นจะถูกสอนไม่ให้เบียดเบียนสัตว์โลก หรือท่าจำเป็นจริง ๆ ก็กินสัตว์ที่มีวงจรชีวิตสั้น และจากความเชื่อของผมก็เชื่อว่าปลามีเกล็ดจะอายุสั้นกว่าปลาไม่มีเกล็ด เช้น ปลาดุก ปลาไหล ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงนิยมปล่อยปลาดุก หรือปลาไหล เพื่อเชื่อว่าปล่อยแล้วจะทำให้อานิสงอายุยืนไปด้วย
              ของสด ๆ ผมนิยมอย่างเดียวคือเย็ดสด เสียวสุดใจดี 55555555555
              ผมถามเจ้าภาพว่าอาบน้ำที่ไหน เจ้าภาพบอกมีห้องน้ำให้ หรือจะไปอาบที่สระท้ายหมู่บ้านก็ได้เดินไปไม่ไกล
              “โต้งไปอาบน้ำที่สระกันมั้ย”
              “ไปพี่” ผมคว้ากระเป๋าแล้วชวนไอ้โต้งไปยังสระเพื่ออาบน้ำ
              ไอ้โต้งถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงในมันโดน้ำตูมลงไปทันที ดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน
              “โต้ง โต้ง มาถูสบู่ก่อน” ไอ้โต้งว่ามาใกล้ ๆ ผมเอาแซมพูเทลงหัวให้มันสระผม ถึงแม่มันจะหัวเกรียนตัดสั้น แต่เหงื่อไคลออกมาก็จำเป็นต้องสระผม
              เราเล่นน้ำอยู่นาน เพราะเย็นสบาย
              “กลับเถอะโต้ง หิวว่ะ”
              “ไปพี่” ไอ้โต้งขึ้นจากสระน้ำมันกำลังจะนุ่งกางเกงยีนใส่ทับกางเกงในที่เปียก ๆ ผมรีบห้ามทันที
              “เฮ้ย...ไม่เปลี่ยนเกงในออกก่อน เดี๋ยวเปียกหมด”
              “ผมไม่ได้เอาเกงในมาเปลี่ยน”
              “อ้าว เดี๋ยวคันตายห่า”
              “ไม่คันพี่..ผมทำบ่อย”
              “ไม่ได้ เอาออกมาซัก แล้วนุ่งแค่เกงยีนก็พอ เกงในแห้งแล้วค่อยเอามาใส่”
              “แต่........”
              “ไม่มีแต่...งั้นเอางี้เอามาซักทั้งชุดเลย แล้วเอาชุดใหม่ใส่ แดดดีแบบนี้แปบเดียวก็แห้ง”
              “แต่ผมไม่ได้เอาชุดมา”
              “อ้าว...แล้วเป้ที่มึงแบกมามีอะไร”
              “แม่ห่อข้าวมาให้” จะขำก็ขำไม่ออก
              “กำของกู” จากประสบการณ์ในการเดินทางเพื่อไปเล่นหมอลำ หรือเล่นมโหรีที่ผ่านมา สอนให้ผมรู้ว่าจะไปไหนต้องเตรียมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวไปให้พร้อม อย่าหวังน้ำบ่อหน้าหรือหยิบยืมจากใคร เพราะบางคนที่ไปด้วยกันไม่มีเสื้อผ้าชุดเดียวผ้าขาวม้าผืนนึง แก้ผ้าอาบน้ำ สบู่ยาสีฟันไม่ต้อง
              ผมมาครั้งนี้เตรียมกางเกงกีฬามา 3 ตัว เพราะมันเบาไม่หนัก ใส่ทำงาน ใส่นอน แล้วเอามาเผื่อ เพราะเวลาเล่นกลางคืนเจออากาศร้อนมากผสมกับเหล้าที่เจ้าภาพประเคนให้ เหงื่อจะออกมากกว่าปกติ ถ้าไม่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า เมายังไงก็นอนไม่หลับ ผมเลยต้องพกมาเผื่อ เกงใน 3 ตัว เสื้อยืด 3 ตัว ผ้าขนหนู 1 ผืน ผ้าขาวม้า 1 ผืนและสบู่ยาสีฟันแปลงสีพันพร้อม
              “แล้วแปลงสีพันเอามาหรือเปล่า”
              “เอามาครับ นี่ไง” ไอ้โต้งหยิบห่อข้าวออกมา แล้วมีแปรงสีพันออกมาด้วย”
              “ก็ยังดีที่พกแปรงมาด้วย”
              “เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเอาชุดพี่ใส่ก่อน แล้วเอาชุดโต้งซัก แดดดีแบบนี้แปบเดียวก็แห้ง”
              ผมเอากางเกงบอลกับเสื้อยืดให้ไอ้โต้งใส่ เสื้อตัวใหญ่ คลุมเกือบถึงหัวเข่า กางเกงกีฬาพอนุ่งเสร็จเหมือนมันนุ่งกระโปรงเลย
              “ซักผ้าเป็นมั้ย”
              “โหพี่นี่ดับไหนแล้ว อยู่บ้านผมซักให้ย่าประจำ” ก็จริงเพราะเวลาพ่อกับแม่มันไปทำงานมันต้องดูแลย่า
              เราอาบน้ำเสร็จก็เดินทางกลับบ้านงาน เจ้าภาพเริ่มเอาข้าวปลาอาหารมาให้ใครว่าง ใครหิวก็กิน บางคนก็เข้าครัวตีซี้กับแม่ครัวหาของดี ๆ กิน บางคนก็ไปรวมกับกลุ่มวงเหล้า
              นี่เพิ่ง 3 โมงครึ่ง อีก ทั่วโมงเศษ ๆ ถึงจะเริ่มเล่นมโหรี ผมไปหาข้าวมาให้ไอ้โต้งกิน เพราะของพี่เจ้าภาพหามาให้หนักไปทางของสด ๆ เพื่อเป็นกับแกล้มเหล้ามากกว่า อีกอย่างมีแต่เนื้อสด ๆ แดง ๆ เห็นแล้วขนลุก
              ผมได้ไข่เจียว ต้มฟัก  หมูผัดถั่ว แล้วก็ส้มตำ กับข้าวเหนียว 1 กระติ๊บเล็ก ๆ ผมนั่งกินกันสองคนกับไอ้โต้ง
              “กินได้มั้ยโต้ง”
              “อร่อยมากครับ” คงตอบเพราะความหิว
              “เออ...แล้วห่อข้าวที่แม่ให้มาล่ะ” ไอ้โต้งล้วงเข้าใบในเป้ เป็นไก่ย่างกับข้าวเหนียวท่าทางน่าจะซื้อที่ตลาดแล้วห่อมาให้ ผมฉีกไก่ที่ทาขมิ้นสีเหลืองอ๋อย แต่ข้างในเนื้อไก่ยังไม่สุกดี ส่วนข้าวเหนียวที่อยู่ในถุงก็แฉะ ๆ ท่าทางจะเป็นข้าวเหนียวค้างคืน ผมดูสภาพห่อข้าวแล้วไม่น่าจะกินได้ คงบูดแล้ว
              “พี่ว่าอย่ากินเลยโต้ง เดี๋ยวท้องจะเสีย” ไอ้โต้งมองหาหารด้วยความเสียดาย
              “ครับ”
              ผมเอาไก่ให้หมาที่อยู่แถวนั้นกิน แล้วเราสองคนก็มานั่งกินข้าวต่อ
              “อิ่มแล้ว ทำไรต่อพี่ต๊ะ”
              “ก็นั่งอยู่แถวนี้แหละ หรือจะไปเล่นแถว ๆ นี้ก็ได้ 5 โมงค่อยมาคอยช่วยพี่  ๆ เขา” ผมเก็บจานไปในครัว สาวแก่แม่ม่ายเห็นหน้าผมต่างจากคนอีสานทั่วไป พากันก้มหน้ายิ้ม
              บางคนก็ส่งสายตาหวานเยิ้ม คนแก่บางคนก็เผลอมาลูบตามแขนขาแล้วก็ชมว่าหล่อ ตักขนมให้เต็มมือ
              ผมหอบขนมมาเต็มสองจานใหญ่ ๆ ไอ้โต้งถึงกับตารุกวาว แต่พี่ ๆ นักดนตรีไม่มีใครสนใจสักคน จดจ่ออยู่กับเหล้าขาวแกล้มด้วยเนื้อวัวสด ๆ
              5 โมงเย็นมโหรีเริ่มเล่นพร้อมกับทำพิธีเรียกขวัญนาคไปเรื่อย ๆ โดยทำพิธีอยู่บนเรือนเจ้าภาพ
              ประมาณ 2 ทุ่มพิธีเรียกขวัญนาคเสร็จสิ้นก็ถึงเวลาเล่นมโหรีแบบเต็มที่ ทั้งแม่ครัว คอเหล้า ขาดิ้น ขากระตุกทั้งหลาย ล้อมวงมาหน้าเพิงมโหรี ลีลาการดีดพินของไอ้แหวงกับลีลากันเป่าแคนของพี่บุญชัย มันสนุกครึกคลื้นจัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก
              พี่พงษ์มือคีบอร์ดเป็นนักร้องนำคู่กับพี่บุญเรือนน้องสาวพี่บุญชัย
              พูดถึงพี่พงษ์กับพี่บุญเรือนแกสองคนแอบมีอะไรกันอยู่ เวลาร้องเพลงแล้วเกี้ยวพาราสี พี่สองคนแกใส่อารฒณ์กันเต็มที่เหมือนโลกนี้มีกันแค่สองคน
              ประมาณ 4 ทุ่มพี่พงษ์เสียงเริ่มหายเพราะวันนี้แกดื่มไปเยอะเหมือนกัน
              “ต๊ะกูไม่ไหวว่ะ ร้องแทนกูหน่อย” ผมมากับวงก็เพื่อการณ์นี้แหละคือเป็นนักร้องคั่นเวลา หรือนักร้องขัดตาทัพ เพื่อให้นักร้องตัวจริงเขาได้พักเสียงบ้าง
              ผมจับไมได้ก็มีเสียงกรีสสสสสกันสนั่น เนื่องจากรูปร่างหน้าตาที่เป็นจุดสนใจเป็นตัวเบิกทาง ผิวก็ขาวต่างกับคนอื่นในคณะที่มาด้วย
              เรื่องรูปร่างหน้าตาผมนำหน้าไปหลายขุม แต่เรื่องเสียงผมอยู่ท้าย ๆ เสียงพอไปวัดไปวาได้ และลูกเล่นลีลาก็ยังไม่แพรวพราวเท่าที่ควร
              ผมเขย่าลูกคอเพลงแรกด้วยเพลงกุหลาบแดงของสมจิตร บ่อทอง ทั้งเสียงกรีส เสียงโห่ รางวัลน้ำใจ พลั่งพลูมาหาผมอย่างท่วมท้น ไม่รู้ว่าประทับใจเสียงหรือประทับใจรูปร่างหน้าตา
              ส่วนใหญ่จะเป็นเหลียนบาทกับเหลียน 5 ใบสิบ ใบยี่สิบ ใบ 100 ก็มีบ้างนิดหน่อย ได้มาเท่าไหร่ผมยัดลงกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว
              ผมเขย่าเสียงเพลงไปได้ 5 เพลง พอเริ่มเพลงที่ 6 หนุ่มนานครพนม เสียงเริ่มแกว่ง หันไปหาพี่พงษ์ก็ส่ายหน้าเพราะยังเจ็บคอ ส่วนพี่บุญเรือนบอกขอพักก่อนแต่ไม่รู้ไปหลบพักอยู่ตรงไหนท่าทางจะเมาหนักเหมือนกัน
              เพราะงานนี้เจ้าภาพเลี้ยงดีเกิ้น ไม่รู้ว่าเจ้าภาพเอาเหล้ามาให้กินหรือมาให้อาบ สารพัดเหล้า ทั้งเหล้าขาว เหล้าสี สาโท เบียร์ มีครบ ผมกระดกสาโทไปหลายแก้วตอนกินก็หวานลิ้นดี พอสักพักเริ่มเมาเล่นเอามึนหัวเลยขอหยุดกินก่อน ตอนแรกคิดว่าร้องไม่กี่เพลงเลยกินไปเยอะ
              ผมหันหาใครก็ไม่มีใครยอมสบตากับผม ไอ้แหวงก็บอกให้ต่อไปเรื่อย ๆ
              เพลงอีสานโดยเฉพาะหมอลำเพลินที่มีจังหวะเร็ว ๆ เป็นการร้องที่ต้องใช้พลังเสียงและลูกคออย่างมาก ถ้าร้องติดกันถึง 5 เพลงได้ก็ถือว่าเก่ง เพลงที่ 6 เสียงเริ่มแห้งหรือแหบ ถ้าไม่หยุดพักหรือฝืนต่อ บอกได้เลยว่าไม่ทันจบเพลงที่ 6 เสียงหมดและเจ็บคอมาก
              “พี่ต๊ะ เพลงนี้ผมร้องได้” ผมหันมาทางไอ้โต้ง ขณะที่ผมกำลังร้องเพลงหนุ่มนานครพนมของพรศักดิ์ ส่องแสงได้เพียงสองท่อน
              “เฮ้ยจริงง่ะ” ผมถามไอ้โต้ง แล้วก็หันไปทางไอ้แหวงเพราะมันเป็นเจ้าของวงมโหรี เพื่อขอความเห็นมัน ไอ้แหวงพยักหน้า เพราะเวลานี้เป็นไงเป็นกัน
              พอเพลงถึงท่อนโซโล่ ผมยื่นไมค์โครโฟนให้ไอ้โต้ง มันรับไมค์โครโฟนไปกำไว้แน่น ผมเห็นท่ากำไมค์โครโฟนมันแล้วอดร้อน ๆ หนาว ๆ ไม่ได้ หันมามองไอ้แหวงมันก็ทำสีหน้านิ่ง
              เหตุการณ์นักร้องน็อคกลางงานแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย จึงต้องหานักร้องขัดตาทัพมาเพื่อรอเสียบไม่ให้งานล่ม ไปเจอบางงานที่ชอบให้เล่นบรรเลงแต่เสียงดนตรีแบบไม่ร้องเพลงก็ดีไป แต่ไปเจองานไหนที่ชอบให้ร้องเพลงก็ลำบากหน่อย บางงานไม่ให้เล่นแต่เพลงสนุก ๆ เพราะมีแต่ขี้เมาขาเต้น เจองานแบบนี้ทั้งคืนรับรองนักร้องตายคาเวที
              พอถึงช่วงเนื้อเพลงไอ้โต้งเปล่งเสียงออกไป เสียงมันใสกังวาน สำเนียงการร้องของมันเป็นหมอลำมืออาชีพชัด ๆ เสียงดีกว่าพี่พงษ์หลายเท่าตัว บรรดาแม่ ๆ ทั้งหลายหันมามองเป็นตาเดียวกัน ทั้งเสียงโห่ เสียงกรีส ดังกว่าตอนที่ผมขึ้นร้องเสียอีก
              ผมถอยออกมายืนข้าง ๆ ไม่คิดว่าไอ้โต้งจะเสียงดีขนาดนี้ ลูกคอก็พริ้วสุด ๆ แถมลงจังหวะแม่นมาก
              มาลัยน้ำใจวิ่งมาหาไอ้โต้งโดยไม่ขาดสาย ทั้งขอหอมแก้ม ทั้งหยิกแก้ม ทั้งกอด ผมหันไปมองไอ้แหวง มันยิ้มหน้าบาน ส่วนพี่พงษ์เอาแต่ยักคิ้ว
              “โต้งมึงร้องเพลงอะไรได้บ้าง” พอจบเพลงหนุ่มนานครพนมผมรีบเข้าไปหาไอ้โต้งทันที
              “หลายเพลงพี่” ไอ้โต้งมันบอกชื่อเพลงต่าง ๆ ที่มันร้องได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงลูกทุ่งหมอลำ หรือลำเพลิน  ผมหันไปบอกไอ้แหวงว่าไอ้โต้งร้องเพลงนั้นได้ ร้องเพลงนี้ได้เป็น 10 กว่าเพลง ไอ้แหวงอมยิ้มแล้วแล้วจัดการปล่อยอินโทรเพลงแรกขึ้นมาทันที พออินโทรขึ้นเสร็จ ไอ้โต้งจ่อไมค์โครโฟนตรงปากมันเขย่าลูกคอเปล่งเสียงใสยังกะแก้ว ทั้งลูกทุ่ง หมอลำ หรือแม้แต่ลำเพลินของทองมัย มาลี หมอลำรุ่นปู่ มันก็ยังร้องได้อีก
              ผมถอยออกมายืนดูห่าง ๆ คู่กับไอ้แหวงมันดีดพินไปยิ้มไป สงสัยวันนี้เจอเพชรเม็ดงาม
              ไอ้โต้งไม่ทำให้ผิดหวัง 10 เพลงผ่านไป เสียงไม่มีตก ลีการการเต้นประกอบเพลงของมันก็มันส์ขึ้นเรื่อย ๆ บรรดาแม่ครัว  ขี้เหล้า ต่างยอมแพ้ถอยทัพไปนั่ง เต้นไม่ไหวเพราะเหนื่อยใจจะขาดเลยต้องหาที่นั่งพัก
              พอเห็นไม่ค่อยมีคนเต้น ไอ้โต้งเปลี่ยนแนวการเล่นมาเป็นเพลงช้า โดยเริ่มจากเพลงหนาวใจที่ชายแดน ของไพรวัลย์ ลูกเพชร ซึ่งเป็นเพลงที่ผมถนัด พออินโทรจบหยิบไมจ่อปากกำลังจะอ้าปากร้องไอ้โต้งแย่งขึ้นเพลงทันที
              “ลม.......เย็น ๆ หน้าหนาวมันทรมาร หวน.....คิดถึงบ้านที่จากมา...............” ผมได้ยินท่อนแรกถึงกับขนลุก ไอ้โต้งมันมีพรสวรรค์จริง ๆ ทั้งเพลงช้าเพลงเร็วมันได้หมด เพลงเก่า ๆ รุ่นปู่มันก็ร้องได้ ไอ้แหวงฉีกยิ้มด้วยความพอใจ
              เสียงตบมือกราวใหญ่ดังมาจากห้องครัว แม่ครัวต่างวิ่งมาดูว่าเสียงใคร พอเห็นเป็นเสียงไอ้โต้งต่างชื่นชมกันเป็นแถว
              จาก 4 ทุ่มครึ่งถึงเที่ยงคืน ไอ้โต้งเหมาคนเดียว โดยไม่มีทีท่าว่าเสียงมันจะตกแม้แต่น้อย
              เราหยุดทำการเล่นประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ เพราะนักเต้นเมาหลับกันเกลื่อนหน้าเวที แม่ครัวที่นอนตั้งแต่หัวค่ำตื่นมาเตรียมหั่นผักหั่นหมูทำกับข้าวสำหรับพรุ่งนี้
              นักดนตรีบางคนก็เมาหลับคาเครื่องดนตรี
              “เก่งมากว่ะโต้ง” ผมเข้าไปเกาะบ่าชมไอ้โต้ง
              “เสียงดีมากเลยโต้งไปหัดมาจากไหน”
              “ย่าชอบฟังเพลง ผมก็เลยฟังไปด้วยร้องไปด้วยกับย่ามาตลอด”
              “มิน่าล่ะเพลงใหม่เพลงเก่า......แม่งร้องได้หมด”
              “เคยร้องที่ไหนมั้ย”
              “เคยร้องที่โรงเรียน แต่ร้องเล่น ๆ นะพี่”
              “เสียงและลีลาอย่างมึงไม่เรียกว่าเล่นแล้วไอ้โต้ง” เสียงไอ้แหวงดังมาแต่ไกล ขณะที่มันกำลังเดินออกไปทางหลังบ้าน
              “พี่ต๊ะนี่เงิน” ไอ้โต้งควักเงินออกมาเต็มกระเป๋า
              “เขาให้เป็นรางวัลเอ็ง เอ็งก็เก็บไว้เถอะ”
              “แต่วงพี่แหวง”
              “เอาน่า...ไหนได้เท่าไหร่” ผมเอาเงินไอ้โต้งมาคลี่ออกแล้วนับ
              “797 บาท โหเยอะเหมือนกันนะมึง” สมัยนั้นค่าเช่าหอเดือนละ 300 – 500 บาท ทองบาทละ 3000-4000 แล้วร้องเพลงเพียงชั่วโมงครึ่งได้รางวัลถึง 797 บาท คิดว่ามากหรือน้อยละครับ
              “แล้วของพี่ต๊ะได้เท่าไหร่” ผมล้วงตังออกมาดูแล้วนับ เจอใบ 500 บาท 1 ใบ ใจลิงโลดขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจให้หรือเมาจนหยิบผิด
              “1365 บาท”
              “โห......พี่ต๊ะร้องไม่กี่เพลงได้มากกว่าผมอีก”
              “มึงสองคนปลื้มปริ่มกันไปเถอะ ค่าตัวคืนนี้ไม่ต้องเอาทั้งสองคน เพราะได้รางวัลเยอะแล้ว” ไอ้แหวงโผล่มาตอนไหนไม่รู้
              ค่าตัวมาเล่นมโหรีแต่ละครั้งผมจะได้ประมาณ 200-500 บาท ข้าวฟรี น้ำฟรี เหล้าฟรี พวงมาลัยของใครของมัน นักร้องนำก็ได้รางวัลต่างกันคนละร้อยสองร้อย ส่วนนักดนตรี ได้คนละ 1000 บาท ใครเล่นดนตรีด้วยร้องด้วยก็ได้สองเด้ง ออกมาเล่นแต่ละครั้งหักค่าใช่จ่ายแล้วเจ้าของวงก็จะได้ประมาณ 3000-5000 บาท
              เครื่องดนตรีของใครของมัน ยกเว้นเครื่องเสียงของหัวหน้าวง หรือไปเช่ามา ส่วนค่าจ้างทั้งวงก็ขึ้นกับระยะทางด้วย ถ้าไกลก็แพงหน่อย ถ้าใกล้ก็ถูกประมาณ 10000 -20000 บาท
              ไอ้โต้งหน้าเสียกำเงินรางวัลแน่น เพราะกลัวไอ้แหวงจะมาเอา มันยื่นมาเหมือนจะให้ผมถือ
              “มาพี่เก็บตังไว้ให้” ไอ้โต้งเอาเงินมาให้ผมเก็บไว้
              “ไปอาบน้ำเถอะจะได้นอนสบาย ๆ” ผมพาไอ้โต้งไปอาบน้ำที่ห้องน้ำข้าง ๆ ครัวเพราะไม่กล้าเดินไปอาบน้ำที่สระเพราะไม่ชินเส้นทางทั้งคู่
              พวกนักดนตรีต่างนอนเฝ้าเครื่องดนตรีของตัวเอง กางมุ้งนอนกันในเพิง รวมทั้งไอ้แหวงด้วย ส่วนผมเจ้าภาพให้มุ้งมา 1 หลัง เสื่อ 1 ผืนใหญ่หมอน 2 ใบและผ้าผวย 2 ผืน
              บนรถก็มีคนนอนท่าทางจะเป็นพี่บุญเรือน แต่ตัวแกไม่รู้ไปไหนเห็นแต่มุ้งกางไว้ ท่าทางจะโดนพี่พงษ์ลากไปเย็ดในป่าละเมาะแถวนี้แน่ ๆ
              ผมเดินมาข้าง ๆ ยุ้งข้าว มีเพิงสังกะสียื่นออกมาแล้วมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ ผมส่องไฟฉายดูไม่มีคน เลยชวนไอ้โต้งนอน ถ้ามองไปที่บ้านงานก็ประมาณ 20 กว่าเมตร
              “นอนที่นี้ดีกว่าเนาะโต้ง”
              “ได้พี่” ผมกางมุ้งเสร็จไอ้โต้งมุดมุ้ง หัวถึงหมอนได้มันหลับทันที
              ผมนึกใจใจ กินง่าย นอนง่ายจริงนะมึงไอ้โต้ง
              ผมสะดุ้งตื่นกลางดึก เพราะไอ้โต้งมันพลิกมากอดผมแล้วเอาหัวเข่ากระแทกต้นขาเฉียดไข่ไปนิดเดียว ไม่งั้นคงจุก
              ผมเอาขามันออก มันก็ฝืนกอดผมจนแน่น พร้อมกับเอาควยน้อย ๆ มันถูต้นขาผม สงสัยไอ้โต้งฝันเปียกแน่ จริงอย่างที่ผมคิด ไอ้โต้งบดควยใส่ต้นขาผมเบา ๆ กางเกงกีฬาที่มันนุ่งตัวก็ใหญ่ ขาก็บาน ผมเลยเอามือล้วงเข้าไปในขากางเกงมัน จับควยมันถอกชักเบา ๆ ไอ้โต้งกระเด้ามือผมทันที
              มันเอามือกอดอกผมแน่น ส่วนเอวมันก็กระเด้าควยใส่มือผม ไม่นานไอ้โต้งคงเสียวจนทนไม่ไหว น้ำพุ่งออกมาเต็มมือผม
              “เฮ้ย.....” ผมร้องเสียงหลงรีบชักมือออก จนไอ้โต้งตื่น
              “เป็นไรพี่ต๊ะ”
              “มึงนะดิ เย็ดขากูจนน้ำแตก” ผมกระซิบมันเบา ๆ
              “เฮ้ย...จริงหรือพี่”
              “มึงเอามือลงไปจับควยมึงดูดิ” ไอ้โต้งเอามือล้วงลงไปควยมันเพิ่งหดตัว แต่น้ำแฉะเต็มกางเกง
              “เฮ้ย.........” มันร้องเสียงหลงแล้วลุกขึ้น หันซ้าย หันขวา แสงไปจากเรือนเจ้าภาพส่องมาพอเห็นอาการของไอ้โต้ง มันรีบหาผ้ามาเช็ด
              “พี่ ผมขอโทษ” ไอ้โต้ง เข้ามาขอโทษผม
              “เฮ้ยไม่เป็นไร”
              “พี่เลอะตรงไหน มาผมเช็ดให้”
              “ไม่เป็นไรจริง ๆ ไม่เลอะ” แต่จริง ๆ แล้วน้ำไอ้โต้งแฉะเต็มมือผม
              “พี่อย่าบอกใครนะ ผมอาย” ไอ้โต้งจะเอามือมาจับมือผมเพื่อขอร้อง เป็นมือที่เลอะน้ำควยมัน ผมรีบชักมือหนี ไอ้โต้งเลยกำเข้ากับควยผมเต็ม ๆ
              “เฮ้ย.....” ไอ้โต้งชักมือหนีอย่างรวดเร็ว ควยผมพอโดนมือไอ้โต้งมันค่อย ๆ พองก๋าขึ้นมาทันที
              “มึงมาจับควยกูทำไม”
              “เออเปล่า...คือ....ผมจะจับมือพี่”ไอ้โต้งตอบเสียงตะกุกตะกัก
              “มึงมาจับควยกูทำให้ควยกูแข็งเลย” ผมแกล้งหาเรื่องใส่ไอ้โต้งทันที จริง ๆ ควยผมก็แข็งตั้งแต่จับไอ้โต้งชักว่าวแล้วล่ะ
              “พี่ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
              “มึงรับผิดชอบเลย”
              “ให้ผมทำไร”
              “ทำให้มันสงบด้วย”
              “เออ....ทำแบบไหนพี่”
              “ก็ทำแบบที่มึงทำกับกูเมื่อกี้ไง”
              “เฮ้ยพี่....ผมไม่รู้ตัว”
              ผมจับไอ้โต้งเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเอามือมันไปจับควยผมที่แข็งเต็มที่ ไอ้โต้งมีอาการขัดขืน แต่ก็ค่อย ๆ กำควยผมเต็มกำมือ
              “เออ.....ทำไมมันใหญ่จังพี่”
              “ไม่รู้ดิ” ไอ้โต้งเริ่มชินกับควยผม จากที่นั่งเกร็งเมื่อกี้เริ่มขยับเข้ามาใหล้เอง ผมค่อย ๆ ลงนอนหงายไปบนเสื่อ โดยเอาควยออกมาทางขากางเกงกีฬา ไอ้โต้งขยับไปนั่งข้าง ๆ เอามือกำควยผมรูดขึ้นรูดลง
              ผมนึกในใจเล่นแบบนี้รุ่งเช้าน้ำกูก็ไม่แตก ผมเลยคิดแผนใหม่
              “ลองอมดูดิ”
              “ไม่เอา...เหม็น..สกปรก”
              “มึงเคยอมหรอ”
              “ไม่เคยดมหรอ”
              “ไอ้ต่ายเคยเอามาป้ายจมูกผม เหม็นจะตาย” ไอ้ต่ายที่ไอ้โต้งพูดถึง คือพี่ชายมัน
              “งั้นมึงลองดมของกูดูว่าจะเหม็นเหมือนของพี่ชายมึงมั้ย” ผมสังเหตุเห็นไอ้โต้งมีอาการลังเลย แต่มือยังคงกำควยผมแน่น
              มันนั่งสักพักก็ค่อย ๆ ก้มเอาจมูกไปใกล้ ๆ ควยผม แล้วสูดหายใจเข้าปอด มันก้มหน้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนปลายจมูกมันชนเข้ากับปลายควยผม
              “ควยกูเหม็นมั้ย” ไอ้โต้งไม่ตอบแต่มันแลบลิ้นไปแตะที่ปลายควย แล้วก็ชักลิ้นกลับ แล้วก็ทำแบบนี้สามสี่ครั้ง ผมคิดในใจว่าสงสัยมันกำลังชิมควย
              พอเริ่มคุ้นเคย ไอ้โต้งก็อ้าปากดูดควย ผมช้า ๆ มันอมได้แค่หัวควยผม พอจะยัดควยเข้าไปอีก โดนฟันไอ้โต้งเต็ม ๆ ผมถึงกับดันหน้ามันออกอย่างรวดเร็ว
              “อย่าให้โดนฟันดิ...เจ็บ”
              ไอ้โต้งก้มหน้าลงไปดูดควยผมอีกครั้ง ตอนนี้ไม่โดนฟัน แค่มันอมไว้เฉย ๆ  น้ำลายมันไหลมากองที่โคนควยผมจนแฉะ
              “มึงจะอมแบบนี้อีกนานมั้ย”
              “แล้วพี่ให้ผมทำไงต่อล่ะ” ผมลากมันลงมานอนข้าง ๆ ไอ้โต้งมีอาการขัดขืนเล็กน้อย แต่ก็ยอมลงมานอน มันตัวสั่นเทิ้ม หายใจเต้นแรง
              “กลัวหรอ”
              “ปะ เปล่า”
              “แล้วมึงสั่นทำไม”
              “ไม่ได้สั่น”
              “ยังจะมาโกหกอีก ดูซิมือเย็นเฉียบเลย”
              ผมเอามือขึ้นมาทาบบนอกไอ้โต้ง ไอ้โต้งถึงกับตกใจเอามือมันมากุมมือผมไว้แน่น
              “พี่จะทำอะไร”
              ผมเลื่อนมือลงไปที่เป้ามัน ควยไอ้โต้งกลับมาแข็งอีกครั้ง
              “ควยแข็ง”
              “ก็พี่ไปโดนมัน”
              “งั้นเดี๋ยวทำให้มันอ่อน”
              “ไม่ต้องพี่...เดี๋ยวมันก็อ่อนเอง” ผมไม่ฟังเสียง แอบบ้วนน้ำลายใส่นิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำควยไอ้โต้งที่กำลังจะแห้งติดมือผม พอเจอน้ำลายมำให้มันกลับมาลื่นอีกครั้ง ผมเอาไปป้ายที่ปลายควย แล้วคลึงปลายควยไอ้โต้ง ไอ้โต้งถึงกับผวาครางซีส
              “อ้า......อย่าพี่ต๊ะ....ผมเสียว” ไอ้โต้งนอนปิดตัวเป็นเกลียว ผมค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วถอดกางเกงมันออก  จับไอ้โต้งถ่างขาออก แล้วชักควยให้มันเบา        ไอ้โต้งคงไม่เคยเจอลีลาแบบนี้มันถึงกับเพ้อ
              “อ้า.............” มือหนึ่งรูดควย อีกมือหนึ่งคลึงกระโปกไอ้โต้งที่ยาน ไอ้โต้งกระโปกใหญ่มาก แถมยานอีกด้วย
              พอไอ้โต้งเริ่มเสียว ผมก็ผ่อนมือ ทำให้ไอ้โต้งชะงักหลายครั้ง มือผมเริ่มเลื้อยลามลงไปแถวงามตูดไอ้โต้ง โดยที่ไอ้โต้งไม่ขัดขืนทำให้ผมได้ใจ
              ผมกดเบา ๆ เข้าที่โคนควยใต้พวงกระโปกไอโต้งเพื่อเพิ่มความเสียว โดยที่ปลายนิ้วชี้ผมไปจ่อที่รูตูดไอ้โต้งที่ขมิบแน่น
              ผมเปลี่ยนมือที่แฉะไปด้วยน้ำลายและน้ำควยไอ้โต้งไปวนรอบที่ตูด ส่วนอีกมือก็เอามาชักว่าวให้มัน
              ไอ้โต้งไม่ขัดขืน มันนอนถ่างขาให้ผมทำ คงเพราะเสียวเต้มที่ มือที่เต็มไปด้วยน้ำลายและน้ำควยไอ้โต้ง ผมใช้นิ้วชี้ค่อย ๆ แทรกเข้าไปในรูตูดไอ้โต้ง ไอ้โต้งขัดขืนเล็กน้อยแต่ก็ปล่อยให้ผมแทรกเข้าไปทีละนิดจนสุดนิ้วชี้
              ผมแทงนิ้วชี้เข้าออก ไอ้โต้งเกร็งตูดแน่นขึ้น ควยมันกระดกสู้มือผม
              “อ้า.........” ไอ้โต้งถึงกับครางออกมาเบา ๆ ผมแทรกนิ้วกลางเข้าไปอีก จนเข้าไปสุดถึงสองนิ้ว แล้วค่อย ๆ แทงเข้าแทงออก
              ผมล้มตัวลงไปนอนข้าง ๆ เอาปากไปดูดนมไอ้โต้ง ส่วนมือก็ยังคงเอานิ้วแทงเข้าตูดไอ้โต้ง ทังคว้าน ทั้งรั้ง เพื่อให้รูตูดมันขยายเต็มที่เพื่อรับควยผม ยังไงคืนนี้ต้องจัดการเย็ดไอ้โต้งให้ได้
              ไอ้โต้งเสียวจนต้องกดหัวผมไว้แน่นกับอกมัน ผมค่อย ๆ เอามือดึงกางเกงกีฬาผมออก ส่วนปากก็ยังคงดูดนมมันไปเรื่อย ๆ ไอ้โต้งถึงกับแอนอกสู้ลิ้นผม
              “ผมค่อย ๆ ขยับเอวขึ้นคล่อม เอามือจับขามันกลางออก แล้วเข้าไปแทรกอยู่ระหว่างกลางขามัน ปากก็ยังคงดูดนมกระตุ้นความเสียว
              พอเข้าไปอยู่ระหว่างกลางขาไอ้โต้งได้ ผมก็เงยตัวขึ้นแล้วบ้วนน้ำลายใส่มืออีกข้างล็อตใหญ่ไปชโลมที่ควยจนชุ่ม จับปลายควยไปจ่อที่รูตูดไอ้โต้ง ค่อย ๆ ดึงนิ้วออกมา แล้วเสียบปลายควยเข้าไปแทนอย่างช้า ๆ
              พอหัวควยผลุบเข้าไปไอ้โต้งถึงกับสะดุ้ง ดีดตัวขึ้นมา ผมรีบกอดไอ้โต้งแน่น จังหวะที่ไอ้โต้งตีดตัวขึ้นมา แล้วผมรีบกอดมันทำให้ควยผมผลุบเข้าไปอยู่ในตูดไอ้โต้งถึง2ในสาม
              “อ้า....พี่ต๊ะ....เจ็บ” ไอ้โต้งสั่นเทิ้ม หัวใจเต้นแรงอย่างเห็นได้ชัด มันกอดผมแน่นขึ้น
              “อ้า.......” ผมโดนตูดไอ้โต้งบีบรัดควยถึงกับเผลอครางออกมาด้วยความเสียว
              ผมแช่ควยไว้อย่างนั้นโดยไม่ขยับ จนไอ้โต้งหายใจเบาลง และลดอาการสั่นลง
              “หายเจ็บหรือยัง” ผมเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อไอ้โต้งแล้วลูบหลังเบา ๆ ผมค่อย ๆ เหยียดขาออกไปแล้วจับให้ไอ้โต้งขึ้นมานั่งตักแบบเต็ม ๆ ทำให้ควยผมไปไหลเข้าไปใสตูดไอ้โต้งหมดทั้งดุ้น
              ไอ้โต้งนั่งทับควยผมนิ่งไม่ไหวติง ผมกระดกควยใส่ลำไส้เพื่อเป็นการทักทายลำไส้มันสร้างความคุ้นเคย ไอ้โต้งแหงนหน้าขึ้นมามองผม
              “ช่วยทำให้มันอ่อนด้วย” ผมพูดกับไอ้โต้งเบา ๆ
              เราอยู่ในท่านั่งควยไอ้โต้งกลับมาแข็งอีกครั้งกระดกใส่หน้าท้องผม ผมเอามือสองข้างมาประคองตูดไอ้โต้งยกขึ้น แล้วปล่อย ๆ ไอ้โต้งเริ่มรู้ความต้องการผม มันเอามือขึ้นมากอดคอผมแน่น แล้วยกตูดขึ้นลง ท่านี้ควยผมเข้าไปกระทุ้งพวงลำไส้ไอ้โต้งเต็ม ๆ ไอ้โต้งเองถึงกับผวาทุกครั้งที่มันทิ้งตัวลงมา ผมเองก็เริ่มเสียวขึ้นมาบ้าง
              ควยมันเสียดสีระหว่างหน้าท้องผมกับหน้าท้องไอ้โต้ง ไม่ถึง 5 นาที ไอ้โต้งมีอาการกระตุกกดตูดใส่ควยผมแน่น มือกอดคอผมแน่นแล้วปล่อยน้ำสองออกมาไปไปกองที่ดงหมอยผมเต็ม ๆ
              “อ้า..............”
              “เสียวหรอ”
              “อืม...แล้วพี่ต๊ะละ”
              “ยังเลย”
              “แล้วพี่จะทำไง”
              ผมไม่พูดต่อ จับไอ้โต้งนอนหงายไปบนเสื่อนอนรสบไปตามสองข้างผมที่เหยียดตรง ผมเอาขามันสองข้างขึ้นมาพาดบ่า พอทั้งท่าได้ ผมจับต้นขามันกระชากเข้าหา แล้วเสยควยใส่ตูดมันแบบเต็ม ๆ ไอ้โต้งถึงกับหัวสั่น
              ผมเปลี่ยนท่าค่อย ๆ ลุกขึ้น จับสองขามันพับแนบไปกับลำตัว แล้วเอาขาผมเหยียดตรง ก่อนที่จะกระแทกควยใส่ตูดไอ้โต้งแบบเน้น ๆ ในท่าเบสิก ไอ้โต้งนอนหงายมองผมเย็ดมันแบบไม่ขัดขืน
              “ตับ ตับ”
              “อัก อัก” เสียงไอ้โต้งคงจุกท้อง เพราะผมกดขามันลงไปเต็มที่  
              ผมเย็ดท่านี้ไม่ถึง 10 นาทีน้ำเสียวเดินมาถึงปลายท่อ ผมกัดฟันกระแทกควยเน้น ๆ อีกไม่กี่ครั้งก่อนที่จะกดควยแน่นปล่อยน้ำควยใส่ตูดไอ้โต้งแบบไม่มีกั๊ก พอความเสียวเริ่มลดลงผมปล่อยขาไอ้โต้งลง แต่ควยผมมันไม่ยอมอ่อนตัว
              “พี่ต๊ะเสร็จแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมมันยังแข็งอยู่ล่ะ”
              “เออ....ไม่รู้ ถามมันดูดิ” ผมแกล้งเย้าไอ้โต้งเพื่อสร้างบรรยากาศไม่ให้ตึงเครียด พอความเงี่ยนลดลงความสำนึกผิดก็เริ่มกลับมา คิดไปคิดมาไม่น่าทำกับน้องมันเลย ระหว่างที่คิดสำนึกควยก็ไม่เป็นใจ มันยังคงแข็งฝังอยู่ในตูดไอ้โต้งแน่น
              ใจหนึ่งก็อยากเบิ้ล แต่อีกใจหนึ่งก็อยากหยุด
              “ทำต่ออีกก็ได้พี่ต๊ะ จนกว่ามันจะอ่อน” ไอ้โต้งเห็นว่าควยผมมันไม่อ่อนตัวมันเลยบอกให้ผมเย็ดต่อ ผมว่ามันเองก็คงเสียวเหมือนกัน
              ผมพักเหนื่อยได้สักครู่ก็จับไอ้โต้งพลิกหันหลัง ให้อยู่ในท่าคุกเข่าโก่งตูดใส่ควยผม โดยที่ควยผมยังอยู่ในตูดมัน
              ผมจับเอามือกอดอกไอ้โต้งจากด้านหลังแน่น แล้วค่อย ๆ กระเด้าเสยควยเย็ดตูดมัน ไอ้โต้งเองก็รู้งานมันแอ่นตูดรับควยผมสุด ๆ มันเอามือกอดมือผมแน่น
              “อ้า....พี่ต๊ะ  ผมเสียว” คราวนี้แน่ใจแล้วว่าไอ้โต้งเสียวตูดที่โดนเย็ดแน่นอน เพราะไม่มีส่วนไหนโดนควยมันเลย ผมกระแทกเย็ดแบบเน้น ๆ อยู่นาน เพราะน้ำแรกเพิ่งแตก ผมกดไอ้โต้งหมอบคลานในท่าสี่ขา แล้วยกตัวสูงขึ้นไปยืนคล่อมมัน โน้มตัวลงไปกอดมันจากด้านหลัง ยกเอวขึ้นแล้วกระแทกควยใส่ตูดมันเน้น ๆ ท่านี่ควยผมเข้าลึกสุด ๆ เย็ดท่านี้ได้ไม่นานน้ำสองผมเริ่มเดิน
              “พี่จะแตกแล้วนะโต้ง” ไอ้โต้งเองก็คงเสียว เพราะมันเอามือลงไปรูดควยมันอีกครั้ง รูตูดมันขมิบตลอดแรงขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่ามันเองก็ใกล้จะแตก ผมกระแทกควยเน้น ๆ อีกห้าหกครั้งแล้วกดควยนิ่งปล่อยน้ำสองเข้าตูดไอ้โต้ง
              ไอ้โต้งรัวมือชักว่าจนน้ำสามมันแตกตามมาติด ๆ พอน้ำมันแตก มันถึงกับหมดแรงนอนคว่ำหน้าราบไปบนเสื่อ ผมล้มตัวลงไปนอนทับมันเต็ม ๆ
              “พี่ต๊ะ...หนัก” ผมพยุงตัวขึ้นทำให้ควยผมที่เริ่มอ่อนตัวกดเข้าไปในตูดไอ้โต้งอีกครั้ง
              “ยังไม่เสร็จหรอ”
              “เสร็จแล้ว” ผมค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ไอ้โต้งนอนนิ่งไม่ไหวติง ผมเอากางเกงมาใส่ให้มัน แล้วใส่ของผม ดึงผ้าผวยขึ้นมาห่มแล้วค่อย ๆ หลับตาลง