วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 158 ไอ้วินอินเจแปน (2)

ตอนนี้ผมตกเป็นฝ่ายถูกชินจิขึ้นประกบอยู่ข้างบน
ผมดดนชินจิกอดจูบกอดรัดอย่างเร่าร้อน!

ปากสวยๆ แสนจะเซ็กซี่ของหนุ่มญี่ปุ่นดีกรีปริญญาโทจากอเมริกา
ทำเอาผมเสียวไปหมดทั้งตัว

น้ำที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งทำให้ผมรู้สึกร่างกายร้อนหนักมากขึ้นไปอีก!
ตอนที่เขายังมีเสื้อผ้าติดกายผมก็คิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ร่างกายแน่นหนาสูงใหญ่
ยิ่งตอนนี้เขาเปลือยกายหมดสิ้น อวดสัดส่วนงดงามผู้มีเชื้อสายของนักรบซามูไร
ผมก็ยิ่งรับรู้ได้ว่าร่างกายของเขช่างแข็งแรงกำยำงดงามชวนสัมผัสน่าหลงไหล

อาวุธขนาดใหญ่และยาวของเขาตนนี้แข็งจัดทิ่มแทงถูไถตามอาวุธของผมอยู่ไปมา
สร้างความเสียวสะท้านผมรู้สึกแค่ว่าตอนนี้ผมมีความสุขมากแค่ไหน
กับรสสัมผัสของหนุ่มเจ้าของสัญชาติที่หล่อเหลาร่างกายบึกบึน
จากการที่ไม่ได้สัมผัสกอดจูบกันมานาน

ตอนนี้ปากของเราสองคนแลกลิ้นกันจ๊วบๆอย่างเร่าร้อน!
ลิ้นของเขาสองคนแลกจูบกันจนร้อนฉ่า! สร้างความสะท้านไปทั้งตัว!
ผมกอดรัดรอบคอชินจิแนบแน่นปากครวญครางออกมาอย่างเสียวกระสัน!

“ซี้ดดดด!!!...อู้ววว!!!”

ร่างกายที่แข็งแรงบึกบึนของชินจิอุดมไปด้วยผิวพรรณที่ขาวสะอาดเนียนงามไปทั้งตัว
ถูกผมบีบคลำลูบไล้อย่างมีความสุขทั้งหัวนมอมชมพู อกแกร่ง กล้ามเป็นมัดๆ
หน้าท้องเป็นซิกแพ็คต้นขาใหญ่แน่นแข็งแรง ขนหน้าทองที่ดกสวยเซ็กซี่
และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ควยซามูไรขนาด 7.6 นิ้ว!

แต่ใช่ว่าผมจะเป็นฝ่ายที่จัดการเขาได้ฝ่ายเดียว
เมื่อชินจิทั้งกอดจูบตามหน้าตา ติ่งหู ลำคอหัวนมจนผมร้องครางกระเส่า!

“ชินจิ!...อ๊า!!!...ซี้ดดดด!!!”

เขาเห็นผมครวญครางปานใจจะขาดก็ยิ่งยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจในลีลาของตัวเอง
ที่สร้างความกำหนัดให้กับผมได้อย่างมากมาย

ณ ตอนนั้น ผมคิดว่าจะปล่อยให้เขาจัดการผมเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้เด็ดขาด
ผมพลิกตัวอยู่ข้างบนขึ้นไปนั่งคล่อมอยู่บนตักแน่นแกร่งของเขาที่มีอาวุธตัั้งโด่แข็งกล้า!

ผมกอดรัดร่างกายแน่นหนา ผิวพรรณเนียนงามของชินจิอย่างหลงไหล
ปากผมดูดปากเขาจ๊วบๆ!ทั้งสร้างความตื่นเต้นเร่าร้อนให้เขาอย่างมากมาย

“โอ้วว!...วินคุงคิเระเด่ะ!...วินคุงเก่งจัง”

ผมไม่ฟังเขาพูดอะไรอีกต่อไปดูดไซ้ตามซอกคอแกร่งล่ำของเขาจนเขา
และต่ำลงมาจนถึงหน้าอกแกร่งและหัวนมน่าดูดพอโดนสัมผัสชินชิก็ถึงกับตัวสั่น!

“โอ้วว!...เยส!!!”

เขาครวญครางอย่างพึงพอใจในลีลาลิ้นทะลวงใส้ของผม
แต่แค่นี้ยังน้อยไปครับกับลีลาที่ผมฝึกปรือมาทั้งชีวิต
เพราะผมคิดไว้แล้วว่าจะทำให้ผู้ชายคนนี้ได้รับความสุขจากผม
จนเขาไม่สามารถลืมผมลงไปได้เลย!

จนผมดูดไซ้ต่ำลงมาตามหน้าท้องที่มีไรขนโคดจะเซ็กส์สุดๆ!
ยิ่งกว่าพระเอก av ในหนังเกย์ญี่ปุ่นเลยครับผู้ชายคนนี้
หล่อเซ็กซี่ มาดแมน เนื้อตัวแน่นหนาแข็งแรงสมชาย
ตอนนี้ผมกลับมาคุมเกมส์อีกครั้งเลยใส่ลีลาดูดเลียร่างกายของชินจิ
จนเจ้าตัวนอนครางกระเส่า ปากก็ชมเปาะอย่างพึงใจ

“โอ้วเย้!...วินคุงเก่งสุดๆ ไปเลย!...ซี้ดดด!!!...อา!
...ผมไม่เคยเห็นใครใช้ลิ้นได้สุดยอดขนาดนี้มาก่อนเลยครับ!”

หนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยนอนหงายครวญครางอย่างพอใจสุดๆ
หน้าตาของเขาที่แสดงออกผมรู้สึกได้ว่าเขามีความสุขมากมายแค่ไหนกับการที่ผมใช้ลิ้น!
จนผมอ้าปากดูดเลียที่ควย 7.6 นิ้ว! ของเขา

อาวุธของเขางามได้ลักษณะสุดยอด!
ดุ้นใหญ่ยาว อวบหนา หัวบานงาม ถือเป็นผลงานญี่ปุ่นชิ้นโบว์แดงก็ว่าได้
ท่อนลำของเขามีเส้นเอ็นปูดงามแสนจะเซ็กซี่สมชายสุดๆ!

อา! ตอนนี้ผมดูดเลียควยเขาแบบลืมสิ้นทุกควยที่ผมกินมาแล้วครับ!
ผมอ้าปากดูดอมเลียเม้มอย่างมันปากใช้วิชาที่มีอยู่ทั้งหมด
จัดการกับควยหนุ่มญี่ปุ่นจนเขาดิ้นพล่านสุดยอด!

“ผมไม่ไหวแล้ววินคุง!”

เขาพูดจาสุภาพ แต่ลีลาตอนจเย็ดกลับดูหื่นๆ สมใจผมนักหนา
ช่างตัดกับอาการของเขาที่รุนแรงแสนจะหื่นกระหายในกามสุดๆ!
ตอนนี้ชินจิดูร้อนรุ่มอย่างคนเซ็กส์จัดและขี้เงี่ยน!
เขาจับผมหันหลังโก้งโค้งแล้วเอาควยจ่อเข้ารูผมทันที!

“อ้ะ!...ซี้ดดดด!!!”
ผมถึงกับร้องครางกระเส่าเมื่อโดนปืนรบญี่ปุ่นยิงเข้ามาที่ปากประตูเมือง!

“อูยยย!!!...ผมเสียวมากๆ เลยครับวินคุง!...ซี้ดดด!!!”

เขายังพูดสุภาพสุดๆแต่ลีลากลับเป็นอีกอย่างคือหื่นสัดๆ!
สองมือเขาบีบรัดลูบคลำหัวนมและตามร่างกายผมแรงๆ!

น้ำอุ่นๆ ในอ่างบวกกับการโดนหนุ่มญี่ปุ่นกำลังดันควยใหญ่ยาวเข้ามาในรูก้น
สร้างความสะใจให้ผมแบบสุดๆ ไปเลย!

จนควยดุ้นงามอวบหนาแข็งกล้าของชินจิดันเข้ามาจนสุดความยาว!!!
ผมก็ถึงกับเชิดหน้าร้องครางออกมาอย่างมันสะใจสุดๆ!!!

“อ๊า!!!...สุโค้ยยยย!!!”
“สุโค้ยยย!!!...โอ้วว!!!...เย้สสส!!!”

ตอนนี้เขาเด้าเย็ดผมไปพร้อมโต้ตอบผมไปทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ
อารมณ์ความเงี่ยนความหื่นของเขาตอนนี้ทั้งรุนแรงเร่าร้อน และหนักเน้น!

“อ้ะๆๆๆๆ!!!...สุโค้ยยย!!!”

ผมทั้งครางไปแอ่นก้นให้หนุ่มญี่ปุ่นเย็ดไปอย่างสมใจเขา
ที่ต้องเสียเงินค่าเดินทางให้กับผมเพื่อมาญี่ปุ่นและนี่คือสิ่งที่ผมพอจะมอบให้เขาได้
ผมจึงตั้งใจบริการให้เขาแบบเต็มเหนี่ยว!

ผมโดนชินจิกระแทกแรงๆ กระหน่ำเย็ดอยู่แบบนั้นอีกไม่นาน
เขาก็จับผมนอนหงายอ้าขาจับขาผมพาดเอว แล้วเขาก็นั่งเด้าอย่างเถื่อนๆ!

ตั้บๆๆๆๆ!!!!

ควยหนุ่มญี่ปุ่นอวบใหญ่ทั้งยาวและแข็งจัดกระซวกรูลึกจนถึงลำใส้!
สร้างความเสียวความสุขให้กับผมจนผมทนไม่ไหวน้ำแตกปรี้ดๆๆๆ!!!
ออกมาโดยไม่ได้ทำอะไรเลย!

“โอ้วยย!!!...ซี้ดดดด!!!”

ผมครางออกมาเป็นาษาไทยแท้ๆ ตามจิตใต้สำนึกของความเป็นไทย
มีความสุขอย่างมากมายจนนอนหอบหายใจกระเส่า

ส่วนชินจิที่ใกล้จะน้ำแตกแล้ว ก็เร่งกระแทกเย็ดอย่างเมามัน รุนแรง!
จนตัวผมโดนเขาอัดก็อปปี้เข้ากับขอบอ่าง!

แต่ ณ จุดนั้นมีแต่ความมัน และความเสียวเลยได้แต่บีบหัวนมกอดรัดร่างกาย
สร้างอารมณ์ให้เขามีความสุขเสียวสุดมากขึ้นไปอีก
หน้าตาของชินจิตอนนี้ยิ่งหล่อกว่าทุกครั้งที่ผมเคยเห็น

ผู้ชายที่มีเผ่าพันธุ์ญี่ปุ่นแท้ๆ หล่อเหลา มาดแมนสมชาย น่าประทับใจเหลือเกิน
ตอนเขากระเด้าเย็ดผม สีหน้าสีตาเขาเซ็กซี่เพราะความเสียวจัด
ตาที่ปรือๆ ยามได้กระแทกควยเข้ารู้ผมแบบเน้นหนัก! ผมเห็นแล้วมีความสุขที่สุดไปเลยครับ

จนกระทั่งความสุขของเขาก็มาถึงจุดไคลแม็ก!
ด้ามดาบยาวเฟื้อยของซามูไรตอนนี้ทั้งล้วงลึกดันจนสุดความยาว! แล้วเขาก็กระแทกแรงๆ!

ตั้บๆๆๆๆ!!!
อีกหลายที ในทีสุดหนุ่มญี่ปุ่นสุดหล่อก็ร้องครางกระเส่าเสียงดังสะใจ!
เสียงของเขาตอน้ำแตกนั้นขอบอกว่าไม่แพ้หนุ่มชาติไหนจริงๆ ครับ!

“อิกึ๊ๆๆๆ!!!!!...อ้ะๆๆๆๆ!!!...สุ้โค้ยยยย!!!”

นมข้มหวานหมันของหนุ่มญี่ปุ่นที่มีโปรตีนสูงฉีดพุ่งเข้าสู่ร่างกายผมอย่างมากมาย!!!
ราวกับว่าเขาไม่ได้เย็ดมานาน!

ผมกอดรัดร่างกายบึกบึนของเขาแน่น จนรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อของเขาบดกันจนเกิดเสียงเกรียวกราว
บ่งบอกได้ว่าเขาแข็งแรงซักแค่ไหน!

แล้วชินจิก็กอดซบกับผมอยู่อย่างนั้นพร้อมหลับตาอย่างเป็นสุขไม่ต่างจากผม
เอากันจนเสร็จผมก็ยังกอดเขาในอ่างออนเซนอย่างมีความสุขง
มือผมเล่นควยที่อ่อนตัวลงของเขาในน้ำอุ่นๆด้วยความหลงในสายเลือดซามูไรสุดเท่ห์คนนี้

“วินคุงเก่งมากๆ เลย...ไม่ได้ร่วมรักกับนายตั้งนานนายเก่งขึ้นมากเลย
...แถมตอนนี้วินคุงก็น่ารักสุดๆ!”

“ชินจิก็หล่อมากๆ เลยครับ...เมื่อกี้ผมมีความสุขมากๆ เลย”
ผมตอบเขาไปแบบอ่อยๆ เพิ่อเสริมเสน่ห์ ชินจิเห็นก็ลูบหัวผมอย่างเอ็นดู
ผมก็โน้มหน้าไปจุ้บปากกับเขาแล้วเรามองตากันแน่นิ่ง

โหย! ชินจิเขาทั้งหล่อ ทั้งแมน ทำเอาผมนี่หลงสุดๆ ไปเลยครับ
ชินจิยิ้มๆ มือเขายังลูบตามแขนตามตัวผมไปแล้วเขาก็พูดว่า...

“ต่อไปเรียกผมว่าชินจิคุงนะ...ตกลงไหม”

เขาพูดยิ้มๆ ผมได้ยินก็ยิ้มรู้สึกดีใจที่เขาให้ยอมให้ผมเรียกลงท้ายว่า “คุง”
เพราะคำว่า คุง , ซัง  และ จัง แสดงถึงความสนิทสนมที่แตกต่างกัน
ผู้ชายส่วนใหญ่จะเรียกกันลงท้ายว่า คุง หรือ ซัง

คำว่า “คุง” จะใช้แสดงถึงความสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ
คำว่า “ซัง” จะเป็นคำลงท้ายแบบกลางๆ สำหรับคนที่พึ่งรู้จัก เปรียบก็เหมือนคำว่า “คุณ”
คำว่า “จัง” ส่วนใหญ่จะใช้กับเด็กผู้หญิง หรือแม้กระทั่งเด็กชายที่พ่อแม่เอ็นดูมากหน่อย
หรือแฟนผู้หญิงเวลาเรียกแฟนหนุ่ม

ถึงลูกชายบางคนจะโตเป็นหนุ่มแล้วพ่อแม่บางคนก็อาจจะเรียกลูกลงท้ายว่า "จัง" ด้วยความเอ็นดู
ดังนั้นพอชินจิให้ผมเรียกเขาลงท้ายว่า “คุง” ได้ ผมถึงรู้สึกดีมากๆ

.................................................................................

พออาบน้ำเสร็จเราก็แต่งเนื้อแต่งตัวพากันไปชมซากุระตอนกลางคืนกัน
ซากุระที่นี่เป็นเมืองที่ซากุระบานไวที่สุดและจะเริ่มบานในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม
การชมซากุระที่นี่จะมีชื่อเสียงมากเนื่องจากผลิดอกเร็วที่สุดบนเกาะฮอนชู
ทุกๆ ปีจะมีการจัดงานเทศกาล

"คาวาสึ ซากุระ มัตสึริ" ขึ้น

ซึ่งโชคดีจริงๆ ที่เป็นช่วงที่ผมไปเที่ยวญี่ปุ่นพอดี
ตอนที่เดินเข้าไปภายในงานที่ทอดยาวไปตลอดถนนที่มีต้นซากุระออกดอกบานเป็นสีชมพู
แสงไฟส่องสว่างทำให้ดอกไม้ชนิดนี้เหมือนมีชีวิตดูสว่างสดใสท่ามกลางอากาศเย็น
ถือว่าเป็นภาพที่สวยงามแปลกตาอย่างไม่ค่อยได้เห็นมาก่อนแม้กระทั่งภาพถ่าย

เพราะส่วนใหญ่จะเห็นแต่ภาพซากุระตอนกลางวัน ที่ออกดอกเป็นสีชมพูไปทั้งต้น
นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองนี้กันมากมาย
ในช่วงนี้จะมีร้านค้ามาออกงานกันเยอะแยะเต็มไปหมด

ได้ชมทั้งดอกซากุระสีชมพูงามๆ ได้เดินดูของในบรรยากาศเย็นสบาย
นี่แหละคือความสุขของคนชอบท่องเที่ยวล่ะ

นอกจากนี้ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืนก็จะมีการจัดงานมีขายของ
มีร้านอาหาร เวลาในการจัดงานฮานามิ ก็ยาวนานถึง 1 เดือน

ผมตื่นตาตื่นใจต่อภาพสวยงามของดอกไม้ประจำชาติญี่ปุ่นที่งดงามไปตลอดสองข้างทาง
ผู้คนชาวเมืองและนักท่องเที่ยวเยอะแยะมากมายเดินชมกันไปถ่ายรูปกันไป
ร้านอาหารชั่วคราวถูกตั้งขายเป็นระยๆมีแต่ของน่ากินทั้งนั้น

เดินชมซากุระไปถ่ายรูปไปจนหิว เห็นมีร้านขายของกินเยอะแยะไปหมด
ส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารญี่ปุ่นหากินได้ง่ายๆในญี่ปุ่น คนไทยอย่างเราก็แดกตามสิครับ 555
พอดีมีโต๊ะนึงคนลุกพอดีเลยมีที่นั่งทานสบายๆมองชมซากุระสีชมพูที่ถูกแสงไฟส่องไป
อะไรจะฟินกว่านี้ไม่มีอีกแล้วครับ

“คมบังวะ(สวัสดีตอนเย็น)...รับอะไรดีครับ”

พนักงานชายหน้าตาหล่อน่ารักมีผ้ากันเปื้อนสีดำสะอาดเดินมารับออเดอร์อย่างสุภาพ
เห็นแล้วรู้สึกดี และชอบมากๆ ครับ เพราะผมรู้สึกว่าเป็นสังคมของผู้ที่มีอารยะธรรมสูง

อยู่กันอย่างสงบ และพูดจากันดีๆ มันดูมีความสุขจะตาย
ชินจิก็เอาเมนูให้ผมสั่งผมก็ชี้ๆๆ ตามรูปครับ
เพราะอาหารญี่ปุ่นคนไทยก็ใช่ว่าจะน้อยหน้า แดกเป็นหมดนั่นแหละครับ 5555

อาหารที่ทานง่ายๆ แถบนั้นก็มีพวก...

ราเมง – บะหมี่น้ำญี่ปุ่น ส่วนประกอบหลักๆจะเป็นหมู สาหร่าย ต้นหอม
ส่วนน้ำซุปมีหลายแบบ เช่น ซุปกระดูกหมูซุปเต้าเจี้ยว จัดว่าเป็นอาหารจานด่วน 
ทะโกะยะกิ - มีต้นกำเนิดที่โอซาก้า ทำมาจากแป้งนม ไข่ ผสมกัน ใส่เนื้อปลาหมึกไว้ข้างใน
นำไปทำให้สุกด้วยกะทะหลุมคล้ายที่ทำขนมครก เมื่อสุกแล้วข้างนอกจะกรอบ
ข้างในจะเป็นเนื้อเหลวๆ โรยหน้าด้วยสาหร่าย,หมึกแผ่นบางๆ ทำให้มีกลิ่นหอมของปลาหมึก
ราดด้วยซอสและมายองเนส
ซูชิ - เมนูปลาดิบ อาหารทะเล สดๆ ถือว่าเป็นอาหารที่หาทานได้ง่ายและราคาก็ไม่แพง
กินกันจนพุงกางอร่อยไปหมดทุกอย่างเลยครับสงสัยใช้แรงงานเยอะแน่ๆ
พอกินของคาวเสร็จก็ต้องต่อด้วยของกินเล่นของหวาน

ขนมดังโงะ - หน้าตาภายนอกคล้ายลูกชิ้นมากๆแต่ความจริงคือทำมาจากแป้ง
ย่างด้วยไฟอ่อนๆ แล้วราดด้วยน้ำเชื่อมมีรสหวาน ใช้ทานกับชาเขียว

ทานเสร็จก็เดินกันต่อจนกว่างานจะเลิกครับเพราะระยะทางของการชมยังมีอีกยาวไกล
มาญี่ปุ่นทั้งทีต้องใช้เวลาแต่ละวินาทีให้คุ้มค่าที่สุดครับ

ยิ่งดึกคนก็ยิ่งมาก กำลังชมซากุระไปถ่ายรูปไป
อยู่ดีๆ ก็มีคนเดินเข้ามาทักชินจิด้วยสำเนียงที่สนิทสนมสุดๆ

“พี่ชินจิ"
“ไอ้ไดสุเกะ!”

"ผมโทรหาก็ไม่รับสายนะ”

หนุ่มวัยรุ่นที่พึ่งมาถึงดูโวยวายนิดหน่อย พร้อมทำหน้าเซ็งๆ
ตัวเขาสูงโย่งเกือบ 190 เซ็นต์ หน้าตาหล่อน่ารัก หน้าใสๆ ไว้ผมเท่ห์ๆ
ชินจิก็เอามือถือขึ้นมาดูก็เห็นว่ามีมิสคอลอยู่หลายเบอร์จริงๆ ด้วย

"โทษทีไอ้น้องชายพี่ยุ่งๆ อยู่น่ะ...แล้วเอ็งมาได้ไงเนี่ย"
“ผมพาแฟนมาเทศกาลฮานามิที่นี่...พี่ล่ะมากับใครเนี่ย”
พูดเสร็จไอ้เด็กหน้าหล่อถามหน้าตาดูเอาเรื่องไม่ใช่เล่น

“นี่วินคุงไง...จำได้ไหมที่เราเจอตอนไปพัทยาเมื่อหลายปีก่อนน่ะ”

ไดสุเกะทำหน้าเหมือนคิดๆอยู่แป้บนึงก็ร้องออกมาดังๆ
หน้าตาน้องมันตอนที่จำผมได้ดูอย่างดีใจมากๆเลยครับ เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย

“อ้อ!!!...จำได้แล้ววินซังนั่นเอง”
โห! นี่คือไอ้เด็กน้อยไดสุเกะที่ผมขึ้นครูให้ตอนมันอายุ13 นี่ครับ

ตอนนี้มาดูน้องมันดิ เรียนไฮสคูลปีสุดท้ายแล้ว หน้าตาตอนนี้ทั้งหล่อทั้งใส
ตัวสูงโย่งแต่ไม่ผอมเพรียวเหมือนตอนนั้นเลย

แต่น้องมันมากับแฟนสาวครับเด็กผู้หญิงหน้าตาสวยน่ารัก
ใส่เสื้อสวยเก๋ เสื้อกันหนาวสีสดใสดูน่ารัก นุ่งกระโปรงสั้นอวดขาเรียวสวย และสวมถุงเท้ายาว
เป็นการแต่งตัวที่ คาวาอี้ (น่ารัก) มากๆ เลยครับ

เราจับมือเช็คแฮนด์กันอย่างดีใจเพราะนานหลายปีที่ไม่ได้เจอน้องมัน
ตอนนี้น้องมันหน้าตาหล่อกว่าพี่ชายอีกครับ แถมตัวก็สูงมากๆ ด้วย
เสียดายมีแฟนมาด้วยแบบนี้ก็อดแดกเจ้าไดสุเกะสิ!

ทักทายกันเสร็จก็หาที่นั่งคุยกันไป
ตอนนี้มีคนเจ้าของชาติมานั่งถึง 3 คน เลยรู้สึกอายๆ เขินๆ อยู่เหมือนกัน
เพราะคนญี่ปุ่นเขาไม่คุยภาษาอื่นนอกจากภาษาตัวเองและผมก็ฟังภาษาญี่ปุ่นได้แค่บางคำ

“แล้วคืนนี้เอ็งพักที่ไหน”
ระหว่างที่นั่งคุยกันไปพี่ชายก็ถามน้องชาย

“ห้องพักแถวนี้แหละพวกผมมาช้าเกือบไม่มีห้องนอน”
ไดสุเกะพูดคุยโต้ตอบกับพี่ชายไปก็โยกคอพูดไปเห็นแล้วน่ารักจัง ผมดูแล้วชอบว่ะ

ตอนนี้ผมก็แอบเหล่ไดสุเกะไปแต่ก็ไม่กล้ามองนานเพราะกลัวจะเสียมารยาท
แฟนของไดสุเกะชื่อ “ฮารุนะ” ก็พูดคุยกับพี่น้องสองชายไปและยิ้มให้ผมเป็นระยะๆ
และน้องฮารุนะก็พูดถึงประเทศไทยว่าน้องมันอยากไปเที่ยวซักครั้งเหมือนกัน

ผมเลยบอกว่าถ้าไปเมื่อไหร่ก็บอกผมได้เดี๋ยวผมพาเที่ยวเอง
พอฮารุนะได้ฟังก็ยิ้มดีใจหน้าตาสดใส คนญี่ปุ่นเวลาเขามีความสุข
หน้าตาเขาจะแสดงออกได้น่ารักมากๆ ครับ ดูมีชีวิตชีวา

เรานั่งพูดคุยกันจนเขาจะปิดไฟชินจิก็ไปส่งน้องชายกับแฟนที่ห้องพัก
ทีนี้พอผมกับชินจิจะกลับเจ้าไดสุเกะก็เหมือนจะติดยังไม่อยากจาก
ขอตามไปนั่งคุยกินเบียร์กันที่ห้องพวกผมต่อ ชินจิก็หันมาถามผมว่า...

“วินคุงเอาไงดี”
“นานๆ จะได้เจอไดสุเกะซังอยู่คุยกันนานๆ ก็ดีเหมือนกันครับ”
“สุโค่ย!...วินซังน่ารักมากๆ เลย”

เจ้าไดสุเกะหน้าตาดูดีใจ ดูหล่อน่ารักสดใส แล้วชินจิก็ขับรถกลับห้องพักของพวกเรา
ฮารุนะก็พูดคุยกับไดสุเกะยิ้มๆ นิสัยน้องดูน่ารักใสๆ
แฟนให้ทำอะไรก็ทำตามดูไม่มีอาการรำคาญซักนิด

ไดสุเกะกับฮารุนะมาถึงตั้งแต่ตอนเช้าๆ เลยไปชมซากุระตอนกลางวัน
แล้วก็มาต่อกันตอนกลางคืนอีก ก็เลยได้เจอกับพี่ชายเขาและผม

พอถึงห้องเรานั่งจิบเบียร์กันไปจนดึก ก็เมาแอ๋กันไป
ตอนนี้ท่าทางไดสุเกะกับฮารุนจะกลับห้องไม่ได้แล้ว
คืนนั้นไดสุเกะกับแฟนสาวสวยก็เลยต้องนอนที่นี่ไป

ถึงผมจะนึกเสียดายแค่ไหนที่ไม่ได้นอนกกชินจิอีก
และก็แอบเสียดายที่อดได้กินไดสุเกะเพราะมีแฟนตามมาด้วยก็เถอะ
แต่การได้มานั่งพูดคุยจิบเบียร์กันไปกับกับสองพี่น้องชาวญี่ปุ่นนิสัยดีน่ารักแบบนี้
ผมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าครับ

พอดึกๆ ฮารุนะก็งีบหลับบนเตียงไปก่อน เลยเหลือเรา 3 คนที่ยังนั่งพูดคุยกันต่ออย่างติดลม
เพราะนานแล้วจริงๆ ที่ไม่ได้เจอกัน พูดขึ้นมาแล้วก็คิดถึงตอนไปเจอสองหนุ่มพี่น้องที่เกาะล้านพัทยา
จำได้ว่าวันนั้นเล่นเอารูผมกลวงโบ๋ไปเลย เพราะความร่านอยากได้ 2 ดุ้นในรูเดียว 5555

(หาอ่านได้ใน บทที่ 37 ซัมเมอร์หรรษา ไปเที่ยวทะเล (3) และ (4) )

ไดสุเกะมันพูดคุยกับผมอย่างอารมณ์ดี นิสัยดูน่ารักสดใสสมวัย น่าหอมจริงๆ ครับ
จนผมอดใจไม่ไหวเอามือไปจับแข้งขา จับเข่า น้องมันอยู่เป็นระยะ
ไอ้หนุ่มน้อยญี่ปุ่นมันก็ยิ้มๆ ไม่ถือตัว

ส่วนชินจิก็กอดคอโอบไหล่ผมแบบคนเมาๆ ผมก็กอดเขา
แถมยังมีหอมแก้มผมต่อหน้าไดสุเกะไปแบบไม่ได้อายตามประสาคนเมา
เพราะตอนนี้ฮารุนะก็หลับไปแล้วด้วย

อีกอย่างชินจิก็รู้ว่าผมกับไดสุเกะก็เคยๆ กันมาก่อน
เพราะชินจิเองที่เปิดโอกาสให้ผมช่วยเปิดซิงไดสุเกะตอนอายุ 13
ขอบอกว่าตอนนั้นน้องมันยังหน้าใสกิ๊กๆ หุ่นโสงโย่งเกินเด็กทั่วไป
แต่ควยก็ใหญ่มากๆ ด้วยขนาด 7.6 นิ้ว! ใหญ่ไม่เป็นรองพี่ชายเลย

เราก็พูดคุยกันไปถึงชีวิตที่ผ่านมาของแต่ละคน
ตอนคุยกันไปไดสุเกะดูจะสนใจเรื่องราวของผมมากเป็นพิเศษ
เพราะเขายังประทับใจตอนไปเที่ยวประเทศไทย

“แล้วพรุ่งนี้พี่ชินจิจะพาวินคุงไปเที่ยวที่ไหนครับ”
“ข้าว่าจะไปชมวัดเก่าๆ ที่เมืองนารา...ถ้าเอ็งกับฮารุนะไม่รังเกียจก็ไปด้วยกันสิ
"ฮารุนะพรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้วครับต้องไปเรียนดนตรี"
"งั้นเอ็งก็ต้องกลับแล้วสิน่าเสียดายว่ะ"

ผมได้ยินก็แอบถอนหายใจเซ็งๆ แต่ก็เข้าใจครับเพราะเขามีแฟนสาวที่ต้องดูแล
เฮ้อ! อดกินเลย ไอ้เด็กหล่อน่ารักตัวสูงโย่งของผม!

คืนนั้น ฮารุนะ ได้นอนบนเตียงสบายไปคนเดียว
ผม ชินจิ และ ไดสุเกะ นอนบนฟูกที่พื้น เพราะนิสัยสบายๆ ของสองพี่น้อง
เลยไม่คิดว่าการนอนกับพื้นเป็นเรื่องลำบากทั้งที่ฐานะดี

ทำให้ผมรู้สึกว่าสองคนพี่น้องนิสัยน่ารักน่าคบมากกว่าเดิมเสียอีก
ชินจิ กับ ไดสุเกะ หลับสบายไปแล้ว ผมที่นอนนอกสุดมองออกไปที่นอกหน้าต่าง
ที่เห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิซังโดดเด่นยอดเขาเป็นสีขาวสล้างแม้ในยามค่ำคืน
ความสวยงามที่แม้แต่ยามค่ำคืนก็ยังไม่สามารถทำให้ความงามลดลงได้เลย

นี่เป็นคืนแรกของผมที่ได้มานอนบนแผ่นดินของประเทศญี่ปุ่น แดนอาทิตย์อุทัย
เมืองของพระจักรพรรดิ ประเทศที่เคยมีโชกุนผู้กุมอำนาจบริหารบ้านเมือง
ดินแดนที่เคยมีซามูไรตัวเป็นๆ และตอนนี้ลูกหลานซามูไรเหล่านั้นก็นอนอยู่ข้างๆ ผมแล้วด้วย

ผมมุดเข้าไปนอนกอดหุ่นแน่นล่ำของชินจิความอบอุ่นแผ่นซ่านทันทีที่ได้สัมผัสร่างกายเขา
ความอบอุ่นจากร่างกายเขาทำให้ผมเคลิ้มหลับไปอย่างมีความสุข

………………………………………….............................

พอตอนเช้าผมกับชินจิก็ไปชมซากุระ ณ จุดเดิมที่เมื่อวานเราไปชมซากุระตอนกลางคืน
แต่ตอนกลางวันยังไม่ได้เห็น ผมก็อยากจะชมอยากถ่ายรูปไว้ให้ชื่นใจครับ

ดอกซากุระสีชมพูที่เมื่อคืนมีแสงไฟส่องจนงามล้ำ แต่พอถึงตอนนี้ที่เป็นกลางวัน
ก็กลับสวยงามสดใสละลานตาชวนหลงใหลถือว่าสวยไปคนละแบบ

ซากุระที่เริ่มออกดอกบานสะพรั่งชูช่อสีชมพูสวยสว่างสดใส ยิ่งดูก็ยิ่งชื่นฉ่ำหัวใจ
บางจุดก็มีการมาถ่ายเวดดิ้งกันด้วย เจ้าบ่าวเจ้าสาวในชุดประจำชาติสวยหล่อ
เห็นแล้วก็อดที่จะบันทึกภาพเอาไว้ไม่ได้

เฮ้อ! ตอนนี้ผมชักไม่อยากกลับประเทศไทยซะแล้วสิครับ
อะไรก็ดีไปหมด บ้านเม่ืองสวยงาม อากาศเย็นสบาย แถมผู้ชายก็หล่อน่าเย็ด 5555
ผมกับชินจิชมดอกซากุระไป ถ่ายรูปไปจนพอใจ
พอหิวก็หาอะไรทานเพราะมีตลาดขายของในช่วงชมซากุระเยอะมากๆ

จนสายๆ เจ้าไดสุเกะที่ขับรถไปส่งแฟนสาวที่สถานีชิงคันเซ็งก็กลับมา

“อ้าว!...เอ็งกลับมาแล้วทิ้งแฟนกลับโตเกีียวคนเดียวไม่เป็นอะไรเหรอวะ”
ชินจิถามด้วยความเป็นห่วงแฟนน้องชาย

เช้าวันนี้ไดสุเกะหล่อใส น่ารักโคดๆ แถมตอนนี้ยังปลอดแฟนอีกด้วย
ผมก็ยิ่งระริกระรี้อยากได้จนตัวสั่นสิครับ ไม่ได้ฟังสองพี่น้องคุยอะไรกันเลย 555
แต่ก็ได้ยิน ไดสุเกะ ตอบหน้าตายิ้มแย้มสดใสตามนิสัยของน้องมัน...

“ฮารุนะเป็นคนเข้าใจง่ายครับพี่ชินจิพอรู้ว่าวินคุงมาเที่ยวเลยให้ผมมาช่วยดูแล”
“เออ...ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”
“ผมก็เอาอย่างพี่ชินจินั่นแหละครับ...ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องอย่างว่า 555”

เจ้าไดสุเกะอ้อล้อกับพี่ชาย เขาหมายถึงเรื่องเรียนพอเรียนจบไฮสคูลเขาก็จะไปเรียนต่อที่อเมริกา
ส่วนเรื่องเซ็กส์เขาก็ไม่ได้รังเกียจทั้งชาย และหญิง มีแฟนหญิงได้ และก็เย็ดกับผู้ชายได้ ว่างั้น

ไดสุเกะพูดแล้วทำหน้ากวนๆ ชินจิก็กอดล็อคกอเพื่อจัดการน้องชาย
เห็นพวกเขาสองพี่น้องเล่นหัวกันแล้วก็น่ารักดีครับ

พอไดสุเกะทานอะไรรองท้องเสร็จพวกเราก็ออกเดินทางไป จังหวัดนารา ทันที

“คณะเดินทางไปกันเล้ย!”

ไดสุเกาะพูดออกมาพร้อมกอดคอผมเดินไปที่รถ
ชินจิก็หัวเราะขำๆ ในความสดใสของน้องชาย

ระหว่างทางที่จะไปจังหวัดนาราทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามจนทำให้ใจผมเคลิ้มตาม
มองไปบนยอดเขาต้นไม้มีหลายสี แต่เด่นสุดเห็นจะเป็นดอกซากุระที่มีให้เห็นเป็นระยะๆ
บ้านเรือนผู้คนถึงแม้จะห่างเมืองแต่กลับมีแต่ความเจริญสะอาดสะอ้านน่าชม

แต่ระหว่างที่ชินจิขับรถอยู่ก็มีเพื่อนของชินจิโทรมา
ชินจิใช้หูฟังคุยกับเพื่อนไป เลยได้รู้ว่าเพื่อนของชินจิมาเที่ยวที่ จังหวัดโอะคะยะมะ
ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของโอซาก้า ห่างจากนาราค่อนข้างไกล

เพื่อมาร่วมเทศกาล ไซไดจิ เอะโย ฮะดะกะ มัตสึริ”

ซึ่งเป็นเทศกาลประจำปีของ "วัดไซไดจิ" หรือนิยมเรียกกันอีกชื่อว่า "เทศกาลผู้ชายเปลือย"
ถือเป็นเทศกาลดังเพราะเทศกาลนี้ผู้ร่วมงานได้มีแค่ผู้ชายเท่านั้น

โดยผู้ชายจะนุ่งผ้าเตี่ยวซึ่งเรียกกันว่า Fundoshi และแย่งชิงท่อนไม้ศักดิ์สิทธิ์กันอย่างเมามัน
แค่ชินจิเล่าว่าจะมีหนุ่มๆ ญี่ปุ่นนับหมื่นคน เปลือยกายล่อนจ้อน
ผมก็น้ำลายสอจนอยากไปเที่ยวแล้วครับ พอเขาชวนมีเหรอว่าผมจะกล้าปฏิเสธ อิอิอิ

งานจะจัดขึ้นในวันเสาร์ของสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ ทุกปี
เทศกาลนี้จัดกันต่อเนื่องมานานกว่า 500 ปี!

ผู้ชายนับหมื่นคนจะนุ่งแค่ผ้าเตี่ยวผืนเดียวแล้วรวมตัวกันหน้าลานวัด
แล้วแย่งกันครอบครองไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่พระจะโยนลงมาจำนวนเพียง 2 ท่อน

พวกเขามีความเชื่อกันว่า คนที่ได้ครองไม้ศักดิ์สิทธ์จะเป็นคนโชคดีตลอดปี
และผู้ชายที่แย่งไม้ได้ก็จะกลายเป็น "ฟุกุโอโตโกะ” หรือชายผู้โชคดี
มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง มีความสุขไปตลอดปี

หนุ่มๆ ญี่ปุ่นที่มาร่วมงานต่างก็คาดหวังว่าจะได้เป็นฟุกุโอโตโกะในปีนั้น
เพราะถือเป็นความภาคภูมิใจในชีวิต

“วินคุงไปไหม”
เจ้าไดสุเกะหันมาถามผม ผมก็ตอบไปทันทีว่า...

“ฟังแล้วน่าสนุกมากๆ เลยแบบนี้...ก็ต้องไปสิครับ”
สองหนุ่มพี่น้องเลยร้องออกมาอย่างคะนองๆ

“สุโค่ย!(เยี่ยมมากๆ)”
ไดสุเกะพูดออกมายิ้มๆ ชินจิก็เลยต้องผ่านเมืองนาราไปครับ
เพราะจังหวัดโอะคะยะมะ ไปทางทิศตะวันตกอีกไกลพอสมควร

เอาน่าวัดเก่าๆ ปราสาทโบราณ ของเมืองนาราคงไม่หนีหายไปไหนหรอก
แต่เทศกาลที่วัดไซไดจิที่มีผู้ชายเปลือยเปล่าอวดกล้ามแน่นๆ ให้เห็นเนี่ย
มีแค่เพียงวันเดียวเท่านั้นนะ!

ชินจิขับรถแบบสบายๆ จนไปถึงบริเวณวัดที่จัดงานเทศกาล
ก็เห็นผู้ชายมากมายเรือนหมื่น เตรียมตัวเพื่อเข้าร่วมงานกันเยอะแยะเต็มไปหดม
ทุกคนแนุ่งแค่เตี่ยวสีขาวผืนเดียว ข้างหน้ายังว่าเห็นแล้วเสียว
แต่ข้างหลังนี่สิ โอ้วมายก้อด! เข้าหลืบตูดเลยครับ 555

คนญี่ปุ่นเขาไม่ค่อยจะอายในเรื่องแบบนี้ครับเลยเดินเหินกันสบายๆ
เหมือนใส่ชุดไปเรียน ไปทำงาน ว่างั้นเห็นแล้วฟินเลย!

จนได้พบกับเพื่อนๆ ของชินจิอีก 3 คน ที่มาร่วมงานในปีนี้
ทั้ง 3 คน เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยของชินจิ เป็นหนุ่มจากมหานครโตเกียวทั้งหมด
แค่ได้เห็นผมก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อก! ด้วยความหิวเลยครับ
ว้าวๆๆๆ!!! เด็ดๆ กันทั้งนั้นเลยครับพ่อแม่พี่น้อง!!!

เพราะตอนนี้หนุ่มๆ ทั้ง 3 คนเตรียมเข้าร่วมงานกันเรียบร้อยแล้วครับ
โดยมีแค่ผ้าเตี่ยวขาวคนละผืนรัดเป้าตุงๆ และเข้าหลืบก้น
เห็นแล้วไอ้วินหัวใจพองโตซู่ซ่า! ตอนนั้นสมองคิดดังๆ ไปเลยว่า...

“โอ้ยยยย!!!...กูจะเอา กูจะเอาทั้ง 3 ไม้!!! นี่เลย 555”

เพื่อนของชินจิทั้ง 3 คนนี้ เป็นหนุ่มญี่ปุ่นที่ไม่ถึงกับหล่อแต่หน้าตาดี กันทุกคน
หน้าเรียว กรอบตาเหมือนเม็ดอัลม่อน จมูกโด่งปากสวย หัวนมน่าดูด อกกว้าง หุ่นแน่น
เอวแน่นหนา หน้าท้องแข็งแรง บางคนก็มีซิกแพ็คเซ็กซี่

หนุ่มญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีขนหน้าท้องอุยๆ แสนจะเซ็กซี่
แข้งขาก็ใหญ่บึ้ม แข็งแรง ผิวพรรณของหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยขาวสะอาด
ผิวขาวเนียนน่ากอดดีจริงๆ ครับ

ตอนนั้นผมรู้สึกสนใจหนุ่มๆ ทั้ง 3 คนขึ้นมาอย่างมากมายจริงๆ ครับ
ถึงแม้ว่าเขาสามคนจะไม่ได้หล่อ แต่ความแมน ดูมีชีวิตชีวา ความสดใส
ดูหนุ่มๆ เขาใจกล้า และอารมณ์ดี ทั้งเรื่องการหยอกล้อ การทำตัวตลกๆ
นั่นทำให้ผมรู้สึกประทับใจพวกเขาทุกคนจริงๆ ครับ

แล้วชินจิก็แนะนำเพื่อนๆ ให้รู้จักกับผม

คนแรกชื่อ เรียวตะคุง
คนที่สอง ทาคุยะคุง
คนที่สาม โชตะคุง

แนะนำกันเสร็จเพื่อนๆ ของชินจิก็เอาผ้าขาวมาแจกพวกผม 3 คนที่พึ่งมาถึง
ตอนที่เพื่อนของชินจิเอาผ้ามาให้ผมก็ทำหน้างงๆ

“นี่ผมเข้าร่วมงานได้ด้วยเหรอ”
“วินซังเข้าได้แน่นอน...ไม่ต้องห่วงไม่น่ากลัวอย่างที่คิด”
ทาคุยะบอกผมยิ้มๆ เขาถือเป็นหนุ่มหน้าตาดีมากๆ ดูนิสัยดีและอารมณ์ดีคนนึง

“ไปเถอะวินคุงไปด้วยกันนะๆๆ!”
ไดสุเกะชวนผมยิ้มๆ แล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นใส่แค่ผ้าเตี่ยวต่อหน้าคนอื่นๆ
ชินจิมองผมยิ้มๆ ผมก็คิดในใจว่า

“เอาก็เอาวะ! โอกาสดีๆ ได้คลอเคลียกับผู้ชายเป็นหมื่นน่าสนุกจะตาย!” 5555

พอผมตกลงหนุ่มๆ ก็ร้องเย้ออกมาอย่างสนุกสนาน
ตอนผมเปลี่ยนชุดเหลือแต่เตี่ยวผืนเดียวเพื่อนๆของชินจิมองหุ่นผมยิ้มๆ

“วินซัง...หุ่นนายเล็กๆ น่ารักดีว่ะ”
เรียวตะที่ดูตลกๆ หน่อยพูดยิ้มๆแล้วพวกเขาก็แซวอีกนิดหน่อย

“คนไทยตัวเล็กอย่างวินซังทุกคนไหม”
โชตะถามด้วยความสนใจ ผมก็ตอบไปว่า...

“ก็อาจจะตัวเล็กกว่าคนญี่ปุ่นนิดหน่อยนะ...แต่คนตัวใหญ่ๆ ก็มีเยอะ”
(แถมควยใหญ่ด้วย 555)

เพื่อนๆของชินจิได้ฟังก็หัวเราะอย่างชอบใจ ดูอารมณ์ดีกันทุกคน
คงเป็นเพราะกรุ๊ปนี้ทุกคนสูงตัวหนาใหญ่กันทุกคน อย่างไดสุเกะก็สูงตั้ง 185
ที่เตี้ยหน่อยก็โชตะ แต่ถึงเตี้ยกว่าคนอื่นก็สูงตั้ง 177 เซ็นต์แล้วครับ
และแแต่ละคนก็เนื้อตัวแน่นหนามากๆ เขาเลยคิดว่าคนไทยตัวเล็ก

พอแต่งตัวกันเสร็จหนุ่มๆ ก็ตะโกนกันเสียงดังเหมือนเรียกพลังกันอย่างสนุกสนาน
ด้วยท่าทางเท่ห์ๆ ปนกวนๆ ทะลึ่งๆ แต่เห็นแล้วแมนดีครับเลยต้องบ้าไปกับหนุ่มๆ เขาด้วย 555

“เย้!!!...พวกเราลุย!!!”

หนุ่มๆ ญี่ปุ่นเนี่ยเวลาอยู่กับเพื่อนๆดูสดใสสนุกสนานและร่าเริงอารมณ์ดีกันจริงๆ เลยครับ
เห็นแล้วผมก็สนุกสนานตามไปด้วย เห็นแต่ละคนดูจะไม่ค่อยยอมกันเลยทีเดียว
เวลาต่อปากพูดคุยหยอกล้อกันสนุก มักจะแย่งซีนกันอยู่ตลอด เห็นแล้วรื่นเริงดีจริงๆ

ตอนเดินไปวัดผมก็รู้สึกเสียวๆ หนาวๆ เหมือนกันครับเพราะอากาศเย็นน่าดู
แต่พอเข้าไปในบริเวณวัดที่มีผู้คนจำนวนมากมายมหาศาลก็เริ่มอุ่นๆ ขึ้น

ก่อนเข้าไปพวกเราก็ตกลงกันว่าพอเสร็จงานให้มาเจอกันที่จุดเดิม
เพราะคนมากมายมหาศาลขนาดนั้นคงต้องหลุดหลงกันได้แน่ๆ

ยิ่งผู้ชายเป็นหมื่นๆ คนเนื้อตัวเป็นมัน เบียดเสียดยัดเยียดกัน
จนแทบจะเหมือนปลากระป๋อง!

ทีแรกผมก็ตกใจนะคือไม่เคยคิดว่าจะมาร่วมเทศกาลแบบนี้กับเขาด้วย
แต่พอเข้าไปแล้วเนื้อตัวผมก็เบียดเสียดไปกับผู้ชายฉกรรจ์ที่มีจำนวนมากมาย
ตอนแรกอาจจะรู้สึกกลัวๆแต่พอเบียดกันไปยัดกันเข้าไปก็สนุกล่ะซิ!
เพราะดงผู้ชายแท้ๆ ทั้งนั้นนี่ครับ 5555

แถมทุกคนก็เป็นหนุ่มญี่ปุ่นเจ้าทั้งนั้นสมใจไอ้วินชิบหาย!
โอ้ย!ชอบๆๆๆ!!!ปีหน้ากุจะมาอีก 555

ร่างกายเนื้อตัวของหนุ่มๆญี่ปุ่นแน่นล่ำแข็งแรงอวดเนินเนื้อกล้ามขาวๆ เป็นมัดๆ
ตอนเดินเข้าไปในวัดที่หนุ่มๆในชุดเตี่ยวอวดเรือนร่างแข็งแรง

เราเดินเข้าไปแบบเป็นแถวเรียงหนึ่งพยายามแทรกเข้าไปเรื่อยๆ
ยิ่งลึกก็ยิ่งแน่นขึ้นทุกทีๆๆ! โดยข้างหน้าสุดเป็นโชตะ ไดสุเกะ และชินจิ และก็ผม

ผมเดินไปก็กอดเอวชินจิไปทั้งรู้สึกสนุก ทั้งตื่นเต้นตอนกอดเอวเขาไปก็รู้สึกอุ่นใจอยู่นะ
ส่วนข้างหลังผม มีเรียวตะ กับ ทาคุยะ เดินแนบชิดติดข้างหลังผมเล่นเอาผมโคดฟินเลยครับ
ผู้ชายญีปุ่นเคยได้กอดแค่ 2 คนตอนนี้มีนายเรียวตะเพิ่มมาอีก 1 คน
ทำเอาผมเสียววาบๆ จนควยเริ่มโด่! จนสมองก็แอบคิดไปได้ตามความร่านที่เริบกำเริบ!

ก็ผู้ชายญี่ปุ่นแมนๆ หุ่นล่ำๆ อวดร่างเปลือยเป็นหมื่น!
แค่อวดอย่างเดียวไม่พอยังเบียดผมไปมาจะไม่ให้ผมมีอารมณ์ได้ไง!

“นี่มันในวัดนะโว้ยไอ้วิน!”
แต่ทำไงได้ล่ะครับ ก็โรคเก่าผมมันกำลังกำเริบนี่นา

โรคร่าน!!! 555
แถมไอ้หนุ่มญี่ปุ่นซี้ของชินจิก็ชอบเอาควยมาถูก้นผมซะจริงคนยิ่งเงี่ยนๆอยู่เนี่ย
เรียวตะเห็นผมตัวสั่นๆก็ชะเง้อหน้ามามอง ผมก็ยิ้มๆ หน้าเอ๋อๆ
เขาก็หัวเราะ ยิ้มๆ ด้วยแววตาแปลกๆ

แล้วหันไปคุยกับทาคุยะเหมือนผมจะโดนเขาจับได้
คงเพราะว่าตอนนั้นผมคงแสดงอาการอายออกมาอย่างเห็นได้ชัด
จนเรียวตะกับทาคุยะที่อยู่ข้างหลังผมเห็นจับอาการของผมได้ว่าผมกำลังเขิน!

พักเดียวตอนพวกเราเบียดเสียดเป็นปลากระป๋องเข้าไปในวัดที่มีผู้ชายเป็นหมื่นคน
ทันใดผมก็รู้สึกว่าเรียวตะเริ่มเอามือมากอดผม เอาเขามาถูๆ ที่ก้นผม
และผมรู้สึกด้วยสิว่าควยเขามันเริ่มแข็ง!!!

โอ้ยๆๆๆๆ!!! ตอนนี้ผมเสียวผมร่านมากๆ ครับท่านผู้ชม!
ในวัดก็ในวัดเถอะนะ เพราะตอนนี้ผมทนไม่ไหวแล้ว!

ตอนนั้นกำลังรู้สึกเบลอๆ เอ๋อๆ กับการโดนเรียวตะหนุ่มญี่ปุ่นหุ่นแน่น
ทดสอบความกล้าของผมอยู่ทางข้างหลัง

จนชินจิรู้สึกว่าผมกำลังมีปัญหาเลยหันมามอง

"วินคุงเป็นอะไร...กลัวเหรอ"
"เปล่าครับ...ผมแค่ร้อน"

เขาพยักหน้าแล้วเอามือบีบมือผมเป็นการให้กำลังใจ
เฮ้อ! อบอุ่นจัง ขอบอกว่าช่วยผมได้เยอะเลยจริงๆ

แต่แล้วชินจิก็พูดว่า...

“ถ้าเข้าไปลึกกว่านี้วินคุงระวังตัวด้วยนะ...ถ้าพลัดหลงกันก็เจอกันที่เดิมนะ”
อ้าว! ถ้าหลงกันจริงๆ แล้วผมจะทำยังไงเนี่ย ผมคิดด้วยความตื่นเต้น!

แล้วชินจิพูดยังไม่ครบ 1 นาที
คนที่อัดเบียดก็เริ่มยัดเยียดกันไปทางที่แย่งท่อนไม้ศักดิ์สิทธิ์กันครับ

นาทีนั้นความชุลมุนวุ่นวายก็เกิดขึ้นพร้อมเสียงของผู้ชายญี่ปุ่นเรือนหมื่นที่ดังอย่างน่ากลัว
การแทรก การดัน การยัดก็เกิดขึ้นในเวลานั้น ในที่สุดพลัดหลงกับชินจิจริงๆ!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น