วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 158 ไอ้วินอินเจแปน (5)

วันต่อมาพวกเราก็มาถึงจังหวัดเกียวโตเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น
หลังจากเสียเวลาวิ่งหาไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่จังหวัดโอคายาม่ากันให้มันไปเลย
แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากเพราะไปแล้วไม่เสียเที่ยวได้ไม้ใหญ่ๆ มาตั้ง 5 ไม้! 555

ชินจิบอกว่าจริงๆ แล้วแผนที่เขาตั้งไว้ก็คือชมฮานามิ(ชมดอกซากุระ)ที่จังหวัดชิสึโอกะ
แล้วก็ไปเที่ยวชมเมืองในแถบภูมิภาคคันไซ ชมความวัดโบราณเก่าแก่สวยงามของเมืองนารา
เที่ยวเมืองเกียวโต เมืองหลวงเก่า ชมสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ และ สวยงาม
และสุดท้ายที่จังหวัดโอซาก้า ไปชมปราสาทโอซาก้าที่เก่าแก่อลังการ
แล้วบินกลับประเทศไทยที่สนามบินโอซาก้านี่เลย

แต่มีการเปลี่ยนแผนกะทันหัน เมื่อเพื่อนๆ ของชินจิชวนให้ไปร่วมเทศกาลเปลือยกายแย่งไม้
เทศกาล “ไซไดจิ เอะโย ฮะดะกะ มัตสึริ” ที่จังหวัดโอคายาม่า แผนต่างๆ จึงถูกเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

แต่จุดหมายที่เกียวโตและนาราก็ยังเหมือนเดิม
เพราะชินจิรู้ว่าเหตุผลที่ผมอยากมาญี่ปุ่น ก็เพราะเมืองนี้
ชินจิที่เป็นนักเที่ยวธรรมชาติซะยิ่งกว่าผมอีก เขาจึงสามารถบรรยายสถานที่ต่างๆ
และฤดูกาลการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นให้ฟังได้อย่างน่าประทับใจ

"ช่วงเดือน เมษา-พฤษภา ประเทศญี่ปุ่นจะมีความสวยงามกว่านี้อีก"

เพื่อนชาวญี่ปุ่นสุดหล่อเริ่มบรรยายไป ระหว่างเดินทางเข้าสู่เมืองเกียวโต
สองข้างทางยังต้นไม้ไร้ใบ ดูแห้งๆ ผสมกับความเขียวของทิวต้นสน เพราะยังไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิ

แต่เมื่อเข้าสู่เดือนเมษายนเป็นช่วงที่ดอกซากุระจะบานทั่วประเทศ
เอาแค่ในโตเกียวก็มีที่เที่ยวที่ชมดอกซากุระให้ถ่ายรูปมีที่กินเที่ยวเยอะแยะแล้ว
เขาบอกว่าประมาณเดือน เมษายน-พฤษภาคม นอกจากดอกซากุระที่บานเป็นสีชมพูสวยงามแล้ว
ก็ยังมี “ดอกฟูจิ” (วิสทีเรีย) ดอกไม้สวยๆ อีกชนิดที่จะทำให้ผมหลงรักประเทศญี่ปุ่นจนลืมไม่ลง

เล่าเสร็จชินจิก็หารูปมาโชว์ผม พอเห็นเข้าผมก็ร้องว้าว! ออกมาด้วยความชอบใจ
เพราะดอกไม้ชนิดผมพึ่งจะเคยเห็นหรืออาจจะเคยเห็นแต่ไม่ได้สังเกต
ภาพของความสวยงามของดอกฟูจิดูที่ห้อยย้อยหลากสีทั้งสีม่วงสีชมพู สีขาว สวยงามน่าชม

ชินจิบอกว่าถ้ามีโอกาสก็อยากให้ผมมาอีก แต่น่าเสียดายช่วงเดือนเมษาไปจนถึงพฤษภา
งานที่โรงแรมของเขาจะเยอะมากๆ และเขาต้องอยู่ช่วยงานของครอบครัว

เพราะช่วงเดือนเมษายนเป็นช่วงวันหยุดยาวของประเทศญี่ปุ่นแทบไม่ต่างจากคนไทย
ในช่วงเวลานี้คนญี่ปุ่นก็จะออกท่องเที่ยวกันทั่วประเทศคนจะเยอะมากๆ
ทำให้ที่พักต่างๆ มีลูกค้าเต็มไปหมดชินจิเขาจึงไม่มีเวลาที่จะพาผมเที่ยวในช่วงเวลานี้
ผมก็ยิ้มๆ และขอบคุณเขา…

“แค่นี้ก็อาริกาโตะมากๆ แล้วครับ”
“เอาไว้ผมว่างๆ จะชวนมาเที่ยวอีกนะ...กลับประเทศไทยแล้วอย่าลืมกันก็พอ”
“ไม่ลืมแน่นอนครับ...อาริกาโตะโกะไซฮิมัสครับชินจิคุง”

ผมพูดขอบคุณเขาแทบจะทุกคำเขาก็ยิ้มๆ
เจ้าไดสุเกะก็เหมือนอยากอวดความเป็นนักเบสบอลคนตัวจริงของตัวเอง

“ถ้ามีโอกาสมาดูผมแข่งเบสบอลนะวินคุง...รับรองนายต้องชอบแน่ๆ”
ไดสุเกะชวนออกหน้าออกตา จนพี่ชายและเพื่อนพี่ชาย หัวเราะกันใหญ่เพราะรู้ว่าไดสุเกะอยากอวด

“อยากดูซิ...อยากดูมากๆ เลยไดสุเกะคุง...เพราะที่ประเทศไทยไม่ค่อยได้เห็นคนเล่นเบสบอล”
หนุ่มญี่ปุ่นมีท่าทีแปลกใจเมื่อรู้ว่ากีฬาชนิดนี้ไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทย

“หา!...ไม่ค่อยเห็นจริงเหรอวินคุง!...ในญี่ปุ่นกีฬาเบสบอลนี่คือสุดยอดของกีฬาระดับประเทศเลยนะ!”
ไดสุเกะพูดเหมือนยังไม่ค่อยเชื่อ คงเพราะเขายังเด็ก

แต่กีฬาเบสบอลที่ประเทศญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นกีฬาที่คนในประเทศชื่นชอบกันมากจริงๆ ครับ
มิน่าถึงเห็นในการ์ตูนผู้ชายหลายต่อหลายเรื่อง

“อาโน่(อืม)...จริงๆ ก็คงจะมีคนเล่นบ้างนะ...แต่คงมีแค่ในโรงเรียนหรือก็ในระดับมหาวิทยาลัยบางแห่งเท่านั้น”
“พูดอย่างนี้ชักอยากชวนวินคุงไปดูซะแล้วสิเนี่ย!”

ไดสุเกะพูดแล้วทำหน้าเหมือนอยากให้ผมไปดูเอามากๆ
ผมว่าก็ตามประสาหนุ่มวัยรุ่นที่อยากโชว์ของดีนั่นแหละครับ
แต่ก็ยอมรับนะ ว่าผมก็อยากไปดูเหมือนกัน

“แล้วที่ประเทศไทยกีฬาอะไรที่เขาฮิตกันล่ะ...มวยไทยใช่ไหม”
เรียวตะถามเหมือนมีความสนใจประเทศไทยถึงรู้จักประเทศไทยและมวยไทยแบบนี้

“ใช่ครับเรียวตะคุง...แต่จริงๆ คนไทยชอบฟุตบอลมากกว่ามวยไทยอีกนะ
...รองจากนั้นก็วอลเล่บอล บาสเก็ตบอล...”

“ที่ประเทศญี่ปุ่นเราก็ชอบฟุตบอล
"ผมก็ชอบเตะฟุตบอลครับไปเตะกับเพื่อนที่มหาลัยอยู่บ่อยๆ"

ทาคุยะได้ฟังผมพูดก็ยิ่งสนใจ และเริ่มเล่าให้ผมฟังว่าสมัยเรียนไฮสคูลทั้งเขาและเพื่อนคนอื่นๆ
ก็เตะบอลกันเป็นประจำ มีแต่ไดสุเกะที่หันไปเอาดีทางด้านกีฬาเบสบอล

“ผมต่อยทั้งมวยไทยและเตะฟุตบอลได้ครับแต่ไม่เก่ง”

ผมเลยเล่าให้พวกเขาฟังว่าญาติผมเป็นนักมวยอาชีพ(ไอ้ต้อย)
แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปรับราชการทหารแล้ว หนุ่มญี่ปุ่นได้ฟังก็อยากเห็นผมตั้งการ์ดให้ดู

ผมก็บอกเอาไว้ลงรถก่อนจะแสดงให้ได้เห็นถึงความน่ากลัวของมวยไทย
นั่นยิ่งทำให้หนุ่มๆ ที่ชอบกีฬาฟังแล้วตื่นเต้นและชอบกันใหญ่
ชินจิเองก็ไม่อยากเชื่อว่าเห็นผมตัวเล็กๆอย่างนี้จะต่อยมวยไทยเป็นด้วย

“มันอยู่ในสายเลือดคนไทยครับ 555”
ผมตอบเขายิ้มๆ หนุ่มญี่ปุ่นทั้ง 5 คนฟังแล้วก็ได้แต่ร้อง

“สุโค่ย!!!”  ด้วยความชอบใจกันใหญ่
หน้าตาทุกคนเหมือนจะสนใจในตัวผมขึ้นมาอีกเท่าตัวเมื่อได้ฟังเรื่องกีฬามวยไทย

เพราะมวยไทยถึงไม่ได้เข้าเรียนก็อยู่ในดีเอ็นเอคนไทยเป็นเรื่องปกติ
เพราะเป็นการต่อสู้ของชายไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณในยามต่อสู้ป้องกันกันตัว
ในยามที่หาอาวุธไม่ได้ก็ใช้ร่างกายเปล่าๆนี่แหละต่อสู้ป้องกันตัว

ผมก็ได้ไอ้ต้อยนี่แหละครับช่วยสอนต่อยมวยท่าพื้นฐานเพื่อเอาไว้ใช้ในตอนที่เกิดการต่อสู้
โดยเฉพาะท่าสำหรับคนตัวเล็กที่อาจต้องต่อสู้กับคนที่ตัวใหญ่กว่า
และผมก็มีหลายโอกาสได้ใช้อยู่หลายครั้งซะด้วยสิ
(อย่างตอนที่มีเรื่องในวันเกิดของไอ้นิวนั่นก็ครั้งนึง)

พอมีเรื่องกีฬาขึ้นมาพวกเราก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

วันทั้งวันก็เข้าวัดนั้นออกวัดนี้เดินเที่ยวไปตามสถานที่สำคัญที่มีความโดดเด่นของเมืองเกียวโต
แต่เมืองนี้ขอบอกว่าเที่ยวกันเป็นอาทิตย์ก็ไม่หมดครับโดยเฉพาะคนที่ชอบถ่ายรูป
และชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์

เพราะเกียวโตถูกตั้งเป็นเมืองหลวงมาตั้งแต่ค.ศ. 794 หรือประมาณ พ.ศ. 250-251
จึงมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมีวัดวาอาราม พระราชวัง ศาลเจ้าเก่าแก่มากมาย
รวมไปถึงมีธรรมชาติที่สวยงาม จนกระทั่งต้องย้ายเมืองหลวงไปยังเมือง เอโดะหรือโตเกียว

แต่ถึงอย่างนั้นเกียวโตก็ยังมีความสำคัญในฐานะเมืองแห่งวัฒนธรรมมาตลอด
เพราะเกียวโตมีการรักษาสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
ในขณะที่อีกหลายๆ เมืองถูกทำลายจากการทิ้งระเบิดไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ด้วยเหตุนี้ความเก่าแก่ทรงคุณค่าที่สวยงามทรงคุณค่าของสิ่งก่อสร้างอายุนับพันปีที่สร้างจากไม้
ทั้งพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต วัดพุทธของนิกายต่างๆศาลเจ้าชินโต บ้านเรือนประชาชน
จึงยังคงสภาพสมบูรณ์มาจนถึงปัจจุบัน ทำให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม

ผลการสำรวจประชากรญี่ปุ่นประมาณ 35% นับถือศาสนาพุทธ
ลัทธิชินโตมีผู้นับถือประมาณ 3% และคริสต์ศาสนาประมาณ 2%
แต่ถึงจะบอกว่านับถือพุทธแต่ก็เป็นพุทธที่แตกต่างแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เพราะเป็นศาสนาพุทธที่รับอิทธิพลจากลัทธิชินโตแทบทั้งสิ้น บางส่วนก็รับอิทธิพลขงจื้อ
จึงมีนิกายย่อยๆ ออกมามากมาย ทั้งนิกายเซน นิกายเทนได นิกายโจโด นิกายนิชิเรน
และนิกายชินงอน และอีกหลายนิกายแยกย่อยอื่นอีกมาก

บางนิกายพระมีเมียมีลูกได้ ฉันเนื้อได้ เหมือนคนปกติทั่วไปอย่างนิกายโจโด
แต่ยกเว้นพระระดับเจ้าอาวาสจะมีครอบครัวไม่ได้

ส่วนลัทธิชินโตเป็นความเชื่อดั้งเดิมในประเทศญี่ปุ่นคือการนับถือธรรมชาติภูตผี จะว่าไปก็คล้ายกับไทย
ซึ่งคนญี่ปุ่นสมัยโบราณถือว่าธรรมชาติและวิญญาณก็คือเทพเจ้า
ดังนั้น ลัทธิชินโตจึงได้กลายมาเป็นศาสนาของชุมชน มีศาลเจ้าประจำหมู่บ้านและตามเมืองแทบทุกที่

แม้ว่าลัทธิชินโตจะไม่สนใจในเรื่องชีวิตในชาติก่อนหรือชาติหน้าเหมือนพุทธศาสนา
แต่ลัทธิชินโตก็สามารถผสมผสานไปกับศาสนาพุทธได้อย่างดีและราบรื่นไม่เคยเกิดปัญหา
บางครั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติจึงแทบแยกไม่ออกว่าที่ไหนคือวัดพุทธที่ไหนคือศาลเจ้าชินโต
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีวัดพุทธและศาลเจ้าชินโตปะปนกันไปทั่วประเทศ

และสถานที่หลายแห่งก็เป็นมรดกโลกของยูเนสโก้เลยทีเดียว
เมื่อรวมพุทธศาสนา ลัทธิชินโต และคริสต์แล้วประมาณ 40%
ส่วนที่เหลืออีก 60% ไม่ได้ระบุว่านับถือศาสนาใด
แต่เมื่อถึงเทศกาลและพิธีสำคัญๆ ก็จะมีการกราบไหว้บูชาอยู่เสมอ

(ชินจิ และคนอื่นๆ นับถือศาสนาพุทธนิกายเซน)

ผมรู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ได้เข้าสู่สถานที่ในประวัติศาสตร์อันเก่าแก่สวยงามของเกียวโต
ทุกแห่งที่ได้ก้าวเท้าเข้าไปคือความประทับใจทุกจุด เพราะเขาให้ความสำคัญกับวัตถุโบราณ
ผสานไปกับธรรมชาติของต้นไม้ใบหญ้าและที่สำคัญคือทุกที่สะอาดมาก

ถ้าคนที่ชอบถ่ายรูปล่ะก็ขอบอกว่าเมืองนี้คือสุดยอดจริงๆ
เพราะมีเยอะแยะจนเที่ยวไม่หมด แต่ที่ๆ ผมไปมีแค่...

-วัดคิโยมิสุ วัดเก่าแก่สร้างจากไม้อายุนับพันปีที่ตั้งอยู่บนเขา
-วัดคินคาคุจิ ซึ่งเคยเป็นปราสาทคินคาคุจิ ปราสาทของท่านโชกุน "อะชิกะงะ โยะชิมิสึ"
ในการ์ตูนอิคคิวซังนั่นแหละครับ
-ศาลเจ้าจิ้งจอกอินาริ (ศาลเจ้าที่มีเสาร์ไม้แดงอันโดดเด่น)
-ย่านกินเที่ยว ฮิกาชิยาม่า 
สถานทีแต่ละแห่งที่ไปขอบอกว่าชอบและประทับใจทุกที่ครับ
แต่ที่ๆ ผมประทับใจที่สุดกลับเป็น
-วัดอิคคิวจิ หรือ “วัดอิคคิวซัง” วัดสุดท้ายที่พระอิคคิวเป็นเจ้าอาวาสและจำพรรษาอยู่
อิคคิวซัง เดิมคือ เจ้าชายเซนงิคุมารุ เป็นโอรสของพระจักรพรรดิโกโคมัตสึ
และเจ้าจอมอิโยะ ท่านและท่านแม่ต้องออกจากวังเมื่ออิคคิวซังมีอายุเพียง 5 ขวบ

ท่านถูกแยกจากแม่และส่งไปบวชตามการ์ตูน เมื่อท่านบวชเป็นเณรท่านยังไม่ได้ชื่ออิคคิว
แต่ชื่อว่า “ชูเค็น” เมื่อตอนเป็นหนุ่มท่านถึงได้ชื่อว่า "อิคคิว"

บั้นปลายชีวิตท่านได้เป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้และมรณภาพเมื่ออายุ 87 ปี
วัดแห่งนี้เป็นวัดนิกายเซน จึงมีสวนสวยๆ ประดับหินให้ความรู้สึกสงบสบายแบบเซ็น

เพราะนับถือในความฉลาดน่ารักของอิคคิวซังมาตั้งแต่ได้ดูการ์ตูน พอศึกษาประวัติจริงๆ ก็ยิ่งนึกชอบ
การที่ผมได้มาที่วัดนี้จึงเป็นสิ่งที่ผมประทับใจมากๆ
หนุ่มๆ เห็นผมดูปลื้มอกปลื้มใจหนัก ก็เลยปล่อยให้ผมได้ซึมซับความประทับใจนานกว่าที่อื่นๆ

........................................................................................

วันทั้งวันจึงเพลิดเพลินกับการชื่นชมสถานที่เก่าแก่ทางประวัติศาสตร์จนค่ำ
แล้วก็หาที่นั่งกินข้าวกันไปพูดคุยกันไปอย่างออกรส
ทำให้อาหารมื้อนั้นของผมอิ่มและอร่อยจนพุงกางไปเลย

เราได้ที่พักที่เป็นบ้านแบบญี่ปุ่นที่เป็นห้องโถงโล่งๆ ปูด้วยเสื่อทาทามิ
มีประตูเปิดปิดแบบสไลด์ได้ ความกว้างสะอาดสะอ้านตาที่ผมเห็นทีไรก็นึกชอบบ้านแบบนี้ทุกที
แถมหน้าห้องพักยังมีสวนหินแบบเซนมีต้นสนที่ถูกดัดเป็นบอนไซสวยๆ
เห็นแล้วก็รู้สึกถึงความสงบและสวยงามลงตัวแบบเซนซึ่งที่อยู่อาศัยไปด้วยกันได้กับธรรมชาติ
สิ่งที่ผมเห็นอยู่บริเวณที่พักขอบอกว่าชอบมากๆ

คืนนี้ที่ศาลเจ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่มีงานเทศกาลในตอนกลางคืน
หนุ่มๆ จึงชวนผมใส่ชุดยูกาตะเพื่อจะได้อินไปกับบรรยากาศของเมืองหลวงเก่าแห่งนี้

เพราะตอนเที่ยวตอนกลางวันเห็นนักท่องเที่ยวนิยมแต่งชุดกิโมโนและยูกาตะกันเยอะมากๆ
คงเพราะนักท่องเที่ยวที่มาต่างก็คิดเหมือนกันว่าการสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆต้องมีส่วนร่วมมั้ง
ผมอาบน้ำพึ่งเสร็จก็เห็นแต่เรียวตะที่ยังอยู่ในห้องนั่งคุยโทรศัพท์กับแฟนสาวอยู่
ส่วนคนอื่นๆ หายไปไหนกันหมดแล้วไม่รู้

ผมมองหนุ่มญี่ปุ่นในชุดยูกาตะสีเข้มๆ แมนๆ นอนคุยโทรศัพท์อย่างสนใจ
หุ่นแน่นล่ำของเขาก็มีแรงดึงดูดมากมาย ผู้ชายในชุดยูกาตะเปิดอกกว้างๆ
นับเป็นเสน่ห์ของผู้ชายญี่ปุ่นจริงๆ

พอเรียวตะเห็นผมเขาก็เอามือปิดมือถือไว้แล้วหันมาบอกผม

“วินคุงคนอื่นขอออกไปก่อนนะเดี๋ยววินคุงกับผมค่อยตามไป”
“ครับ”

ผมตอบเขาไปส่วนเขาพอบอกผมเสร็จก็หันไปคุยโทรศัพท์กับแฟนต่อ
แมนๆ ล่ำๆแบบนี้อยากเห็นหน้าตาของแฟนสาวของเรียวตะซะแล้วสิครับว่าจะสวยแค่ไหน
ผมแต่งตัวเสร็จก็ไปนั่งใกล้ๆเขาแล้วเอามือไปกอดข้างหลังเขาเรียวตะก็หันมามองยิ้มๆ

แล้วเอามือมาลูบหัวผมเล่นผมเห็นเขาไม่ถือตัวเหมือนตอนแรกๆ
ผมจึงเริ่มลงมือล้วงเข้าไปกำที่เป้าของเขาทันที!

ว้าว! เป้าแน่นมากๆ ครับท่านผู้ชม
หุ่นแน่น ตัวหนา แถมควยยังใหญ่แบบนี้ไม่กินไม่ได้แล้วครับ!

ทีแรกเรียวตะกุมมือผมไว้เหมือนจะหวงไม่ยอมให้ล่วงล้ำอธิปไตย

แต่ผู้ชายเวลาเงี่ยนแถมยังเคยๆกันมาแล้วหลายดอกมีเหรอจะหวงควยได้นาน
ผมฟังเขาคุยกับแฟนสาวไปแต่หัวใจก็คันยิกๆอยากกินกล้วยหอมญี่ปุ่นดุ้น 8.5 นิ้ว!!! อีก
แถมตอนนี้ไม่มีมือที่ 2-3-4-5 ก็ยิ่งง่ายต่อการจัดการสิครับ

เรียวตะทนการเกาะแกะของผมไม่ไหวก็เลยปล่อยให้ผมแหวกชุดยูกาตะออก
จนผมเล่นกำควยเขาจนได้ถนัดมือ

ตอนนี้ควยดุ้นใหญ่ของหนุ่มญี่ปุ่นหุ่นล่ำกำลังแข็งจัดพร้อมให้ผมได้จัดการแล้วครับ
ผมไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้างหน้าเขาแล้วทั้งชักทั้งคลึง
จนเรียวตะหนุ่มญี่ปุ่นหน้าแมนหุ่นล่ำถึงกับกัดปากแทบจะหลุดเสียงครางออกมา

แต่หนุ่มญี่ปุ่นเขายังคงสุภาพไม่ว่าผมซักคำ แค่ยังกุมมือผมไว้แล้วส่ายหน้า
เหมือนจะบอกให้ผมหยุดกระทำการล่วงเกินเขาเถอะ
แต่ขอโทษด้วยนะ! เพราะน่าแดกขนาดนี้ผมไม่มีทางปล่อยผ่านไปได้แน่

ผมยังดื้อแพ่งเล่นทั้งชัก ทั้งถอกควยดุ้นงามของเขาเล่นหนับๆๆๆ!!! แบบมันมือ
โห! ควยเขาทั้งใหญ่ทั้งแข็งและอวบหนา ได้กินมาหลายดอกแล้วยังติดใจไม่หาย

ดุ้นงามๆ ของเรียวตะตั้งอยู่กลางดงหมอยดกงามแต่เป็นระเบียบโคดเซ็กซี่ ผมติดใจจนลูบไปสางไปมันมือง
หมอยเขาเหนียวจนติดมือจนแทบอยากกำอยากสางเล่นให้ทุกวัน

ต้นขาของเรียวตะทั้งใหญ่บึ้มหนาแน่นถูกผมบีบคลึงแบบมันมือผมนั่งชักๆ! ถอกๆ! ควยหนุ่มญี่ปุ่นไป
ก็แหวกชุดยูกาตะเขาออกหัวนมป้านใหญ่สีสดของเขาก็โดนผมลงลิ้นแบบมันๆ!

จนในที่สุดเรียวตะก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป! เมื่อเขาต้องขอแฟนสาววางสาย บอกว่าเพื่อนรออยู่
ผมฟังแล้วก็ขำเพราะเขาไม่ได้โกหกซักนิด เพราะตอนนี้ผมรอเย็ดกับเขาอยู่จริงๆ 555

พอวางาสายเสร็จเขาก็จับผมผลักลงนอนกับพื้นเสื่อทาทามิแบบหื่นๆ แล้วตบก้นผมแปะๆ แบบหมั่นเขี้ยว
หน้าตาเขาตอนนี้ดูทะลึ่งและมีอาการอยากจนผมเสี้ยนหนักอย่างพอใจ

“ผมเกือบโดนแฟนจับได้แล้วนะเนี่ย!...วินคุงนายนี่ซนอย่างร้ายกาจ 555”
“จุ๊บๆ!...ก็เรียวตะคุงนั่นแหละที่ผิด...รู้ไหมครับ”
ผมดันไปหาว่าเป็นความผิดของเขาซะอีกแน่ะเรียวตะได้ยินก็หัวเราะ

“ไม่รู้นะเนี่ยว่าผมทำอะไรผิด 555”
“ผิดดิ...ผิดมากด้วย...เพราะเรียวตะคุงทั้งหล่อแถมควยใหญ่มากๆ ไง!”

ผมพูดเสร็จก็ดึงหน้าเขามาดูดปากจ๊วบๆ!
เรียวตะก็โน้มหน้าเพื่อแลกลิ้นดูดปากกับผมแบบแมนๆ โคดจะสะใจสุดๆ
ยิ่งทำให้ผมนึกชอบผู้ชายญี่ปุ่นคนนี้เข้าอย่างหนัก

เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาแมนๆ หุ่นล่ำกล้ามแน่น ต้นขาใหญ่ ที่สำคัญควยใหญ่มาก
นอกจากนี้เรียวตะยังเป็นหนุ่ม ตลกโปกฮา อารมณ์ดี ถือว่ามีเสน่ห์กับผมมากๆ

ผมแลกลิ้นกับเขาอยู่แป้บๆเรียวตะก็กดหัวผมลงไปดูดควยให้เขา
เพราะหลังจากมีอะไรกันมาหลายวันผมรู้ได้ว่าผู้ชายกลุ่มนี้ทั้งกลุ่มชอบให้คนโม๊คให้
พอโม๊คให้มันๆแล้วก็ลงเอยด้วยการเย็ดตูดผมจนน้ำทะลักทุกคนไป

“ดูดมันๆ เลยครับ…ซี้ด!!!...อา!...สุโค่ยยย!!! ไปเลยครับวินคุง!”

พอเขาโดนผมนั่งโม๊คแบบมันๆ ปากเรียวตะก็นั่งอ้าขากว้างๆ เอนตัวสบายๆ แต่ยังไม่ถึงกับนอนลงไป
ปล่อยให้ผมดูดควยเขาไปแบบมันๆควยดุ้นใหญ่ของเรียวตะดูดอร่อยเหี้ยๆ ครับเต็มปากเต็มคอ

แถมยิ่งดูดน้ำเงี่ยนก็ยิ่งใหลเยิ้มเป็นการบอกว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับการโดนผมนั่งเทียน!
ทันใดนั้นความเงี่ยนความร่านของผมก็ถอดกางเกงในออกแต่ไม่ได้ถอดชุดยูกาตะ
ผมขึ้นไปนั่งบนควยดุ้นใหญ่ของหนุ่มญี่ปุ่นหน้าแมนหุ่นล่ำต้นขาใหญ่บึ้มทันที!

“ผมจะทำให้เรียวตะคุงมีความสุขนะครับ”

ผมพูดเสร็จก็ดึงหน้าเขามาดูดปากจ๊วบๆ!เขาก็แลกลิ้นดูดปากกับผมไป
จนผมกดตูดอมควยเขาเข้ามาในตัวผมช้าๆช้าๆ จนกระทั่งเข้ามาได้มิดลำ!

“อา!!!...อูยยย!!!...ซี้ดดดด!!!”

พอได้ควยใหญ่ยักษณ์ของหนุ่มญี่ปุ่นสุดแมนผมก็ถึงกับครางออกมาทั้งจุก ทั้งมัน
เพราะขนาด 8.5 นิ้ว!!! โดนทันทีก็ต้องจุกต้องเจ็บกันเป็นธรราดา

แต่ก็แค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น มันก็จะตึงๆ คับๆ ที่รูหน่อย!

แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางมันก็คือความสุขดีๆนี่เอง

“ซี้ดดด!!!...อึ๊บๆๆๆ!!!...ควบแรงๆ เลยวินคุง!!!...โอ้ววว!!!...สุโค่ยยย!!!”

ตอนนี้เขาลุกนั่งตัวตรงกอดเอวผมแน่นๆแล้วไซ้คอผมไปด้วยแบบติดลม!
ผมก็กอดรอบคอเขาแน่นๆทั้งดูดไซ้ตามติ่งหู ตามหน้าตา ตามลำคอ เขาไป
ความรู้สึกตอนนี้ทั้งเสียวทั้งมันสะใจเป็นบ้า!

ผู้ชายตัวหนาหน้าแมนผิวเนียนสะอาดกำลังถูกผมควบควยขย่มตออย่างมันตูดสุดๆ!
จนถึงกับร้องครางด้วยความเสียว!

“โอ้วว!!!...วินคุงสุโค่ยยย!!!...โอ้วว!!!...ซี้ดดด!!!”

เรียวตะส่งเสียงครางด้วยความเสียวสะใจแล้วจับผมนอนหงายอ้าขากับพื้นเสื่อแล้วเร่งกระแทกดัง

ตั้บๆๆๆๆ!!!
แบบรัวๆ ด้วยลีลาเย็ดอันมันสุดยอดหนักหน่วงและแรงดีสุดๆ!

“อึ๊บๆๆๆ!!!...โอ้วมัน!!!...โอ้วว!...สุโค่ยยย!!!”

หน้าตาเรียวตะตอนเย็ดผมด้วยความหื่นความมันเขาดูหล่อดูแมนขึ้นเป็นกองเลยครับ
ผมเห็นแล้วถึงกับน้ำปลายควยซึมจนแทบจะแตกเอาให้ได้!
สองมือผมบีบคลำไปตามร่างกายบึกบึนผิวเนียนสะอาดของหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้อย่างมันมือ!
ตลอเวลาที่เขากระทุ้งผมยิกๆๆๆ!!! อยู่นั้นคือความสุขที่ทำให้ผมหลงไปเลย!

จนกระทั่งเขาเปลี่ยนท่าเป็นจับผมคลานสี่ขาแล้วกระแทกก้นผมแรงๆๆๆ!!!
น้ำหนักการเย็ดของเขานั้นมากมายตามน้ำหนักตัวที่หนักร่วม80 กิโลกรัม!
ความมันจึงบังเกิดอย่างมากมายในตอนนี้!

แต่ก่อนที่เรียวตะจะสำเร็จความจากตัวผม ชินจิก็ดันกลับมาขัดจังหวะพอดี!
ชินจิเลยได้เห็นผมกับเพื่อนสนิทของเขากำลังเล่นหนัง AV กันแบบมันๆ

“โห!...ร่วมรักกับวินคุงแบบมันไปเลยนะไอ้เกลอ!”
“ไฮ้!(ใช่)โว้ย!...ถ้าเอ็งไม่มาขัดจังหวะซะก่อน!...อึ๊บๆๆ!!!”

เรียวตะตอบเพื่อนสนิทไปแบบไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านแถมยังเร่งกระแทกก้นผมดัง ตั้บๆๆ!!!

ก็อย่างที่ชินจิเคยบอกนั่นแหละครับว่าเขากับเพื่อนไม่มีความลับอะไรต่อกัน
ยิ่งเป็นผมที่เป็นคนไทยที่เป็นชาติที่บรรดาเพื่อนกลุ่มนี้อยากลองอยากได้ด้วย
พอมีโอกาสพวกเขาเลยไม่เคยจะรีรอให้เสียโอกาสว่างั้น

“ขอร่วมด้วยได้ไหมวะ”
ชินจิทำเป็นถามหน้าตาอ้อล้อดูกวนๆเรียวตะก็หัวเราะไปเด้าเย็ดผมไป

“โด้โสะ(เชิญ)เลยไอ้เกลอ...เดี๋ยวเอ็งมาเอาปากวินคุงไปก่อน...อีกไม่นานข้าก็ใกล้จะเสร็จแล้ว!”
ชินจิเดินเข้ามาแล้วแหวกชุดยูกาตะออกควยดุ้นงามใหญ่ยาว 7.5 นิ้ว! ของเขาก็ตั้งเด่!

เจ้าของควยชักหนึบๆๆๆ!!!
เห็นแล้วงดงามน่าดูดน่าอมเหลือเกินครับโดยเฉพาะมันเป็นควยของคนหล่อหุ่นดี
และมีผิวเนียนงามอย่างชินจิด้วยแล้วผมเลยเอื้อมมือไปดึงมาเหมือนกลัวจะไม่ได้กิน

“ชินจิคุง!...ให้ผมจัดการให้นะครับ!”
ชินจิก็ยิ้มๆ อย่างเอ็นดูในความกระหายของผม

“โด้โสะ!(เชิญ!)เลยครับวินคุง...กินให้โออิชิไปเลยนะ 555”

ผมได้ควยดุ้นงามของชินจิมาทั้งดุ้นผมก็ดึงเข้าปากดูดจ๊วบๆๆๆ!!!
ควยเข้างดงามได้ลักษณะ หัวบานงามดุ้นอวบหนาเป็นลำตรงดุ้นสีสะอาดน่าดูดน่าเลีย
ไข่แฝดใหญ่ไร้ขน หมอยดกงามเซ็กซี่หน้าท้องมีไรขนโคดแมนสมชายสุดๆ!
ทุกส่วนที่ว่ามาช่างทำให้ผมร่านแตกสุดๆ

ทั้งตูดตอนนี้ก็โดนเรียวตะกระแทกควย 8.5นิ้ว!!! กระทุ้งเย็ดอย่างเมามัน!
สองแขนของเรียวตะก็กดไหล่ผมแรงๆอัดน้ำหนักที่แสนจะหนักหน่วงใส่ตัวผมแบบมันๆ

“อ้ะๆๆๆๆ!!!...อึ๊บๆๆๆๆ!!!...โอ้ววว!!!...สุโค่ยยย!!!”

เรียวตะเร่งกระแทกไปต้นขาใหญ่ๆของเขาก็กระทบตูดและก้นผมไปปากเขาก็ร้องคราง

“มันไปเลยนะไอ้เกลอ...ซู้ดดด!!!...อา!!!”

ชินจิที่ยืนให้ผมโม๊คควยให้ก็แซวเพื่อนไปไปหน้าตาเสียวๆ
ปกติหน้าตาเขาหล่ออยู่แล้วแต่พอโดนดูดควยชินจิก็ยิ่งโคดหล่อในใจผมเลยครับ
หมอยเขาโคดสวย เซ็ก แมน หน้าท้องก็เป็นซิกแพ็คมีขนอุกอุยโคดจะเซ็กเหี้ยๆ!

จนผมดูดควยเขาไปก็เอามือสางขนเขาเล่นไปแบบมันๆมือ
บางทีก็เอามือไปลูบตามตัวและหัวนมเขาด้วย
มันช่างเป็นความสุขที่ผมต้องการมานานหลายปีที่จะได้กลับมาให้เขาเย็ดอีกครั้ง

และตอนนี้ผมก็สำเร็จสมประสงค์ดังใจหมายแล้ว
แล้วในที่สุดเรียวตะพ่อหนุ่มญี่ปุ่นหุ่นล่ำหน้าแมนและมีขนาดควยใหญ่หนา
ก็เร่งกระแทกรัวๆๆๆๆ!!! ทั้งเร็วและแรงขึ้นๆๆๆ!!!
แล้วความมันของเขาก็ได้รับการปลดปล่อยจากรูทวารของผมที่เป็นคนต่างบ้าน

“โอ้วววว!!!....เยสสสส!!!...โอ้ววว!!!...สุโค่ยยยยย!!!”
และแล้วเรียวตะก็กระตุกตัวเกร็ง และฉีดน้ำอุ่นๆ เข้ามาในร่างกายผมอย่างมากมาย!!!

“แฮ่กๆๆๆ!!!...อูยย!...สุโค่ยยย!”

เรียวตะน้ำแตกแล้วแต่ก็ยังกอดรัดข้างหลังผมแน่นๆอย่างมีความสุข
ร่างกายของเขาแน่นหนาบึกบึนและร้อนวาบ
แต่ผมก็ยิ่งชอบครับรู้สึกได้ถึงพลังของหนุ่มญี่ปุ่นได้สุดๆ

“มาให้ข้าร่วมรักกับวินคุงบ้างเถอะนะ”

ชินจิพูดเสร็จเรียวตะก็ถอนควยดุ้นใหญ่ที่เริ่มอ่อนตัวออกจากก้นผมจนน้ำของเขาไหลย้อยออกตามขาผม
เรียวตะก็เอาผ้ามาเช็ดน้ำตัวเองแล้วหัวเราะกันสองคนแบบคึกคะนอง

“น้ำข้าออกเต็มก้นวินคุงไปเลยว่ะ 555”
“เช็ดให้เกลี้ยงๆ เลยเอ็งแม่งมาทำซะวินคุงของข้าเลอะเทอะไปหมด”
“เอาน่าเพื่อนกันไม่รังเกียจกันไงสัญญากันไว้แล้วนะโว้ย!”
“เออๆๆ ข้าก็พูดไปงั้นแหละ แค่นี้มาทำเป็นทวงสัญญา 555”

สองเพื่อนเกลอพูดคุยกันขำๆผมก็ยังคลานสี่ขารอการเย็ดจากชินจิอยู่
จนเขาเข้าประจำการเอาควยดันเข้ารูจนมิดดุ้น! ผมก็หลับตาครางอย่างมีความเสียวสุดๆ!

“อ้า!...สุโค่ยย!!!”
“ชอบใช่ไหมล่ะวินคุงครางใหญ่เลย 555”
“ไฮ้!(ใช่ครับ)...ผมชอบมากๆเลยครับชินจิคุง...อา!...อูยยย!”

ผมแอ่นก้นให้ชินจิกระหน่ำพั่บๆๆๆๆ!!!เขาเริ่มกระแทกแบบเบาๆ เพลินๆ กันไป
สองแขนก็กดเอวผมแน่นบางทีก็บีบบี้ตามยอดอกให้ผมไปสร้างความเสียวความมันให้ผมอย่างมากมาย

“อา!...ซี้ดดด!!!”

ผมมีความสุขจนครางออกมามือก็เริ่มชักควยตามไปจนเสียวจี้ดที่ปลายควย
ซักพักชินจิก็เริ่มกระแทกแรงขึ้นๆๆๆ!!!ลีลาของชินจินั้นหนักเน้นและแรงไม่น้อยไปกว่าเรียวตะเลยครับ
แถมความหื่นก็มีมากกว่าซะอีก

คงเพราะเรียวตะยังไม่กล้ารุนแรงกับผมมากนัก เพราะพึ่งจะสนิทกันได้ไม่นาน
ไม่เหมือนชินจิที่สนิทกับผมมาหลายปี รู้ใส้รู้พุงกันเรื่องเย็ดได้ดีว่าผมนั้นชอบโดนเอาแรงๆ!
เขาจึงไม่ต้องมาสุภาพกับผมตอนที่เราอยู่ในตอนที่เย็ดกันแบบนี้!

ร่างกายของชินจิสูงล่ำหุ่นหนาหุ่นเขางามได้สัดส่วน
ต้นแขนแน่น อกหนา เอวคอด ต้นขาใหญ่กล้ามแน่นแกร่งไปทั้งตัว
พอเขากระหน่ำเย็ดผมแต่ละทีจึงทำเอาผมครางกระเส่าด้วยความเสียวที่ลืมไม่ลง!

“ชินจิคุง!!!...โอ้วววว!!!....อ้ะๆๆๆๆๆ!!!”

ผมมีความสุขจนส่งเสียงครางตามน้ำหนักการเด้าเย็ดของชินจิ
ควยเขากระแทกเย็ดไปหมอยเซ็กๆของเขาก็เสียดสีตามแก้มก้นผมไป
ช่างเป็นความสุขที่ผมปรารถนาเหลือเกิน
แถมตอนที่เขาเย็ดไปเขาก็จะบีบนมและชักว่าวให้ผมไปด้วยทำให้ผมเสียวจนสุดจะทนไหว

เมื่อเขาชักว่าวให้ผมอีกไม่กี่ทีผมก็เสียวจี้ดที่ปลายควย
และแล้ว! ผมก็น้ำแตกปรี้ดๆๆๆๆ!!!ออกมาอย่างมากมาย!!!

“อ๊า!!!...ซี้ดดดด!!!”
ผมครางอย่างมีความสุขทั้งควยที่น้ำแตกแลก้นที่โดนกระหน่ำเย็ด!

“อูยยย!!!...ประตูของวินคุงรัดผมใหญ่เลยครับ!…อา!...ซี้ดดด”

ชินจิครางไปเด้าเย็ดไปอย่างเมามันจนผมหมดแรงคลานอีกต่อไปเลยล้มฟุ้บกับพื้นเสื่อไป
ชินจิก็กระแทกหนักหน่วงเข้าไปอีกจนดังสนั่นไปทั้งห้อง!

ตั้บๆๆๆๆ!!!

เขาเด้าเย็ดผมไปก็กอดรัดร่างกายผมไปด้วยผมก็หันหน้าไปดูดปากแลกลิ้นกับเขา
ชินจิดดูดปากกับผมแบบมันๆสะใจน้ำลงน้ำลายของใครต่อใครไม่รู้แล้วครับตอนนี้
เพราะรู้เพียงแต่ว่ามันมีแต่ความเสียวและความมันเท่านั้น!

หุ่นของชินจิแข็งแรงแน่นหนาและมีผิวที่เนียนงามเสียดสีกระทบไปตามแผ่นหลังผม
จนกระทั่งในที่สุดชินจิก็ครางฮึ่มๆๆๆ!!!ออกมาจากลำคอบ่งบอกว่าเขาจะสำเร็จความใคร่แล้ว

“อึ๊บๆๆๆๆ!!!...วินคุงสุโค่ยไปเลยครับ!!!...โอ้วววเยสสสส!!!”

ผมนอนฟุ้บหน้าปล่อยให้คนออกค่าเดินทางกระทุ้งเย็ดผมจนกระทั่งเขาทนอีกต่อไปไมไหว
ชินจิก็เร่งเย็ดถี่ๆๆๆ!!!รัวๆๆๆๆ!!!อีกนับ 10 ที!
แล้วเขาฉีดน้ำแห่งความอบอุ่นเข้ามาในตัวผมไม่น้อยกว่าเพื่อนเขาเลย!

“อิกึ๊ๆๆๆๆ!!!...อึ๊บๆๆๆ!!!...โอ้วววว!!!...ซี้ดดดด!!!...อ๊า!!!”

ชินจิครางดังๆลั่นห้องแล้วฟุ้บกับหลังผมแล้วกอดรัดผมแน่นๆ
เสื้อผ้าชุดยูกาตะทีเราใส่ตอนนี้เริ่มอุ่นจนร้อนแล้วครับ แต่เป็นความอุ่นร้อนที่ผมโคดจะชอบ

ผมหันไปจูบแก้มหล่อๆของเพื่อนต่างสัญชาติที่ผมเฝ้าคิดถึงมาหลายปี
การมาเจอกันในปีนี้จึงเป็นปีแห่งความสุขของผมกับเขาอีกครั้ง

“วินคุงสุโค่ยไปเลยรู้ไหม...โดนร่วมรักหนักๆ แบบนี้ยังรับได้มันสุดๆ ไปเลย!”
ชินจิชมเปาะหน้าตาระรื่น ผมเห็นแล้วก็ยิ้มดีใจที่เขาชอบไม่นึกเบื่อ

“ข้าเห็นด้วย!...ข้าก็เคยร่วมรักกับผู้ชายที่เป็นรับ แต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้ข้าเสียวมันได้ขนาดนี้มาก่อน”
พอเรียวตะพูดปุ้บผมก็ยิ่งเพิ่มความหน้าบานเข้าไปอีก อิอิ

"แล้วคืนนี้จะรับอีกไหวไหมวินคุง 555"
เรียวตะกอดคอผมแบบหยอกเย้าตามนิสัยหนุ่มคึกคะนองอารมณ์ดี

"ถ้าพวกนายต้องการผมก็พร้อมนะครับ"
ผมกอดเขาแน่นๆ แล้วหอมแก้มหนุ่มตัวใหญ่ฟ้อด

"ให้ไอ้เรียวตะมันเอามากๆ ก็อย่าลืมผมก็แล้วกัน"
ชินจิได้ยินผมพูดก็หัวเราะขำๆ

"ไม่มีทางลืมแน่นอนครับชินจิคุงก็มีของดีติดตัวขนาดนี้"
ผมหันไปกอดและหอมชินจิมั่งหนุ่มๆ ก็หัวเราะชอบใจ

พอพวกเราหายเพลีย ก็เช็ดเนื้อเช็ดตัวจนสะอาด แล้วผูกสายรัดเอว
พากันเดินออกไปที่ศาลเจ้าที่พวกไดสุเกะ ทาคุยะ และโชตะ ไปรออยู่ก่อนแล้ว

คืนนั้นพวกเราก็ไปดูงานเทศกาลที่ศาลเจ้ามีการจุดพลุ และมีโคมไฟประดับอย่างสวยงาม
นักท่องเที่ยวก็เยอะแยะเต็มไปหมด เราเดินดูนั่นไป กินนี่กันไป ในชุดยูกาตะสบายๆ
ถึงอากาศจะหนาวแต่ใส่ชุดยูกาตะและมีเสื้อคลุมด้านนอกอีกตัวแค่นี้ก็รู้สึกอุ่นแล้วครับ
เราเดินเที่ยวกันจนงานเลิก จึงกลับที่พักนอน

และคืนนั้นสำหรับผม ก็เป็นอีกคืนที่น่าจดจำ

…………………………………………………….

พอวันต่อมาพวกเราก็ออกจากเมืองเกียวโตเพื่อไปต่อที่จังหวัดนารา
ตามแผนที่ชินจิวางไว้ตั้งแต่แรกเพราะเขาอยากให้ผมไปดูสิ่งที่เป็นที่สุด! ที่ตั้งอยู่ที่เมืองนี้

นารา เป็นจังหวัดเล็กๆ ตั้งอยู่บนพื้นที่แถบภูเขาเป็นเมืองหลวงเก่าก่อนที่จะย้ายไปที่เกียวโต
แต่เมืองนี้ก็ยังมีความสำคัญในด้านเป็นเมืองของพุทธศาสนามาโดยตลอด
จึงทำให้เมืองนี้มีวัดขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ตั้งอยู่มากมาย
อยากบอกว่าสถานที่ท่องเที่ยวและสำคัญๆ ของเมืองนี้มีมากมายไม่แพ้เกียวโตเลยทีเดียว...

-วัดโทไดจิ ประดิษฐานหลวงพ่อโต“ไดบุตสึ” คือพระพุทธรูปเก่าแก่และขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
มีวิหารหลังใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นจากไม้ทั้งหลังเพื่อแสดงถึงบารมีและบุญญาธิการของจักรพรรดิ
-วัดยาคุชิจิ เป็นวัดสำคัญ 1 ใน 7 วัด สมัยที่นารายังเป็นเมืองหลวง
-วัดโฮริวจิ เป็นอาคารไม้ที่มีความเก่าแก่มากที่สุดอีกแห่งของโลก
-ศาลเจ้าคาสุกะ 
-ภูเขาโยชิโนะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น
เพราะมีวิวทิวทิศน์ที่สวยงามน่าประทับใจ โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกซากุระบาน
ภูเขาโยชิโนะจะสวยมากๆ
เพราะดอกซากุระหลากสี ชมพูเข้ม ชมพูอ่อน ขาว จะบานสะพรั่งไปทั่วหุบเขา
นับเป็นทัศนียภาพเหมือนสวรรค์กันเลยแต่เสียดายตอนที่ไปที่เมืองนาราดอกซากุระยังไม่บาน

ตอนนี้ผมกลายเป็นคนติดใจญี่ปุ่นจนโงหัวไม่ขึ้น ไปเมืองไหนก็หลงไปหมด
ตั้งแต่ ชิสึโอกะ โอคายาม่า เกียวโต และ นารา จนตอนนี้ผมตัดใจลำบากถ้าต้องจากก็ว่าได้

การได้มาเที่ยวชม ได้ถายรูปสวยๆ ได้พบเห็นผู้คน วัดวาอารม อากาศสบาย
แถมมีหนุ่มๆ ญี่ปุ่นพาเที่ยวอยางนี้ มันเป็นความประทับใจที่ยากจะลืม
แต่ไม่ใช่บ้านเรา ถึงไม่อยากจากก็ต้องจากครับ ถ้ามีโอกาสค่อยมาเยือนใหม่ก็แล้วกัน

วันนั้นเที่ยวเมืองนาราเสร็จ พวกเราไม่ได้ที่พักค้างคืนที่เมืองนี้เพราะพวกเราต้องกลับโตเกียว
เพราะไดสุเกะมีนัดลงสนามแข่งขันเบสบอลระดับไฮสคูลกับอีกโรงเรียน

การมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม ได้ชมวัด ชมศาลเจ้า แล้ว
การได้ดูกีฬาเท่ห์ๆ ที่คนญี่ปุ่นเขานิยมกันมากจึงถือได้ว่าเป็นของแถมที่ผมอยากเห็นก่อนกลับจริงๆ
   
  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น