วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 51 ไปปีนภูกระดึงกันเถอะ (1) จบภาคมัธยมแล้ว

ตั้งแต่สงกรานต์เป็นต้นมาผมก็ไม่มีสิทธิ์เถลไถล หรือออกนอกลู่นอกทางได้เลยเพราะว่าไอ้ตี๋อ้นคุมแจตลอด
เรื่องเป็นอย่างนี้ครับพอขึ้น ม.6  อ้นคงรู้อ่ะครับว่าผมน่ะถ้าไม่เข้มงวดกวดขันล่ะก็เป็นเละ! แน่ๆ
และคงเอนท์ไม่ติดที่ไหนแหงมๆเพราะเอาแต่ขับรถซิ่งไปวันๆ กับเพื่อนคนนี้ทีคนนี้ที(จริงของหมออ่ะนะ5555)
อ้นเลยแนะผมให้ออกจากวงฯโย อ่ะครับ (โฮๆๆๆ) ตอนแรกผมก็มีฮึดๆ  อยู่เหมือนกันว่าทำมัยไอ้ตี๋มันต้องมาบังคับผมทำนั่นทำนี่ด้วย
แต่อ้นก็พูดให้แง่คิดอ่ะครับว่าตอนนี้เรื่องเรียนสำคัญที่สุด
“อนาคตวินไม่ได้อยู่แค่นี้นะรู้ป่าววินยังต้องเดินไปข้างหน้าอีกตั้งไกล ถ้ามัวแต่ห่วงสนุกไปวันๆ แบบนี้ วันนึงมานั่งเสียใจก็สายไปแล้วรู้ป่าว”
“.......” (ทำหน้ามุ่ยๆ)
ถึงแม้ว่าไอ้ตี๋จะพูดให้ผมได้คิดแต่คนอย่างผมน่ะมันดื้อด้านจะตาย (กูรู้ 5555)
กว่าจะคิดได้ก็งอนไปหลายวันอยู่เหมือนกันโฮะๆๆ แต่ระหว่างที่งอนกันผมก็เอาสิ่งที่ไอ้ตี๋อ้นมานั่งคิดเหมือนกันนะไม่ใช่ไม่คิด
เพราะถ้าพูดกันตามจริงแล้วผมน่ะไม่ใช่คนหัวดีอะไร การเรียนก็อยู่อันดับกลางๆ
จะมีดีหน่อยก็แค่วิชาภาษาอังกฤษแล้วก็วิชาประวัติศาสตร์เท่านั้น
ไม่เหมือนไอ้ตี๋อ้นที่เรียนเก่งอยู่ที่ 2 ที่ 3 ของห้องเป็นประจำ เกรตเฉลี่ยประมาณ 3.80
แม้กระทั่งในกลุ่มเพื่อนซี้ของผมอย่างไอ้ตี๋ซันไอ้อี้ ก็เรียนดีโคดๆอย่างไอ้ซันนี่เรียนดีจนได้ทุนติดกันมาหลายปีคิดดูว่าเก่งแค่ไหน
ผลการเรียนก็เป็นที่1 ตลอด เกรตเฉลี่ยที่ได้ก็ไม่เคยต่ำกว่า 3.95 - 4.00 เลย
ส่วนไอ้อี้น่ะเหรอแม้มันจะปากหมาหน้าหม้อ และชอบทำหน้าหล่อ หลีหญิงไปวันๆ
แต่ในความเป็นจริงมันเป็นคนหัวดีนะนั่นจะบอกให้
เพราะไอ้นี่มันอยู่ในกลุ่มท็อป5 ของห้อง และเกรตเฉลี่ยก็ประมาณ 3.50 ได้
และถ้าพูดกันตามจริงแม้กระทั่งไอ้น็อต ไอ้สิน ไอ้เหม และไอ้ทิน ก็เหอะ
พวกมันก็ยังเรียนดีกว่าผมซะอีก(รู้ตัวด้วยแฮะ)
ยกเว้นแต่ไอ้ถึกเข้มเท่านั้นที่โง่กว่าผม5555 (เฮ้อ! ได้นิดนึงก็ยังดีนะมึงกูล่ะกลุ้ม! 5555)
เกรตเฉลี่ยของผมประมาณ2.80  ส่วนไอ้ถึกเข้มประมาณ 2.55 เห็นจะได้
อ้นรู้จุดอ่อนข้อนี้ของผมดีจึงเป็นเหตุให้อ้นพยายามพูดให้ผมได้คิด
และเรื่องให้ออกจากวงโยฯ
และถ้ามีเวลาอ้นก็จะติวเรื่องเรียนให้ผมตลอด
อย่างวันนึงหลังเลิกเรียนอ้นก็ลากผมมาติวที่บ้านอ้นจนได้
และในวันนี้ไอ้ตี๋อ้นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนผมมาร่วมสามปี
ก็ได้ทำให้ผมได้ทึ่งและได้เห็นอีกมุมนึงของไอ้ตี๋ซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อน
ว่าไอ้ตี๋จะเรียนเก่งและหัวดีขนาดนี้
(ก็เวลาอ้นคุยเรื่องเรียนทีไรมึงเป็นหันหลังให้ทุกทีนี่หว่า5555)
ระหว่างที่อ้นติวให้ผมไปผมก็เหนื่อยๆ อ่ะครับ มันเลยไม่เข้าหัวเท่าไหร่
แต่ก็ยังมองหน้าหมอไม่วางตาก็คนมันหล่อน่ามองนี่ครับ แหะๆๆๆ
ผมเอามือค้ำคางแล้วมองหน้าอ้นจนอ้นรู้สึกตัว
“วินลองทำโจทย์ข้อนี้ดูนะ...”
อ้นเงยหน้าขึ้นมองผมก็เห็นผมทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ก่อนแล้ว
ไอ้ตี๋เลยดึงหน้าผมเข้าไปใกล้ๆหน้าหมอ แล้วทำคิ้วขมวดๆ เข้าหากัน แบบดุๆ
“บอกว่าให้สนใจเรื่องเรียนงัยเล่าวินนี่ เดี๋ยวก็ไม่เข้าใจหรอก!”
อ้นทำหน้าดุๆถึงจะดุก็ยังน่ามองอยู่ดี 5555
“ก็มันเหนื่อยนิ หยุดพักก่อนได้ป่ะ”
ผมต่อรองแล้วก็ออดอ้อนโดยการนอนหนุนตักอ้นลงไปทันที
แถมกอดรอบเอวไอ้ตี๋จนแน่นแต่ก็โดนอ้นดุเข้าอีกจนได้
“ไม่ได้ๆเดี๋ยวก็ไม่เข้าใจหรอก วินยิ่งอ่อนๆ คณิตอยู่ด้วย ลุกขึ้นมาเลยคนเรา อย่าดื้อดี๊!”
อ้นดึงผมลุกขึ้นจนได้เฮ้อ! บทจะใจแข็งก็ใจแข็งน่าดูเลยแฮะแฟนผมเนี่ย
“พักนิดนึงก็ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้!”
อ้นตอบแบบไม่ต้องคิดแต่พอเห็นหน้าเบลอๆ ตาปรือๆ ท่าทางจะเพลียจริงๆ
ไอ้ตี๋เลยหอมแก้มผมทีนึงแล้วยิ้มๆ ให้ผมเหมือนให้กำลังใจอ่ะครับ
“เอ้าพักนิดนึงก็ได้แต่ได้พักแล้ววินต้องตั้งใจมากกว่านี้นะ okป่าว”
“อื้อ! ก็ด้าย”
ผมยิ้มๆแล้วนอนหนุนตักอ้นต่อ อ้นก็ลูบแก้มผมไปมา
“อ้นน่ะอยากเข้ามหาลัยเดียวกันกับวินนะรู้ป่าว เราจะได้อยู่หอด้วยกันงัย ไม่ดีเหรอ”
อีกแระๆแฟนผม เฮ้อ! ก็โอกาสที่คนอย่างผมจะได้เข้ามหาลัยเดียวกับอ้นนั้น
ช่างริบหรี่เหลือเกินนี่ครับแต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรให้อ้นรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้หรอกนะ
รอให้ความรู้ความสามารถเป็นเครื่องตัดสินดีกว่า
ว่าเด็กกลางห้องอย่างผมน่ะจะมีโอกาสได้เรียนที่เดียวกับอ้นหรือป่าว
และนอกเหนือจากได้รับการติวเข้มจากอ้นแล้ว
ผมยังได้รับอานิสงส์จากพวกไอ้ซันไอ้อี้ มาช่วยติวเพิ่มให้อีกด้วย
นี่แหละครับตลอดเวลาร่วมปีของผมถึงได้ปลอดเรื่องราวคาวๆก็อย่าได้แปลกใจกันล่ะ
และผลจากการติวกันอย่างเข้มข้นนั้นก็ได้ทำให้ชีวิตของเด็ก ม.ปลาย รั่วๆ อย่างผม
เพราะไอ้สองคนนี้มันเรียนเก่งมากๆโดยเฉพาะไอ้ซันด้วยแล้ว
มีชีวิตรอดอยู่ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ได้เกินกว่าที่ตัวผมจะคาดถึงซะอีก
อันนี้ก็ขอยกความดีความชอบให้กับไอ้ตี๋อ้นแฟนผม
แล้วก็เพื่อนดีๆอย่าง ไอ้อี้ ไอ้ซัน มันไปละกัน
และหลังจากหักโหมทั้งเรียนทั้งติวกันมาอย่างหนักเกือบตลอดทั้งปี
พอย่างเข้าสู่หน้าหนาวเดือนธันวาคม ก็จะมีวันหยุดติดๆ กันหลายวันใช่ป่าวครับ
พวกเราเลยนัดกันไปเที่ยวที่ไหนซักแห่งที่จะทำให้พวกเราได้เที่ยวด้วยกัน
จะได้เก็บเป็นบันทึกเอาไว้ก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกันไปคนล่ะทิศทาง
และที่แรกที่พวกเรานึกออกก็คือ“ภูกระดึง”ครับผม
เพราะในตอนนั้น “ภูกระดึง”  กำลังอยู่ในกระแสฮอตฮิตติดลมบนเลยก็ว่าได้
เพราะอย่างปีก่อนๆพวกรุ่นพี่ก็ไปเที่ยวกันมา แล้วเอารูปมาให้พวกเราดู
ต่างก็เล่าเป็นเสียงเดียวว่าทั้งเหนื่อยทั้งโหดแค่ไหนแต่ในแววตานั้นเราก็ดูออกว่าพวกพี่แกสนุกและได้รับประสบการณ์ดีๆ มาอย่างคุ้มค่า
อีกอย่างก็เป็นช่วงหน้าหนาวด้วยเลยเหมือนเป็นความทริปในฝันก็ว่าได้
กับการที่จะได้ไปสัมผัสกับอากาศเย็นไอหมอก และลมหนาว
ได้ไปเห็นชมหน้าผาที่ยื่นยาวออกไปจนดูน่าหวาดเสียวที่ชื่อว่า“ผาหล่มสัก”
อีกทั้งได้ไปชมทุ่งหญ้าป่าสน น้ำตก และใบเมเปิ้ลสีแดงสด!
พอมีเพื่อนคนนึงพูดขึ้นมาความคิดแว่บแรกของผมก็ถึงกับคิดไปไกลเลยครับ
ถึงขนาดคิดว่าถ้าพวกเพื่อนๆ ผมมันไม่ยอมไปกันล่ะก็
ผมนี่แหละจะอ้อนวอนให้ไอ้ตี๋อ้นพาผมไปให้จงได้ถึงขนาดนั้นเลยจริงๆ นะ
แต่ดีหน่อยที่แต่ละคนก็ล้วนแล้วอยากไปด้วยกันทั้งนั้นทั้งเพื่อนผม เพื่อนอ้น
พอตกลงกันได้ดังนั้นพอถึงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน
พวกเราก็แบกเป้ก้าวขึ้นรถประจำทางกันทันทีแบบไม่มีเหลียวหลัง
นับกำลังพลได้มากถึง14 คนเลยทีเดียว
ก็มีผมอ้น ไอ้ซัน ไอ้อี้ ไอ้เข้ม ไอ้เหม ไอ้น็อต ไอ้สิน ไอ้ทิน
และก็บรรดาเพื่อนๆของอ้นก็พวกโอ บอล มาร์ค ต้น และก็เป้ เจ้าเดิม
แต่ผมว่าไปกันหลายๆคนแบบนี้นี่แหละครับสนุกดี เฮ้วๆ มันๆ กัน จริงมั๊ยครับ
เราไปถึงตีนภูซึ่งเป็นที่ทำการอุทยานตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันแจ้ง
แม้กระนั้นก็มีนักท่องเที่ยวออกันอยู่มากมายจนเต็มบริเวณที่ทำการอุทยาน
ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกครับเพราะปีนี้มีวันหยุดติดต่อกันตตั้งหลายวันนี่นา
คนก็ย่อมเยอะเป็นธรรมดา
ผมได้มาเห็นผู้คนมากมายกับบรรยากาศที่ดูคึกคักแบบนี้เข้า
ก็ทำให้ผมรู้สึกใจคอมันคึกๆคักๆ ขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
มันคงจะเหมือนกับโฆษณาชิ้นนึงของททท. อ่ะครับ
ที่บอกว่าคนเราแค่ได้ไปเที่ยวบ้างความรู้สึกมันจะเปลี่ยนไปทันที
อะไรประมาณนั้นและวันนี้ผมเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นแล้วครับ รู้สึกดีมากๆ อ่ะครับ
ระหว่างที่รออ้นกับไอ้ซันไปซื้อตั๋วเพื่อเดินทางเข้าสู่อุทยานอยู่นั้น
พวกผมกับพวกเพื่อนคนอื่นๆก็นั่งรออยู่นานโข
เพราะว่าคนเยอะจริงๆทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งมาแบบครอบครัว
มาแบบกลุ่มเพื่อนแบบพวกผมมองซ้ายมองขวาก็ดูขวักไขว่ วุ่นวายจนฝุ่นคลุ้งไปหมด
ระหว่างนั้นโอกับไอ้อี้ก็ซื้อน้ำมาแจกคนละขวด
“เอ้า! ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนโว้ย จะได้สดชื่น”
โอพูดติดตลกๆนิดๆ แหมหล่อก็หล่อแถมยังนิสัยดีอีกด้วยอ่ะ อิอิอิอิ
“อีกนานมั๊ยว่ะสาดโอคิวไอ้สองตัวนั่นถึงไหนแล้วมึงเห็นป่ะ”
มาร์คถามเพื่อนซี้ ด้วยท่าทีเนือยๆหลังจากหลับไปแล้วตื่นนึง
“กูเห็นใกล้จะถึงพวกมันแล้วว่ะกูเลยซื้อน้ำมาให้พวกมึงนี่งัย อ้าว! โน่นงัยตายยากชิบพูดถึงก็มาพอดี”
โอชี้มือไปทางที่ทำการอุทยาน ซึ่งอ้นกับไอ้ซันกำลังเดินมาทางนี้ด้วยสีหน้ามึนๆ
“โอ้ย! คนเยอะชิบหาย”
อ้นบ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่พอๆ กับไอ้ซัน
ไอ้อี้ก็เลยเอาน้ำให้ไอ้ซันขวดนึงแล้วล้อเลียนคำพูดของโอด้วยท่าทีกวนๆ ตลกๆ
“เอ้า! ดื่มน้ำเย็นๆ จะได้สดชื่นๆ”
พอมันพูดเสร็จพวกเราจากที่เครียดๆกันอยู่ก็เลยได้หัวเราะออกมาหายเครียดกันได้มั่ง
“สาด ก็มึงไม่ต้องไปรอต่อคิวคนเป็นร้อยอย่างกูมึงก็พูดได้ดิ”
ไอ้ซันด่าไอ้อี้ด้วยสีหน้ายิ้มๆคงจะอารมณ์ดีขึ้นมามั่งแล้วอ่ะนะ
ผมเห็นหน้าตาไอ้ตี๋ดูเนือยๆปากแห้งๆ ก็เลยก็ยื่นน้ำเย็นๆ ให้
ไอ้ตี๋อ้นก็รับไปดื่มอึกๆๆๆ
“เดี๋ยวก็จุกตายหรอกยังต้องเดินทางอีกตั้งไกล”
ผมพูดให้ไอ้ตี๋ได้คิด อ้นก็เลยยิ้มแบบเก้อๆ เกาหัวไปมา
“แหะๆๆ ลืมไปอ่ะ”
ผมก็หัวเราะอย่างตลกๆพอผมเห็นว่าไอ้ตี๋อารมณ์ดีแล้ว
ค่อยทำให้ผมสบายใจขึ้นมาหน่อยหลังจากนั้นพวกเราก็ออกเดินทางขึ้นภูกัน
พร้อมๆกับเพื่อนร่วมทาง(ที่ไม่รู้จักกัน)อีกนับพัน
ที่ต่างก็มีจุดหมายปลายทางคือยอดภูกระดึงนั่นเอง
และแล้วการปีนภูกระดึงของพวกผมก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ตลอดเส้นทางพวกผมก็ได้พบเห็นธรรมชาติและทิวทัศที่สวยงามแปลกตา
พรรณไม้ที่ไม่ค่อยได้เห็นหรือพบเจอนอกจากในหนังสือก็ได้เห็นกันที่นี่แหละ
ซึ่งคนอื่นผมไม่รู้นะแต่ผมนะตื่นเต้นสุดๆเลยล่ะครับ
พอเห็นต้นไม้แปลกๆหน่อยก็จะวิ่งไปดูด้วยความสนอกสนใจ
จนไอ้อี้มันทั้งด่าทั้งแซวผมอย่างสนุกปากไปว่าผมบ้าซะงั้น
แต่ช่างมันเหอะครับวันนี้ปล่อยมันไปซักวัน ถือว่าทำบุญ 5555
ก็ได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยงามแบบนี้
ถ้าถือเอาคำพูดมันมาเป็นอารมณ์ก็ไม่สนุกดิว่ามั๊ย
น่าแปลกใจที่ยิ่งปีนขึ้นไปสูงเท่าไหร่อากาศก็ยิ่งเย็นขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งๆที่พระอาทิตย์ก็อยู่ตรงกลางหัวแท้ๆ
บางทีเดินผ่านป่าดิบที่มีต้นไม้สูงๆก็จะรู้สึกเย็นจนหนาวเลยอ่ะครับ
ตลอดทางพวกเราก็เจอกับเพื่อนร่วมทางไม่ได้ขาดไม่รู้จักมักจี่กันหรอกครับ
แต่พอเห็นหน้ากันต่างก็ยิ้มให้กันไป ผมว่ามันเป็นไปโดยอัตโนมัติอ่ะนะ
ซึ่งผมว่ามันเป็นความแปลกและน่าประทับใจเป็นที่สุดก็ว่าได้
ตลอดทางก็จะมีจุดพักที่เรียกชื่อต่างกันออกไป ซึ่งก็เริ่มจาก “ซำแฮก”ก่อน
ตลอดทางก็ตามประสาเพื่อนที่ซี้ๆกันอ่ะครับ ก็สนุกสนานกันไป
เฮ้วๆกันด้วยความตลกคะนองกันไป มองดูแต่ละคนแม้จะดูเหนื่อยกันถ้วนหน้า
แต่ในแววตาก็ดูออกว่ามีความสุขทั่วหน้ากันทุกคน
ก็บอกแล้วว่าออกมาท่องเที่ยวบ้างแล้วชีวิตจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ5555
และตลอดทางผมก็ไม่ได้สวีทกับอ้นอย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกหรอกครับ
เพราะพออยู่ด้วยกันแป๊บนึงเพื่อนอ้นก็เรียกไปดูนั่นดูนี่ตลอด
แต่ไม่ว่ากันครับบอกแล้วงัยว่าวันนี้ไอ้วินอารมณ์ดี 5555
เพราะผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว
ก็แหมก็มาเที่ยวทั้งทีนี่ครับไม่ได้ตั้งใจมาสวีทกับแฟนอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่
แถมอยู่กับพวกไอ้อี้ไอ้ซันก็มันปากกว่าเยอะ ได้ด่ากัน ได้กวนกัน สนุกดี
ด้วยความที่ปีนี้มีคนมาเที่ยวภูกระดึงเยอะพอถึงทางที่ค่อนข้างแคบ ก็จะแคบมากๆ
ถึงขนาดต้องเดินต่อคิวกันทีละคนกลางป่ามันนี่เลยล่ะครับ
พอไอ้ซันเห็นแบบนั้นเลยออกความคิดว่าเราน่าจะเดินไปทางอื่น
กูว่าหาทางเดิน ทางอื่นดีกว่าว่ะไม่งั้นกว่าจะถึงบนภูค่ำแน่ๆ
ซึ่งผมกับคนอื่นๆ ก็เห็นด้วยซะส่วนใหญ่
เพราะมองดูช่องทางขึ้นที่เล็กๆที่อยู่ระหว่างซอกหินข้างหน้า
ที่เบียดไปด้วยผู้คนนับร้อยกะๆ ดูคงต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงแน่ๆ
ซันเลยเข้าไปคุยกับพวกอ้นและเพื่อนๆ ของอ้น ทุกคนต่างก็เห็นด้วย
แม้จะมีไอ้เหมกับไอ้น็อตมันไม่เห็นด้วยก็เหอะ
เฮ้ยถ้าเกิดเจองู หรือสัตว์ป่าพวกช้างพวกเสือล่ะวะ พวกมึงจะทำงัย
ไอ้น็อตมันทำหน้าแหยๆเพราะไอ้เจ้านี่มันชอบดูพวกสารคดี
ประมาณชีวิตสัตว์ จนขึ้นสมองอ่ะครับพวกผมก็ขำๆ ในอาการของมัน
ไอ้ตาขาวเอ๊ย!”
ไอ้ถึกเข้มที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงตามประสามันถึงกับเบิ้ดกะโหลกมันไปที
เขาบอกว่าเข้ามาในป่าอย่าพูดถึงสัตว์ป่าโว้ย เชี่ยนิ
ไอ้สินก็อีกคนที่เตะตูดมันไปทีโทษฐานอยากปากเสีย 5555
แต่จนแล้วจนรอดพวกมันก็ต้องยอมอ่ะครับเพราะพวกเราถือเสียงข้างมากกว่านี่ครับ
พวกผมก็เลยบเดินลัดเลาะไปตามซอกหินโดยใช้เส้นทางอื่น
ซึ่งก็ไม่ได้ง่ายดายนักหรอกครับเพราะไม่ใช่ทางคนเดิน
แต่ความอุดมสมบูรณ์ของพรรณไม้ดูจะมีมากกว่าทางที่คนเดินเยอะๆอ่ะครับ
เพราะทั้งมอสทั้งเฟิร์นขึ้นเขียวสดเต็มไปหมด
อีกทั้งพวกกล้วยไม้ทั้งจำพวกที่ชอบเกาะตามโขดหิน
เช่นพวกเอื้องม้าวิ่งและเอื้องคำหิน อะไรพวกนี้กระจุกตัวเป็นกอๆ เต็มลานหินไปหมด
ระหว่างทางผมเห็นกล้วยไม้กอนึงออกดอกเป็นช่อสีชมพูอมม่วงอยู่สองสามช่อจนเต็มซอกหินก็รู้สึกอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้มากๆ
เลยดึงแขนไอ้อี้ให้ตามผมไปด้วย
ไรว้าสาดมึงนี่เห็นต้นไม้ใบหญ้าเป็นตื่นเต้นแบบนี้ทุกที กูล่ะเบื่อมึงจริงๆ ว่ะ
ไอ้อี้มันบ่นกระปอดกระแปดไปตามประสามัน
แต่ผมรู้ว่ามันไม่ได้คิดอย่างที่ปากมันพูดหรอกครับ
น่า มึงตามกูมาหน่อยไม่ได้หรือไง
นี่ถ้าเกิดมึงพากูหลงทางนะกูจะหักคอมึง!”
ผมก็หัวเราะฮ่าๆอย่างขำในคำพูดมันอ่ะครับ มันน่ะเหรอจะทำอะไรผม
เพราะทุกทีก็เป็นผมนี่แหละที่รังแกมันหรือไม่ใช่
ระหว่างที่ผมกำลังปีนขึ้นไปบนหินก้อนใหญ่ที่หนักหลายร้อยตันก้อนนั้น
เท้าผมก็ดันพลาดอ่ะครับเลยหล่นตุ๊บลงมา นาทีนั้นผมรู้สึกว่าตัวผมมันรู้สึกเบาหวิว
และไร้น้ำหนักเหมือนกับอยู่ในอวกาศยังงัยยังงั้น
แต่ก็นับว่าผมยังมีความโชคดีอยู่อ่ะครับที่ไอ้อี้มันรับตัวผมไว้ได้ทัน
เฮ้ย!”
มันร้องเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ
มารู้ทีหลังว่าตอนนั้นมันก็ไม่คิดว่าผมจะตกลงมาอ่ะครับ
เพราะมันเองก็มัวแต่หันไปสนใจอย่างอื่นอยู่
โอ้ย!”
มันร้องเหมือนเจ็บอ่ะครับเมื่อผมตกลงไปทับตัวมันในท่าที่มันอุ้มผมอ่ะครับ
กว่าผมจะคืนสติได้ก็ใช้เวลาเกือบนาทีแน่ะเพราะมัวแต่ตกใจอยู่อ่ะครับ
ฮู้ย! เกือบตายแน่ะ ขอบใจโว้ย ขอบใจๆ
ผมทำทีเป็นลูบหัวมันอย่างที่เคยแกล้งๆมันเล่นเป็นประจำ
แต่พอเห็นสีหน้ามันที่ทำหน้าเหยเกผมก็ชักเอะใจ
เจ็บขาว่ะ อือออ
ไอ้อี้เอามือกำที่ขาตัวเองเหมือนกับว่าเจ็บมากยังงัยยังงั้น
ผมถึงกับหน้าซีดเลยอ่ะครับทีนี้นี่ถ้าไอ้อี้มันเกิดขาหัก หรือเป็นอะไรไปผมตายแน่ๆ
มึงเป็นงัยบ้างวะเนี่ย โอ้ย ตายแน่ๆ เลยตายแน่ๆ ทำงัยดีๆ
ยังไม่ตายโว้ย สาดนี่ กูแค่ขาเคล็ดโว้ย!”
มันด่าผมดังๆจนผมเริ่มมีสติขึ้นมาหน่อย เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ อย่างสำนึกผิด
เจ็บมั๊ยวะ ไหนๆ กูดูให้
ผมตั้งใจจะเข้าไปดูอาการให้มันซะหน่อยแต่มันดันห้ามเสียงดัง
อย่า! ไม่ต้องมาจับเลยมึง
ผมเลยได้แต่นั่งมองมันอยู่ข้างๆมองซ้ายมองขวาเพื่อนคนอื่นๆ ก็ไปกันหมดแล้วด้วยสิ
ระหว่างที่ผมกำลังกระสับกระส่ายไม่รู้จะดำเนินการยังงัยต่อไปดีนั้น
ไอ้อี้ก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
ไม่ต้องตกใจหรอกโว้ย ตอนเตะบอลขาเดาะแข้งชากว่านี้กูก็เคยมาเยอะแล้ว
กูขอโทษนะโว้ย
ผมพูดด้วยความสำนึกผิดมันคงเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของผมมั๊ง มันเลยยิ้มๆ
บอกแล้วงัยว้า ว่ากูไม่เป็นอะไร ทำหน้าเศร้าไปได้
ขอกูดูหน่อยไม่ได้เหรอวะ
มันคงเห็นว่าผมเป็นห่วงมันจริงๆอ่ะครับเลยเปิดขากางเกงให้ผมดู
ตรงข้อเท้าไอ้อี้มันมีอาการบวมเล็กน้อย
เจ็บมากมั๊ยวะ
เออสิวะถามได้
ก็บอกแล้วงัยว่ากูขอโทษ
เออๆๆ ช่างเหอะๆ อุบัติเหตเกิดขึ้นได้เสมอโว้ย แน้ๆๆๆไม่ต้องมามองกูอย่างซาบซึ้งอย่างนั้นเลยมึง
ไอ้บ้าเอ๊ย คนอุตส่ากำลังซึ้งอยู่ดีๆแท้ๆ ดันมาขัดซะได้ 5555
ผมเลยอาสาให้มันกอดคอผมพยุงกันไปตลอดทาง
ตัวมันก็อย่างหนักอ่ะครับก็มันเป็นนักกีฬานี่เนอะ
แต่ผมก็ทำหน้าที่ไปโดยไม่มีปริปากบ่นซึ่งดีหน่อยที่มันไม่ได้เจ็บอะไรมาก
เพียงแต่เวลาเดินจะยอกๆเสียดๆ ที่ข้อเท้าเท่านั้นเอง
หนักมั๊ยวะ ถ้าไม่ไหวก็พักก่อนก็ได้นะถ้าไอ้พวกนั้นไม่เห็นพวกเราก็คงตามหาเองแหละ
แค่นี้ สบม ยห.โว้ย
ผมตบอกตัวเองตุ้บๆ ดังๆเพื่อให้มันได้สบายใจว่า ไอ้วินคนนี้ทำได้ อิอิอิ
แน่นา
เออน่า ไปๆๆๆ ต่อ
ผมรู้สึกว่มันแอบมองหน้าผมคงจะรู้สึกแปลกใจอ่ะนะ
และก็คงจะสงสัยมั๊งว่าทำมัยวันนี้ผมดีกับมันเป็นพิเศษ
นี่ถ้ากูไม่เจ็บเพราะมึงมึงยังจะดีกับกูแบบนี้มั๊ยวะ
ผมหันไปมองหน้ามันก็เกิดอาการเก้อๆขึ้นมาซะเฉยๆ อ่ะครับ
ก็แม่งหน้าหล่อๆ ของมันลอยอยู่แค่นี้เองนี่ครับ
คิ้วเข้มๆ จมูกโด่งๆปากก็หนาได้รูป หน้าใสๆ อยู่ใกล้หน้าผมแค่นี้เอง
ถามอะไรบ้าๆ มึงเป็นเพื่อนกูนะโว้ย ถึงมึงไม่ได้เจ็บเพราะกูกูก็ต้องดูแลมึงอยู่ดี
ขอบใจว่ะ
มันพูดยิ้มๆผมถึงกับเพ้อเลยอ่ะครับ แม่งทำมัยตอนมันยิ้มถึงได้หล่อลากใส้นักวะ ผมคิด
เพราะไอ้นี่นับวันมันก็ยิ่งหล่อๆๆและหล่อไม่บันยะบันยังขึ้นทุกที
คงเป็นเพราะระยะหลังๆเราซี้กันมากผมเลยไม่ค่อยได้สนใจจะพิจารณามันมั๊ง
แต่พอได้มาใกล้ชิดมันซะขนาดนี้เลยอดเขินๆเพื่อนซี้ปากดีอย่างมันไม่ได้
ผมพยุงมันเดินมาได้อีกระยะนึงเพื่อนคนอื่นๆ ก็มาตามอย่างที่ไอ้อี้พูดไว้ไม่ผิด
ทั้งอ้น ไอ้ซัน แล้วก็ไอ้ถึกด้วย
มึงเป็นไรไปวะสาดอี้
ไอ้ซันถามด้วยความเป็นห่วงแล้วเข้ามารับไอ้อี้ไปพยุงคนละข้างกับไอ้ถึกเข้ม
แหะๆๆ กูเดินไม่ระวัง ขาเลยเดี้ยงว่ะ
ไอ้อี้มันยิ้มพร้อมกับยักคิ้วให้ผมเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องพูดอะไรมาก
ทั้งๆที่ผมน่ะอยากบอกจะตายว่าคนที่เป็นต้นเหตุก็คือผมเอง
สาด นี่ในป่าในเขานะโว้ยไม่ใช่สนามฟุตบอลที่โรงเรียน เดินยังงัยของมึง
ไอ้ถึกเข้มด่าด้วยความหมั่นใส้
เออๆๆ มึงมีหน้าที่แบก ก็แบกไป สาดเข้มเพื่อนเจ็บแค่นี้หรือว่ามึงจะทิ้งเพื่อนสู้ไอ้วินก็ไม่ได้ ตัวมันกะจิ้ดเดียวแบกกูมาได้เกือบตลอดทาง
ไอ้อี้ปากดีพูดซะเว่อร์อ่ะครับทำยังกะผมเป็นพวกบ้าพลังยังงั้นแหละ 5555
และพออ้นได้ยิน หมอก็มองหน้าผมยิ้มๆแบบเหมือนจะทึ่งอยู่ในทีอ่ะครับ
เก่งจริงนะตัวแค่นี้
อ้นกระซิบผมให้ได้ยินแค่สองคนพร้อมกับมองผมตาเยิ้ม
แหะๆๆ
ผมยิ้มอย่างฝืนๆอ่ะครับ ก็ทำให้เพื่อนเจ็บขนาดนี้แล้วมันยังมาปิดเรื่องให้อีก
รู้สึกแย่เหมือนกันนะครับนี่ถ้ามันบอกให้คนอื่นรู้ไปเลยว่าผมทำมันเจ็บแล้วผมโดนด่ายังจะดีกว่าซะอีก
กูรึก็นึกว่าพวกมึงหลงป่ากันซะอีก
ขอโทษทีนะ ที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง” ผมพูดอ่อยๆ ไม่เต็มปาก
ช่างมันเหอะ แค่พวกมึงไม่เป็นไรก็ดีแล้วโว้ย
ไอ้ซันที่แบกไอ้อี้เดินอยู่ข้างหน้าหันกลับมาบอกผมเพื่อให้ผมสบายใจตามนิสัยของมัน
แล้วนี่เพื่อนคนอื่นๆ อยู่ไหนกันวะ
ไอ้อี้ถามขึ้นมาด้วยความเกรงใจ
คนอื่นๆ รอกันอยู่บนยอดภูแล้วว่ะนี่ก็อีกไม่ไกลก็คงถึง อ้าว! นั่นโอ กับมาร์คมันก็ตามมาด้วย
นายโอ กับนายมาร์คก็เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
ไอ้อี้มันก็ยังย้ำคำเดิมว่ามันเดินไม่ดีเองผมก็เลยได้แต่ปิดปากเงียบตามความต้องการของมัน
พอขึ้นไปบนภูได้ก็เหมือนเป็นอีกโลกนึงเลยครับสวยงามมากๆ
เหมือนในหนังสือท่องเที่ยวเป๊ะเลยเลยอ่ะทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนสองใบ และสนสามใบ
ต้นไม้ในฝันของผมก็อยู่ในทุ่งหญ้าด้วย
ข้าวตอกฤาษี นั่นไง สวยแปลกตาดีชะมัด ทั้งหญ้าข้าวก่ำแล้วก็หญ้าบัวมอแล้วเพลินตา พลอยทำให้หายเหนื่อยขึ้นมาหน่อย
อากาศบนยอดภูก็เย็นจนเริ่มหนาวเพราะนี่ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้วด้วย
นักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่พอขึ้นมาได้ก็ถึงกับนอนลงไปบนใบสนแห้งๆ
ที่สุมกันจนนุ่มน่านอนรวมทั้งผมด้วยแหละครับ เพราะกว่าจะขึ้นมาถึงยอดภูได้ก็เล่นเอาเกือบหมดแรงแน่ะ
เท้าน่ะปวดจนไม่รู้จะบอกใครได้ว่ามันปวดมากแค่ไหน
อ้นก็มองผมอยู่ไม่ไกลด้วยสายตาเป็นห่วง
ผมก็ยิ้มๆ ปรามาณว่า ยังไหว อ้นก็เลยยิ้มตอบกลับมาเห็นยิ้มของไอ้ตี๋แล้วสบายใจมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยอ่ะครับอิอิอิ
โหย เหนื่อยชิบหาย กระดูกกูแทบแตกเป็นเสี่ยงๆแน่ะสาด
ไอ้เหมบ่นอุบอิบสีหน้ายุ่งๆไม่แตกต่างจากเพื่อนๆ อีกหลายคน
พอพักเหนื่อยกันได้ซักพักพวกเราก็ออกเดินตามกลุ่มคน
ที่ต่างก็มีจุดหมายอยู่ที่ทำการอุทยานซึ่งอยู่อีกหลายกิโลเมตร
กว่าจะเดินไปถึงศูนย์ผมก็พึ่งพาไอ้ถึกเข้มอยู่หลายพัก
แต่เราก็มาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจนได้
บริเวณที่ตั้งศูนย์จะมีลานให้กางเต็นท์ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง
ผู้คนดูพลุกพล่านเดินไปมาขวักไขว่สีหน้าสีตาต่างก็ดูเบิกบาน
พูดคุยกันถึงเรื่องการเที่ยวกันว่าจะไปที่ไหนกันดีในวันรุ่งขึ้น
บ้างก็หอบผ้าผ่อนเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ
พวกเราเช่าเต็นท์ใหญ่สองหลังเพราะคนตั้ง13 คนคงจะอึดอัดน่าดู
ถ้าจะนอนเบียดกันขนาดนั้นพอจ่ายเงินเสร็จขนของเข้าเต็นท์ได้ผมก็เข้าไปนอนอย่างหมดแรง ไม่สนแล้วครับใครจะทำอะไร
นายมาร์คเองก็คงจะมีอาการพอๆกับผมอ่ะนะ เห็นเข้ามานอนข้างๆ ผมแบบหมดสภาพ
เฮ้ยพวกมึงอย่าพึ่งนอนดิวะ ออกไปอาบน้ำก่อนสาดมาร์คตีนโคดเหม็นเลยมึง
นายโอ ปลุกผมกับมาร์ค ก่อนที่เราจะหลับไปซะก่อน
พอมองสำรวจก็ได้เห็นว่าผมนอนอยู่เต็นท์เดียวกันกับพวกเพื่อนๆของอ้น
อ้าว! แบบนี้พวกเพื่อนๆ ผมก็นอนกันอีกเต็นท์อ่ะดิเนี่ย
ผมลุกลี้ลุกลนกำลังจะขนเป้ออกมานายบอลก็พูดขึ้นมาซะก่อน
เฮ้ย! วินจะไปไหนเนี่ยนอนด้วยกันที่เต็นท์เนี่ยแหละ เต็นท์นั่นนอนกันแน่นแล้ว
นั่นดิ อ้นกับไอ้ซันก็นอนที่นี่เหมือนกัน
นายต้นอธิบายให้ผมฟังเพื่อให้ผมสบายใจ
ก็พอดีกับที่อ้นกำลังขนเป้ของเขากับไอ้ซันเข้ามาพอดี
อ้าว ยังไม่เก็บเป้อีกเหรอวิน
อ้อๆ กำลังเก็บน่ะ แล้วให้เรานอนไหนอ่ะ
(เวลาอยู่กับเพื่อนๆ คนอื่นสรรพนามจะเปลี่ยนไป เป็น เรา และ นาย)
เดี๋ยวเรานอนมุมเต๊นท์เอง นายก็นอนข้างๆ เราแล้วกัน
พูดเสร็จไอ้ตี๋ก็มองผมตาเยิ้มๆพร้อมกับยักคิ้วยิกๆ แบบกวนๆ อ่ะครับ
แหมเหนื่อยและเพลียขนาดยังจะเล่นอีกนะแฟนผมเนี่ยแต่ก็ชื่นใจดีจังครับ อิอิอิอิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น