วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บำบัดรักนักรบแดนเถื่อน 27 ได้เมืองเชียงทองล้านช้าง

หลังจากที่ทัพหลวงของล้านนาเข้าป้องกันเวียงนันทบุรี
จากการรุกรานของเมืองเชียงทองล้านช้างไว้ได้

ทัพหลวงของล้านนาก็เข้าพักทัพอยู่ในเวียงนันทบุรีหลายวันเพื่อรอฟังคำสั่งจากองค์เจ้าหลวง
ผู้เป็นเจ้าเหนือหัวของราชอาณาจักรล้านนาอันเกรียงไกร!

เท่าที่ทราบจากเมืองแมนและขุนทหารชั้นสูง
ความผิดในการเข้ารุกรานเวียงนันทบุรีในครั้งนี้ของเชียงทองทำให้องค์เจ้าหลวงทรงเคืองพระทัยเป็นอันมาก!

ขุนทหารทุกผู้ทุกนายจึงได้แต่รอฟังคำสั่งและเตรียมความพร้อมในการเข้าโจมตีอาณาจักรด้านทิศตะวันออก
เพื่อปกป้องทวยราษฏร์แห่งล้านนาทั้งอาณาจักรอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขสืบไป!

................................................................................

หลายวันนี้ไอ้แก้วและขุนทหารล้านนาซึ่งพำนักอยู่ในเวียงนันทบุรี
ถึงแม้จะอยู่กันอย่างสุขสบายแต่ก็มีการเตรียมความพร้อมอยู่ทุกเมื่อหากมีคำสั่งให้ออกทำการศึก

เมืองแมนคุยเรื่องการศึกกับท่านแม่ทัพและทหารยศสูงจนแทบไม่เห็นหน้าค่าตา
ส่วนจะขื่อก็อาศัยอยู่นอกเวียงเพื่อคอยสอดส่องความเป็นไปของทัพเมืองเชียงทอง
ที่อาจจะซุ่มอยู่ตามหุบเขาคอยดูความเคลื่อนไหวของกองทัพล้านนา

จนกระทั่งวันที่ห้าของการพำนักอยู่ ณ เวียงนันทบุรี
ในที่สุดม้าเร็วก็มีสารจากเจ้าหลวงล้านนา ก็ส่งมาถึงท่านแม่ทัพใหญ่
เป็นคำสั่งให้ทัพหลวงร่วมกับทัพของเวียงนันทบุรีเข้าทำศึกกับเมืองเชียงทองล้านช้าง!!!

เมื่อท่านแม่ทัพได้ราชสารจากองค์เจ้าหลวง ก็สั่งนำทัพบุกเข้าโจมตีเมืองเชียงทองในทันที!!!

การเดินทางทำศึกที่เริ่มเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนนั้นอากาศร้อนจนเหงื่อใครไหลย้อย!
แต่ขุนทหารแห่งล้านนาล้วนเดินทางกันอย่างห้าวหาญ ทุกนายต่างก็ไม่นึกเกรงกลัวอันใด
หาได้นึกถึงความยากลำบากกายา และเหน็ดเหนื่อยซักเพียงนิดก็หาไม่

เพราะการศึกครั้งนี้มันทุกนายล้วนทราบดี ว่าไม่ได้เกินอำนาจอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อย่างล้านนาแน่นอน
ที่จะป้องปรามเมืองเชียงทองล้านช้างให้หยุดทำการลุกล้ำดินแดนภายใต้อาณาจักรล้านนาเสีย
เหมือนเป็นการตัดไม้ข่มนามเท่านั้น หาได้คิดเน้นฆ่าฟันให้ไพร่บ้านพลเมืองเชียงทองตกตายก็หาไม่

เพราะอาณาจักรเชียงทองล้านช้างซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเวียงนันทบุรีนั้น
พูดไปก็เปรียบเสมือนเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมาช้านาน ด้วยก่อตั้งมาอย่างยาวนานพอกัน

นับตั้งแต่สมัย “โยนกนครนาคพันธุ” แห่งเวียงเชียงแสน
(จึงเป็นที่มาของคำว่า ไทโยน ,ไทยวน ซึ่งถือเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่สุดของล้านนา)

ตลอดเวลาการก่อตั้งอาณาจักรน้อยใหญ่ที่อยู่รายรอบใกล้ชิดกันมานับพันปีหลายอาณาจักรก็เหมือนญาติ
แต่คราใดที่ญาติอ่อนแอ เมืองที่เรียกว่าญาติก็จะเข้าทำการรุกราน บ้างก็ปกครอง
และกวาดต้อนผู้คนไปเป็นพลเมืองอยู่เสมอๆ

และครานี้การที่เมืองเชียงทองคิดการใหญ่บุกเข้าตีเวียงนันทบุรี
จึงทำให้เจ้าหลวงแห่งล้านนาเคืองพระทัยมากที่สุด เพราะถือว่าเป็นการไม่ไว้หน้ากัน
การศึกระหว่างล้านนากับเชียงทองล้านช้างจึงเกิดขึ้นก็ด้วยสาเหตุการกระทำในครั้งนี้

.......................................................................................

ทางฝ่ายอาณาจักรเชียงทองล้านช้าง

ตั้งแต่ทัพแตกพ่ายหนีกลับจนถึงเมืองเชียงทอง
เจ้าหลวงเชียงทองพอทราบเรื่องราวก็รีบสั่งการให้ไพร่พลเข้ามาอาศัยอยู่ในกำแพงเมือง
ให้ทหารอยู่ป้องกันรอบๆ นครเรือนหมื่นเพื่อเตรียมรับศึกของอาณาจักรล้านนาในครั้งนี้!

พอชาวเชียงทองรู้ว่าจะเกิดเหตุล้านนาเข้ามาตีถึงประตูเมือง ก็เกิดโกลาหลไปทั่ว
ความวุ่นวายเกิดกับไพร่ฟ้ากันถ้วนหน้า!

ด้วยว่าตอนนั้นหลายอาณาจักรต่างทราบถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรล้านนาดี
ว่าบัดนี้สามารถรวมเมืองน้อยใหญ่ที่อยู่รายรอบ รวบรวมจนกลายเป็นอาณาจักรเดียวกันได้สำเร็จ

นอกจากนี้หลายอาณาจักรต่างก็ทราบถึงความกล้าหาญของขุนทหารแห่งล้านนาด้านการศึก
ทำให้อำนาจของล้านนาแผ่ขยายไปทั้งทิศเหนือ-ใต้ ออก-ตก

แม้แต่อาณาจักรยิ่งใหญ่อย่างกรุงศรีอยุธยาที่ว่าแกร่งกล้าด้านทักษิณทิศ
ก็ยังไม่อาจเอาชนะสิงห์ใหญ่ตัวนี้ได้

ณ ขณะนั้นจึงเกิดความความระส่ำระสาย เป็นที่หวาดกลัวไปทั่วทั้งเมืองเชียงทองล้านช้าง!

.........................................................................................

ทางฝ่ายทัพหลวงล้านนาที่มีกองทัพเรือนหมื่น
ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเดินทัพออกจากเขตแดนเวียงนันทบุรีจนเข้าเขตแดนเมืองเชียงทอง
พรักพร้อมด้วยข้าวปลาอาหารที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียงนันทบุรีเป็นอย่างดี!

ขุนทหารล้านนาทุกผู้ทุกนายล้วนบังเกิดความห้าวหาญหวังจะตีเอาเมืองเชียงทองให้แตกพ่ายในเร็ววัน!
นับตั้งแต่สมัยโบราณ การที่กองทัพล้านนาทำศึกอาณาจักรเชียงทองจึงถือได้ว่าเป็นการสงครามหวังจะตีให้ราบคาบก็ว่าได้!

เพียงไม่กี่วันทัพหลวงของล้านนาที่มีรี้พลหลายหมื่นก็บุกเข้ามาจนถึงหน้าประตูเมืองเชียงทองล้านช้าง!!!
เสียงกลองศึก เสียงม้า เสียงช้าง เสียงอาวุธที่ดังกึกก้องกังวาน ดังข่มขวัญไปทั้งหน้าเมืองเชียงทอง!

เมืองเชียงทองนั้นมีศิลปะที่งาม ทั้งวัด วัง คุ้มหลวง โบสถ์ วิหาร สิม ที่งามล้ำไม่น้อยไปกว่าอาณาจักรใดก็ว่าได้
การได้พบชาวเมืองเชียงทองในครั้งนี้ทำให้ไอ้แก้วได้ทราบว่า
ทั้งหน้าตา การแต่งกาย ภาษา ศิลปะกรรม ทุกสิ่งล้วนแทบจะไม่แตกต่างจากล้านนาเลย
ถ้าไร้ซึ่งสงครามคงเป็นเมืองงามที่น่าอยู่ยิ่งนัก

เพราะบัดนี้ชาวเมืองต่างอยู่กันอย่างอกสั่นขวัญแขวน! บ้างก็พาครัวหนีลงไปที่เมืองอื่นอย่างหวาดเกรงศึก!
บรรยากาศที่เศร้าสลดก็เหมือนเช่นทุกครั้งที่มีการทำศึกเพื่อประหัตประหารกัน!

ไอ้แก้วเห็นแล้วก็นึกสลดใจยิ่งนัก เพราะอย่างไรเสียก็พี่น้องกันทั้งนั้นใยจึงต้องเข่นฆ่ากันไม่จบสิ้น!
แต่การนี้เป็นเรื่องของการตอบโต้ถึงสิ่งที่เมืองเชียงทองได้ทำไว้กับเวียงนันทบุรี
ไอ้แก้วจึงมิอาจทำจิตใจให้อ่อนไหวเช่นอิสตรีได้ไม่

เสียงกลองสะบัดชัยเสียงร้องของขุนทหารแห่งล้านนาเรือนหมื่นดังกระหึ่มไปทั้งหน้ากำแพงเมือง!
เพื่อข่มขวัญผู้เป็นเจ้าของเมืองให้ยอมสยบก่อนที่จะถูกทำลายจนย่อยยับ!

ท่านแม่ทัพใหญ่ได้ส่งสารถึงองค์เจ้าหลวงแห่งเชียงทองให้ยอมศิโรราบเพื่อไม่ให้เสียเลือดเนื้อไพร่พล
ทางทัพล้านนารอฟังการตัดสินใจของเมืองเชียงทองอยู่ไม่ถึงวัน
ท่านแม่ทัพใหญ่ของเมืองเชียงทอง และขุนทหารกล้าอีกสองนาย
ก็ออกจากประตูเมืองเพื่อขอยอมศิโรราบยอมแพ้การศึกในครั้งนี้!

“องค์เจ้าหลวงเชียงทองล้านช้างขอยอมแพ้แก่กองทัพหลวงแห่งล้านนา
...ขอท่านแม่ทัพจงอย่าได้ทำร้ายไพร่บ้านพลเมืองของหมู่เฮาเลย”

ท่านท้าวพญาคนนี้หน้าตาคุ้นๆ และพอหันไปมองขุนทหารที่ตามท่านมา
ไอ้แก้วจึงจดจำได้ว่าเป็นท่านพญาที่เคยเดินทางผ่านและเข้าพักเวียงเชียงแสนเมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง

บัดนี้ “ขุนวิชิต” ขุนทหารกล้าผู้นั้น ผ่านมาหลายปีก็ยิ่งสง่างามสมชายด้วยวัยที่ฉกรรจ์ขึ้น!
เมื่อท้าวพญาของเมืองเชียงทองนั่งพูดคุยการยอมรับเข้าเป็นเมืองขึ้นของล้านนาอยู่นั้น
ไอ้แก้วมองขุนวิชิตจนเผลอยิ้มให้แก่ขุนวิชิตทหารรุปหล่อก็มองตอบด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ด้วยไม่พอใจที่จะยินยอมสงบศึก เพราะนั่นหมายถึงการเป็นเมืองขึ้นของล้านนาตลอดไป!!!

แต่พอมองไอ้แก้วที่มีรูปหน้าหล่อเหลาหมดจด มันก็เริ่มจดจำได้
ขุนวิชิตทหารรูปหล่อถึงกับทำหน้าตกใจ แต่ขณะเดียวกันก็ดีใจระคนกัน!
ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาที่ท้าวพญาแห่งเมืองเชียงทองพูดคุยกับท่านแม่ทัพอินตาราชเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“วันพรุ่งขอท่านแม่ทัพและขุนทหารแห่งล้านนาเข้าสู่เมืองเชียงทองเพื่อทานข้าวปลาอาหารให้อิ่มหนำแลสำราญด้วยเถิด”
“เมื่อเป็นเช่นที่ท่านท้าวพญาว่า...ต่อไปเมืองเชียงทองล้านช้างก็คือบ้านพี่เมืองน้องกับล้านนาสืบไป!”

ท่านท้าวพญาเมืองเชียงทองมีสีหน้าลำบากยากใจยิ่ง แต่รู้ว่าเป็นแต่เพียงเมืองน้อยไพร่พลก็มีไม่มากไม่อาจเอาชัยทัพล้านนาได้
ถึงต่อสู้ไปพลเมืองก็มีแต่จะได้ยาก เวียงวังบ้านเมืองก็ล้วนต้องเสียหายเพราะการศึก
การศึกกับเชียงทองล้านช้างครั้งนี้ จึงจบลงด้วยดีโดยไม่มีการบาดเจ็บล้มตายลงแม้เพียงคนเดียว!

..................................................................................

วันต่อมาเมื่อทัพหลวงของล้านนาเข้าสู่เมืองเชียงทองล้านช้าง
ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินต่างก็นั่งหมอบราบกับพื้นด้วยความกลัวเกรงในอำนาจทหารล้านนา

ต่างจากขุนทหารของเมืองที่ถึงแม้องค์เจ้าหลวงจะยอมแพ้ขอเป็นเมืองขึ้นเพื่อรักษาชีวิตไพร่ฟ้าให้ปลอดภัย
แต่ขุนทหารที่อยู่ในวัยฉกรรจ์ต่างก็อยากจะสู้ให้รู้แพ้ชนะแต่นั่นก็มิอาจจะทำได้
สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงการยอมก้มหัวให้ทั้งๆที่ใจคอปวดร้าวหนักหนา!

งานเลี้ยงทัพศึกของล้านนาเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้เกียรติทัพหลวงล้านนา
ด้วยอาหารคาวหวานและเหล้ายา ข้าวปลาอาหาร อย่างพร้อมเพรียง

ด้วยว่าเมืองเชียงทองล้านช้างยอมแพ้ขอเป็นเมืองขึ้นแต่โดยดี
ท่านแม่ทัพใหญ่จึงสั่งให้ขุนทหารทุกนายที่อาจจะมีความกำหนัด
ห้ามกระทำการรุนแรงผิดลูกเมียของชาวเมืองเชียงทองเป็นเด็ดขาด!
ทหารนายใดทำการผิดคำสั่งให้ตัดหัวเสีย ชาวเมืองเชียงทองถึงได้อยู่กันอย่างสบายใจ

……………………………………………………………………………………

เมื่อท่านแม่ทัพอยู่ควบคุมเมืองเชียงทองล้านช้างได้หลายวัน
ท่านก็ได้อัญเชิญ เจ้าชาย และ เจ้าหญิง ของเจ้าหลวงเชียงทองหลายพระองค์
ให้ไปเป็นองค์ประกันที่อาณาจักรล้านนา นำไปพร้อมด้วยทรัพย์สินอันมีค่าอีกมากมาย
ทั้งทองคำ เงิน เพชรพลอย และผ้าไหมชั้นดี

และขาดไม่ได้นั่นก็คือ "ไพร่ทาส" อีกหลายพันคนที่ต้องถูกกวาดต้อนไปยังนพบุรีศรีนครพิงค์ล้านนา
อันเป็นบำเหน็จศึกของผู้ที่ชนะสงคราม และไพร่พลเหล่านี้จะเข้าไปเป็นประชากรของอาณาจักรล้านนาเพื่อเพิ่มกำลังคน
ดังคำที่ว่า...

"เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง" นั้นแล
(เป็นการเทครัวคนของเมืองอื่นๆ ทั้งลาว ไทใหญ่ ลื้อ เขิน ยอง ฯลฯ
จากเมืองทีพ่ายแพ้สงครามให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร ซึ่งสมัยก่อนถือว่านิยมทำกันมาก
เพราะเป็นการเพิ่มประชากรให้กับเมืองได้รวดเร็วที่สุด)

วันที่ต้องส่ง เจ้าชาย เจ้าหญิง ขององค์เจ้าเหลวงเชียงทอง และบรรดาไพร่ทาสเพื่อไปยังล้านนา
ยังความเศร้าเสียใจมาสู่องค์เจ้าหลวงและชาวเมืองเป็นอย่างมาก จนน้ำตาแทบจะท่วมเมืองก็ว่าได้
แต่ถ้าไม่ให้ก็ต้องเสียทั้งเมือง เสียทั้งคน ไพร่ ทาส ขุนทหารเสียชีวิตอีกมากกว่านัก
การยินยอมให้เจ้าชาย เจ้าหญิง และบรรดาไพร่อีกบางส่วนจึงเป็นทางออกที่เสียหายน้อยที่สุด

เสียงร่ำให้ดังระงมไปตลอดเส้นทางที่ขบวนเสด็จของ เจ้าชาย เจ้าหญิง ถูกอัญเชิญไป
ไอ้แก้วเห็นแล้วเป็นที่เศร้าสลดใจยิ่งนักแต่มันเป็นเรื่องของการศึกมันเองก็ไม่กล้าคิดให้เป็นอื่น
เพราะตัวมันเองก็เคยผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายแบบนี้มาไม่ต่างกัน

ไพร่ทาสที่ถูกนำตัวไปก็ยกไปทั้งครัว ทั้งพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลูก และหลาน

......................................................................................

หลายวันผ่านไปนับตั้งแต่ท่านแม่ทัพได้สั่งการให้เมืองแมน และ ขุนพันเฮือง สองขุนพลเอก
อยู่คุมกองทัพล้านาด้วยกองทหารเรือนหมื่นนาย
เสียงร้องไห้ของชาวเมืองก็ยังดังระงมอยู่อีกนานหลายวันได้ยินอยู่เป็นระยะในความสูญเสียทีเกิดขึ้น

กองทัพล้านนาอันมีเมืองแมน และ ขุนพันเฮือง คอยอยู่คุมทัพกลางเมือง
ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากคุ้มหลวงของเจ้าหลวงเชียงทองเท่าใดนัก จึงทำหารสอดส่องความเป็นไปได้อย่างง่ายดาย
แต่จนถึงบัดนี้ไอ้แก้วก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของขุนวิชิตชู้เก่าที่มันเคยปรนนิบัติอย่างดีเมื่อหลายปีก่อนซักครั้งไม่

ทุกคราที่ชนะศึกเมืองที่ชนะศึกต้องทำการจดบันทึกแผนผัง ค่ายคู ประตูเมือง ของทั้งเมืองแห่งนั้นๆ ไว้
เพื่อนำกลับไปแจ้งแก่ทางนครหลวงให้ได้รับรู้ถึงผังเมืองที่ชนะมาได้ด้วยการจดบันทึกบนใบลาน
และหน้าที่นี้ไอ้แก้วก็เป็นคนทำมาโดยตลอดด้วยต้องใช้ผู้ที่เจนหนังสือ
ทำให้มันได้รู้เห็นแผนผังและวังวัดของแต่ละเมืองอย่างชัดเจนยิ่ง

และวันนี้มันก็ได้ออกทำหน้าที่นี้ตั้งแต่เช้า
แต่สถานที่แรกที่มันไปกลับอยู่นอกเมืองหาใช่ในเมืองอย่างที่ควรจะเป็นไม่

ไอ้แก้วขี่ไอ้ขาวม้าแสนรู้ประจำตัวที่ได้รับมาจากเจ้านายเก่า คือท่านเจ้าหมื่นเรืองณรงค์ จากเวียงเชียงแสนนั่นเอง
มันและม้าขาวควบไปตามถนนของเมืองงามที่คลับคล้ายเวียงนันทบุรีราวกับเป็นเมืองเดียวกัน
จนควบม้าขาวผ่านทางออกนอกประตูเมืองไอ้แก้วจึงถามเหล่าทหารประจำประตูเมืองว่า...

“เอ็งทราบหรือไม่ว่าเรือนของขุนวิชิตอยู่ที่ใด!”

ทหารหลายนายที่คุมประตูเมืองต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความแปลกใจ
บ้างก็ทำสีหน้าที่ไม่พอใจนัก แต่ก็ยังไม่กล้าแสดงออกอย่างชัดเจนมากเกินไป

“นายท่านมีการใดกับท่านขุนรือขอรับ”
ไอ้แก้วไม่ได้คิดอยากใช้พระเดชเท่าใดนักถึงแม้ว่าจะมีสิทธิ์ในการใช้ก็ตาม

"ข้าเป็นสหายเก่าของท่านขุน...เอ็งยังอยากรู้อะไรอีกหรือไม่!"
“ขอโทษด้วยขอรับ!...ข้าเพียงจะถามท่านเพื่อจะได้ช่วยเหลือท่านได้ตามสมควร”
ทหารเหล่านั้นจึงได้แต่บอกถึงเรือนที่อยู่ของขุนวิชิตด้วยความเกรงกลัวโทษ

เมื่อได้ทราบว่าขุนวิชิตอยู่ที่ใดไอ้แก้วก็ควบม้าไปอย่างเร็วรี่จนออกมานอกเมืองไม่ไกลนัก
ก็เจอบ้านที่ทหารเหล่านั้นได้แจ้งไว้

เบื้องหน้าของไอ้แก้วคือเรือนไม้หลังใหญ่กว้างขวางด้วยเป็นบ้านของทหารชั้นสูง
หนำซ้ำยังเป็นหลานชายของท่านพญาผู้เป็นแม่ทัพของเมืองเชียงทองล้านช้าง
ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเจ้า แต่ก็มีอำนาจและยศสูงยิ่ง

ขณะที่ยืนมองสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่
ไพร่ชายหน้าตาดีผิวขาวหมดจดสองนายในชุดเสื้อผ้าฝ้ายกับผ้าเตี่ยว
ดูไปก็หาแตกต่างไพร่ทาสในอาณาจักรล้านนานัก กำลังเดินขึ้นบนเรือน

“หยุดก่อน!!!”

ไพร่รับใช้สองคนมองมาพอเห็นว่าเป็นทหารแห่งล้านนาที่พึ่งเข้าควบคุมราชอาณาจักรไว้ก็ถึงกับหน้าเสีย!
นั่งหมอบลงกับพื้นอย่างเกรงอำนาจขุนทหารรูปงามแห่งล้านนาปากคอสั่น!

“ที่นี่เป็นเรือนของท่านขุนวิชิตใช่หรือไม่!”
“ใช่ๆ...ใช่แล้วขอรับ...นายท่านมีอันใดขอรับ!”
สองไพร่รับใช้พูดด้วยความเกรงกลัว

"ข้าเป็นสหายของท่านขุนวิชิตมีการต้องพูดคุยกันท่านอยู่หรือไม่"
ข้ารับใช้หนุ่มทั้งสองมองหน้ากันอย่างเกรงๆ แล้วหันมาตอบไอ้แก้วว่า...

“ท่านขุนไปคุ้มหลวงตั้งแต่เช้าแต่อีกซักพักก็คงกลับ...เชิญนายท่านไปรอบนเรือนดื่มน้ำให้เย็นใจก่อนนะขอรับ”
มันสองคนสมกับเป็นข้ารับใช้เจ้านายชั้นสูง เพราะถึงจะดูเกรงกลัวแต่ก็ตอบคำได้อย่างรู้งานเจ้านาย
แล้วมันทั้งสองก็พาไอ้แก้วเข้าไปนั่งรอบนเรือนต้อนรับพร้อมน้ำผลไม้ที่หามาให้ทาน

“พวกเอ็งจะไปทำอะไรก็ไปเถอะเดี๋ยวข้าอยู่รอท่านขุนเอง”
“ขอรับนายท่าน!”

พอมันทั้งสองก็ลงจากเรือนไป

ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงม้าหลายตัวควบมาถึงหน้าเรือน ไอ้แก้วมองออกไปก็เห็นเป็นขุนวิชิตชู้เก่านั่นเอง
ทันทีที่ได้เห็นจิตใจก็สั่นรัวด้วยความคิดถึงยิ่งนัก!
ด้วยรูปกายของขุนวิชิต ณ ตอนนี้ช่างแกร่งงาม ใบหน้าหล่อเหลาสมเพศบุรุษยิ่ง

แล้วไพร่รับใช้สองคนจึงรีบออกไปแจ้งเจ้านายว่า "นายร้อยแก้ว" ผู้เป็นทหารจากล้านนามาหา
ซักพักขุนวิชิตในชุดทหารเต็มยศสมกับตำแหน่ง “ขุน” ทหารชั้นสูงของเมืองเชียงทองล้านช้าง
ซึ่งจะเป็นชุดใส่ในการเข้าเฝ้าเจ้าหลวงเท่านั้น ก็เดินขึ้นเรือนมาอย่างสง่างาม

เมื่อขุนวิชิตเห็นว่าเป็นใครมันก็ยิ้มร่า
แต่ซักพักมัก็ทำหน้าเศร้าใจเหมือนเกิดความรู้สึกที่หลากหลายปนเปกัน!

“ท่านขุน!...ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้เจอท่านอีกครา”

ไอ้แก้วเดินเข้าใกล้พร้อมยิ้มอย่างยินดี ขุนวินชิตได้แต่พยักหน้ายิ้มบางๆ
แต่ถึงจะยิ้มน้อยๆ แต่ความหล่อเหลาสง่างามของขุนวิชิตก็ประทับใจไอ้แก้วไม่รู้ลืม

“ข้าไม่อยากเชื่อว่าเราจะต้องมาเจอกันในสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเยี่ยงนี้”

ขุนวิชิตพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยดูเจ็บปวดรวดร้าว จนไอ้แก้วเองก็รู้สึกเสียใจไม่ต่างไปจากมัน
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทุกๆ 3 ปีอาณาจักรเชียงทองล้านช้าง
จะต้องส่งบรรณาการให้กับอาณาจักรจีน และ อาณาจักรล้านนา ซึ่งเป็นอาณาจักรใหญ่

แต่ก็เป็นแต่การแสดงความนับถือและให้เกียรติของอาณาจักรเล็กที่มีต่ออาณาจักรใหญ่เท่านั้น
หาเป็นการให้ในฐานะเมืองขึ้นเหมือนหลายๆ เมืองที่อยู่รายรอบเวียงนพบุรีฯ ไม่

แต่นับจากนี้ต่อไปต่างหาก ที่เมืองเชียงทองล้านช้างจะต้องส่งบรรณาการอันมีพุ่มไม้เงิน พุ่มไม้ทองทุกๆ ปี
ในฐานะเมืองขึ้นอย่างแท้จริง!

ไอ้แก้วอยากเห็นขุนทหารรูปหล่อที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
จึงเดินเข้าไปกอดอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ขุนทหารหน้าตาหล่อเหลาก็กอดไอ้แก้วอย่างยินดี
ทั้งสองกอดกันแน่นิ่งไปชั่วครู่

“ในการศึกครั้งนี้ของสองอาณาจักร...ท่านคงไม่ได้โกรธข้าด้วยใช่หรือไม่!”
เสียงที่ไอ้แก้วถามไถ่อีกฝ่ายฟังแล้วเบายิ่ง แต่ขุนวิชิตทหารหนุ่มได้ยินถนัดหู

มันสองคนกอดรัดแน่นจนเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นมาในนาทีนั้น!
ขุนวิชิตลูบไล้ไปมาตาบร่างกายของเด็กหนุ่มที่มันเคยเสพสมอย่างสุขขีเมื่อหลายปีก่อน

แต่กาลบัดนี้เด็กหนุ่มที่เป็นข้ารับใช้ของเจ้านายอย่างมันกลับกลายเป็นทหารยศมิได้ต่ำต้อย
ร่างกายที่เคยสูงสง่าหน้าตารูปงามกลายเป็นแกร่งกำยำแน่นล่ำไปทั้งสรรพรางกาย!

"ข้ายอมรับว่าใจข้านั้นเศร้านัก...และข้าก็ยอมรับว่าทัพของเมืองเราทำผิดที่บุกเข้าโจมตีเวียงนันทบุรี
....แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าเวียงนันบุรีกับเมืองเชียงทองสร้างมาจากปฐมกษัตริย์องค์เดียวกัน...อันเป็นชาวลาวและชาวกาว"

"ข้าทราบ!...แต่นั่นก็เนิ่นนานหลายร้อยปีมากแล้ว
...เพราะบัดนี้ดินแดนนั้นเป็นของอาณาจักรล้านนาหมดสิ้นแล้ว!
...ไม่ต่างจากพวกท่านที่ได้เมืองน้อยใหญ่ที่อยู่รอบอาณาจักร"

ขุนวิิชิตเป็นขุนทหารที่ฉลาดและได้รับการเรียนรู้ศาสตร์และศิลป์มันย่อมรู้เรื่องการศึกที่ไอ้แก้วพูดได้ดี
และมันก็ไม่อยากถกเถียงกันกับชู้รักเก่ารูปงามอย่างไอ้แก้วด้วยเรื่องการเมืองแบบนี้

ทหารหนุ่มหล่อกอดไอ้แก้วแน่นแล้วยิ้มน้อยๆ

“เจ้าเป็นหนุ่มขึ้นมากไอ้แก้ว!...และตอนนี้ยังเป็นทหารกล้าของล้านนาช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง!”
ไอ้แก้วก็ลูบหน้าของอีกฝ่ายไปมาด้วยความคิดถึง

เรื่องราวเมื่อหลายปีก่อนถึงแม้จะแค่ไม่กี่ทิวาและราตรีมันก็จดจำมั่นไม่ลืมเลือน
ว่าความสุขที่ได้รับจากขุนวิชิตนั้นเกษมสุขมากแค่ไหน!
อีกทั้งแหวนทองที่ทหารหนุ่มที่ได้ฝากไว้เป็นรางวัลก็ยังเก็บไว้ไม่เคยทิ้งไป

“ข้าคิดถึงท่านขุนยิ่งนัก!”

ไอ้แก้วเริ่มลูบไล้ไปมาตามร่างแกร่งกำยำของอีกฝ่ายด้วยความต้องการตามธรรมชาติ
มือมันเริ่มกำไปที่กลางลำตัวของอีกฝ่ายด้วยความรัญจวนใจ
เมื่อสัมผัสได้ว่าลำลึงค์ของอีกฝ่ายเริ่มตั้งชูชันแข็งกล้า!

บัดนี้ขุนวิชิตเองก็เกิดความต้องการขึ้นมาไม่ต่างไปจากทหารหนุ่มแห่งล้านนาผู้มีรูปกายงามตรงหน้า
แล้วขุนวิชิตก็พาไอ้แก้วเข้าสู่ห้องนอนด้านในด้วยความต้องการทางร่างกายที่ร้อนปานเดือนเมษา!

เมื่อเข้าสู่ห้องทั้งไอ้แก้วและขุนวิชิตต่างก็กอดจูบกันอย่างเร่าร้อนซาบซ่าน!
ทั้งสองครวญครางเบาๆ ออกมาจากลำคอด้วยเสียงที่ฟังดูกระหายในกาม!

บัดนี้ไม่มีการสนทนาอันใดกันอีกต่อไป
เมื่อต่างฝ่ายต่างกอดจูบบดริมฝีปากกันและกันด้วยความเร่าร้อนที่แผดเผา!

“อา!!!...”
“อืมมม!!!”

ทั้งสองกอดจูบกันและกันอย่างเร่าร้อนเสียงครวญครางที่ดังบ่งบอกความต้องการในกัน
จนเสื้อผ้าถูกถอดออกจนหมดสิ้น!!!

ร่างแกร่งล่ำกำยำของทั้งสองงดงามราวประติมากรรมชิ้นงาม!
อาวุธของทั้งสองแข็งกล้าทรงพลัง!

ทั้งสองต่างกอดรัดคลึงเคล้าตามร่างแกร่งกำยำของกันและกัน
จนความกำหนัดเริ่มประทุหนักหน่วง!

เมื่อหลายปีก่อนไอ้แก้วเคยปรนนิบัติขุนทหารผู้หล่อเหลาคนนี้มาก่อน
มันย่อมรู้ดีว่าขุนทหารผู้นี้มีลีลาเสพสังวาสที่ซาบซ่านเพียงไหน!

ขุนวิชิตทหารเชียงทองผลักไอ้แก้วให้นอนลงไปบนที่นอนอย่างเร่าร้อน!
บัดนี้ไอ้แก้วถูกขุนทหารดูดเลียตามร่างกายเนียนขาวจนได้แต่ครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน!

“อา!...ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน!”

มันได้แต่กอดรัดร่างแกร่งล่ำของอีกฝ่ายที่กำลังใช้ปากดูดเลียตามยอดอกของตัวเองจนใจแทบขาด!
อารมณ์เสียวซ่านสุดยอดจนมันหลับตาแน่นิ่งทำได้เพียงการส่งเสียงเครือๆในลำคอ

“ไอ้แก้ว!...ข้าทนไม่ไหวแล้ว!!!...ขอข้าเสพสุขกับตัวเจ้าเถอะนะ!”

“ข้ามาพบท่านในครั้งนี้ก็เพื่อให้ท่านอภัยให้แก่ข้าแทนกองทัพล้านนา!
...หากท่านต้องการสิ่งใดก็จงทำตามใจท่านเถอะ!”

ไอ้แก้วตอบอย่างเสียวซ่านในอารมณ์ที่กำลังได้รับ!

ขุนวิชิตทหารเอกแห่งเชียงทองยิ้มอย่งพึงใจแล้วจับขาของไอ้แก้วอ้ากว้าง
แล้วกดอาวุธขนาดใหญ่ยาวเข้าสู่ช่องทางแห่งความสุขของไอ้แก้วทันที!

ไอ้แก้วได้แต่นอนดิ้นทุรนทุรายในยามที่ขุนทหารรูปหล่อพยายามผลักดันเข้ามา!
และเมื่ออาวุธขนาดใหญ่ของขุนทหารรูปหล่อมุดเข้าจนสุดไอ้แก้วก็ร้องครางด้วยความเสียวสุดขีด!
สองแขนกอดรัดร่างของอีกฝ่ายแนบแน่น!

“อ๊ะ!...ท่านขุน!...อา!...ซี้ดดดด!!!”

บัดนี้ขุนวิชิตทหารหล่อแห่งเชียงทองก็สูดหายใจอย่างหื่นกระหาย
แล้วเริ่มกระแทกอาวุธคู่กายที่ใหญ่โตของตัวเองวนเข้าออกในตัวของไอ้แก้วอย่างรุนแรงบ้าคลั่ง!!!
สิ่งที่ขุนทหารทำนั้นดูราวกับจะประหัดประหารไอ้แก้วให้ตกตาย!

เพื่อเป็นการแก้แค้นที่อาณาจักรสูญเสียอิสระจากน้ำมือของอาณาจักรล้านนา
แต่ไอ้แก้วมันรู้ดีว่าขุนทหารหาใช่คนจิตใจต่ำทรามไม่ถึงแม้จะแค้นเคืองล้านนาเพียงใด
มันเป็นอีกผู้หนึ่งที่ขุนทหารให้ความเมตตาไม่เคยเสื่อมคลาย!

“ซี้ดดดด!!!”

ขุนทหารเชียงทองกระแทกกระทั้นอาวุธคู่กายเข้าในตัวไอ้แก้วอย่างมีความสุข
ทั้งรุนแรง ทั้งหนักหน่วง จนไอ้แก้วเสียววาบๆ ตามช่องลับและร่างกายที่ขาวเนียน!

แต่ถึงจะเจ็บจุกด้วยขนาดที่ใหญ่โตซักเพียงไหนแต่ความสุขที่ได้รับกลับไม่น้อยไปกว่ากัน
ทั้งสองกอดก่ายกันไปมาอย่างเร่าร้อนเสียวซ่าน!

ขุนทหารร่างบึกบึนกว่าทั้งกระหน่ำร่างทหารที่ขาวเนียนกว่าอย่างเมามันในอารมณ์ที่ห่างหายไปนายหลายปี!
ฝ่ายทหารที่ร่างเล็กกว่าก็นอนอ้าขากว้างให้ขุนทหารเสพสังวาสทางประตูหลังอย่างพร้อมยอมพลีให้!

และเมื่อความเสียวสุขของทั้งสองใกล้มาถึงจุดสิ้นสุด!
ร่างกายของทั้งสองก็แตกพลั่กไปด้วยเหงื่อล้นพ้นตัว!
สีหน้าของทั้งสองดูสุขล้นเหลือในเพลิงกามที่ได้รับจากร่างกันและกัน!

“ไอ้แก้วววว!...อา!...ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว!!!”
“อา!...ท่านขุน!!!...ข้า!....อา!...ซี้ดดดดด!!!”

ต่างฝ่ายต่างครวญครางปานใจจะขาด

แล้วในที่สุดขุนวิชิตก็ฉีดน้ำแห่งความแค้นเข้าสู่ร่างกายของไอ้แก้วอย่างมากมาย!!!
ไอ้แก้วนอนหลับตาพริ้มอย่างยินดี เพราะมันคิดว่านี่คือการชดเชยความแค้นของสองอาณาจักรในครั้งนี้!

เมื่อทั้งสองเสพสุขกันจนอ่อนเพลียต่างก็นอนกอดรัดกันอยู่อย่างนั้น และพูดคุยกันไปอย่างคิดถึง!
หลายเรื่องราวที่ผ่านมาหลายปีต่างก็บอกกล่าวแก่อีกฝ่ายให้ได้รับรู้
ยิ่งได้รับรู้ขุนวิชิตทหารเอกแห่งเชียงทองก็ยิ่งพึงใจในตัวไอ้แก้วมากขึ้น

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บำบัดรักนักรบแดนเถื่อน 26 สู้ศึกทั้งเหนือใต้

และแล้วก็ถึงเวลาที่สองอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ทั้ง ฝ่ายเหนือ และ ฝ่ายใต้
เข้าสู้ศึกสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดน และความยิ่งใหญ่!

หนึ่งคือ อาณาจักรฝ่ายเหนือ “ล้านนา” ที่มีเจ้าหลวงที่ยิ่งใหญ่ที่มีวัยเพียง30 เศษเท่านั้น
แต่หลายปีที่ขึ้นเป็นเจ้าหลวงทรงสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ล้านนาจนเกรียงไกรยิ่ง
จนสามารถรวมอาณาจักรที่อยู่รายรอบให้เข้ามาอยู่ในอาณาจักรล้านนาได้แทบจะหมดสิ้น!

อีกหนึ่ง คือ “อยุธยา” อาณาจักรฝ่ายใต้ที่แข็งแกร่งครอบครองดินแดนตั้งแต่ทุ่งนา
จนไปถึงดินแดนแห่งทะเลและสายน้ำ อาณาจักรอันมีเจ้าเหนือหัวพระองค์ใหม่ที่กล้าหาญเก่งกล้า!

ถึงแม้จะพึี่งครองอำนาจแต่เหนือหัวแห่งอยุธยาพระองค์ใหม่ก็มีความประสงค์อันแรงกล้า
นั่นคือการรวบรวมทุกอาณาจักรให้เป็นแผ่นเดียวกัน!!! เพื่อจะได้ปกครองดินแดนทั้งเหนือใต้จนหมดสิ้น!

แต่ถึงแม้สองอาณาจักรจะยิ่งใหญ่ไม่ด้อยไปกว่ากัน แต่การรวามรวมทุกอาณาจักรให้เป็นหนึ่งก็ยากจะทำได้
เพราะ  ณ ขณะนี้ อาณาจักรล้านนามีความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอยุธยาแม้แต่น้อย!

ทัพหลวงของทั้งสองอาณษจักรต่างก็รวบรวมขุนพลหารเก่ง และกล้า มากด้วยฝีมือ เรือนหมื่นเรือนแสน
ขบวนช้าง ขบวนม้า ที่มากมายนับพัน ต่อสู้ศึกที่ “เมืองเติ๋นนคร”อันเป็นเมืองใต้สุดของอาณาจักร
ที่อยู่ในการปกครองของล้านนา

ศึกครั้งก่อนอยุธยาเคยตีเมืองน้อยแห่งนี้จนแตกพ่ายและเข้าสู่เขตแดนล้านนาได้อย่างง่ายดาย
การศึกครั้งนี้กรุงศรีฯ จึงคิดสู้ศึกโดยตีหักค่ายเมืองเติ๊นนครแห่งนี้ให้แตกพ่ายซ้ำรอยอีกครั้ง
นั่นก็หมายถึง การที่จะสามารถเข้าสู่เขตอาณาจักรล้านนาได้ง่ายยิ่งขึ้น!

ขุนแกล้วทหารกล้าของทั้ง “สิงห์เหนือและเสือใต้” เข้าต่อสู้ศึกกันอย่างอาจหาญ!

ฝ่ายเหนือมีเจ้าเมืองเขลางค์นครคอยควบคุมการศึกอย่างเข้มแข็ง
ฝ่ายใต้ก็มีเจ้าเมืองชากังราวออกเป็นทัพหน้าทั้งบุกด้วยขุนพลทหารกล้า
ธนูไฟ และหอกแหลม! ยิงกระหน่ำใส่ในค่ายเมืองเติ๊นนครอย่างรุนแรงน่ากลัว!

การศึกเป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน!!!
เสียงโห่ร้องสร้างขวัญกำลังใจ และข่มขวัญศัตรู!!
เสียงแห่งการสู้รบ ดังกึกก้องอยู่ตลอดหลายวัน!

ไฟที่ลุกโหม ถูกจุดจนโชติช่วงเพื่อสร้างความน่ากลัว!
หอก ธนูไฟ ยุธทธวิธีต่างๆ ที่ใช้ในการปราบศัตรูต่างนำมาใช้ในการศึกอย่างรุนแรงยิ่ง!

แต่ท้ายที่สุด...เมื่อผ่านไปหลายเดือนการศึกของทั้งสองอาณาจักรก็มิอาจรู้ผล แพ้ หรือ ชนะ ได้!
เพราะเมื่อการศึกสงครามเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนหลาก
การศึกสงครามของทั้งสองอาณาจักรที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะก็ยิ่งเป็นไปเป็นไปอย่างยากลำบาก!
ทั้งต้องคอยรับศึกเมืองขึ้นของทั้งสองอาณาจักรอยู่มิได้ขาด

ทัพของกรุงศรีอยุธยาก็มิอาจจะหักเอาเมืองเติ๊นนครของอาณาจักรล้านนาได้
ในขณะที่เมื่อยามอยุธยาอ่อนแรง ล้านนาก็มิอาจบุกยึดเมืองศรีสัชนาลัย-สุโขทัย ของอยุธยาได้เช่นกัน!

จนเข้าสู่หน้าฝนทั้งสองอาณาจักรจึงหยุดการสงครามไว้แต่เพียงแค่นั้นโดยไม่ทราบผลแพ้ชนะ
แ่ต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีทหารไว้ป้องกันและคุมเชิง ณ เมืองชายแดนอย่างอย่างแน่นหนาป้องกันการบุกรุก!!!

................................................................................................

     ถึงแม้ศึกกรุงศรีอยุธยาจะเลิกราไปได้หลายเดือน
แต่ไอ้แก้ว เมืองแมน และขุนทหารแห่งล้านนาทุกนายก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเมืองเพื่อเจอหน้าลูกเมีย
เมื่อมีคำสั่งให้หน่วยของเมืองแมน และ ขุนพันเฮือง คอยคุมทัพอยู่ ณ เมืองเขลางค์นครอีกนานนับเดือน!

จนกระทั่งวันนึงได้ข่าวว่า “เมืองเชียงทอง” อันเป็นอาณาจักรล้านช้าง! ซึ่งมีอาณาเขตติดกับเวียงนันทบุรี
ได้นำกองทัพเรือนหมื่นเข้ามาเพื่อหมายจะเข้าตีเอาเวียงนันทบุรี ซึ่งอยู่ในการปกครองของอาณาจักรล้านนา
เจ้าหลวงแห่งล้านนาจึงสั่งการให้ท่านแม่ทัพใหญ่รีบตอบโต้เมืองเชียงทอง
หากแม้นเอาชนะได้ก็ให้กวาดผู้คนมาไว้ในอาณาจักรล้านนาเพื่อเพิ่มพูนกำลังคนให้มากยิ่งขึ้น!!!

อันที่จริง เวียงนันทบุรี และ เมืองเชียงทอง ทั้งสองต่างก็เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมาแต่เก่าก่อน
ตั้งแต่สมัยก่อตั้งสร้างเมืองใหม่ๆ ครั้งนี้เมืองเชียงทองเห็นว่าเวียงนันทบุรอ่อนแอเกินกว่าจะป้องกันตนเองได้
จึงได้คิดการยึดครอง การศึกของล้านนา และ ล้านช้าง จึงได้เริ่มต้นขึ้น!

และแล้วการศึกทางด้านทิศเหนือก็ได้เริ่มต้นขึ้น
โดยที่ไอ้แก้ว และขุนทหารไม่มีโอกาสได้หยุดพักแม่แต้น้อย!
ท่านแม่ทัพใหญ่แห่งล้านนา จึงสั่งการให้ทัพของ “เจ้าหมื่นอินตาราช”
เป็นแม่ทัพควบคุมกองกำลังทหารล้านนาห้าหมื่น เข้าปกป้องเวียงนันทบุรี เพื่อไม่ให้ตกเป็นของคนลาว

ในการศึกครั้งนี้ ไอ้แก้ว เมืองแมน และเหล่าขุนทหารในสังกัดต่างก็ได้รับคำสั่ง
ให้ออกสู้ศึกกับเมืองเชียงทองในครั้งนี้

เนื่องจากเห็นความสามารถในการสู้ศึกกับอยุธยาอย่างกล้าหาญในศึกกรุงศรีฯ
และไอ้แก้วจากที่เคยรับยศทหารเพียง “นายซาว” ด้วยความดีความชอบในการสงคราม
บัดนี้ไอ้แก้วจึงมียศที่สูงขึ้นเป็น “นายร้อยแก้ว” ตามความดีความชอบ!

แต่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเมืองแมนที่เป็น “ขุนพันมืองแมน” ที่มีตำแหน่งรองแม่ทัพแห่งล้านนา
และเป็น 1 ใน 10 นายร้อย ของขุนพันเมืองแมน ที่อยู่ในการสั่งการ

การได้รับการปูนบำเหน็จศึกครั้งนี้บรรดาลูกน้องของไอ้แก้วเองก็ได้รับยศเพิ่มตามไปด้วย
ทั้งสองนาย อ้ายผา และ อ้ายคง โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายห้าสิบทั้งคู่!

ถึงจะได้รับการเพิ่มยศ แต่ทั้งคู่ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมและสั่งการของ ไอ้แก้ว ตามเดิม
จากที่เคยมีไพร่ผล และทหารอยู่ภายใต้การดูแลเพียง 20 กว่าคน
บัดนี้ไอ้แก้วก็มีทหารและบ่าวไพร่เพิ่มมากขึ้นถึง 100 คนตามยศที่ได้รับ!

…………………………………………………………………………………….

ทัพของ "เจ้าหมื่นอินตาราช" ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ ควบคุมกองกำลังทัพหลวงแห่งล้านนา
นำทัพออกเดินทางมุ่งตรงไปยังเวียงนันทบุรีไม่มีหยุดพัก!
และด้วยความรวดเร็วในการเดินทัพ จึงใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในที่สุดก็เข้าสู่เขตแดนของเวียงนันทบุรี
อันเป็นเมืองใต้การปกครองของล้านนา

เมื่อเกือบสองปีก่อนพึ่งจะถูกล้านนารวมเข้าภายในอาณาจักระ
มาบัดนี้ก็ต้องถูกรุกรานโดยอาณาจักระอื่นอีกแล้ว!

ไอ้แก้วอดนึกถึงเวียงน้อย เวียงงาม ที่มีพระมหาธาตุศักดิ์สิทธิ์และผู้คนอยู่กันอย่างสุขสงบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ไม่รู้ว่าป่านนี้ชาวเมืองจะอกสั่นขวัญแขวนซักเพียงไหน
เพราะนับตั้งแต่ถูกรวมเข้ามาอยู่ในอาณาจักรล้านนาเมื่อราว 2 ปีก่อน เวียงนี้ก็พึ่งจะกลับมาสงบได้เพียงไม่นาน

..............................................................................

ณ ที่ประชุม ของทัพหลวงแห่งล้านนา

ท่านแม่ทัพใหญ่นั่งเป็นประธาน โดยมีขุนพันทั้ง 10 นั่งเรียงรายตามลำดับยศศักดิ์ ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
รองจากขุนพันก็เป็นทหารยศนายร้อยนั่งเรียงกันอย่างพร้อมเพรียง สง่างาม
นายร้อยแก้วนั่งมองการประชุมด้วยความสนใจยิ่ง เพราะใจมันนั้นหมายอยากเข้าช่วยเวียงนันทบุรีโดยไว

เมืองแมนที่นั่งอยูด้านซ้ายของท่านแม่ทัพดูองอาจ สง่างาม ด้วยศักดิ์ฐานะที่สูงส่ง
ด้วยหลายปีผ่านมาล้วนสร้างผลงาน รับราชการทางการศึกสงครามได้อย่างยอดเยี่ยมจึงเป็นที่โปรดปรานยิ่งนัก
อีกทั้งด้วยหน้าตาที่คมคาย ร่างกายสง่างาม ยิ่งน่าชม สำหรับชายด้วยกัน และสตรีที่ได้พบเห็น

ไอ้แก้วมองชายคนรักอย่างภาคภูมิใจที่บัดนี้เมืองแมนได้รับยศฐาบรรดาศักดิ์
ตามความดีความชอบที่ได้ทำไว้แก่ชาติบ้านเมือง มีหรือมันจะไม่ดีใจราวกับตัวมันเองได้รับยศศักดิ์นี้

ทางจะขื่อที่ไม่ขอรับยศทหารยังคงใช้ชีวิตเยี่ยงพรานป่าตามความเคยชินโดยไร้การควบคุมของกองทัพ
แต่คราใดที่กองทัพต้องการความช่วยเหลือจะขื่อก็จะเข้ามาช่วยด้วยความยินดี

จนกระทั่งเสือหมอบแมวเซาอันเป็นทหารที่คอยซุ่มดูความเคลื่อนไหวของทัพเมืองเชียงทอง
ก้าวเข้ามาเพื่อแจ้งข่าวศึกให้ทราบทุกคนต่างก็มองอย่างสนใจใคร่รู้

“ความเคลื่อนไหวของทัพเมืองเชียงทองเป็นยังไงจงว่าไปอย่าชักช้า!”
ท่านแม่ทัพพูดด้วยน้ำเสียงดังกึกก้อง เด็ดขาด ไม่พิรี้พิไร

“เรียนท่านแม่ทัพตอนนี้ทัพเมืองเชียงทองเข้าได้เร่งตีเวียงนันทบุรีจนเกือบจะแตกพ่ายแล้วขอรับ...”

ทหารกล้าแห่งล้านนาต่างมองกันไปมาอย่างห้าวหาญ! หวังตีทัพเมืองเชียงทองให้แตกพ่ายอย่างเร็วที่สุด
แต่ทุกคนต่างก็ไม่อาจกล่าวอันใดได้จนกว่าท่านแม่ทัพจะสั่งการออกมาเสียก่อน

“ท่านแม่ทัพ!...ข้าขออาสาเข้าสู้ศึกเมืองเชียงทอง!!!”
ขุนพันเมืองแมนออกปากอาสาอย่างกล้าหาญ! ด้วยน้ำเสียงองอาจห้าวหาญ!
และหลังจากนั้นเหล่าขุนพันทั้ง 9 นาย จึงออกปากอาสากันทุกคน จนท่านแม่ทัพต้องยกมือห้ามปราม!

“พวกเจ้าไม่ต้องแย่งกัน!...เพราะพวกเจ้าทุกคนจะได้สู้ศึกกันทุกคนอย่างแน่นอน
...แต่ทัพหน้าข้าต้องการให้ขุนพันเมืองแมนและขุนพันเฮืองเข้าสู้ศึกก่อนทัพอื่น!...”

เมื่อได้ฟังเสียงสั่งการของท่านแม่ทัพ ขุนพันอีก 8 นายแม้จะรู้สึกขัดใจที่ไม้ได้ออกศึกก่อน
แต่ก็ไม่อาจต่อปากได้ ด้วยรู้นิสัยท่านแม่ทัพอินตาราชท่านนี้ดี ว่าหากได้พูดแล้วจะไม่คืนคำ!

เมื่อสั่งการเสร็จสิ้นทัพของเมืองแมนและขุนพันเฮือง ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิท และ ทหารยศสูงเท่ากัน
ได้รวบรวมกำลังพลได้หนึ่งหมื่นนายเพื่อเข้าต่อสู้ที่หน้าประตูเมือง เพื่อป้องกันเวียงนันทบุรีจากเมืองเชียงทอง

เวียงนันทบุรีแม้จะเป็นเวียงน้อยแต่ก็ป้องกันเมืองตัวเองไว้ได้อย่างเข้มแข็ง
ทั้งๆ ที่ถูกเมืองเชียงทองโจมตีอย่างหนักมาหลายวัน!

และแล้ว! เวลาแห่งการต่อสู้เกิดขึ้นโกลหลวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง!!!

เมื่อทหารแห่งล้านนานับหมื่นๆ เข้าต่อสู้กับทัพของเมืองเชียงทองอย่างกล้าหาญ!
เสียงต่อสู้ ดาบ กระบี่ ธนู หอก ทวนปะทะกันดังเคร้งคร้างหวืดหวิวน่ากลัว

ไอ้แก้วเข้าต่อสู้ศึกอย่างเจนจัด ด้วยหอกยาวปลายแหลม! อันเป็นอาวุธที่ถนัดที่สุดของมัน!
ยามสะบัดฟันฟาดเสียบแทงไปที่คู่ต่อสู้แต่ละครั้งทั้งงดงามและน่ากลัวยิ่ง!
เสียงร้องโอดโอยของทหารคู่ต่อสู้ดังอยู่ชั่วครู่ก็เลือดพุ่งออกมาจนแดงฉาน!

“โอ้ยยย!!!”
“อ๊ากกก!!!”

เวลาเพียงไม่นานทัพเมืองเชียงทองก็เริ่มถอยทัพกลับออกไป
ทัพของล้านนา และนันทบุรี ต่างก็ร้องเฮอย่างดีใจ!!!

"ทัพเชียงทองแตกพ่ายแล้ว!!!"
และตอนนี้นันทบุรีก็ถือว่าได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีแล้ว!

เมื่อชาวเมืองนันทบุรีรู้ว่าล้านนาได้มาช่วยก็ช่วยกันเปิดประตูเมืองให้ทัพหลวงล้านนาเข้าสู่เมืองอย่างยินดี
ชาวเมืองต่างก็พร้อมใจกันโห่ร้องด้วยเสียงอันดังกึกก้องดีใจอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนถึงแม้ครั้งก่อน

แม้จะเคยเห็นความสมัครสมานสามัคคีกันของคนทั้งสองเมืองมาแล้วก็ตามแต่ก็เป็นเพียงความจำใจเท่านั้น
ไม่เหมือนครั้งนี้ที่ทั้งสองเมืองต่างก็ช่วยเหลือกันด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง

เมื่อทัพหลวงล้านนาเข้าสู่เวียงนันทบุรีได้สำเร็จ
ทัพของล้านนาอีกหลายหมื่นก็ออกไล่กระหนาบทัพของเมืองเชียงทอง ตามไปทางทิศที่หนีแตกพ่าย

แต่เห็นว่ากองทัพของเมืองเชียงทองเริ่มเข้าสู่อาณาเขตของล้านช้างแล้ว
ทัพของล้านนาจึงยกทัพกลับสู่เวียงนันทบุรีเพื่อป้องกันเมือง
และรอรับการสั่งการเพื่อเข้าตีอาณาจักรล้านช้างจากเจ้าหลวงล้านนาเสียก่อน

เมื่อรู้ข่าวศึกว่าตอนนี้นันทบุรีปลอดภัยแน่แล้ว
เจ้าหลวงนันทบุรีก็สั่งการให้ชาวเมืองหาข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงต้อนรับทัพหลวงล้านนาอย่างยินดี

ในงานเลี้ยงต้อนรับทัพแห่งล้านนาท่านแม่ทัพอินตาราช
แม่ทัพใหญ่นั่งพูดคุยเรื่องการศึกกับเจ้าหลวงอย่างองอาจ พูดคุยกันด้วยสายสัมพันธ์ที่ดี

ในครานั้นไอ้แก้วและขุนทหารอื่นๆ ต่างก็นั่งอยู่ในที่ประชุมพอหันไปมองอีกครั้ง
ก็เห็นหน้าตาของทหารเวียงนันทบุรีหลายนายที่ต่างก็คุ้นตา!
อันมี อ้ายภู และ อ้ายหมอก นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในตำแหน่งทหารยศนายร้อยของเวียงนันทบุรี!

ทั้งสองเห็นไอ้แก้วตั้งแต่ทีแรกต่างก็มองมาก่อนหน้าแล้ว
แต่ไอ้แก้วกำลังสนใจการคุยของเจ้าหลวงกับท่านแม่ทัพ
เลยยังไม่ได้มองเลยยังไม่ทันได้เห็นทหารหนุ่มเวียงนันทบุรีทั้งสองที่เคยสนิทสนมกันยิ่งมาก่อน

บัดนี้สองทหารหนุ่มต่างก็ยิ่งเป็นหนุ่มหล่อองอาจทั้งสองคน
ไอ้แก้วเห็นแล้วก็อดใจสั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้ เพราะบัดนี้เสร็จสิ้นสงครามหลายอาณาจักรที่วุ่นวายมาหลายเดือน
ต่างก็ไม่ได้เสพสุขทางกามรสมานาน เมื่อได้มาเจอทหารหนุ่มหล่อเหลาอย่างอ้ายภู และ อ้ายหมอก
ก็อดคิดถึงวันคืนเก่าๆ ที่เคยเสพสม เสพสุข กันมาไม่ได้

เพราะการมาสู้ศึกเมืองเชียงทองในครั้งนี้
มันก็ไม่คิดว่ามันจะมีโอกาสมาเจอพวกทหารรูปหล่อแห่งเวียงนันทบุรีอีกครั้ง

เมื่อทานอาหารและอยู่พูดคุยกับท่านแม่ทัพจนสมควรแก่เวลา ท่านเจ้าหลวงก็ขอตัวกลับ
เวลาต่อมาจึงเป็นเวลาของบรรดาทหารทั้งสองเมืองที่ได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เฮฮา ออกรสเป็นที่สุด

ทหารกล้าแต่ละนายไม่ว่าจะเป็นทหารแห่งล้านนา หรือ ขุนทหารแห่งเวียงนันทบุรี
ก็ล้วนงามสง่า หุ่นแกร่ง แข็งแรง ร่างกายบึกบึน น่ามองเป็นที่สุด!

ยิ่งได้รับรสเหล้าเข้าปากไอ้แก้วก็ยิ่งมีความต้องการตามธรรมชาติ เหมือนๆ กับทหารทุกผู้นาม
ที่ผ่านมาแล้วหลายเดือนต่างก็ไม่ได้เสพสุขอย่างที่ใจต้องการ!

มาบัดนี้ สองอาณาจักร ชนะศึกแล้วความต้องการทางธรรมชาติแห่งบุรุษถูกปลุกเล้าด้วยเหล้าและร่างกาย
บางนายที่มีความต้องการมากหน่อยก็เข้าไปกอด และจับ นายทหารคนอื่นอย่างออกหน้า
นั่นก็บ่งบอกว่าต่างก็เคยมีความสุขกันมาก่อนหน้านี้

ตอนนี้ไอ้แก้วรู้สึกตัวว่าเริ่มเมาสุราพอสมควร แต่ก็ยังนั่งพูดคุยถึงการศึกในครั้งนี้อย่างสนุกสนาน
โดยมีนายทหารยศนายร้อยหลายคนคอยพูดคุยด้วย บ้างพูดคุยไปก็จับเนื้อต้องกายของไอ้แก้วไปด้วย
แต่เรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติของสังคมทหารเพราะการจับเนื้อต้องกายชายด้วยกันถือว่าเป็นการให้เกียรติอีกฝ่าย

ดังนั้นอ้ายแก้วจึงไม่อาจทำตัวรังเกียจเดียจฉันท์ได้ ซึ่งนั่นก็ไม่เคยอยู่ในความคิดของมันแม้แต่น้อย
เพราะนายทหารยศนายร้อยแต่ละคนก็ทั้งคมกล้า หุ่นแกร่ง อกผาย ไหล่กว้าง ผิวค่อนไปทางขาวเกิือบทุกนาย
เตี่ยวที่สั้นเล็กเผยให้เห็นว่าอาวุธของแต่ละคนนั้นน่าชมซักเพียงไหน!

นั่งคุยกับพวกนายร้อยได้ซักพัก อ้ายภู และ อ้ายหมอก ก็เข้ามานั่งพูดคุยด้วย
ทหารเวียงนันทบุรีทั้งสองนายต่างก็ทักทายทหารแห่งล้านนาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
และพูดคุยกันด้วยความเป็นมิตรยิ่ง

ตอนนี้เมืองแมนกับขุนพันเฮืองต่างก็ไปพูดคุยกับขุนพันและแม่ทัพของเวียงนันทบุรี
ปล่อยให้ทหารยศนายร้อยพูดคุยกับทหารยศเดียวกันของนันทบุรีอย่างออกรส

“ช่างดีใจเหลือเกิน...ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอพวกท่านอีก”

ไอ้แก้วเข้าไปกอดทั้งสองหนุ่มหล่ออย่างดีใจยิ่งนัก
อ้ายภู และ อ้ายหมอก ซึ่งบัดนี้ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นทหารยศ “นายร้อย” ยศสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
ทั้งสองต่างก็ยิ้มด้วยความดีใจไม่แพ้ไอ้แก้ว

ผ่านไปเกือบสองปีร่างกายของทั้งสองตอนนี้ทั้งแกร่งกล้า กำยำ และแข็งแรง
ด้วยว่าทำการฝึกรบทุกวันเพราะเป็นทหารราชองรักษ์ของเจ้าหลวง

อ้ายภูเข้ามาโอบที่เอวของไอ้แก้วอย่างสนิทสนมในทีแรกมันก็นึกว่าเป็นเพียงความรู้สึกยินดีที่ได้มาเจอกัน
แต่อ้ายภูกอดได้เพียงไม่นาน ความร้อนของฝ่ามือก็ทำให้ไอ้แก้วรู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้
อ้ายภูต้องการบางอย่างจากมัน! ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ไอ้แก้วเองก็ต้องการไม่ต่างกัน

อ้ายภูยิ้มอย่างยั่วยวนหน้าตาบ่งบอกว่าเริ่มมีความเมาตามเหล้าที่ดื่มเข้าไป
อ้ายหมอกเห็นทหารผู้เป็นญาติก็พอรู้ความในว่าทั้งอ้ายภู และไอ้แก้ว ต้องการเสพสพกันแน่แล้ว
จึงทำเป็นชวนกันออกไปคุยกันที่เรือนพักของพวกมัน

“นั่นเจ้านายจะไปที่ใดขอรับ”
อ้ายผาที่เป็นทหารคนสนิทถามไอ้แก้ว

“เอ็งกับอ้ายคงจงดื่มเหล้ากันต่อไปเถอะ...ข้ามีเรื่องจะคุยกับเพื่อนเก่าข้าเล็กน้อย
...หากท่านขุนพันเมืองแมนกับอ้ายจะขื่อถามก็บอกไปตามนั้น”

“ขอรับนายท่าน!”

สองทหารคนสนิท อ้ายผา และ อ้ายคงตอบอย่างนอบน้อมแล้วเข้าไปดื่มเหล้าต่อ
ปล่อยให้เจ้านายติดตามสองทหารแห่งเวียงนันทบุรีไปอย่างว่าง่าย
ทั้งสามคนเดินเข้าสู่ห้องพักของทหารก็รีบปิดประตูลงกลอนอย่างรวดเร็ว!

แล้วทันใด อ้ายภู และ อ้ายหมอก ก็กระโจนเข้าใส่ไอ้แก้วอย่างเร่าร้อน!
ร่างกายที่บึกบึนแข็งกล้าทั้งสามต่างก็กอดฟัดกันอย่างหื่นกระหายตามความต้องการทางธรรมชาติ!

ชุดทหารและเตี่ยวสั้นถูกดึงให้หลุดลุ่ยจนสิ้นกาย!
ทันใดนั้นอาวุธอันแข็งกล้าของทั้งสามทหารก็เข้าแนบชิดถูไถกันไปมาอย่างเสียวซ่าน!
ขนดกดำหยิกหยอยของอ้ายภูถูกไอ้แก้วดึงและกำอย่างเร่าร้อน
ต่อมาก็ถูกจับอาวุธที่แข็งจัดขยับมือไปมาตามอารมณ์ที่คึกกรุ่น!

“ซี้ดดด!...เสียยวว!!!”

อ้ายภูถูกจับอาวุธคู่กายจนร้องครางแต่ร้องได้ไม่นาน
ไอ้แก้วก็จูบปากของมันพร้อมแลกลิ้นกันอย่างกระหายกาม!

อ้ายหมอกตอนนี้หันมาดูดไซ้ตามซอกคอของไอ้แก้วที่ถึงแม้จะคล้ำขึ้นแต่ก็ยังสะอาดน่าเลีย
ลิ้นของอ้ายหมอกดูดไซ้อย่างเมามันตามความต้องการที่กำลังเกิดอย่างบ้าคลั่ง!

“โอยยยย!...ซี้ดดด!...ข้าเสียวเหลือเกินนน!...”
ไอ้แก้วร้องครางบ้างเมื่อโดนสองทหารแห่งเวียงนันทบุรีรุมกระหน่ำอย่างหิวกระหายในรสรัก!

“ข้าคิดถึงเอ็งเหลือเกิน!...จ๊วบๆ!”

อ้ายภูดูดปากของไอ้แก้วไปมือก็บีบนวดลูบคลำไปตามเนื้อตัวของไอ้แก้วอย่างเร่าร้อน!

“ข้าก็คิดถึงพวกท่านและต้องการให้พวกท่านเสพสุขในตัวข้า!...อ๊า!...อ้ายหมอกท่านช่างเก่งขึ้นมาก!...อา!”

ตอนนี้อ้ายหมอกดึงหน้าไอ้แก้วไปดูดบ้างอาวุธที่แข็งจัดถูไถไปมาตามร่องก้นของไอ้แก้วอย่างเสียวซ่าน!
บางครั้งอ้ายหมอกก็ดันอาวุธที่แข็งจัดกลางดงขนหยิกดกด้วยความรุนแรง
นั่นยิ่งสร้างความเสียวกระสันให้กับไอ้แก้วเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง!

“ไม่ได้เสพสังวาสบั้นท้ายท่านมานานคิดถึงเหลือเกิน!...อืมมม!!!”
“ถ้างั้นท่านจงจัดการไปตามใจท่านเถิด!...อู้ววว!...ซี้ดดด!!!”

ตอนนี้อ้ายหมอกอารมณ์ร้อนระอุสุดขีดจับอาวุธขนาดใหญ่ยาวและแข็งปานท่อนไม้!!!
เข้าสู่ทวารหนักของไอ้แก้วอย่างกระหายสวาทอย่างสุดขีด!

อาวุธของอ้ายหมอกเข้ามาในตัวไอ้แก้วอย่างไม่ยากนักเพราะต่างก็เคยเสพสุขกันมาก่อน
ไอ้แก้วไม่มีสิทธิ์ร้องมากนักด้วยโดนอ้ายภูดูดปากจ๊วบๆ จนเสียวล้นปรี่!

พอปล่อยปากไอ้แก้วให้เป็นอิสระอ้ายภูก็กดหัวไอ้แก้วให้ดูดอมที่อาวุธคู่กายที่ใหญ่ยาวแข็งกล้า!!!
ไม่แพ้ญาติผู้น้องเข้าสู่ปากของไอ้แก้วอย่างเมามัน!

“ซี้ดดด!...ดูดได้มันเหลือเกิน!!!”

อ้ายภูร้องครางอย่างมีความสุขพร้อมหลับตาพริ้ม!!!
เด้าเอวดันอาวุธเข้าปากของไอ้แก้วยิกๆๆๆ!!!

ทางฝ่ายอ้ายหมอกพออาวุธคู่กายยัดเข้าทวารหนักของไอ้แก้วจนมิดลำก็เริ่มกระแทกอย่างรุนแรง!
หนักหน่วง ตามอารมณ์เดิม ที่ถึงแม้ว่าบัดนี้มันจะกลายเป็นทหารหนุ่มยศสูงขึ้น
แต่นิสัยเดิมในยามร่วมรักก็ไม่เคยที่จะเปลี่ยน! นั่นคือการเสพสุขอย่างรุนแรง เร่าร้อน!

ตอนนี้ร่างทหารทั้งสามนายที่แข็งแรงแกร่งกล้า!
ผิวกายขาวสะอาดทั้งสามนาย และความแข็งแรงก็ไม่น้อยไปกว่ากัน
ต่างก็โยกยัดอัดกระแทกเสพสุขกันอย่างไม่ต้องอายใคร

เนื่องด้วยเสพสุขกันอยู่ในห้องพัก
ยามที่อ้ายหมอกเด้าอาวุธคู่กายเข้าประตูหลังของไอ้แก้วอย่างหนักหน่วง

ร่างกายของไอ้แก้วก็จะโน้มไปข้างหน้าพร้อมเสียวครางอย่างมีความสุขของไอ้แก้ว!
และปากไอ้แก้วก็จะดูดอมอาวุธคู่กายของอ้ายภูอย่างสุขีพอๆกับการโดนอัดประตูหลัง!

จนความสุขของอ้ายหมอกที่รุมเสพสังวาสไอ้แก้วทางประตูหลังอย่างเมามันก็มาถึงจุดสุดยอด!
ทหารผู้มีใบหน้าหล่อเหลาร่างกายแข็งแรงกรแทกอย่างหนักหน่วงอีกไม่กี่ทีก็ร้องครางลั่น!!!

“โอ้ยยยย!!!...ข้าไม่ไหวแล้ว!...ซี้ดดดด!!!”

และแล้วอ้ายหมอกก็พ่นน้ำรักเข้าสู่กายของไอ้แก้วอย่างมากมาย!

เมื่ออ้ายหมอกสำเร็จความสุข อ้ายภูก็จับไอ้แก้วนอนหงาย
สองขาของทหารหนุ่มแห่งล้านนาถูกจับกางอ้าพาดที่ไหล่ของทหารหนุ่มแห่งนันทบุรี
อย่างมีความเสียวสุขกันทั้งคู่!

“ท่านจงทำตามใจที่ท่านต้องการเถิด!...อ๊า!...อูยยย!!!”

ไอ้แก้วร้องครางบอกกล่าวอ้ายภูอย่างยินดียิ่ง
ทหารหนุ่มหน้าหล่อสูดปากอย่างกระหายกามแล้วเร่งเด้าอาวุธที่ไม่เป็นรองญาติผู้น้อง
แล้วยัดอาวุธเข้าประตูหลังของไอ้แก้วอย่างเมามัน และรุนแรงพอกัน

“ซี้ดดด!...อึ๊บๆๆๆ!!!”                        
“อ๊าๆๆๆ!!!...ข้าเสียวมากๆเลยอ้ายภู!...อูยยย!!!”

บัดนี้ทั้งสองคนต่างก็ร้องครางตอบโต้กันอย่างเมามัน
ร่างของอ้ายหมอกเร่งกระเด้าอาวุธคู่กายเข้าในตัวของไอ้แก้วอย่างหื่นกระหาย!

บ่งบอกถึงความต้องการทางเพศที่ห่างหายกันไปนานแล้วบัดนี้ก็ได้กลับมาเจอกันอีก!
ทางฝ่ายอ้ายหมอกถึงแม้จะสำเร็จสุขไปหนึ่งรอบ! แล้วก็ตาม
แต่ก็ยังไม่หายอยากเลยเอาอาวุธคู่กายมาให้ไอ้แก้วดูดอีกรอบ

อาวุธที่ใหญ่ยาวงดงามของอ้ายหมอกยัดเข้าปากไอ้แก้วอย่างเมามัน!
จนไอ้แก้วไม่สามารถร้องครางอย่างมีความสุขได้อีกต่อไปแต่กลับเป็นสองทหารนันทบุรีที่เป็นลูกผู้พี่
และลูกผู้น้องต่างร้องครางอย่างมีความสุขกันทั้งสองคน

บัดนี้ร่างกายของไอ้แก้วถูกกระหน่ำทั้งปากล่างปากบน อย่างกระหายในรสรัก!
ความสุขที่ทหารหนุ่มทั้งสาม ไอ้แก้ว อ้ายภูและอ้ายหมอก เสพสมกันอย่างมีความสุข เร่าร้อน รุนแรง

ตามสัญชาติญาณแห่งบุรุษเพราะทหารหนุ่มทั้งสองต่างก็รู้ดีว่า
ความเสียวสุขที่รุนแรงปานฟ้าผ่าเยี่ยงนี้แหละที่หาไม่ได้จากกายของแม่หญิงที่อ่อนบาง
แต่จะหาได้จากกายของบุรุษที่มีกายแข็งแรงและแกร่งงามอย่างไอ้แก้วเท่านั้น!

และแล้วเมื่อความสุขของทั้งสามมาถึงจุดที่มิอาจอดกลั้นได้อีกต่อไป
ไอ้แก้วที่โดนมือของอ้ายภูจับชักอาวุธคู่กายของมันตามแรงเด้าแรงกระแทกก็ถึงกาลน้ำทะลัก!

อ้ายภูก็สำเร็จสุขฉีดน้ำรำเข้าสู่ร่างกายของไอ้แก้วอย่างเสียวสุดขีด!
อ้ายหมอกที่สำเร็จกามในครั้งที่สองก็ร้องครางลั่นไม่ต่างจากการสำเร็จในครั้งแรก!

“ซี้ดดดด!...อ๊า!!!”
อ้ายภูร้องครางลั่นน้ำทะลักเข้ากายไอ้แก้ว

“โอ้วววว!...ข้าเสร็จแล้วๆๆ...โอซี้ดดดด!!!”
ไอ้แก้วร้องครางอย่างเสียวสุขเมื่อสำเร็จความสุขด้วยมือของอ้ายภู

“ซี้ดดด!...อูววว!...โอวววว!!!”
อ้ายหมอกสูดปากครางอย่างเสียวสุด!
น้ำกามทะลักเข้าในปากของไอ้แก้วเยอะไม่แพ้ครั้งแรก!

ทั้งสามทหารต่างครวญครางบทรักแห่งความเสียวกอดรัดร่างกายของอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน!
ไอ้แก้วที่อยู่ตรงกลางแสนจะสุขสม แม้ว่าร่างกายจะเหนียวเหนอะหนะไปด้วยหยาดเหงื่อ
แต่ความสุขที่ได้รับนั้นประทับใจจนยากจะลืมเลือน

เพราะความสุขที่มันทั้งสามต่างได้รับในครั้งนี้
คือความหฤหรรษ์! ที่ต่างฝ่าย ต่างก็ไม่ได้พานพบมานานนับปี!!!....

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บำบัดรักนักรบแดนเถื่อน 25 นี่คือโทษของการแอบดู

ในที่สุด ไอ้แก้วก็ไม่อาจบ่ายเบี่ยงเลี่ยงการกิ๋นแขกได้อีกต่อไป!!!

เมื่อบิดาผู้ชราเริ่มเร่งรัดจนชายหนุ่มไม่อาจจะหาเหตุมาหลีกลี้หนีไปไหนได้
ในที่สุดมันจึงจำใจแต่งงานตามความต้องการของบิดา

เมื่อถึงกำหนดการณ์เจ้าบ่าวก็ถูกจับแต่งตัวจนงามสง่าสมตำแหน่งทหารเอกล้านนา
ชายผู้มีใบหน้ารูปงาม ร่างกายสง่า อีกทั้งยังมีความสามารถอันล้ำเลิศ ทั้งรู้ตั๋วเมือง งานสล่า และ สะล้อ ซอ ซึง
บุรุษที่เจนทั้งงานศิลป์ และด้านการต่อสู้เยี่ยงนี้ใครได้ครองย่อมเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลนั้นยิ่ง!

แม่ญิงคนงามวันนี้แต่งกายด้วยสไบทอง มวยผมดำปักปิ่นทองคำ และประดับด้วยดอกไม้หอม
ในความคิดของนายซาวแก้วนั้น บอกกับตัวเองว่า นางช่างงดงามอ่อนหวานจริง

แต่ถึงแม้แม่ญิงผู้เป็นเจ้าสาวจะงามสักเพียงใด!
แต่ใจของชายหนุ่มก็ไม่อาจทำใจให้รักนางใด้เลย!
เพราะในหัวอกหัวใจของชายหนุ่มมีคนจองเกือบหมดสิ้นแล้ว!

ครอบครัวของแม่ญิงพะยอมดูจะมีความสุขยิ่งในวันมงคลสมรสของบุตรีผู้งามพร้อม!
แขกเหรื่อต่างมาร่วมงานพร้อมกันอย่างคับคั่ง
งานกิ๋นแขกถูกจัดอย่างเอิกเกริก! เพราะเป็นงานของธิดาคหบดีแห่งเวียงใหญ่
เสียงขับลำนำ สะล้อ ซอ ซึง ดังเป็นที่ครื้นเครง ขับดังกังวานไปทั้งงานอย่างเป็นมงคล

ไอ้แก้วในชุดเจ้าบ่าวรูปงามแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศเดินเข้าสู่ลานบ้านคหบดีของแม่ญิงพะยอมอย่างช้าๆ
ทุกๆ ก้าว ที่มันเดินไป ก้าวไปอย่างไม่มั่นใจนักต่อชีวิตการครองเรือนว่าจะครองคู่กันได้นานแค่ไหน!

แม้ว่าการกิ๋นแขกแต่งงานครั้งนี้ล้วนถูกต้องครบถ้วนงดงามตามประเวณีที่ดีงามแห่งล้านนา
และยังได้รับการยอมรับกันของทุกฝ่าย

ฝ่ายชายมาจากครอบครัวข้าหลวงของเจ้านาย ซ้ำบุตรชายยังเป็นขุนทหารมากฝีมือ
ฝ่ายแม่ญิงก็เป็นกุลสตรีคนงามแห่งตระกูลมั่งคั่ง เพียงพร้อมทั้งวิชางานบ้าน แลการเรือน
จึงนับเป็นคู่ครองที่ชาวเมืองต่างโจษขานกันแรมเดือน

ถึงแม้ เมืองแมน และ จะขื่อ จะเห็นดีเห็นงามด้วยก็ตาม ด้วยค่านิยมของบุรุษชาวล้านนานั้น ล้วนต้องกิ๋นแขก
เพื่อหาผู้สืบสกุลให้กับบิดา แล มารดร

"อันเป็นบุญคุณอีกข้อที่บุรุษล้านนาพึงจะกระทำ
เพื่อดำรงสายเลือดของวงศ์ตระกูลไม่ให้ขาดตอน!!!"

การแต่งงานดำเนินไปพร้อมเสียงโห่ร้องอย่างยินดี ดังก้องเรือน แลรายรอบ
กลิ่นดอกไม้ กลิ่นธูป ควันเทียน กลิ่นแป้งร่ำ น้ำอบ กลิ่นน้ำส้มป่อย
ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วบ้านของเจ้าสาวอันเป็นเรือนหอ

เสียงหัวเราะ เสียงอวยพร ให้ครองคู่กันของญาติผู้ใหญ่ และชาวเมืองต่างดังไปตลอดทั้งงาน!
ทุกเสียงต่างก็ชื่นชมถึงความหล่อเหลา และ
เจ้าสาวผู้งดงาม ไม่ขาดปากว่างามพร้อม และเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

แต่เสียงที่ให้พร และเสียงที่ชื่นมนั้น กลับเหมือนเป็นเข็มทิ่มแทงใจให้ชายหนุ่มเจ็บปวดรวดร้าว!
จวบจนนายแก้วได้พบเจ้าสาวคนงามถูกส่งตัวเข้าสู่เรือนหอ!

และคืนนั้น....
จึงเป็นคืนแรกที่ชายหนุ่มผู้เคยผ่านแต่มือชาย
ที่ได้มาเชยชมร่างงามอ่อนละมุลของสตรีเป็นครั้งแรก!!!...

แม้ตัวมันเองจะรู้สึกต่อต้าน ซักเพียงใด แต่ยามเมื่อได้สัมผัสร่างกายอันเนียนลออของร่างกายสตรี
ความกำหนัดตามธรรมชาติของบุรุษก็ทำให้ทหารหนุ่มร่วมรักกับแม่หญิงผู้งามพร้อมจนสำเร็จสุข!
แต่เมื่อสำเร็จความสุขได้เพียงครู่เดียว ร่างของเจ้าสาวที่กอดกระหวัดรัดรึงร่างกายมัน
ก็เหมือนเป็นต้นตระบองเพชรที่มันไม่อาจให้กอดอยู่นานได้

ด้วยในใจลึกๆ นั้น ความสุขของมันคือการได้สังวาสกับชายด้วยกันเท่านั้น!
มันก้าวลงจากเตียงแล้วหันกลับมามองร่างละอองามใบหน้าหมดจด ปทุมงามคู่นั้นกระเพื่อมเบาๆ ด้วยหลับสนิท
ในใจของชายหนุ่ม ช่างเจ็บปวด! ทั้งสงสารแม่ญิงผู้งดงามที่ไม่อาจมีความสุขในเพศรสจากมัน
เพราะหากแม้นนางมีครรภ์เมื่อใด มันก็คงไม่อาจทนร่วมหลับนอนกับนางได้อีกเป็นแน่แท้!


………………………….........................................................................


ริมชานระเบียงลมกำลังพัดเย็นสบาย บนนภากาศมีแสงจันทร์สว่างดั่งแสงเงินสาดส่องต้องโลกหล้า
เพียงไม่นานเมื่อสักครู่ที่ได้ร่วมรักกับเพศตรงข้ามแม้จะตื่นเต้นตื่นตากับความแปลกใหม่เพียงใด
แต่ในความคิดของชายหนุ่มก็มิอาจสลัดภาพใบหน้าของชายคนรักทั้งสองออกไปจากใจได้แม้เพียงชั่วครู่...

............ก่อนวันกิ๋นแขก นายซาวแก้วมันได้ขลุกตัวอยู่กับ
เมืองแมนอีก 1 คืน และอยู่กับ จะขื่ออีก 1 คืน

ณ เรือนของนายซาวแก้ว มันผู้เป็นเจ้าของเรือน กับจะขื่อ นอนกอดก่ายกันอย่างมีความสุข
หลังการร่วมรักที่เร่าร้อนจบลงไปเพียงครู่เดียว
จะขื่อก็ขอคำมั่นว่านายแก้วจะไม่ลืมความรักที่มันได้มอบให้

“ข้าจะลืมอ้ายจะขื่อได้อย่างใดในเมื่ออ้ายเป็นคนที่ข้าเจ้าฮัก”
จะขื่อลูบศรีษะของนายแก้วชายคนรักที่นับวันก็ยิ่งเติบใหญ่ก็ยิ่งแข็งแรง ทั้งร่างกาย และวิชาการรบ
ลีลารักก็ยิ่งเพิ่มพูนเก่งกล้าเป็นล้นพ้น

“อ้ายจะรอวันที่น้องกลับมาอยู่เคียงกับอ้าย”
นายแก้วลูบไล้ไปมาอกแกร่งขาวเนียนของพรานป่ารูปหล่ออย่างรักหมดสิ้น

“อ้ายจะขื่อเองก็อย่าลืมข้าเจ้าเน้อ”
“ให้อ้ายตายก่อนเน้อ!...อ้ายถึงจะลืมน้องได้...เพราะใจอ้ายเป็นของน้อง”

ทั้งสองหยอดคำหวานหยดให้กันเหมือนต้องการตอกย้ำความรักที่มีให้กัน
ก่อนที่จะขื่อจะร่วมเสพสังวาสทางประตูหลังของนายแก้วอย่างเร่าร้อน!

..................................................................................................


ในคืนวันสุดท้ายก่อนที่นายซาวแก้วจะต้องกิ๋นแขก...

เมืองแมนก็คลอเคลียอยู่กับไอ้แก้วทั้งวันและคืนโดยไม่ยอมหนีห่างกายกันเพียงเสี้ยวนาที
นั่นก็เพราะเพียงเพื่อต้องการจะใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้นานที่สุด!

นายซาวแก้วเห็นชายคนรักผู้เป็นทหารกล้านอนหลับสนิทพร้อมลมหายใจกระเพิ่มขึ้นลงอย่างสบาย
ก็ขยับร่างกายห่างออกมา เพื่อจะไปชำระล้างร่างกาย
แต่นายแก้วยังไม่ทันพ้นจากเตียงวงแขนแกร่งกล้าของทหารใหญ่
ก็กระหวัดรัดร่างนายทหารยศต่ำกว่าไว้ในอ้อมอกแกร่ง!

“จะแอบหนีอ้ายไปไหน! ฮ่าฮ่าฮ่า!!!”
"ข้าเจ้าบ่าได้แอบหนีไปตี้ใด...ข้าเห็นว่าอ้ายหลับแล้วเลยจะไปอาบน้ำ”

ชายหนุ่มรูปงามหันมายิ้มหวานให้หนุ่มใหญ่ร่างกายบึกบึน
รอยยิ้มนั้นทำให้ทหารหนุ่มอดทนไม่ไหวผลักร่างของชายงามให้นอนลงข้างล่างทันที

“อ้ายบ่าให้ไป”
“ทหารใหญ่อย่างขุนพันเมืองแมนเป็นละอ่อนน้อยไปซะแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ก็อ้ายฮักของอ้าย...เพียงวินาทีเดียวอ้ายก้อบ่าอยากจากกัน”

เมืองแมนมองตานายแก้วแน่นนิ่งเหมือนต้องการให้คนข้างล่างรับรู้ความรู้สึกของมันให้มากที่สุด
ชายหนุ่มเองนั้นรู้อยู่เต็มอกว่าเมืองแมนรักและเป็นห่วงมันแค่ไหนไฉนจะไม่รู้
เพราะมันเองก็รักและผูกพันกับชายผู้นี้จนแทบจะฝากชีวิตแทนกันได้!

“อ้ายเมืองบ่าต้องกลัวสิ่งใดเพราะข้าสัญญาแล้วว่าข้าจะเป็นของอ้ายตลอดไป!”
ทั้งสองสบตามองกันนิ่งงันแล้วทั้งสองก็ตะกองกอดกันแนบแน่นพร้อมร่วมรักกันรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้
ต่างเสพสุขในกายแกร่งแห่งกันอย่างไม่รู้เบื่อ!

“ได้เมียแล้วน้องคงบ่าลืมการเป็นเมียของอ้ายแม่นก่อ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า...อ้ายเมืองก่ออู้เป๋นละอ่อนน้อยไปได้”

เมืองแมนจับมือของชายคนรักที่นับวันก็ยิ่งหล่อเหลารูปงามจนมันไหลหลงคลั่งไคล้ยิ่ง
แล้วมันก็ประทับจูบลงบนริมฝีปากสีสดนั้นแล้วจุมพิตกันเนิ่นนาน

.....................................................................................................


ตะวันเลื่อนเคลื่อนคล้อย พระจันทร์ลอยโผล่หน้ามาและลาลับ อยู่นานหลายเดือน
จนกระทั่งแม่ญิงพะยอมก็ตั้งท้องได้ 7 เดือน!!! ในที่สุดสมใจบิดาของนายซาวแก้วแล้ว!

มันมีความรู้สึกประหลาดล้ำก็เกิดขึ้นเมื่อมันระลึกได้ว่ามันกำลังจะมีลูก!
ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันนักหนาแม้กระทั่งชายหนุ่มเองก็ตาม
นับวันมันก็เฝ้าแต่คิดถึงด้วยความตื่นเต้น! ว่าลูกมันจะออกมาหน้าตาเยี่ยงไร

แต่แล้วข่าวการศึกก็มาถึงเวียงนพบุรีศรีนครพิงค์อีกครั้ง!!!
เมื่อได้ข่าวการยกทัพมาของกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ขบวนทัพได้ยกขึ้นมาจนเกือบเข้าเขตล้านนา!

“อนิจจา!...หน้าลูกข้าก็ยังบ่าทันจะได้หัน นี่ก็ต้องไปทำศึกอีกแล้วกา!”

เป็นคราแรกที่นายแก้วถึงกับเพ้อออกมาด้วยความเศร้าหมอง!
เมื่อพายุแห่งสงครามจากแดนใต้ ได้เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง!!!

ทัพหลวงแห่งล้านนาเดินทัพไปตั้งรับศึกอยุธยา ณ เวียงน้อยทางด้านทิศใต้ของเวียงเขลางค์นคร
อันเป็นเวียงหน้าด่าน ซึ่งด้วยอำนาจอันแรงกล้า
ทำให้หลายเมืองยังต้องส่งบรรณาการให้กับล้านนาแม้ว่าจะอยู่ใตการปกครองของอยุธยาก็ตาม

การที่ท่านแม่ทัพไม่คิดจะตั้งรับอยู่ ณ เวียงนพบุรีอันเป็นราชธานีนั้น
เพราะคิดว่าการตั้งรับ ณ เวียงนพบุรีนั้น เป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าล้านนาจะมีทหารหาญอันเก่งกล้ามากมาย
แต่ก็ไม่ควรลืมว่าทัพของอยุธยาก็กล้าแกร่งไม่น้อย

อย่างศึกครั้งที่แล้วหากกษัตริย์อยุธยาไม่สวรรค์คตลงเสียก่อน
การศึกครั้งนั้นก็คงจะกินเวลาไปอีกยาวนาน
ด้วยว่าสองอาณาจักร ล้วน แต่แข็งกล้าและมากไปด้วยจอมทัพ

และเวลาผ่านไปเพียงขวบปี หลังกษัตริย์พระองค์ใหม่อันเป็นพระโอรสขึ้นครองราชย์
ทางอยุธยาก็เตรียมการศึกครั้งใหม่อย่างพรักพร้อมทั้งไพร่พลและเสบียงกรัง
ที่หวังจะตีล้านนาให้แตกให้จงได้!!!

เมื่อตั้งทัพได้ท่านแม่ทัพก็แจกจ่ายหน้าที่จนถ้วนทั่ว
ทั้งกองหน้า กองทหารช้าง กองทหารม้าทหารราบ แลเสือหมอบแมวเซา!
เสร็จสิ้นการประชุมนายแก้วก็เดินบึ่งเข้ามาที่กระโจมของขุนพันเมืองแมน
อันมีทหารใต้บังคับบัญชานับครึ่งร้อยกำลังคุยถึงการวางแผนทำศึกในการรุกรบกับทหารใต้ประจำการ

“ไอ้พวกอยุธยาพวกมันทำไมไม่อยู่สงบๆชอบแต่ทำสงครามชิงบ้านชิงเมืองคนอื่น!”

“ไม่ใช่แค่อยุธยาดอกที่ชอบแก่งแย่งแผ่นดินผู้อื่น...
เพราะล้านนาเฮาเองก็ยังต้องการเมืองอื่นมาอยู่ใต้ขอบขัณฑสีมาเช่นเดียวกัน”

เมืองแมนพูดให้นายแก้วได้คิด ไอ้แก้วได้ฟังก็พลันนึกได้ เพราะล้านนาเองก็ตีเมืองรายรอบไว้มากมาย
ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก อาณาจักรหลายอาณาจักร ที่กระจัดกระจายแยกกันปกครอง
ทั้งเมืองของพม่า เมืองของไทใหญ่ เมืองของลื้อ เมืองของคนเขิน เมืองของคนลาว เมืองของคนกาว
ที่ต่างก็แยกกันอยู่รายรอบอาณาจักร นานไปก็ล้วนตกอยู่ใต้อำนาจของล้านนาเกือบจะหมดสิ้น!!!

โดยเฉพาะเจ้าหลวงองค์ปัจจุบันที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปฐมเจ้าหลวงองค์แรกผู้สร้างเวียง
และการได้มาซึ่งอำนาจก็ย่อมต้องสูญเสียเลือดเนื้อและผู้คนเป็นเรื่องธรรมดา ข้อนี้ไอ้แก้วเองก็ทราบอยู่แก่ใจก็ตามที

“ปลาใหญ่กินปลาเล็กฉันท์ใด...เมืองน้อยที่มีกำลังทหารอ่อนแอยย่อมต้องตกอยู่ใต้อำนายเมืองใหญ่ฉันท์นั้น!”
“แต่ล้านนาไม่ใช่เมืองอ่อนด้อยคนมีฝีมือ...ถ้ามันอยากต่อยตีก่อลองหื้อมันมา!!!
...ข้าคนนึงล่ะที่จะบ่อยอมให้พวกมันได้ในสิ่งที่ต้องการ!”

เมืองแมนตบไหล่ของชายหนุ่มพร้อมพูดให้เด็กหนุ่มได้คิดจะได้ลดความหุนหันพลันแล่น

............................................................................

คืนนั้นหลังกลับจากการวางแผนทำศึก
อ้ายคง และอ้ายผา ยังคงทำหน้าที่คอยรับใช้ใกล้ชิดเพื่อให้เจ้านายหนุ่มรูปงามคลายจากความตึงเครียด
ของการศึกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ร่างกายบึกบึนแข็งแรงของทั้งสามบุรุษลูบไล้ ซอกไซ้ พรมจูบกันไปมาอย่างมีความต้องการในเพศรสสวาทระหว่างกัน
มือแข็งแรงของอ้ายคง สัมผัสที่แก่นกายของนายซาวแก้วพร้อมชักขึ้นลงอย่างเร่าร้อน!
ริมฝีปากอุ่นๆ ของอ้ายผาดูดกระหวัดเรีียวลิ้นที่ยอดอกของนายซาวแก้วอย่างกระหาย!

มือของไอ้แก้วเองก็คว้าทั้งอาวุธของทั้งสองไว้พร้อมสัมผัสอย่างเร่าร้อนตามความต้องการที่คุโชน!
และระหว่างที่สามนายทหารกำลังเสพสุขในกายของอีกฝ่ายนั้นเด็กหนุ่มที่ไอ้แก้วได้รับอุปการะไว้
ก็มาแอบดูด้วยอาการตื่นตาตื่นใจต่อภาพที่ได้เห็นตรงหน้า

แกร๊ก!!!

“นั่นผู้ใด!!!”

เสียงของอ้ายคงตะโกนถามขึ้น ส่วนอ้ายผาก็ถีบตัวออกไปจับคนที่กำลังแอบ
แล้วลากออกมาผลักเจ้าผู้ที่แอบดูอยู่ดังโครมลงที่หน้าเตียงเสียงดังโครม!!!

“โอ้ยยย!”
“ไอ้น้อยเอ็งเองดอกรึ!!!”

อ้ายคง และ อ้ายผา ต่างเรียกชื่อมันออกมาพร้อมๆ กัน
เพราะไอ้น้อยผู้นี้เป็นไพร่อายุน้อยที่สุดที่นายซาวแก้วได้รับอุปการะเลี้ยงไว้
ให้ได้รับความสุขสบายอยู่แต่ในเรือนไม่ต้องออกไปทำงานในท้องไร่ หรือกลางลานฝึกเยี่ยงคนอื่น

“เอ็งมันวอกนักคิดจะได๋มาแอบดูพวกข้า!!!”
อ้ายผากล่าวโทษด้วยเสียงดัง! จนละอ่อนน้อยตัวสั่นงันงกไม่กล้ามองหน้าพร้อมระล่ำละลัก!

“นายท่านอย่าทำอะหยังข้าเลย!!!...ข้าเจ้าผิดไปแล้วข้าเจ้าขอสุมมาตวยนะขอรับ!!!”
ร่างกายเล็กๆ ของเด็กหนุ่มวัย 17 ปีหน้าตาหมดจดผิวขาวสะอาดก้มงุดๆ เหงื่อกาฬแตกด้วยความกลัว!

“มึงยังจะมาขอสุมมาพวกข้าอีกรึ!...เล่นแอบมองจะอี้อยากตายรึ!!!”
อ้ายผายังคงขัดใจถึงการกระทำอันไม่รู้ความของไพร่หนุ่มน้อยที่เจ้านายมันรับอุปการะไว้

“อ้ายผาพอเต๊อะๆ!...ไอ้น้อยมันกลัวจะตายแล้วนั่น!...ไอ้น้อยเอ็งจงมานี่มา”
ชายหนุ่มเรียกเด็กหนุ่มหน้าหมดจดร่างกายบางๆ นั้นหลายเดือนผ่านไปจากการได้กินดีมีสุขในเรือนของไอ้แก้ว
มันจึงแข็งแรงมีเนื้อหนังน่ากอดรัด ผิวพรรณรึก็ขาวนวลน่าสัมผัส!

“นายท่านข้าเจ้า!...ข้าเจ้าบ่ากล้า!”
“เจ้านายให้ขึ้นไปก็ขึ้นไปอย่าได้อิดออด!”
อ้ายผาผลักเด็กหนุ่มจนล้มลงที่อกของนายซาวแก้วแล้วหน้าต่อหน้า ตาตาตาก็ประสานกัน!

“ไอ้น้อยเฮย...เอ็งก่องามหมดนัก!”
เด็กหนุ่มรู้สึกสะท้านจนต้องหลบสายตาคมกล้าของนายซาวแก้ว
แต่ก็ถูกนายซาวแก้วเชยคางขึ้นมาให้จ้องหน้า

“เพื่อเป็นการทำโทษที่เอ็งแอบมาดูพวกข้า...ข้าคงต้องลงโทษเจ้า!!!”

“นายท่านอย่าได้เฆี่ยน!... อย่าได้ตีข้าเจ้าเลยนอขอรับ!...ข้าเจ้ากลัวแล้ววว!!!”

“แล้วไผบอกว่าข้าจะเฆี่ยนจะตีเอ็งเล่า!...แต่เอ็งต้องยอมให้พวกข้าสำเร็จสุขในกายเอ็ง!!!”
พอนายซาวแก้วพูดจบ อ้ายคง และอ้ายผาก็มองหน้ากันยิ้มๆ ราวกับได้ของเล่นชิ้นใหม่!

“ดีแล้วนายท่านมันชอบสอดรู้สอดเห็นดีนัก!...สาสมกับโทษของมันยิ่งแล้ว!!!”
อ้ายคงเห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้านายพูดแล้วทั้งสามทหารก็ดึงทึ้งเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มร่างบางออกจนพ้นกายง

“นายท่านอย่า!...อย่าทำข้าเจ้า!!!...ข้าเจ้าขอสุมมาตวยนะขอรับ!!!”
“บ่าต้องเป๋นห่วงเพราะนับจากนี้ไปเอ็งจะมีแต่ความสุข! ...เจื้อข้าเต๊อะ!”

ไอ้แก้วพูดกรอกหูของเด็กหนุ่มนามว่า “ไอ้น้อย”ที่ร่างกายถูกรุมลูบคลำบีบจับอย่างมันมือ!
ไม่นานจากเสียงขอร้องด้วยความกลัวกลายเป็นเสียงแห่งความเสียวซ่านของน้อยขึ้นมาแทนทันที

“อืมมม!...ซี้ดดด!...นายท่านนน!!!”

ไอ้แก้วดูดไซ้ตามซอกคอของไอ้น้อยมือไม้จับอาวุธขนาดหมาะมือของอีกฝ่ายชักขึ้นๆลงๆ
ส่วนอ้ายผา และอ้ายคงก็ทั้งดูดนมและขบกัดตามร่างกายไร้ไฝฝ้าของเด็กหนุ่มวัยแตกพานอย่างกระหายในรสสังวาส
ที่จะได้เปิดความบริสุทธิ์ของอีกฝ่ายให้ได้รับความสุข!

ทั้งไอ้แก้ว อ้ายผา และอ้ายคงต่างสัมผัสไปทั่วกายของเด็กหนุ่มนามว่าไอ้น้อยจนกระทั่งมีความต้องการถึงขีดสุด!
แล้วอ้ายคงก็พูดขึ้นมาว่า

“นายท่านอยากลองเสพสังวาสไอ้น้อยดูพ่อก่อครับ!”

ไอ้แก้วได้ยินก็นึกสนใจเพราะตลอดมาเคยแต่เป็นฝ่ายรับ แต่ไอ้น้อยคนนี้มันหน้าตาหมดจด
ผิวกายก็ขาวสะอาดน่าลิ้มลองประตูหลังยิ่งนักคิดได้ดังนั้นนายซาวแก้วจึงให้อ้ายผา
และอ้ายคงจับสองขาของเด็กหนุ่มให้อ้ากว้างแล้วนำน้ำมันมะพร้าวมาชะโลมแก่นกายที่คึกคักแข็งกล้า
กดเข้าร่องหลืบของเด็กหนุ่มร่างงามช้าๆ

“อ๊า!...นายท่านอย่าขอรับ!!!...นายท่านข้าเจ้าเจ็บ!!!...อุ๊ฟ!!!”
เด็กหนุ่มพยายามขอร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะช่องทางด้านหลังของมัน
ตั้งแต่เป็นเด็กจนเติบใหญ่ก็ยังไม่เคยให้ชายใดได้ผ่านเข้ามา
แต่มันก็ไม่อาจร่ำร้องได้นานเมื่ออ้ายคงจับอาวุธขนาดใหญ่และยาวยัดเข้าปากมันป้องกันไม่ให้มันร้อง!

“อดทนไว้นะไอ้น้อย!...ต่อไปเอ็งจะมีความสุขในยามโดนสังวาสทางข้างหลัง!...ซี้ดดด!!!...อือออ!!!”
ไอ้แก้วว่าแล้วกดอาวุธเข้าช้าๆ ถึงมันจะเคยแต่ถูกกระทำแต่เมื่อมันต้องเป็นฝ่ายรุกมันก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม!

อาวุธของนายซาวมุดเข้าถ้ำทองของเด็กหนุ่มจนหมดสิ้นพร้อมเสียงครางอื้อๆ!!!
อย่างเจ็บปวดของเด็กหนุ่มผู้ไม่เคยผ่านการเสพสุขทางประตูหลัง
แต่เมื่อโดนนายซาวแก้วขยับอาวุธเข้าๆ ออกๆ ไม่ถึงสิบครั้ง!!!

บวกกับลีลาการดูดไซ้อันยอดเยี่ยมของอ้ายผา
และมืออันหยาบกร้านที่สัมผัสเพื่อกระตุ้นสวาทให้ลุกโชนของอ้ายคง
เด็กหนุ่มก็ได้แต่ครางอ๋อยๆ หลับตาซี้ดปากครางอย่างมีความสุข! ขึ้นมาแทนความเจ็บปวด!!!

“อือออ!!!”
“อูยยย!!!...คับแน่นจ๊าดนัก!!!”

ไอ้แก้วถึงกับสูดปากครางอย่างมีความสุขต่อความหฤหรรษ์ที่ได้รับบทใหม่
นี่เองที่ชายหนุ่มหลายต่อหลายนายได้รับจากร่างกายมันบัดนี้มันเองก็ได้รับรูแล้ว
ว่าความสุขแห่งการได้เป็นฝ่ายรุกนั้นเสียวสุขซ่านซ่าไม่ด้อยไปกว่าความสุขของการเป็นผู้รับเลย!!!

ไอ้แก้วกระหน่ำอาวุธอันแข็งกล้าควบกระแทกเข้าง่ามขาขาวเนียนของเด็กหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง
เร่าร้อน รุนแรงจนกระทั่งความเสียวสุดท้ายก็พุ่งกระฉูดเข้าไปในกายของเด็กหนุ่มจนหมดสิ้น!!!

“อ๊า!!!...ซี้ดดดดด!!!”
นายซาวแก้วร้องครางหนักๆ อย่างมีความสุขแล้วฟุ้บคาอกของไพร่หนุ่มน้อยร่างงาม

“นายท่านข้าขอเอาไอ้น้อยมั่งได้ไหมขอรับ”
อ้ายคงร้องขอพร้อมชักอาวุธขนาดใหญ่อย่างมีอารมณ์

“ข้าด้วยๆ!!!”
อ้ายผาเองก็ต้องการหาความสุขในร่างกายของเด็กหนุ่มไม่ต่างกัน

“ข้านั้่นบ่ได้ขัด...แต่ข้าก็อยากให้ไอ้น้อยมันยินยอมเองไม่ใช่จากการถูกบังคับ!”

พอได้ยินเจ้านายอนุญาตทั้งสองทหารยศนายสิบก็เข้าไปโอ้โลมเด็กหนุ่มหน้าตาหมดจด
ที่พึ่งจะโดนไอ้แก้วเสพสุขไปเมื่อสักครู่

“ไอ้น้อยข้าขอเถอนะ...รับรองข้าจะทำเอ็งเบาๆ”

อ้ายคงเข้าไปโอ้โลมเด็กหนุ่ม พร้อมกอดไซ้อ้ายผาเองก็ทำตามบ้าง
ไม่ทราบเพราะไอ้น้อยมันกลัวความผิดที่ได้มาแอบดู
หรือเพราะความต้องการทางร่างกายมันจึงไม่อาจปฏิเสธสองทหารหนุ่มได้

เมื่อเด็กหนุ่มยินยอมพร้อมใจ อ้ายคงและ อ้ายผา ก็รุมเสพสังวาสกับไอ้น้อยอย่างเร่าร้อน
อ้ายคงรุกประตูหลังอ้ายผารุมประตูหน้า โยกย้ายส่ายสะเอวกระหน่ำรักใส่มัน
จนไอ้น้อยเองก็เกิดความเสียวจัดร้องครางด้วยความเสียวสุข!

"โอ้ยย!!!... ซี้ดดดดๆๆ!!!"

พร้อมเสียงครางอย่างมีความสุขของสองทหาร
ที่ต่างผลัดกันรุมเสพสังวาสประตูหลังของไอ้น้อยอย่างเมามัน!

ไอ้แก้วมองสามร่างของทหารหนุ่มแกร่งกำยำ คนนึงผิวขาวร่างกายแกร่งกล้า คนนึงผิวเข้มกว่าร่างกายบึกบึนสูงใหญ่
รุมรักเสพสังวาสไพร่หนุ่มน้อยหน้าตาหมดจด ผิวกายขาวสะอาด พร้อมดูไปอย่างเพลิดเพลิน!

จากไอ้น้อยคนเดิมที่น้ำตาไหลพรากๆ ยามที่โดนไอ้แก้วเสพสุบทางประตูหลังครั้งแรก
ตอนนี้กลายเป็นครางซี้ดๆ! ยามที่โดนบุกประชิดกระหน่ำแทง! บางครั้งมันก็เห็นมันทำหน้าเหยเก
บางคราวก็ทำหน้าเปี่ยมด้วยความสุขยามโดนกระทำชำเราทางประตูหลัง

"ซี้ดดดด!!!...โอ้ยยยย!!!...อ๊าๆๆๆ!!!"

ไอ้น้อยมันเสียวจนกระทั่งน้ำกามแห่งความสุขทะลักออกมาเต็มตัว
นับว่าเป็นการสำเร็จความสุขน้ำแรกของชีวิต!

ส่วนสองนายทหาร อ้ายผา และ อ้ายคง ก็สำเร็จความสุขจนอิ่มเอมกันทั้งสองนาย!!!
เมื่อได้ผลัดเปลี่ยนกันเสพสังวาสทางประตูหลังของไอ้น้อย เด็กหนุ่มร่างบางจนสำเร็จความสุขไปทั้งสองคน
แล้วคืนแห่งความร้อนรุ่มในกองทัพล้านนาก็ได้รับการผ่อนคลายลง ด้วยร่างกายของไพร่หนุ่มน้อยของไอ้แก้วนี่เอง........

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บำบัดรักนักรบแดนเถื่อน 24 นวดผ่อนคลายกลายเป็นนวดเสียว

เมื่อนายซาวแก้ว และลูกน้องสองนายสิบทานข้าวเสร็จ ก็เตรียมจะแยกย้ายกันไปนอน
อ้ายผาและอ้ายคงได้รับอนุญาตให้นอนห้องปีกซ้ายและห้องปีกขวาเรือนเดียวกับไอ้แก้วเพื่อสะดวกต่อการเรียกใช้

“วันนี้เป็นจะได๋ก้อบ่าฮู้...ตึงรู้สึกปวดเมื่อยแต๊ๆ!”
หลังจากดื่มน้ำเสร็จ นายซาวแก้วก็พึมพำออกมาอย่างเมื่อยล้า พลางทุบหลังทุบไหล่อยู่หลายครั้ง

“ข้ากับอ้ายคงพอมีวิชาบีบนวดติดตัวมาพ่อง...หากแม้นนายท่านบ่ารังเกียจข้าขออาสาบีบนวดให้นายท่านขอรับ”
ไอ้แก้วทำสีหน้าอย่างแปลกใจเป็นที่สุด
ไม่อยากจะเชื่อว่าทหารองอาจเจนการต่อสู้เยี่ยงสองนายสิบลูกน้องตนจะมีวิชาบีบนวดติดตามมาด้วย

“ถ้าได้จะอั้นก็ดีจ๊าดนักแล้ว!!!...”

เพราะมันเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าชายชาติทหารเยี่ยงอ้ายผากับอ้ายคง
ผู้มีร่างกายแกร่งกล้าน่าสัมผัสไปทั้งตัวซ้ำยังใบหน้าหล่อคมและคมคายจะมีฝีมือการนวดซักเพียงไหน

ค่ำนี้ที่เรือนพักของนายซาวแก้วหุ่นแกร่งงามเปลือยเปล่าโชว์แผ่นหลังและบั้นท้าย
นอนคว่ำหน้ากับที่นอนอย่างสบายอารมณ์ตาหลับพริ้มสนิทอย่างผ่อนคลาย
โดยมีสองขุนทหารทั้งสองนายคอยบีบนวดให้เพื่อให้เจ้านายคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
ร่างแกร่งของสองทหารหนุ่มน่าชมแตกต่างกัน

คนแรกใบหน้าละอ่อนหมดจดผิวขาวแกร่งกำยำน่าจับต้องลูบไล้ไปทั่วสรรพรางกาย
คนที่สองใบหน้าคมคายร่างสูงใหญ่บึกบึนผิวกายค่อนข้างคล้ำกว่าคนแรกแต่ความกำยำนั้นไม่น้อยไปกว่ากัน
และมันทั้งสองล้วนเปลือยกายไร้อาภรณ์ปิดกายเพื่อสะดวกในการนวดเฟ้น
สัมผัสจากมือของสองนายทหารผ่านตามร่างกายของนายซาวหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา

ร่างกายแกร่งงามขาวเนียนนั้น ผ่านไปจุดใดก็เหมือนมีพลังบางอย่างทำให้เจ้าของร่างที่นอนคว่าหน้านิ่ง
ครวญครางออกมาเบาๆบางครั้งเหมือนเจ็บปวด บางคราวราวกับสุขยิ่งนัก

บั้นท้ายของผู้ที่นอนคว่ำหน้าทั้งงอนกลมและเนียนแกร่งชวนอย่างน่าพิศวง!
น่าสัมผัสจับต้องจนไม่อาจบ่ายเบี่ยงหลบหน้าหนีได้ด้วยงอนงามไร้ที่ติไร้ไฝฝ้าใดๆ มาบดบัง
ลายสักสีดำที่ประดับอยู่บนกาย ตัดกับผิวกายที่เนียนสะอาดของร่างที่นอนอยู่ได้อย่างงดงามและน่าชมยิ่ง

แผ่นหลังที่ขาวเนียนเป็นลายหงส์คู่ยืนประกบกันราวกับมีชีวิต!
และเรื่อยลงไปตามตะโพกแกร่งและต้นขาก็เป็นลายที่เมืองแมนบรรจงสรรค์สร้างสักให้อย่างวิจิตรบรรจง
และในขณะเดียวกันก็น่าเกรงขามสมชายชาตรี!

เจ้าของกายนอนสงบนิ่งอย่างเพลิดเพลินต่อการนวดที่สองนายสิบได้บรรจงนวดให้เจ้านายอย่างสุดฝีมือ
ร่างกายที่แกร่งงามและเนียนเกินชายใดมันได้ทำให้นายสองทหารยศนายสิบรู้สึกแปลกๆ
เมื่อได้สัมผัสจับจ้องยิ่งเมื่อได้จับต้องก็ยิ่งทำให้เลือดลมสูบฉีดหัวใจเต้นแรงราวราวรัวกลอง!

จนทำให้ร่างกายร้อนผ่าว! เหงื่อของสองนายทหารเริ่มมีเหงื่อผุดเป็นเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาตามหน้า
แล้วหยดแหมะตกลงสู่ผิวเนียนของเจ้านายพวกมัน ไอ้แก้วไม่ได้ถือสาด้วยรู้ว่าเป็นหน้าร้อน
ตอนนี้ขอเพียงมันทั้งสองทำให้มันผ่อนคลายจากความเหน็ดเหนื่อย มันก็พอใจแล้ว

กลิ่นกำยานและสมุนไพรลอยคลุ้งไปทั่วห้องนอนปะปนกับกลิ่นกายของสามทหารหนุ่ม
ที่บัดนี้ทุกคนก็ล้วนก่อเกิดปฏิกิริยาทางร่างกายขึ้นมาแล้ว
เมื่อแก่นกายส่วนล่างเริ่มมีอาการชูชันขึ้นมาด้วยมีอารมณ์ทางธรรมชาติ!

อ้ายผา กับ อ้ายคง สองนายทหารหนุ่มเมื่อเกิดอารมณ์หนุ่มที่ต้องการการปลดปล่อย
สมองก็สั่งการไปตามกล้ามเนื้อในการส่งพลังไปสู่นิ้วมือ
พอกดและนวดเฟ้นตามจุดต่างๆ ของร่ายกายของนายซาวแก้วแล้ว
จึงหมือนกับโดนไฟฟ้าสถิตช็อตไปตามจุดต่างๆของร่างกาย!

“อา!...ดีขนาด!...ดีแต๊ๆ”

ไอ้แก้วรู้สึกเสียวและมีความสุข ร่างกายเสียวซ่านตามสัมผัสจากสองนายทหารหนุ่มทั้งสอง
ที่บัดนี้แก่นกายส่วนกลางลำตัวเริ่มพองตัวขยายเต็มอัตรา!
เมื่อความยาวและแกร่งไปสัมผัสโดนร่างกายของผู้ถูกนวดก็ยิ่งทำให้ร่างกายของทหารทั้งสองเสียวสะท้าน!!!
จนเผลอส่งเสียงครางราวกับละเมอ!

"อูยยยย!!!"
"ซี้ดดดด!!!"

นายสิบผู้เป็นมือขวา และมือซ้าย ของนายซาวแก้วแทบจะส่งเสียงออกมาพร้อมกันอย่างมีความเสียวเต็มที่!!!

อ้ายคงเผลอตัวนำอาวุธที่ทั้งใหญ่และยาวนาบไปกับบั้นท้ายที่เนียนงอนและงามของไอ้แก้วแล้วถูไถไปมาอย่างสุดจะกลั้น!!!
จนคนถูกสัมผัสเริ่มแปลกใจจนต้องเอามือไปจับต้องว่าสิ่งที่แข็งราวท่อนไม้นั้นคือสิ่งใด
เมื่อได้จับทั้งคนจับและคนถูกจับถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ!

“เอ๊ะ!”
ไอ้แก้วอุทานอย่างตกใจ

“อูยยย!”
อ้ายคงตกใจรีบยกร่างกายที่มีอาวุธแข็งปานท่อนไม้ออกจากร่างเจ้านายรูปงาม

ไอ้แก้วหันไปมองก็เห็นอาวุธขนาด 7.5 นิ้ว!!! ทั้งใหญ่และยาวผงกหัวด้วยความมีอารมณ์
มันจึงตั้งกระทู้ถามด้วยอารมณ์บางอย่าง

“อ้ายคง...ท่านมีอารมณ์รึ!”
“นายซาว …ข้าขออภัยด้วย...ขอรับ”

อ้ายคงรีบยกมือไหว้สา อ้ายผาเองก็มีสีหน้าตกใจเพราะการล่วงเกินทหารผู้มียศสูงกว่านั้น
ทหารผู้มียศสูงกว่าสามารถทำโทษได้อันเป็นกฏของกองทัพ!

“อย่าได้คิดนัก...คนเฮาก่อต้องมีอารมณ์กันได้...เพราะตอนนี้ข้าเองก็ไม่ต่างจากอ้ายคงท่าน”

ไอ้แก้วพูดเสร็จก็พลิกตัวขึ้นมานอนหงายพร้อมอาวุธคู่กายของมันก็แข็งชูชันตั้งตระหง่าน!
อาวุธของมันทั้งแข็งแกร่งและสวยงาม แม่กระทั่งอ้ายผาเองก็มีอาการแข็งจัดไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

“การได้ช่วยเหลือกันและกันให้สำเร็จสุขนั้น...ข้าบ่าเห็นว่ามันป็นเรื่องผิดที่ใด!!!”
ไอ้แก้วมองสองทหารหนุ่มที่นั่งคุกเข่าด้วยอาการสำรวม

“นายซาวท่านยินดีจะให้พวกข้าช่วยไหมขอรับ”

อ้ายผาถามออกมาอย่างประหลาดใจแกมดีใจ
ที่นายซาวรูปงามที่มันจดจ้องอย่างพึงใจในรูปกายของเจ้านายตั้งแต่วันแรก
ยินดีที่จะให้มันได้รับใช้เพื่อปลดปล่อยความกระสัน

ไอ้แก้วไม่ตอบแต่ยิ้มพร้อมพยักหน้าเป็นการตกลง
ทันใดนั้นทหารทั้งสองต่างมองหน้ากันแล้วกระโดดขึ้นซอนไซ้ตามร่างกายของไอ้แก้วอย่างหื่นกระหาย!
มันทั้งสองเริ่มเข้ามาลูบคลำไปตามร่างกายขาวเนียนแต่แกร่งงามของเจ้านายตัวเองด้วยความรู้สึกรุนแรงเพราะอยากเสพสม!

สัมผัสที่ไอ้แก้วได้รับจากสองนายสิบลูกน้องนั้นทั้งซาบซ่านและแปลกใหม่!
จากที่เคยได้รับมาก่อนด้วยสองทหารนายสิบนี้มีลีลาฝ่ามือและการนวดที่ทำให้ร่างกายมันซู่ซ่ายิ่งนัก!

มือของไอ้แก้วเริ่มจับไปที่อาวุธคู่กายของสองทหารทั้งสองข้างพร้อมขยับขึ้นๆลงๆ
จนสองทหารหนุ่มถึงกับสูดปากครางกระสันเสียว!

แล้วยิ่งลงน้ำหนักมือขยำเนื้อแกร่งของเจ้านายมันให้แรงขึ้น!
อาวุธของไอ้แก้วเองก็ถูกอ้ายผาจับขยับขึ้นลงเสียวซ่านจนเร่าร้อน

ณ นาทีนี้อ้ายผาไม่อาจสะกดใจทนทานต่อความยั่วยวนของกายเจ้านายมันได้อีกต่อไป
เมื่อมันประกบปากจูบไอ้แก้วอย่างเร่าร้อนเมื่อชายหนุ่มผู้เป็นนายได้รับสัมผัสอันหื่นกระหาย
ก็อ้าปากรอรับเรียวลิ้นของผู้เป็นลูกน้องอย่างยินดี!

“อือออ!!!...”

ความเสียวที่ได้รับทำให้ไอ้แก้วต้องดึงร่างสูงใหญ่บึกบึนของผู้เป็นลูกน้องมากอดรัดอย่างมีอารมณ์
ส่วนอ้ายคงก็จัดการดูดเลียไปตามลำตัวเนียนแกร่งของเจ้านายอย่างเร่าร้อนซ่านสยิว!
ตอนนี้ไอ้แก้วได้รับความสุขทั้งทางปากที่จูบแลกลิ้นกับอ้ายผาทหารนายสิบหน้าละอ่อน

ร่างกายถูกนายสิบผิวเข้มหน้าคมเลียดูดไซ้ไปทั้งตัว!
อาวุธคู่กายถูกจับให้ขยับขึ้นลงตามความยาวจนเริ่มเร็วและรัวขึ้นเรื่อยๆๆๆ
จนไอ้แก้วเกิดความเสียวสยิวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย!

“อา!!!...”

นายซาวรูปงามร้องครวญครางออกมาอย่างเสียวใจจะขาด!
จนอ้ายคงทนต่อความเนียนแน่นของเจ้านายไม่ไหวก็จับขาของเจ้านายตัวเองแยกออก
แล้วนำอาวุธขนาด 7 นิ้วกว่าๆ มุดเข้าไปในร่างแกร่งเนียนงามนั้น

“อูยยย!!!”
เมื่ออาวุธทั้งอันบุกเข้าไปจนมิด!!!

ไอ้แก้วก็ร้องครวญครางปานใจจะขาด!!!

เพราะทางประตูหลังก็ถูกกระแทกกระทั้นอาวุธเข้าในตัวอย่างรุนแรงจากอ้ายคง
ทางด้านอาวุธคู่กายของมันก็ถูกอ้ายผาดูดเลียอย่างเมามันจนไอ้แก้วร้องครางหนักยิ่งกว่าเก่า!!!
นับเป็นรสชาติของการเสพสุขที่มันไม่เคยได้รับมาก่อน

ร่างกายขาวแกร่งแน่นบึกบึนของอ้ายผาขึ้นมาคล่อมบนตัวของเจ้านายปากก็ดูดเล็มอาวุธของเจ้านายไปอย่างเมามันเผ็ดร้อน!
ทางด้านลำลึงค์ของมันเองก็ถูกไอ้แก้วดูดเลียสลับกันในท่า 69

“ซี้ดดด!!!”

ไอ้แก้วครางอย่างมีความสุขออกจากปากเป็นระยะต่อเพศรสที่กำลังได้รับ
สองขาถูกฉีกอ้ากว้างมีลูกน้องหน้าคมกระหน่ำรัวอาวุธแข็งๆเข้ามาที่ประตูหลังอย่างเมามันหน้าตาเหยเกเปี่ยมด้วยความสุข
เพราะอ้ายคงมีร่างกายบึกบึนแข็งแรงยิ่งนักอกผายไหล่ผึ่ง หน้าท้องแกร่งงาม

ทางปากก็ดูดเล็มเลียอาวุธของอ้ายผาที่มีขนาดไม่ด้อยกว่าอ้ายคงเพียงแต่ผิวกายของอ้ายผาจะขาว
และมีขนเพชรที่ไม่ดกเท่าของอ้ายคงเท่านั้นแต่ความกำยำบึกบึนนั้นแทบจะไม่เป็นรองกันเลย

บัดนี้ทั้งสามต่างช่วยกันปลดปล่อยความสุขให้แก่กันและกันอย่างเร่าร้อน!
ร่างกายของไอ้แก้วถูกลูกน้องกระแทกอย่างเมามันด้วยอารมณ์เสียวกระสันรุนแรง

ที่ก่อตัวขึ้นของนายทหารแห่งล้านนาทั้งสามนาย!
อาวุธคู่กายของไอ้แก้วถูกดูดเลียอยู่อีกไม่นานก็ไม่อาจทนต่อความเสียวที่อ้ายผามอบให้ได้อีกต่อไป

เมื่ออ้ายผาผงกหัวดูดเลียอย่างเร่าร้อนเรียวลิ้นที่ร้อนฉ่านั้นทำให้ร่างกายไอ้แก้วส่ายไปมาด้วยความเสียวจนถึงขีดสุด!!!
จนไอ้แก้วต้องปล่อยอาวุธของอ้ายผาออกจากปากเพื่อร้องครางอย่างมีความสุข
แล้วนายทหารรูปงามก็ทะลักน้ำกามออกมาอย่างมากมาย!!!

“โอววว!!!...ซี้ดดด!!!”

มันหลับตาหอบหายใจอย่างมีความสุขต่อสัมผัสจากปากและมือของอ้ายผานั้น
แล้วนอนหอบแฮ่กๆ หลับตาปี๋!

ทางด้านอ้ายคงเองก็กระแทกอาวุธคู่กายอัดกระหน่ำเข้าในตัวเจ้านายรูปงามอย่างเมามัน
จวบจนกระทั่งอ้ายคงมันก็ทนความคับแน่นต่อไปไม่ไหว!!!

มันเร่งกระแทกพั่บๆๆๆ รัวๆเข้ามาในร่างกายเจ้านายของมันอีกนับครั้งไม่ถ้วน!!!
จนมันก็ร้องครางอย่างมีความสุข!

“โอ้ยยย!!!...ซี้ดดด!!!”

มันร้องครวญครางแล้วฟุบร่างกายอันบึกบึนใหญ่โตฟุบกับอกของไอ้แก้วพร้อมอาการหอบกระเส่า!
เมื่อเห็นเพื่อนทหารหน้าคมสำเร็จความสุขไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วอ้ายผาก็เข้าประจำการขอเสพสุขกับเจ้านายตัวเองบ้าง
มันจับขาไอ้แก้วพาดต้นขาแกร่งกล้าแล้วกดอาวุธ 7 นิ้วกว่าๆ แต่สีออกขาวสะอาดกว่าเข้ามาในตัวเจ้านายมัน
ไอ้แก้วที่นอนหายใจพะงาบๆอยู่เมื่อโดนลูกน้องคนที่สองจู่โจมก็ร้องครางอย่างจุกและเสียว!

“ข้าขอเสพสุขในกายท่านตวยนะขอรับ”
“อ้า!!!..”

เมื่ออาวุธประจำกายเข้ามาในตัวเจ้านายมิดลำ!อ้ายผาจึงได้ขออนุญาตแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเกินควบคุมแล้ว
ไอ้แก้วไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอีกต่อไปจึงปล่อยให้ลูกน้องมือขวาเร่งซอยกระหน่ำอย่างเมามัน!!!

“ฮึ่ม!!!...อา!!!...ซี้ดดด!!!”
อ้ายผาครางออกมาในลำคออย่างเสียวสุด เอวก็เร่งกระหน่ำควบยิกๆๆๆ!!!

“อือออ!!!”

เจ้านายรูปงามถึงกับครางอย่างมีความสุขเมื่อลูกน้องผิวขาวแกร่งรุกล้ำประตูหลังบ้าง
อ้ายคงเมื่อหายเหนื่อยก็เข้ามากอดจูบตามใบหน้าหล่อเหลาของไอ้แก้วปรนนิบัติด้วยปาก

สัมผัสไปทั้งตัวระหว่างที่ไอ้แก้วถูกเพื่อนคู่หูโยกๆซอยๆ อาวุธคู่กายกระหน่ำรุมเจ้านายไป
สัมผัสของทหารทั้งสอง ทั้งเร่าร้อนและเมามันนับเป็นสัมผัสและประสบการณ์แปลกใหม่
ที่ไอ้แก้วไม่เคยได้รับมาก่อน

ร่างกายงามแกร่งและเนียนสะอาดไปทั้งตัวของนายซาวถูกสองลูกน้องมือขวาและมือซ้าย
จับรุมสังวาสจวบจนกระทั่ง อ้ายผาทนทานต่อไปไม่ไหวเร่งซอยอาวุธคู่กายรัวเร่งเร้า!
ทันใดนั้นมันก็กระแทกตั้บๆๆๆ!!! อีกนับสิบครั้ง!!!

“ซี้ดดดด!!!...อ๊าส!!!”

มันครางเสียงดังลั่นแล้วตัวมันก็กระตุกกึกๆๆๆฉีดน้ำรักเข้าสู่ร่างเจ้านายที่สองขาแกร่งถูกมันจับอ้าจนกว้าง
และเมื่อการช่วยเหลือกันระหว่างเจ้านายและลูกน้องผ่านพ้นไป
คืนอันยาวนานก็เงียบสนิทตามอารมณ์ร้อนที่มอดดับลงของทหารหนุ่มทั้ง 3 นาย!

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บำบัดรักนักรบแดนเถื่อน 23 ทหารใหม่รูปงาม

หลังเสร็จศึกกรุงศรีฯ บรรดาขุนทหารทั้งน้อยใหญ่ต่างก็ได้รับความดีความชอบ
ได้รับการปูนบำเหน็จรางวัลจากการประกอบราชการสงครามไม่เว้นแม้แต่พลเรือนอย่างไอ้แก้วและจะขื่อ
ที่อาสาสู้ศึก ณ เวียงโกศัย! ผู้ที่เป็นไพร่(ราษฏร) หาใช่ทหารเจนสนามศึก
จึงได้รับการอวยยศทางทหาร ขึ้นเป็น“นายซาว” (นายยี่สิบ) เป็นกรณีพิเศษ
โดยไม่ต้องเริ่มต้นจากทหารพลทหาร

ความสูงส่งของทหารยศ “นายซาว”(นายยี่สิบ) นี้นับว่าไม่ต่ำทรามเลย
เพราะจะมีผู้ใต้บังคับบัญชาอันมีตำแหน่ง“นายสิบ” คอยอยู่ใกล้ๆ รับใช้ถึง 2 นาย!
อันจะเป็นมือขวา และมือซ้ายให้แก่นายซาวนั่นเอง

นอกจากนี้นายซาวยังต้องมีแรงงานไว้คอยรับใช้ในราชการนายซาวจึงมี “ไพร่ชาย”
ไว้เป็นบริวารอีกถึง 20 คน โดยจะมี “ข่มกว้าน” เสมือนเป็นเลขาส่วนตัวอีก 2คน
ไว้คอยประสานงานเรียกใช้ไปยังไพร่ชายทั้งหลายนั้น

ทำให้การรับยศในครั้งนี้จะมีบริวารในการดูแลถึง 24 นาย!
และหากฝีมือดีมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ก็จะสามารถขยับเลื่อนชั้นยศ
ขึ้นเป็น นายห้าสิบ นายร้อย ขุนพัน เจ้าหมื่น สูงขึ้นๆ ไปตามลำดับ

ไอ้แก้วแม้จะรู้สึกยินดีที่ได้รับเกียรติยศ “นายซาว” ในครั้งนี้แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่พ่วงมาด้วยถึงยี่สิบกว่าคนนี้
กลับทำให้มันลำบากใจยิ่งนัก เพราะนับตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่ก็ไม่เคยมีคนคอยตามรับใช้อย่างนี้มาก่อน
ส่วนจะขื่อไม่ขอรับตำแหน่งทางทหารใดๆด้วยมันมีนิสัยรักอิสระตามตามวิสัยของพรานป่า

เมืองแมนนั้นปลื้มปิติอย่างยิ่งนักที่คนรักของมันได้รับยศทางทหารในครั้งนี้
เพราะ “นายซาวแก้ว” นั้นเป็นทั้งชายคนที่มันรักและยังเป็นทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของมันผู้มีตำแหน่ง“ขุนพัน” ด้วย
ค่ำคืนที่มีการเลี้ยงฉลองในวันรับตำแหน่งทั้งสองต่างพูดคุยและให้สัตย์สัญญาต่อกันเป็นมั่นเหมาะ

“อ้ายจงให้สัตย์แก่ข้าว่านับแต่นี้ไปตึงตัวจะต๋ายแต่เฮาจะบ่าแยกจากกันแห็ม!!!”
“อ้ายหื้อสัญญา!”

เมืองแมนดึงร่างแกร่งแต่เนียนงามนั้นมาโอบกอดพร้อมลูบใบหน้าหล่อเหลาของไอ้แก้วอย่างรักใคร่
ร่างกำยำทั้งสองลูบไล้ไปตามตามร่างกายของกันและกันอย่างปรารถนาในรสรัก
เมืองแมนโน้มร่างของไอ้แก้วลงบนที่นอนช้าๆแล้วทั้งสองก็กอดจูบกันอย่างเร่าร้อน
เรียวลิ้นของทั้งคู่เกาะเกี่ยวกันไปมาราวเถาวัลที่พันเกี่ยวจนแนบแน่น

ร่างกำยำของผู้อาวุโสกว่าขึ้นประกบบนร่างขาวเนียนของไอ้แก้วอย่างกระหาย!
มันเฝ้ากอดจูบไปมาตามใบหน้าหล่อเหลาของไอ้แก้วอย่างหลงใหล

สองมือของไอ้แก้วโอบกระหวัดรัดร่างแข็งแรงงามแกร่งไปด้วยมัดกล้ามอย่างมีความสุข
บัดนี้อาวุธของทั้งสองชูชันพร้อมรบแล้ว!
ไอ้แก้วปรารถนาในสิ่งนั้นของเมืองแมนยิ่งจึงเอื้อมมือไปกำอย่างกระหาย!
พร้อมถอดเตี่ยวของอีกฝ่ายออกจากกายอย่างใจร้อน

“อ้ายเมือง!!!ข้าต้องการอ้าย!!!”
“อ้ายก็อยากเอาน้องนักขนาด!!!”

ต่างโอ้โลมกระซิบรักกันอย่างเร่าร้อนจนเมืองแมนมีความต้องการถึงขี้ดสุดจึงจับไอ้แก้วให้นอนคว่ำหน้า
แล้วประกบทางด้านหลังสอดอาวุธคู่กายที่แข็งแรงแกร่งตระหง่าน!!! เข้าในกายชายคนรักที่งามราวเทพบุตรอย่างฮึกเหิม!!!

“อ๊า!!!...อ้ายเมือง!!!”
ทหารหนุ่มนึกว่าทำให้ชายคนรักเจ็บปวดจึงถามด้วยความอ่อนโยน

“น้องเจ็บก๋า?”
“ข้าบ่าได้เจ็บ...แต่ข้ากำลังมีความสุขจ๊าดนัก!!!”

ทหารหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างเอ็นดูแล้วเริ่มโยกร่างกายพร้อมขยับอาวุธขนาดใหญ่
เข้าสู่ถ้ำทองของไอ้แก้วอย่างพอใจในความกระชับและคับแน่นนี้!

“อืมมม!!!...”

เมืองแมนครางเบาๆ ในลำคอแต่ร่างกายไม่ได้หยุดประกบประตูหลังของไอ้แก้วแม้ซักวินาที
ความสุขที่ได้รับจากประตูหลังเด็กหนุ่มนั้นมากมายจนมันแทบสำเร็จความสุข!

ไอ้แก้วเสียวจนต้องหันหน้ามาจูบกับเมืองแมนสองร่างกอดเกี่ยวกระหวัดรัดรึงราวกับงูสองตัวเสพสมกัน
อาวุธขนาดกำลังงามของไอ้แก้วถูกเมืองแมนจับชักตามจังหวะของร่างกายที่โยกย้ายส่ายกระเด้า!
ความเสียวจากน้ำมือของเมืองแมนทั้งทางด้านหลังและทางอาวุธนั้นสุขจนล้นร่างกายของไอ้แก้วเหมือนได้รัการปลดปล่อย!
เพียงไม่นักหนุ่มรูปงามก็ทะลักน้ำแห่งความสุขด้วยมือของทหารเอกแห่งล้านนา!!!

“อ๊ะ!!!:ซี้ดดด!!!”
พอไอ้แก้วสำเร็จความสุขเมืองแมนก็เร่งกระแทกอย่างรุนแรงจังหวะหนักเน้น
จนทำให้อาวุธของไอ้แก้วไม่อ่อนลงตามสายน้ำที่ออกจากร่างกาย

“ฮึ่มม!!!...อุ๊!...อูยยยย!!!”
เมืองแมนร้องครางหมือนจวนเจียนจะสำเร็จสุข!

ไอ้แก้วดึงหน้าชายคนรักมากอดจูบอย่างมีความสุขในรสรักอ้อมกอดที่รัดรังนี้
จนกระทั่งเมืองแมนทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้วมันจึงกดร่างกายที่บางกว่าของชายคนรักให้คว่ำหน้ากับที่นอน
พร้อมกระทุ้งร่างกายส่วนกลางอย่างหนักหน่วงเป็นครั้งสุดท้าย!!!

“โอ้ยยยย!!!...ซี้ดดดดด!!!”

น้ำแห่งความสุขของเมืองแมนทะลักเข้าในร่างกายของชายคนรักรูปงามอย่างล้นหลาม
แล้วทั้งสองก็ตะกองกอดกันพร้อมกับการพร่ำพลอดรักให้กันอย่างหวานชื่น!!!

ก่อนที่เมืองแมนจะหลับไปในห้วงความคิดของมันนั้นจดจำวาจาของไอ้แก้วในวันนั้นได้เป็นอย่างดี
สัญญาที่ทั้สองจะไม่ยอมแยกจากกันอีกตลอดไป!!!

แม้ว่าบัดนี้ไอ้แก้วไม่ใช่ละอ่อนน้อยเหมือนแต่ก่อนที่มันจะต้องคอยปกป้อง
เพราะตอนนี้ไอ้แก้วหรือ “นายซาวแก้ว” มีฝีมือการต่อสู้ที่กล้าแข็งยากที่ใครจะทำอันตรายแก่มันได้ก็ตาม
แต่มันนั้นตั้งใจมั่นว่านับจากนี้ไปเมื่อหน้ามันคือคนที่จะปกป้องไอ้แก้วไม่ให้หน้าใหนมาทำอันตรายชายคนรักมันได้อีก

..................................................................................

อันตำแหน่งทางทหารล้านนานั้น การจะได้รับตำแหน่งแต่ละตำแหน่งมานั้น
ล้วนต้องประกอบความดีความชอบก็โดยเฉพาะในราชการสงคราม
ทหารล้านนาในยุคนั้นจึงเหี้ยมหาญ และฝีมือไม่เป็นรองทหารของอาณาจักรใด
จนสามารถรวบรวมแว่นแคว้นน้อยใหญ่รวมกันเป็นอาณาจัรกล้านาได้ในที่สุด!

ลำดับขุนนางฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนในสมัยอาณาจักรล้านนารุ่งเรือง

ขุนนางฝ่ายทหารหรือฝ่ายควบคุมกำลังพลปรากฏลำดับขั้นดังนี้
นายตีน นายม้า นายช้าง (ประจำกองสัตว์)
นายสิบ นายซาว(นายยี่สิบ) นายห้าสิบนายร้อย ขุนพัน เจ้าหมื่น เจ้าแสน และ พญา
โดยแบ่งหน้าที่ต่างกันดังนี้
ไพร่         10 คน อยู่ในความดูแลของนายสิบ 1คน ให้มี “ข่มกว้าน” เป็นผู้ประสานงานกับไพร่ 1 คน
นายสิบ      2 คน ให้อยู่ในความดูแลของนายซาว (นายยี่สิบ) 1คน
นายสิบ      5 คน ให้อยู่ในความดูแลของนายห้าสิบ 1 คน มีปากซ้ายขวา 2 คน เป็นผู้ช่วย
นายห้าสิบ  2 คน ให้อยู่ในความดูแลของนายร้อย 1คน
นายร้อย   10 คน ให้อยู่ในความดูแลของเจ้าพัน 1คน
ขุนพัน      10 คน ให้อยู่ในความดูแลของ ขุนหมื่น หรือ เจ้าหมื่น1 คน
เจ้าหมื่น    10 คน ให้อยู่ในความดูแลของเจ้าแสน 1คน
เจ้าแสน    ทั้งหมดให้อยู่ในความควบคุมดูแลของ  “พญา” หรือกษัตริย์ หรือเจ้าหลวง

เมื่อเข้ารับตำแหน่ง “นายซาว” หลายเดือนไอ้แก้วจึงมีโอกาสใช้ชีวิตในกองทัพด้วยความตั้งใจมั่น
ทุกวันมันจะออกไปร่วมฝึกเพลงอาวุธกับเมืองแมนและขุนทหารนับร้อยนับพัน
ต่อสู้กันอย่างจริงจังแทบจะไม่มีการออมฝีมือให้แก่กัน

ด้วยกองทัพหลวงของล้านนาน ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของท่าน “เจ้าเมืองเขลางค์” นั้น
ล้วนอาจหาญ เจนฝีมือ และล้วนมีกฎระเบียบวินัยที่เคร่งครัดยิ่งนัก

เพราะต้องเตรียมกำลังของกองทัพล้านนาให้พร้อมที่จะสู้ศึกกรุงศรีฯในคราวต่อไป
หากแม้นว่ามีศึกต่างอาณาจักรมาประชิดในวันข้างหน้า!

ความลำบากยากกายนั้นสุดจะบรรยาย! สำหรับพลเรือนที่พึ่งย้ายมาเป็นทหารอย่างไอ้แก้ว
ยิ่งต้องฝึกฝนอย่างหนักหน่วงยิ่งกว่าทหารคนอื่นๆอีกเท่าตัว!
เพื่อไม่ให้เกียรติที่มันได้มามีคำครหาและด่างพร้อยจนเหล่าทหารติฉินได้ว่าได้มาโดยโชคช่วย

มิหนำซ้ำจะได้ไม่เสียชื่อไปถึงชายคนรักนามเมืองแมนของมันผู้เป็นอาจารย์คนแรกในการสอนวิชาต่อสู้ให้แก่มัน
ซึ่งข้อหลังนี้มันยอมให้เมืองแมนถูกประณามลบหลู่เกียรติหาได้ไม่
ความลำบากในค่ายทหารนั้นชายหนุ่มสู้กัดฟันอดทนไม่มีปริปากบ่น

กลางแดดร้อนที่แผดเผาจนผิวที่เคยขาวเนียนไร้ไฝฝ้ากลายเป็นสีแดงยามต้องแดนเป็นระยะเวลานานหลายเดือน
จากเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนร่างกายที่สง่างามราวประติมากรรมชิ้นเอก
บัดนี้วันเวลาเปลี่ยน เด็กหนุ่มถูกเปลี่ยนสรรพนามเป็นชายหนุ่มด้วยเติบโตขึ้นป็นหนุ่มฉกรรจ์เต็มตัว!

นายซาวแก้ว สู้อดทนฝึกการใช้กำลังต่อกรกันแบบชายชาติทหารล้านนา
ทั้งชั้นเชิงการต่อสู้แบบระยะประชิดตัวทั้งหมัดมวย และอาวุธหลากหลายชนิด
สามารถฝึกฝนจนช่ำชอชำนาญทั้ง หอก ดาบ กระบี่ ธนู กระบอง ธนู ง้าว โล่ห์ ฯลฯ

อาวุธที่  “ไอ้แก้ว” ถนัดที่สุดนั้นคือ “หอกยาวปลายแหลม” อันเป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้ระยะไม่ใกล้ไม่ไกล
คนก็งามอยู่แล้วยิ่งเมื่อร่ายรำหอกอยู่กลางสนามประลองก็ยิ่งงามและห้าวหาญยิ่งนัก!!!

ผลของการฝึกฝนอย่างหนักไม่ย่อท้อทั้งฝึกจากเมืองแมนโดยตรงฝึกจากขุนพันที่เป็นเพื่อนทหารของเมืองแมน
ยิ่งทำให้ไอ้แก้วได้เรียนรู้ว่าการจะเป็นขุนพันขึ้นมาได้นั้นไม่ใช่แค่เรื่องโชคช่วย

อยู่ในกองทัพได้ 6 เดือนจะมีการประลองอาวุธกันเองภายในกองทัพ
ซึ่งเป็นการประลองความสามารถโดยไม่แบ่งแยกชนชั้นว่าสูงหรือต่ำ หากแม้นมีความสามารถก็จะได้รับการยอมรับ
เนื่องด้วยมีขุนทหารนับร้อย นับพัน มาเป็นประจักษ์พยานกันถ้วนทั่ว

ครั้งนั้นไอ้แก้วอาสาออกประลองกับ "นายร้อยจ๊าง" (ช้าง) เป็นนายร้อยผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของขุนพันท่านอื่น
กิติศัพท์ของนายร้อนท่านนี้นั้นเด่นดังเรื่องดาบคู่ ไอ้แก้วที่ถูกฝึกฝนเคี่ยวกรำจากเมืองแมนอย่างหนัก
ก็อยากจะลองฝีมือที่ได้ฝึกฝนมาตลอด 6 เดือน จึงเข้าประลองโดยมีเสียงโห่ร้องกึกก้อง!!! สร้างความฮึกเหิมทั่วสนามกว้างใหญ่

ด้วยรูปโฉมของไอ้แก้วที่รูปงามปานเทพบุตร ผิวกายที่เคยขาวเนียนแม้บัดนี้จะถูกแดดแผดเผาจนแดงก่ำไปทั้งกาย
แต่ความหล่อเหลาก็ยิ่งฉายแววแห่งบุรุษเพศที่โตเต็มวัยแกร่งกล้าด้วยกายกำยำ สง่างามด้วยบุคลิกภาพที่ล้ำเลิศ
ทหารคนใดที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของ "ขุนพัน" คนอื่่นเมื่อไม่รู้จักต่างก็ถามกันเป็นที่เซ็งแซ่ถึงความเป็นมมของมัน

"มันผู้นี้จะได๋มารูปงามแต๊!!...มันเป็นไผ"
"มันอยู่ในบังคับของขุนพันเมืองแมน"
"ฮ้า!!!...ขุนพันเมืองแมน!!!...โอจะอั้นมันต้องมีฝีมือเป็นแน่แต๊!"
"แต่รูปงามจะอั้น...จะสู้นายร้อยจ๊างได้เมินแค่ไหนกั๋น!!!"

ต่างเสียงต่างวิพากวิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ถึงประวัติความเป็นมาของทหารใหม่รูปงาม
สายตาทุกผู้ต่างมองไปที่การประลองฝีมือครั้งนั้นอย่างลุ้นตามกันว่านายซาวแก้วจะต่อสู้กับนายร้อยจ๊างไปได้นานเพียงใด

เมื่อการประลองเริ่มขึ้นเสียงอาวุธก็ดังกระทบกันเป็นที่่น่าประหวั่น!!!
นายร้อยจ๊างผู้มีเพลงดาบคู่อันลือเลื่องวาดลวดลายเพลงดาบคู่ดุร้ายดูฮึกหาญแสนจะน่าเกรงขาม!!!
สมกับชื่อเสียงด้านเพลงดาบที่ได้ยินไปทั้งกองทัพ ร่างกายที่บึกบึนสูงใหญ่คล่องแคล่วยิ่งนัก
ยามโยกย้ายฟาดฟันดาบไปมา เมื่อฟาดฟันดาบมาที่ไอ้แก้วทุกครั้งล้วนน่า่หวาดเสียวชวนผวาจากคมดาบที่คมกริบ!!!

หากเป็นเมื่อก่อนไอ้แก้วคงมือไม้ลนไปมาไม่อาจต่อสู้ได้ แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์มามากมาย
อีกทั้งการฝึกฝนในกองทัพอย่างหนักจนเจนจบทุกอาวุธทุกการต่อสู้จากการเคี่ยวกรำของเมืองแมนและขุนทหารอีกนับร้อย
ไอ้แก้วจึงดูสงบนิ่งเยือกเย็นยิ่งกว่าหินผา มันร่ายรำหอกยาวฟาดฟันใส่คู่ต่อสู้ได้อย่างสง่างาม คล่องแคล่ว
ความคมของหอกยาวในมือไอ้แก้วนั้นทำเอานายร้อยจ๊างถึงกับตกใจในน้ำหนักของทหารยศนายซาวตรงหน้า!!!

เสียงของหอกหวีดหวิวล้อลมปะทะกับดาบคู่ของ
ขุนพันจ๊างอย่างห้าวหาญ เสียงอาวุธสองอย่างกระทบกันดัง

เคร้งๆ!!! คร้างง!!!

อาวุธหนึ่งยาว หนึ่งสั้น ฟาดฟันปะทะกันอย่างรุนแรง ด้านน้ำหนักของไอ้แก้วแม้ไม่สู้อีกฝ่าย
แต่มันก็ได้เปรียบเรื่องความว่องไวของร่างกายจึงไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อย!

ลีลาการต่อสู้ของทั้งสองก็องอาจสวยงามยิ่งดูจากสายตาทุกคนล้วนลงความเห็นว่า
ไอ้แก้วแม้เป็รองด้านร่างกายที่บางกว่าแต่ฝีมือกลับไม่ได้เป็นรองเลยทั้งการฟาด ทิ่ม หวด!!!
ทำให้ขุนพันจ๊างก็ไม่อาจทำอันใดนายซาวแก้วได้เหมือนกัน

การต่อสู้ผ่านไปร่วมชั่วโมงทั้งสองฝ่ายต่างไม่อาจทำอันตรายกันได้แม้แต่ผิวกาย
นับเป็นการต่อสู้ที่ทำให้ทุกผู้ต่างปรบมือดังก้องด้วยความชื่นชมยิ่ง
จึงจบการประลองด้วยเพียง “เสมอกัน” ในครั้งนั้นบรรดาขุนทหารทั้งหลายจึงประจักษ์แก่สายตาว่า
ไอ้แก้วนั้นแม้รูปกายงามแต่ฝีมือกับแกร่งกล้าไม่เป็นรองทหารยศที่สูงกว่า!!!

ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็เข้าไปคารวะนายทหารผู้มียศสูงกว่าอย่างมีสัมมาคารวะ

“ข้าขอขอบใจท่านนายร้อยจ๊าง...ที่ช่วยออมมือให้แก่ข้า”

“นายซาว...ท่านก็พูดเกินไป...ฝีมือท่านนั้นเยี่ยมยอดยิ่งนัก...
ด้วยฝีมือขนาดนี้ในอนาคตข้าเชื่อว่าท่านต้องเป็นยอดขุนทหารแห่งล้านนาเป็นแน่แต๊!!!”

ขุนพันจ๊างเข้ามาตบไหล่ของไอ้แก้วอย่างพอใจในตัวคู่ต่อสู้ที่มันเองไม่อาจเอาชนะได้
มันเองก็นึกขอบใจนายทหารยศนายร้อยตรงหน้า ผู้แม้จะมีตำแหน่งสูงกว่าแต่กลับมีน้ำใจนักกีฬายิ่ง

เมืองแมน จะขื่อ และพันเฮือง ที่ยืนลุ้นมาตั้งแต่ต้นล้วนดีใจยิ่งที่เด็กหนุ่มร่างงามที่ดูภายนอกเหมือนเป็นรอง
แต่กลับต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม!!!
และครั้งนั้นทหารทั้งน้อยใหญ่จึงเรียกไอ้แก้วในอีกชื่อว่า "นายซาวงาม" ไปโดยสิ้นเชิง

.............................................................

การที่มันเข้ารับราชการทหารในกองทัพของเจ้าหลวง โดยมีแม่ทัพใหญ่เป็นเจ้าเมืองเขลางค์นครนั้น
ทำให้หนานอินผู้เป็นพ่อก็ไม่กล้าเร่งรัดเรื่องการกิ๋นแขกด้วยว่าจะก้าวก่ายเรื่องของกองทัพ
การแต่งงานจึงถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด!

แต่นั่น!!! มันจะประวิงเวลาแต่งงานไปได้อีกนานซักแค่ไหนกัน เพราะความจริงที่ไม่อาจจะหนีพ้น
นั่นก็คือ มันมีคู่หมายแล้วคือ“แม่ญิงพะยอม” แม่ญิงผู้งดงามอ่อนหวานปานดอกบัวแรกผลิ!
วันเดือนผ่านไปมันก็รับรู้ได้ว่าแม่ญิงมีใจต่อมันจริงๆเพราะนางใช้ให้คนนำของฝากมากำนัล
อยู่ไม่ได้ขาด ทหารหนุ่มก็จะฝากข้อความถึงคู่หมายให้คนของนางกลับไปแจ้ง

“ฝากบอกเจ้านายเอ็งตวยว่าข้าขอบใจ๋จ๊าดนักเน้อ!”
“แม่ญิงเปิ้นฝากมาแจ้งต่อนายซาวแก้วโตยว่า...หากแม้นนายซาวพอจะมีเวลาพ่อง...ขอหื้อแวะไปเยี่ยมเยียนแม่ญิงเปิ้นแห็มขอรับ”
คนของแม่ญิงกล่าว

“เอ็งจงไปแจ้งต่อแม่ญิงว่า...ถ้าข้าว่างเว้นจากการฝึกซ้อมเมื่อใด...ข้าจะแวะไปเยี่ยมแม่ญิง...
ตอนนี้เอ็งจงปิ๊กเฮือนเต๊อะข้าจะต้องไปซ้อมอาวุธแล้ว”

“ขอรับ”
เมื่อไพร่ประจำเรือนของคู่หมายกลับไปทหารหนุ่มก็ถึงกับทอดถอนใจ

แม้จะพยายามวิ่งหนีสิ่งที่ชายหนุ่มกลัวก็ยิ่งวิ่งเข้าหาราวกับเป็นกรรมเวรแต่ชาติปางก่อนก็ไม่ปาน
ชายหนุ่มทอดถอนหายใจมองขึ้นไปบนฟ้าความอัดอั้นนี้คงช่วยด้วยด้วยการฝึกซ้อมอย่างหนักเท่านั้น!!!

นับตั้งแต่รับตำแหน่งทางทหารเป็น“นายซาวแก้ว” นั้น ไอ้แก้วก็มีหน้าที่ดูแลคนใต้บังคับบัญชาของมัน
ตามมาถึง 24 ชีวิต! อันเป็นนายทหารยศนายสิบ 2 นาย ข่มกว้าน 2 คน และไพร่อีก 20 คน
หน้าที่อีกอย่างหนึ่งหลังเสร็จสิ้นการฝึกของนายทหารก็คือต้องเจียดเวลาไปดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอีกด้วย

นายสิบสองคนผู้มาเป็นมือซ้ายมือขวาของนายซาวแก้ว ชื่ออ้ายผา กับอ้ายคง
"อ้ายผา" หน้าตาละอ่อนผิวกายค่อนข้างขาวท่วงท่าแคล่วคล่องปราดเปรียวและมีสติปัญญาดี
"อ้ายคง" ร่างกายสูงใหญ่ บึกบึน ใบหน้าคมคายนิสัยสัตย์ซื่อใจร้อนแต่มีความจริงใจกล้าได้กล้าเสีย

ส่วนข่มกว้านอีกสองนาย ชื่อ "อ้ายทน" กับ "อ้ายมุ่ย" ทั้งสองเป็นผู้มีวาจาดี บุคลิกคล่องแคล่ว
เพราะต้องคอยแจ้งข่าวจากเจ้านายไปสู่ไพร่ชายอีกทั้ง 20 คนให้ทราบและทำตามคำสั่ง
ข่มกว้านทั้งสองจะมีหน้าที่ช่วยตรวจตาเรียกพลและดูแลไพร่อีก 20 นายให้กับนายซาว

ส่วนไพร่ชายที่อยู่ในสังกัดของนายซาวแก้วจะมีอายุเริ่มตั้งแต่ 15 ปี จนถึง 35 ปี
ส่วนใหญ่เป็นไพร่ชั้นล่างล้วนจากครอบครัวชาวนาชาวไร่ซึ่งยากที่จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น
จึงจำต้องเป็นไพร่ให้นายทหารยศสูงให้เรียกใช้ตามที่จะสั่งทั้งงานหนักงานเบา

วันนี้เมื่อเสร็จจากการฝึกปรือเพลงอาวุธทราบข่าวจากข่มกว้านทั้งสองว่า
ไพร่ชายคนนึงป่วยไข้ด้วยอาการไข้จับสั่นนายซาวแก้วจึงเร่งไปดูอาการจนถึงที่พัก

เมื่อไปถึงสองทหารนายสิบ มือซ้าย มือขวา ผู้มีรูปกายแกร่งล่ำกำยำ คนนึงขาว อีกคนผิวค่อนไปทางเข้ม
ทั้งสองอยู่ในชุดทหารล้านนา เตี่ยวแดงสั้นๆ ไม่สวมเสื้อ โชว์ลายสักดำงดงามสมชาย
ยืนขนาบข้างของนายซาวรูปงามตลอดเวลา

กับข่มกว้านทั้งสองผู้มีหน้าตาละอ่อนดูน่ามองไม่น้อย และมีร่างกายแกร่งสวยทั้งสองคน
อยู่ในชุดเตี่ยวขาวสวมเสื้อผ้าฝ้ายแขนกุดอวดต้นแขนกำยำ
พร้อมด้วยไพร่ชายที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของไอ้แก้วที่มีทั้งเด็กหนุ่มวัย 15
ไปจนถึงชายฉกรรจ์จนเป็นหนุ่มใหญ่วัยบึกบึนวัย 35 ปี

ชายฉกรรจ์เกินครึ่งร่างกายกำยำล่ำสันผิวกายขาวเสียเป็นส่วนใหญ่น้อยนักจะผิวคล้ำ
แต่ก็ล้วนเป็นชายฉกรรจ์ร่างกายแข็งแรงสมกับที่ต้องทำงานแบกหามตามที่เจ้านายสั่ง
นั่งรออยู่พร้อมหน้าก่อนแล้ว เพราะรู้ว่าเจ้านายใหม่จะมาเยี่ยม

เมื่อเห็นที่พักที่ไม่ต่างอะไรกับคอกสัตว์นายซาวแก้วก็ยิ่งรูสึกเวทนาผู้เป็นลูกน้องยิ่งนัก
ร่างที่เห็นคือร่างของเด็กหนุ่มวัยเพียง 16 ปี หน้าตาหมดจดผิวขาวร่างกายผอมบาง
นอนซมบนฟูกด้วยอาการเหมือนเป็นไข้หนาวสั่น หน้าซีด ปากคอสั่น

นาวซาวแก้วสั่งการให้ข่มกว้านหายาสมุนไพรเพื่อทำการรักษา
พร้อมสั่งการให้จัดการเรื่องที่อยู่ของลูกน้องเสียใหม่พร้อมมอบเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม
และยารักษาโรคให้ เมื่อเห็นเจ้านายมาเยี่ยมและดูแลเด็กหนุ่มร่างบางก็ถึงกับน้ำตาไหลพราก!
เพราะเจ้านายคนก่อนก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อมันดีเยี่ยงนี้มาก่อน

“ขอให้เจ้านายเจริญๆ ด้วยเต๊อะ!!!”
เด็กหนุ่มผิวขาวร่างบางยกมือไหว้ท่วมหัวน้ำตาซึมนองหน้า

“เอ็งชื่ออ่ะหยัง...แล้วอายุต้อใดแล้ว”
เด็กหนุ่มยังร้องไห้สะอื้นเช็ดน้ำตารู้สึกตื้นตันใจพูดไม่ออกจนเพื่อนไพร่ที่อายุมากกว่าต้องบอกแทน

“มันชื่อไอ้น้อยขอรับนายซาว...ป้อแม่มันตายตั้งแต่เกิดเหตุกบฏกลางเวียงเมื่อหลายปี๋ก่อน...เลยถูกจับมาเป็นไพร่...ชีวิตมันอาภัพแต๊ๆ!!!”
ไอ้แก้วฟังแล้วก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นมันเองก็ยังละอ่อนอย่างนี้

เพราะถึงไอ้แก้วจะโชคร้ายเพียงใดที่ถูกจับไปเป็นทหารในตอนนั้น แต่ก็ยังโชคดีเหลือหลายที่ได้เมืองแมนมาคอยช่วยเหลือไว้
และพาไปหาเจ้านายที่ดีที่ประเสริฐ เจ้านายก็ชุบเลี้ยงอย่างดี ให้ที่อยู่ ให้อาหาร เสื้อผ้าดีๆ
ที่สำคัญที่สุดก็คือการได้พบกับชายคนรักอย่าง "เมืองแมน!!!"

จึงรู้สึกสงสารในชะตากรรมของเด็กหนุ่มนามว่า “ไอ้น้อย” คนนี้ยิ่งนัก

“เอ็งจงรักษาตัวเก่า(ตัวเอง)หื้อหายไวไว...เมื่อหายดีแล้วบ่าต้องทำก๋านหนักแบกหาม...เอ็งจงไปคอยรับใช้ข้า!”
เด็กหนุ่มนามว่าน้อยตื้นตันถึงที่สุด รีบประคองร่างกายที่กระปรกกระเปรี้ยลงมากราบแทบเท้าของไอ้แก้วอย่างตื้นตันใจ

“นายซาวแก้ว...ข้าเจ้าจะบ่าลืมบุญคุณของเจ้านายเลยเจ้า!!!”
"ชีวิตมันก็เป็นจะอี้มีสุขมีทุกข์ปะปนกันไป...ขอเพียงเอ็งจงอดทนและเข้มแข็งเอ็งก็จะผ่านพ้นความลำบากไปได้เองฮู้ก่อ!"

ไอ้แก้วก็ลูบศรีษะของเด็กหนุ่มผิวขาวนั้นอย่างเวทนา แล้วหันไปกล่าวแก่ลูกน้องทุกคนให้ได้ทราบโดยทั่วกัน

“ต่อไปนี้เฮาก็ลงเรือเดียวกันแล้ว...ถ้าเมื่อใดที่พวกสูมีเรื่องคับข้องหมองใจ๋ก็จงบอกหื้อข้าฟัง...
เพราะพวกเอ็งคือคนของข้า...คือคนล้านนาตวยกันทั้งนั้น”

ทุกคนพอได้ฟังก็ยกมือไหว้เจ้านายคนใหม่อย่างปลื้มปิติยิ่ง!
นาทีนั้นสายตาของทุกผู้จึงต่างชื่นชมยินดีต่อความเมตตาของเจ้านายคนใหม่ยิ่งนัก

“อ้ายผา... อ้ายคง... ต่อไปพวกท่านทั้งหลายจงอย่าใช้งานพวกมันหนักเกินไป...อ้ายทน...อ้ายมุ่ย...
ช่วยดูเรื่องกิ๋นอยู่หลับนอนของพวกมันทั้งหลายหื้อดีตวยเน้อ”

“ขอรับ...นายซาวแก้ว!!!”

นายสิบทั้งสอง และข่มกว้านรับคำด้วยความปิติ
แล้วนายซาวแก้วก็เดินกลับเรือนพร้อมด้วยนานสิบทั้งสองที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด

เมื่อออกมาจากที่พักของไพร่ใต้บังคับบัญชาไอ้แก้วรู้สึกเหมือนร่างกายเหนื่อยล้ายิ่งนัก
เพราะตลอดทั้งวันก็ฝึกปรืออาวุธในกองทัพพอตอนเย็นก็มีภารกิจเยี่ยมเยียนลูกน้องที่ป่วยไข้อีก
เมื่อถึงเรือนของนายซาว ไพร่ในเรือนก็จัดหาสำรับกับข้าวมาให้แก่นายซาว อ้ายผา อ้ายคง ทั้งสามได้กินพร้อมหน้ากัน

กินข้าวกันไปต่างก็พูดคุยกันถึงเรืองลูกน้อง
ทหารมือขวา และซ้ายทั้งสองของไอ้แก้วก็รับปากจะดูแลให้ไม่ให้ไพร่ได้รับความยากลำบาก......