วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 58 คนงานพม่าทั้งเถื่อนทั้งแกร่ง (1)

วันต่อมาหลังกลับมาจากเกาะพวกผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนกันอีก
พอดีพี่หัวหน้าคนงานที่เป็นคนไทยเมียแกคลอดลูกเลยต้องลาไปดูแลเมียที่โรงพยาบาล

ไอ้โดโด้มันก็เลยยุ่งๆทั้งวันเพราะต้องขับรถส่งของช่วยพ่อมัน ลำพังน้องชายมันก็ยังวัยรุ่นอยู่ยัง
ฝากฝังงานอะไรไม่ได้มาก พวกผมเลยอาสาช่วยทำงานอย่างที่เขาบอกว่า

“อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น”  นั่นไง

ซึ่งมีอะไรที่พวกผมพอช่วยได้พวกผมก็ช่วยทำๆไป
ผมช่วยงานในโรงงาน ส่วนไอ้นิวมันขับรถเป็น มันก็จะช่วยขับรถส่งของกับไอ้โดโด้มัน
ส่วนไอ้ท็อปกับไอ้นายก็กลายเป็นเด็กติดรถไปเฉยเลย เห็นพวกมันทำแล้วก็ขำๆ ดีครับ
แต่รู้สึกดีมากว่าที่พวกเราสามารถช่วยเหลือเพื่อนได้5555

จะว่าไปก็สนุกดีครับผิดๆ ถูกๆ ก็ว่ากันไป เพราะถือว่าช่วยเพื่อนด้วยใจ
อีกอย่างโรงงานบ้านมันก็ไม่ใช่โรงงานใหญ่มากเลยพอจัดการกันได้
เพราะการได้ทำในสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย ก็ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดี

อย่างวันนี้ผมก็วุ่นอยู่กับการช่วยพี่ๆหัวหน้าคนงานอีกคนดูแลคนงานพม่าอยู่ในโรงงานแต่เช้า
ดีหน่อยที่ยังมีพี่หัวหน้าคนงานที่เป็นคนไทยกับ รปภ. อีกหนึ่งคน จึงพอคุยกันได้หน่อย

แต่จะว่าไปคนงานต่างด้าวชาวพม่าที่ทำงานในโรงงานเฟอร์นิเจอร์ของไอ้โดโด้
ก็พูดไทยได้เกือบทุกคนโดยเฉพาะคนที่อายุงานหลายๆ ปี
จะพูดค่อนข้างชัดเลยทีเดียวส่วนคนที่มาใหม่ๆ ก็อาจจะพูดได้ไม่ค่อยแข็งแรงซักเท่าไหร่
คือพอสื่อสารกันได้แต่พยายามตั้งใจฟังให้ดีว่างั้น

“แล้วพวกคนงานพวกนี้เขามาจากไหนกันบ้างครับพี่”

ผมถามพี่หัวหน้าคนงานด้วยความอยากรู้ทั้งๆ ที่จะว่าไปก็รู้อยู่หรอกว่า
เพียงนั่งเรือข้ามฝั่งไปไม่ไกลก็เป็นเขตแดนของพม่าที่ชื่อว่า จังหวัด “เกาะสอง”
แต่ที่ถามก็เพราะอยากรู้ว่ามาจากเมืองไหนกันบ้างแค่นั้นแหละ

“ก็มาจากพม่าตอนบนโน่นแหละครับคุณ”
พี่หัวหน้าคนงานวัยสามสิบกว่าๆซึ่งมีใบหน้าที่ดูดุๆ แต่พอคุยด้วยแล้วกลับดูใจดีและเป็นกันเอง

“ส่วนใหญ่ที่หนีตายมาหางานทำที่ประเทศไทยก็เพราะความยากจนและทนการกดขี่จากรัฐบาลทหารไม่ได้
เลยหนีมาตายเอาดาบหน้ากัน... ถ้าเจอเจ้านายดีๆหน่อยก็สบายไป
แต่ถ้าเจอพวกคนไทยแต่ใจหมาก็แย่หน่อย เฮ้อ! ประเทศไทยเรานี่แหละดีสุด คุณว่ามั๊ย”

พี่หัวหน้าคนงานพอแกได้คุยก็เล่นจ้อไม่หยุดคงเพราะวันๆ คุยแต่กับคนงานพม่าที่พูดไม่ค่อยชัด
พอมาคุยกับคนไทยด้วยกันแกก็เลยอยากจะระบายความในใจให้ฟังมั๊ง
ผมก็พยักหน้ารับรู้ด้วยความสนใจเพราะจะว่าไปก็สนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทย
พอๆกับที่สนใจการท่องเที่ยวนั่นแหละ

จึงได้รู้ประวัติศาสตร์ระหว่างไทยกับพม่ามาก็พอสมควรพอมาเจอคนพม่าจริงๆ  
อยู่กันมากมายอย่างนี้เลยรู้สึกตื่นเต้นๆอยู่เหมือนกัน

ดูๆไปแล้ว หลายคนหน้าตาก็ไม่ค่อยแตกต่างจากคนไทยเท่าไหร่นัก
แถมหลายๆคนหน่วยก้านและหน้าตาก็ค่อนข้างเข้าท่าเลยทีเดียว
คือแม้จะไม่ล่ำมากแต่ก็ดูแข็งแรงท่าทางจะอึด! อิอิอิอิ(รู้นะว่าคิดอะไรอยู่)

ที่ผมจ้องๆอยู่ก็มีด้วยกันหลายคน แลได้สอบถามชื่อมาเรียบร้อยแล้วด้วย อิอิอิ
อย่างหม่องลอง หม่องขิ่น และหม่องปัน นั่นงัย สามคนนี้ถึงแม้หน้าตาจะดูบ้านๆ
แต่ก็เป็นบ้านๆที่แมนๆ ถูกใจผมมากมากๆ

อย่างหม่องลอง อายุ 20 หน้าตาจะดูอ่อนเยาว์กว่าใครเพื่อน
ละอ่อนๆ หน้าตาดูดีกว่าใครส่วนหุ่นก็แน่นล่ำ ผิวพรรณก็ค่อนไปทางขาวเนียนน่าลูบ
ส่วนหม่องขิ่น 23 หน้าตาแม้จะดูบ้านๆ แต่หุ่นก็แน่นแกร่ง ดูแมนดีชิบ
แต่ผิวจะคล้ำจัดกว่าใคร

ส่วนหม่องปันอายุ 25 ปี จากที่ผมสังเกตดูกรายๆ ท่าทางจะเหมือนเป็นหัวหน้าคนงานพม่า
และดูเป็นคนที่เพื่อนคนงานให้ความเกรงใจมากที่สุด

ประการแรกคงเพราะหม่องปันอายุมากกว่าใครมั๊ง
หม่องปันมีหุ่นที่สูงใหญ่ ตัวหนาล่ำ กว่าใคร อกแกร่งๆ กล้ามเนื้อก็ดูแข็งแรงตามแบบหนุ่มกรรมกรทั่วไป
ส่วนเรื่องหน้าตาก็ดูคมแมน เข้มๆ ดุๆ น่าเย็ดดีไม่ใช่เล่น อิอิอิ

ที่สำคัญคนงานส่วนใหญ่จะนุ่งโสล่งเวลาทำงานด้วย ทำให้น่ามองและจินตนาการตามไปด้วยโคดๆ
จนอยากจะเข้าไปเปิดดูใต้โสล่งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ว่าจะแต่ละคนจะใหญ่ซักแค่ไหน 5555

สำหรับหม่องลองดูท่าว่าผมจะปลื้มเขามากกว่าใคร เพราะหน้าตาดีและหน้าอ่อนกว่าใคร
พูดถึงเรื่องหุ่นก็โดนใจไอ้วินแบบเต็มๆ!!! ครับ 5555

หม่องลองถึงแม้จะยังเป็นวัยรุ่นหน้าตาหล่อ แต่ก็มีความแมนๆ แบบผู้ชายใช้แรงงานครับ
ส่วนหุ่นไม่สูงมากราว 168-170 เซนต์ แต่ที่สำคัญดูแข็งแรงดี ผิวก็ค่อนข้างไปทางสะอาด เนียน น่าลูบไล้
ทำให้ผมแอบเหล่เขาไม่วางตาตั้งแต่เห็นทีแรกแล้ว

พอเกิดความสนใจขึ้นมาแบบนี้ผมก็เหมือนกับถูกผีขยันเข้าสิงเลยครับ 555
ทั้งๆที่พวกไอ้นิวมันชวนติดรถออกไปส่งของกับพวกมัน แต่ผมก็ไม่ยอมไปด้วย

“นี่ตกลงมึงไม่ไปกับพวกกูแน่เหรอวะสาดวิน พอส่งของเสร็จจะได้แวะเที่ยวด้วยงัยมึง”

ไอ้โดโด้เอาเรื่องเที่ยวมาล่อผมแต่ก็ได้ความแปลกใจกลับไปอ่ะครับ
เพราะตามปกติแล้วคงจะเห็นว่าคนอย่างผมพอชวนไปไหนก็ไม่เคยปฏเสธมั๊ง
แต่ก็อย่างนั้นจริงๆครับ เพราะขอแค่ให้ชวนไปเที่ยวเหอะจะยังงัยผมไปหมด
แต่ทุกอย่างก็ต้องมียกเว้นใช่ป่ะครับก็แหมหนนี้มันมีของดีล่อตาล่อใจอยู่นี่นา หุหุหุหุ

“ไม่อ่ะ... กูร้อน... อยากพักมั่งเมื่อวานก็เล่นน้ำตากแดดทั้งวันเพลียว่ะ”
หาข้ออ้างเข้าไป

“ให้โอกาสอีกที...ไม่ไปแน่นะมึง”
ไอ้นิวยังถามย้ำด้วยความสนเท่ห์บ๊ะไอ้นี่ทีอย่างนี้ล่ะมาเป็นห่วงกู
ทีตอนกูอยากอยู่คนเดียวล่ะติดแจ ผมคิดแบบหมั่นใส้มันเสียเต็มประดา

“ไม่อ่ะ พวกมึงไปกันเหอะ”
ผมตอบสั้นๆจนไอ้ท็อปมันคงรำคาญมั๊ง มันเลยตัดบทซะเลย แต่ก็ไม่วายแขวะผมนิดๆ

“สาดนิว มึงก็ไปเซ้าซี้มันอยู่ได้มันบอกไม่ไปก็ไม่ไปดิวะ... ดีซะอีกไม่มีพ่อศิลปินใหญ่ไปด้วย...
เวลาไปไหนจะได้ไปเร็วมาเร็วไงมึง...เผลอๆ เอามันไปด้วยเกิดหายตัวไปอีก... มึงกับกูก็ต้องหามันให้วุ่นหรือมึงว่าไม่จริง”

ดูๆมันพูดเข้า ไอ้เพื่อนปากเสีย! ผมกำลังจะเตะมันซักที
ไอ้ท็อปก็ดันหลังเพื่อนๆวิ่งออกไปซะก่อนพร้อมกับทำสีหน้าทะเล้นๆ เป็นการส่งท้าย

“จำไว้นะพวกมึง! กลับมาเมื่อไหร่ล่ะเป็นโดน ฮึ่ม!”

ผมกัดฟันกรอดๆด้วยอารมณ์โมโห ที่ทำอะไรพวกมันไม่ได้
ระหว่างนั้นผมก็คิดๆๆว่าจะทำยังงัยถึงจะได้ใกล้ชิดหนุ่มๆ เหล่านี้ให้พวกเขาเชื่อใจผม
และแล้วผมก็คิดออกเพราะ “ยิ้มสยาม” อย่างเรานี่แหละสร้างมิตรได้ดีเป็นที่หนึ่งล่ะว่ามั๊ย อิอิอิ

ระหว่างเดินตรวจตราภายในโรงงานผมก็จะเหล่คนนั้นทีคนนี้ที พอเป็นกำไรให้ชีวิต
ในขณะเดียวกันก็พยายามโปรยยิ้มไปทั่วเพื่อเป็นการผูกมิตร
แต่ไม่ได้โบกมือเหมือนนางสาวไทยนะครับ 555

และก็ได้ผลครับเพราะเกือบทุกคนก็จะยิ้มตอบกลับมา มากบ้าง น้อยบ้าง
เพราะทุกคนรู้จากพี่หัวหน้าคนงานแล้วว่าผมเป็นเพื่อนลูกชายเจ้านายจะมาช่วยดูแลงานในโรงงาน
หนุ่มพม่าเนี่ยบางคนเวลายิ้มแล้วตาโคดจะเยิ้มมมมเลยอ่ะ เฮ้อ! เห็นแล้วชวนฝันดีจังแฮะผมคิด อิอิอิ
คือบางคนขนตาเขาจะยาวเหมือนขนตาแขกอ่ะ
และจมูกก็โด่งเป็นสันสวยๆยิ่งตอนยิ้มออกมาก็ยิ่งน่ามองโคดๆ อย่างนี้แหละที่เขาเรียกว่า

ผิวพม่านัยน์ตาแขก
บางคนทำงานไปเกิดเผลอตัวก็นั่งอ้าขากว้างๆ เปิดควยเปิดไข่ให้เห็นโดยไม่รู้ตัวก็มี
ก็เป็นบุญตากันไป5555

จนผมเดินมาถึงหม่องลองที่กำลังใสไม้อยู่พอดีซึ่งก็บอกแล้วว่าผมแอบเหล่ๆ
ไอ้หนุ่มคนนี้อยู่ตั้งแต่แรกเห็น

ผมกะหาโอกาสคุยกับเขาตั้งนานจนในที่สุดก็ตัดสินใจเข้าไปพูดคุยด้วยทันที
เพราะเห็นว่าแถวนั้นไม่มีคนงานคนอื่นอยู่เลย
ตอนแรกชายหนุ่มก็ยิ้มๆดูเขินๆ อ่ะครับ แต่แหมตอนเขายิ้มเนี่ย หล่อสาดๆ
แถมน่ามองโคดๆเห็นแล้วชวนฝันเลยอ่ะครับ อิอิอิ โดนใจไอ้วินไปเต็มๆ!!!

“มาทำงานที่นี่นานรึยัง”
ผมพยายามพูดช้าๆชัดๆ เพื่อที่เขาจะได้ฟังถนัดๆ

“เกือบปีแล้ว”
หม่องลองตอบสั้นๆแม้จะพูดไม่ชัดนักแต่น้ำเสียงก็แมนน่าฟัง
แถมอากัปกิริยายังดูพินอบพิเทายังกะผมเป็นเจ้านายเขาซะงั้น ผมก็เขินแย่ดิครับ

“ไม่ต้องเกรงใจผมขนาดนั้นก็ได้”
“ก็คุณเป็นเพื่อนลูกชายเจ้านาย”
เขายังคงทำหน้าเกรงๆผมไม่หาย

“ลูกเจ้านายก็ส่วนลูกเจ้านายสิผมก็ส่วนผม ทำตัวตามสบายไม่ต้องคิดมาก”

ผมทำเนียนตบไหล่หม่องลองแปะๆอย่างเป็นกันเอง
แต่ที่ตบน่ะก็เพราะอยากสัมผัสความแข็งแกร่งของเนื้อหนุ่มพม่าตะหากฉลาดไหมล่ะ อิอิอิ
พอได้สัมผัสก็ได้พบกับความแน่นปึ๊กทั้งบึกบึนและแข็งแรงโคดๆ
แค่ได้สัมผัสเนื้อหนุ่มเนื้อผมก็เต้นเร่าๆ ขึ้นมาด้วยความร่านอย่างแรงอ่ะครับ 5555

ระหว่างนั้นผมก็พยายามทำตัวเป็นคนใจกว้างเหมือน“แม่น้ำ”

เพื่อทำให้หม่องลองผ่อนคลายและคุยกับผมแบบเป็นกันเองที่สุด
เพื่ออะไรน่ะเหรอครับก็เพื่อประโยชน์ในการที่จะได้ใกล้ชิดยังงัยล่ะครับ หุหุหุ
และก็ได้ผลเช่นเคยครับผมบอกแล้วว่าคนที่มีวาทะดีๆ มักจะมีชัยไปกว่าครึ่ง

เพราะคุยกันได้ไม่นานเราก็พูดคุยกันอย่างถูกคอ ประการแรกคงเพราะอยู่ในวัยเดียวกันมั๊ง
ส่วนประการที่สองก็เพราะผมดันพูดเข้าจุดน่ะซิครับก็พอดีผมดันไปพูดว่าสนใจประเทศพม่า
อยากไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆแห่ง ที่เคยผ่านตาทางโทรทัศน์ ทางหนังสือพิมพ์
และหนังสือท่องเที่ยวต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นพุกาม มัณฑเล เจดีย์ชเวดากอง พระธาตุอินแขวน ทะเลสาบอินเล
อย่างที่อยู่เหนือๆ หน่อยก็จะเป็นเมืองของ “คนไต”  หรือไทใหญ่
หรือที่เรียกกันว่ารัฐ “ SHAN ” ของพม่า นั่นไง

ซึ่งนับๆกันไปแล้วก็นับได้ว่าเกี่ยวดองกับคนมืองเหนืออย่างเราค่อนข้างมาก
เพราะมีภาษาและวัฒนธรรมที่คล้ายกันประวัติศาสตร์ก็เกี่ยวโยง ยาวนานมาพอๆ กัน

อย่างเมืองเชียงตุงแสนหวี หรือ เมืองนาย นั่นไง เสียดายที่ผมยังหาโอกาสไปเที่ยวไม่ได้เสียที
พอหม่องลองเห็นว่าผมชอบและอยากไปเที่ยวบ้านเมืองเขาจริงๆเราก็เลยคุยกันได้ยาว

และทำให้ทราบว่าบ้านหม่องลองอยู่เมืองทางตอนกลางของประเทศ
ครอบครัวหม่องลองมีอาชีพทำไร่ ทำนา มีพี่น้องถึง 5 คน ชายสอง หญิงสาม
หม่องลองเป็นลูกชายคนโต เลยต้องดิ้นรนมาหางานทำที่ฝั่งไทยเพราะทนความลำบากและความยากจนไม่ไหว

ระว่างที่คุยกันไป หม่องลองก็ทำงานไปเรื่อยๆ ผมก็ทำตัวเป็นคนดีช่วยงานเขาแบบเนื้อแนบเนื้อก็หลายครั้ง
แต่ใครจะรู้ ...อิอิอิ ว่าที่เข้าไปใกล้ๆ น่ะ เพราะอยากจะได้สูดกลิ่นกายหนุ่มต่างด้าวหุ่นแกร่งหน้าหล่อตะหากอิอิอิ

แหมก็รู้ๆกันอยู่ ว่านิสัยผมมันเป็นยังงัยลองถ้าได้ชอบหรือเข้าตาหน่อยล่ะก็ให้ทำอะไรก็ยอมล่ะ 5555
แถมหม่องลองคนนี้ก็ดูดีโดนใจผมหน้าตารึ หุ่นรึ ก็น่าฟาดชิบหาย!!!
แถมความเป็นมายังน่าสนใจอีกตะหาก แบบนี้ผมไม่ยอมปล่อยผ่านไปแน่ๆ ล่ะ
วันทั้งวันผมเลยขลุกอยู่แต่กับเพื่อนใหม่จนตัวแทบจะติดกัน

จนกระทั่งเย็นพวกไอ้ตัวดีทั้งหลายก็ไม่ยอมกลับมาซะที สงสัยจะไปแอ่วสาวจนลืมเพื่อนแหงมๆ
เชอะ! ใครสนพวกมันกัน ซึ่งผมก็ไม่ยอมเสียเปรียบหรอกครับเพราะมาหลีหนุ่มคนงานได้เหมือนกัน 5555

พอเลิกงานผมก็เลยตามพวกหนุ่มหม่องไปเล่นที่พักคนงานด้วยซะเลย
ซึ่งจะอยู่หลังโรงงานเลยสวนมะพร้าวเข้าไปอีก โดยถูกกั้นด้วยสวนมะพร้าวดงใหญ่
พอหนุ่มๆคนงานต่างด้าวเขาเลิกงานมา ก็นิยมเล่นเตะตระกร้อ เตะบอลกันอย่างสนุกสนาน

ดูๆไปผมว่า ก็คงไม่ได้แตกต่างจากหนุ่มไทยเสียเท่าไหร่
เพียงแต่พอพวกเขาอยู่กันหลายๆคน ก็เหมือนกับว่าเป็นอีกโลกนึงว่าได้
เพราะพวกหนุ่มหม่องเหล่านี้จะพูดภาษาพม่าจนผมฟังไม่รู้เรื่อง

ผมก็จะคอยถามหม่องลองตลอดว่าเขาพูดอะไรกันหม่องลองก็ใจดีอธิบายให้ฟัง
แต่ผมก็จำไม่ได้หมดหรอกครับเพราะพูดยาก เวลาพูดทีก็ลิ้นรัวกันไปหมด
ที่สำคัญตามัวแต่มองเปา มองหุ่น หนุ่มๆ ที่เล่นบอล เล่นตระกร้ออยู่นี่ครับ อิอิอิ

หุ่นแต่ละคนนั้นบอกได้คำเดียวว่าสุดยอด! มากๆ ครับ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะคล้ำมากๆ ก็เหอะ
ชื่อมั๊ยครับว่าตอนที่พวกเขาเล่นบอลกันไปผมก็จ้องที่เป้าพวกเขาตลอด
รอดูว่าโสล่งพวกเขาจะเลิกขึ้นเมื่อไหร่เพราะพวกนี้บางคนไม่ยอมใส่กางเกงในก็มี
บางทีผมก็ได้เห็นวับๆแวมๆ พอเป็นกษัย

ได้เห็นกล้ามงามๆสัดส่วนที่ดูแข็งแรง ผอมแกร่งแต่ไม่บึกบึน
โอวถ้าผมโดนหนุ่มพม่าเย็ดทั้งหมดผมจะรู้สึกยังงัยนะอยากรู้จัง 5555

จนกระทั่งช่วงนึงหม่องลองก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมาผมเลยแอบย่องตามหม่องลองไปอย่างเงียบๆ
หม่องลองหลบไปเยี่ยวหลังเพิงพักคนงานที่สร้างอย่างง่ายๆ
มุงด้วยสังกะสีผมก็หาที่หลบดูหม่องลองเยี่ยวได้สำเร็จ

โหย โดคตื่นเต้นโคดๆ อ่ะเพราะว่าในที่สุดก็จะได้เห็นควยหม่องลองแล้ว
ก็แหมวันทั้งวันหาโอกาสแอบดูควยหม่องลองไม่ได้เสียทีนี่ครับ
ผมหลบอยู่หลังพุ่มไม้ก้มๆเงยๆ หาลู่ทางในการมองพอเห็นว่าได้ที่แล้ว
ตาผมก็ซูมๆๆเข้าไปที่ควยหม่องลองยังกะกล้องส่องทางไกลแน่ะ 5555

พอได้ที่เหมาะหม่องลองก็เลิกโสล่งขึ้นแล้วดึงควยดุ้นน้อยๆออกมาตามประสาหนอนน้อยตอนไม่มีพิษอ่ะครับ
ขนาดก็เลยไม่ได้ใหญ่โตอะไรแต่นี่มันกะดอน้อยของหม่องลองที่ผมอยากจะงาบเสียเต็มประดานี่ครับ
เลยไม่ได้สนใจว่าจะอ่อนหรือจะแข็งขอให้ได้ดูก่อนเป็นดีว่างั้น

ผมดูไปควยก็แข็งไปอ่ะครับใจจะขาดรอนๆ เสียให้ได้
ก็ควยของหม่องลองแม้จะไม่แข็งก็เหอะ
แต่รูปลักษณ์มันดูน่ากินมั่กๆทั้งที่ผิวกายภายนอกเขาจะไม่ขาวมาก
แต่เจ้ากะดอน้อยกลับมีสีที่สะอาดน่าลงลิ้นเป็นที่สุด

หมอยก็ดกดำยุ่งเหยิงเต็มหนอกควยไปหมดต้นขาภายใต้โสล่งดูใหญ่และแข็งแรงน่าชม
ผมแอบดูไปควยก็แข็งแล้วแข็งอีกจนปวดไปหมด
ใจน่ะอยากจะกระโดดออกไปช่วยชักว่าวให้เสียให้รู้แล้วรู้รอดถ้าทำได้นะ 5555

กำลังแอบดูควยหม่องลองตอนถลกโสล่งจับกะดอยืนเยี่ยวอย่างลุ้นจนของแข็ง
ทันใดนั้น! ก็มีเสียงดังๆตะคอกขึ้นที่ที่ข้างหลังผมด้วยสำเนียงที่ผมก็ไม่เข้าใจ
แต่ที่แน่ๆเล่นเอาผมตกใจจนหำหดเลยครับพี่น้อง 5555

ความรู้สึกอับอายแผ่ซ่านไปทั่วตัวเหมือนอยากจะหายตัวไปจากที่ตรงนั้นถ้าทำได้
พอผมหันไปมองด้วยใจที่กล้าๆกลัวๆ พอเห็นว่าเป็นใครผมก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่

เพราะคนที่ตะคอกผมที่แท้ก็เป็น หม่องปัน หนุ่มพม่าหน้าดุ ร่างแกร่ง นั่นเองครับ
ลำพังตอนปกติหม่องปันก็ดูน่ากลัวแล้วแต่นี่ยังมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีก
หม่องปันเลยยิ่งดูน่ากลัวในสายตาผมเข้าไปอีก

พอเขารู้ว่าเป็นผมสีหน้าเขาออกจะดูแปลกใจอยู่ไม่น้อย
แล้วเขาก็เดินเข้ามาลากคอผมด้วยสีหน้าสีตาดุดันทำเอาผมสะดุ้งโหยยง!
ตกใจจนพูดไม่ออก นาทีนั้นอดคิดถึงคุณพระคุณขึ้นมาไม่ได้

“อย่าทำอะไรผมเลยผมกลัวแล้ว!!!”
ผมพยายามปัดมือหม่องลองหนุ่มพม่าตัวใหญ่หน้าดุเป็นพัลวัน
แต่ก็ไม่เป็นผลหรอกครับหน้าตาเขาตอนนี้ช่างดูเหี้ยมเกรียมอย่างน่ากลัว

“มาแอบดูไอ้ลองมันเยี่ยวทำมัยหรือว่ามึงเป็นตุ๊ด!”
“เปล่า ผมเปล่าผมไม่ได้แอบดู ผมๆๆ”
“ยังจะมาเถียงอีกกูเห็นอยู่คาตา”

พอถึงที่สุดผมก็พูดไม่ออกครับเพราะเป็นอย่างเขาว่าจริงๆ
ส่วนหม่องลองพอได้ยินเสียงผมร้องโหวกเหวกก็รีบเดินมาทางผมกับหม่องปัน
แล้วถามรุ่นพี่ชาวพม่าด้วยภาษาเดียวกันผมเดาเอานะเพราะฟังไม่ออกจริงๆ
หม่องปันคงอยากจะให้ผมได้ยินด้วยเลยพูดออกมาเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ

“ก็กูจับได้น่ะซิว่าไอ้นี่มันกำลังแอบดูมึงยืนเยี่ยว”

หม่องลองมองผมด้วยความแปลกใจสุดๆอ่ะครับ คงจะคิดไม่ถึงว่าเพื่อนที่เพิ่งคบกัน
และกำลังไปได้สวยอย่างผมจะมีรสนิยมแบบนี้

“เอางัยดีวะมึง”
หม่องปันถามรุ่นน้องหน้าตาเหี้ยมๆหม่องลองก็พูดเสียงอ่อยๆ ว่า

“ปล่อยคุณเขาไปเถอะพี่เขาเป็นเพื่อนลูกชายเจ้านายนะ”
สำเนียงการพูดภาษาไทยของหม่องลองแม้ยังคงแปร่งๆตามประสาคนที่ยังพูดไทยไม่ชัด
แต่เชื่อมั๊ยครับว่าในตอนนี้ผมกลับรู้สึกดีกับคำพูดของหม่องลองมากๆ จนแทบอยากจะกราบงามๆ ก็ว่าได้

“แต่...กูว่าอย่างน้อยไอ้นี่มันก็ต้องโดนทำโทษบ้างไม่งั้นเสียชื่อคนพม่าอย่างเราหมด”

ว่าแล้วหม่องปันก็กระซิบกระซาบข้างหูของหม่องลองเห็นซุบซิบๆ กันซักพักนึง
ตอนที่ซุบซิบกันนั้นสีหน้าหม่องลองดูเจ๋อๆ เจื่อนๆอ่ะครับ
ในขณะที่สีหน้ารุ่นพี่หน้าเหี้ยมกลับมีรอยยิ้มที่ดูหื่นๆอย่างเห็นได้ชัด

ผมจับสีหน้าหม่องลองได้ว่ามักจะสะบัดหน้าไปมาบ่อยๆ เหมือนไม่เห็นด้วย
เหมือนรุ่นพี่ชาวพม่าชวนให้ทำอะไรหม่องลองก็ไม่เห็นด้วยอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ผมเองก็ยืนนิ่งด้วยใจที่เต้นระรัว ครั้นจะวิ่งหนีแถวนี้ก็มีแต่พวกพม่า
ตัวแกร่งดูแข็งแรงๆ ทั้งนั้น มีเรอะจะรอด

แต่ใจก็อดคิดไปต่างๆนาๆ ไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ว่าผมจะโดนทำทารุณกรรมอะไรบ้าง
ว่าหม่องลองอาจจะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนที่รู้สึกดีต่อกันช่วยเหลือผมได้บ้าง
พอคุยกันได้ซักพักหม่องลองก็เหมือนโดนรุ่นพี่กล่อมจนสำเร็จเพราะดูมีท่าทีโอนอ่อนตาม
คงจะเพราะเกรงหม่องปันมั๊ง เพราะอย่างที่บอกว่าเขาเหมือนเป็นหัวหน้าคนงานพม่าอยู่กรายๆ

หนึ่งนั้นเพราะเขามีอายุมากกว่าคนงานคนอื่นๆ
สองเขาก็เป็นคนตัวใหญ่และแข็งแรงกว่าใครและดูดุๆ บุคลิกเหมือนนักเลงเมื่ออยู่กับเพื่อนชาวพม่าด้วยกัน
แล้วหม่องปันก็ทำลายความเงียบด้วยการถามผมด้วยภาษาไทยชัดๆว่า

“ถ้ามึงอยากให้เรื่องนี้จบแบบง่ายๆก็ช่วยพวกกูซักเรื่องได้มั๊ยล่ะวะ”
“ได้ๆๆ แล้วจะให้ผมช่วยอะไรอ่ะ!!!”

ผมถามโดยไม่กล้ามองหน้าหม่องปันเพราะกลัวสายตาที่คมๆ และดูข่มขวัญคู่นั้น
หม่องปันขยำที่ตูดผมแรงๆแทนคำตอบ พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูหื่นๆ เกลี่ยไปทั่วหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น