วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 155 รักคุณเท่าฟ้า (1)

สุดสัปดาห์นั้นผมทนความคิดถึงไอ้ตี๋อ้นไม่ไหวผมเลยลงไปหาไอ้ตี๋ที่กรุงเทพ
ไอ้ตี๋อ้นพอรู้ว่าผมจะมาหาก็จัดการซื้อตั๋วเครื่องบินให้นั่งแบบสบายๆ
ตั๋วเครื่องบินถ้าซื้อแบบเร่งด่วนราคาจะแพงมาก
แต่เมื่อเทียบกับการเสียเวลาไปเป็นวันกับการนั่งรถทัวร์ก็ถือว่าคุ้ม

ต้องยอมรับว่าการบริการของเขาดีจริงๆ ครับ สะอาด สะดวก สบาย แถมการบริการก็ดี สมราคา

ตามสปิริตที่ว่า...

การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า!!!

แต่ถ้าไม่ได้รีบเร่งจริงๆ ผมก็คงเลือกจะนั่งรถทัวร์
ส่วนนั่งเครื่องบินคงเป็นทางเลือกสุดท้ายเพราะสู้ราคาไม่ไหวจริงๆ

นั่งอยู่บนเครื่องแป้บๆ ยังไม่ทันไรก็ถึงกรุงเทพแล้วครับ
พอลงจากเครื่องแล้วเห็นหน้าไอ้ตี๋อ้นแค่นี้ผมก็ดีใจสุดๆ แล้วครับ
หน้าตาหมอยังคงสดใสประดับด้วยรอยยิ้มกว้างส่งมาให้เห็นไม่เคยขาดเห็นทีไรก็ชื่นใจทุกที

ตอนนี้พวกเราจะจบปี 4 แล้ว ไอ้ตี๋อ้นอาจจะไม่ใช่หนุ่มหน้าใสกิ๊กเหมือนตอนเป็นน้องเฟรสชี่
แต่เพราะอ้นเป็นคนหน้าตารับแขก อัธยาศัยดี หน้าหมอมีรอยยิ้มให้กับทุกคน
ทำให้คนที่มองหน้าหมอรู้สึกมีความสุขตามไปด้วย

“วินทางนี้”

ไอ้ตี๋อ้นโบกมือเรียกผมพร้อมยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวสวย น้ำเสียงเพราะของหมอที่สามารถได้ยินในระยะไกลๆ
เพราะเป็นความสามารถพิเศษของไอ้ตี๋ในเรื่องภาษา เพราะอยู่ที่มหาลัยฯ หมอก็เป็นนักพูดที่สุดยอดมาก

หุ่นไอ้ตี๋สูงเด่น สวมเชิ๊ตขาว กางเกงยีนส์ ด้วยผิวที่ขาวเด่นทำให้มองเห็นไอ้ตี๋อ้นได้ง่าย
คนที่มารอรับญาติต่างก็โบกไม้โบกมือเรียกหากันดูอบอุ่นที่ต่างก็ได้เจอญาติ พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อนๆ
ไม่ต่างจากผมที่ได้เจอหน้าแฟนที่หายหน้าไปเป็นเดือนๆ ได้พูดคุยกันก็แค่ทางโทรศัพท์เพราะหมอยุ่งจริงๆ

“เหนื่อยป่าว”

อ้นเอากระเป๋าเป้ใบเล็กๆ จากข้างหลังผมไปสะพายแทน
แขนอีกข้างก็โอบคออย่างอบอุ่นเพื่อพาผมเดินไปที่จอดรถ
แค่ได้ยินแฟนเราถามว่า “เหนื่อยไหม” และการได้รับไออุ่นจากคนที่เรารัก
เพียงเท่านี้ผมก็อบอุ่นใจสุดๆ แล้วครับ

“ยังไม่ทันได้เหนื่อยเลย...โคดไวอ่ะ...แต่ตั๋วแพงชิบ!”

ผมทั้งชมแต่ก็อดสบถคำหยาบที่ท้ายคำขึ้นมาอย่างลืมตัวอย่างเสียดายตังค์
ซึ่งกับเพื่อน กับไอ้อี้ ก็ไม่ใช่คนพูดจาสุภาพซักเท่าไหร่ แต่กับอ้นเราจะพูดกันค่อนข้างสุภาพ
อ้นได้ยินผมบ่นก็ไม่ว่าอะไรแถมยังหัวเราะขำๆ หน้ายิ้มร่าตาตี่นิดๆ ของหมอมองแล้วอุ่นใจ

เมื่อหลายปีก่อนเริ่มมีสายการบินเยอะมากขึ้นก็จริง
แต่การซื้อตั๋วในเวลาเร่งด่วนแบบนี้ ไม่ว่าจะของการบินไทย หรือเครื่องของบริษัทรองๆ ก็เถอะ
ผมขอบอกว่าราคาแพงมากๆ ครับ คือเสียดายเงินแทนแฟนเราว่างั้น

นี่ถ้าไม่คิดถึงมากๆ และอยากอยู่ด้วยกันซักหลายวันก็คงนั่งรถทัวร์เหมือนเดิมนั่นแหละครับ
ไอ้ตี๋อ้นหมอไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องเงินทอง
เพราะนอกจากบ้านหมอจะรวยแล้วด้วยความที่อ้นเรียนเก่งมาก
หมอก็เลยรับจ็อบสอนพิเศษรุ่นน้องนักเรียน ม.ปลาย ที่เป็นลูกคนรวยในเวลาที่ว่างๆ จึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ

คิดขึ้นมาแล้วเหมือนผมเดินถอยหลังลงคลองเลยแฮะเรา
ขนาดผมที่มหาวิทยาลัยต่างจังหวัดค่าใช้จ่ายน้อยกว่าแต่บางเดือนก็ยังแทบไม่พอใช้

“หิวไหม...อยากกินอะไรบอกอ้นนะ”
หมอถามแบบเอาใจผมสุดๆ หน้าตายิ้มๆ อย่างสดใส ผมเห็นก็กระซิบข้างหูไอ้ตี๋อ้นว่า...

“อยากกินอ้นอ่ะ...ได้ป่าว”
หมอได้ฟังก็ยิ้มกรุ้มกริ่มแววตาวิบวับ แล้วกระซิบข้างหูผมพูดว่า...

“เดี๋ยวจะให้กินจนอิ่มเลย อิอิอิ”
แล้วไอ้ตี๋ก็หัวเราะดูอารมณ์ดีผมได้ยินไอ้ตี๋อ้นพูดก็เลยแกล้งหมอขึ้นมา

“เฮ้อ!...เปลี่ยนใจดีกว่า...ไม่อยากกินแล้ว 555”
“ใจดำ!...จำไว้เลยคนเรา!”

ผมได้ยินหมอพูดคำนี้ทีไรก็หัวเราะเป็นที่สนุกไปครับ เพราะเวลาไอ้ตี๋โดนผมอำ หรือแกล้ง
ไอ้ตี๋อ้นจะติดพูดแบบนี้เสมอ ได้ยินมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว

“แกล้งกันแบบนี้เดี๋ยวจะจับขังไว้ในห้องข่มขืนแต่ไม่ฆ่าไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันซักเดือนเลยดีไหม!"

หมอพูดแล้วทำสีหน้าหื่นๆ ผมเห็นแล้วก็กระดี๋กระด๋าครับ
เพราะไอ้ตี๋มันหน้าใสๆ ไร้สิวริ้วรอยเวลาหมอทำหน้าตาแบบนี้แล้วผมโคดชอบ น่ารักเป็นบ้า!

“ผมก็เป็นเด็กมีพ่อมีแม่นะคร้าบ!...เรื่องอะไรจะให้ทำง่ายๆ 5555”

ผมก็ต่อปากเล่นหัวกับไอ้ตี๋อ้นไป หมอก็กอดล็อคคอผมอย่างแกล้งๆ
เราสนทนากันด้วยความคิดถึงจนเดินถึงที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ไอ้ตี๋ก็เอาหมวกกันน็อคมาใส่ให้
ความรู้สึกตอนที่ไอ้ตี๋อ้นทำอะไรให้แบบนี้ มันช่าง...ดีงามเหลือเกินครับ

"กอดเอวแน่นๆ นะครับคุณวิน...กระผมจะพาทัวร์กรุงเทพแล้วครับ!"
"ไปกันเล้ย!!!"

ผมก็เล่นมุขตามไอ้ตี๋มันไปแบบขำๆ ครับเพราะอยู่กับหมอผมขอบอกว่าไม่เคยเครียด ไม่เคยเบื่อเลย
ถึงแม้ชีวิตคู่ของเราจะไม่ค่อยหวือหวา ร้อนแรง แต่บางครั้งคนเราก็ต้องการชีวิตที่สงบสุขแบบนี้แหละครับ

ตอนเข้าเรียนมหาลัยฯ ปีแรกๆ พ่อเทพ พ่อของไอ้ตี๋อ้นเคยซื้อรถยนต์ให้ลูกชายมาใช้งานที่กรุงเทพ
แต่พอเอามาขับจริงๆ หมอก็ได้รู้ว่ารถยนต์มันไม่คล่องตัวเพราะรถติดมากกกกกก!!!
ในที่สุดไอ้ตี๋อ้นเลยเอากลับบ้านแล้วเปลี่ยนมาขับมอเตอร์ไซค์คันเท่ห์ๆ คันนี้แทน

นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ไอ้ตี๋ไปตามท้องถนนร้อนๆ ในกรุงเทพมันช่างเป็นความรู้สึกที่น่าแปลกใจ
มันช่างแตกต่างกับการขับมอเตอร์ไซค์ที่ต่างจังหวัดลิบลับ

เพราะระยะทางก็ไม่ได้ไกลแต่รถดันติดหนึบหนับ! จนบางทีก็รู้สึกอึดอัดแทนคนขับเหลือเกิน
เพราะกว่าจะขยับได้ซักนิด กว่าจะเลื่อนไปหน้าได้หน่อย ก็เสียเวลานานเป็นสุดๆ
โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนของเมืองหลวง โดยเฉพาะตอนเช้า และตอนเลิกงาน

แต่ช่างเถอะครับ ถึงถนนรถจะเยอะดูวุ่นวายด้วยเสียงดังๆ ทั้งเสียงบีบแตรและควันรถฟุ้งก็เถอะ
เพราะตอนนี้ผมอยู่กับไอ้ตี๋อ้นแล้ว! ถึงจะลำบากมากกว่านี้ก็ยอมได้ครับ
ขับไปไอ้ตี๋ก็เอามือซ้ายมากุมมือผมไปด้วยตลอด แล้วบอกให้ผมกอดแน่นๆ นี่แหละครับความน่ารักของหมอล่ะ

ไอ้ตี๋อ้นพาผมซ้อนมอเตอร์ไซค์คันเท่ห์มาจนถึงห้างสรรพสินค้าเพื่อกินข้าวกัน
กินข้าวไปก็พูดคุยกัน มีแซว มีแกล้ง เล่าเรื่องต่างๆ ให้กันฟังไปตามประสาแฟนกัน

“เออน่าจะชวนไอ้ซันมันมากินข้าวด้วยนะ”
ผมถามถึงไอ้ซันซี้ของผมที่เคยเป็นหัวหน้าห้องตอนเรียน ม.ปลาย และถือว่าเป็นเพื่อนที่นิสัยดีน่าเคารพมากๆ
แต่ตอนนี้ท่าทางจะกลายเป็นซี้ของไอ้ตี๋อ้นไปซะแล้วเพราะทั้งเรียนและก็พักห้องเดียวกัน

“วันนี้ตอนเรียนก็ถามซันมันแล้ว...มันบอกตอนเย็นๆ ถึงจะกลับ”
“อ้าว!...แล้วมันไม่ได้อยู่หอเดียวกับอ้นแล้วเหรอ”
“อยู่นะ...ก็อยู่กับอ้นเหมือนเดิมแหละ...แต่เมื่อวานมันไปค้างกับแฟนมันน่ะ”
“อ้อ!”

ถึงจะย้ายห้องหลายครั้ง พวกมันก็ยักพักห้องเดียวกันมาตลอดไม่ทิ้งกันไปไหน
เพราะถึงจะมีเชื้อจีนทั้งคู่ แต่ก็เป็นเด็กอิสานคนบ้านเดียวกัน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อยู่ ม.1

เราก็คุยกันไปถึงเรื่องที่ไอ้ซันมันจะแต่งงานตอนเรียนจบ
เพราะป๊ากับม้าของไอ้ซันอยากจะอุ้มหลานไวไว

ทางครอบครัวแฟนมันก็ไม่ขัดข้องเพราะฐานะดีทั้งสองครอบครัว
ทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตา บุคลิคและนิสัยของไอ้ซันก็อีก ที่บ้านไหนก็อยากจะได้ไปเป็นเขย
พูดขึ้นมาแล้วก็คิดถึงมันจังครับ เพื่อนซี้ของผมคนนี้

แต่กินข้าวกันยังไม่ทันเสร็จเพื่อนของไอ้ตี๋อ้นที่มหาลัยฯ ก็โทรมาตาม

“ว่าไงมึง...กูกินข้าวกับเพื่อนอยู่...อ้าว!...เป็นวันจันทร์ได้ไหมวะพอดีเพื่อนกูพึ่งมาจากเชียงใหม่”
อ้นเริ่มทำหน้าเซ็งๆ

“ก็ให้ไอ้นพมันประชุมไปดิก็กูกินข้าวอยู่!...อ้าว!...แล้วทำไมต้องรอกูด้วยวะ!
...มันเป็นประธานชมรม...กูเป็นรองประธานนะเว้ย!"

ไอ้ตี๋อ้นเถียงไปตามสายแต่ถึงจะบอกว่าเถียงแต่น้ำเสียงหมอก็ค่อนข้างสุภาพน่าฟังไม่เปลี่ยน
"เออๆๆ...โอเคๆๆ...เดี๋ยวกูไปก็ได้!...หยุดๆๆ พอเลยมึงเดี๋ยวกูรีบไปแค่นี้นะ”

ผมได้ยินตลอดก็พอรู้ว่าไอ้ตี๋อ้นยุ่งจริงๆ เพราะหมอเป็นรองประธานของชมรม
ปีหลังๆ ผมได้ยินหมอบ่นๆ ให้ฟังตลอดว่ากิจกรรมแม่งโคดเยอะ!
พอวางสายเสร็จผมก็เห็นหน้าไอ้ตี๋อ้นเหมือนไม่ค่อยสบายใจ ดูก็รู้ว่าหมอกลัวผมโกรธ

อย่าทำหน้าบูดเหมือนตูดลิงดิ...ยิ้มหน่อยๆ 555”
ผมแกล้งพูดให้หมอขำไอ้ตี๋อ้นก็หัวเราะแหะๆๆแต่ดูยังไงก็ดูไม่เนียนครับ

“ถ้ามีประชุมสำคัญก็ไปเถอะ...เดี๋ยววินขอเดินดูของที่ห้างฯ รออ้นแล้วกัน”
ไอ้ตี๋ได้ฟังผมพูดอย่างนั้นก็ยิ่งทำหน้าลำบากใจ

“อ้นไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วง”
ผมพูดให้หมอรู้สึกสบายใจที่สุดไอ้ตี๋ก็ทำหน้าคิดๆๆ แล้วพูดว่า…

“งั้น...วินไปกับอ้นที่มหาลัยฯ ก็ได้นะ...อ้นไม่อยากให้วินอยู่คนเดียวอ่ะ...เป็นห่วง”
“จะห่วงทำไมคร้าบ!...ผมโตแล้วนะครับคุณภัทรพงศ์ อิอิอิ”
ผมแซวและเรียกชื่อเต็มๆ ของหมอ ไอตี๋อ้นก็ทำหน้ายิ้มๆ

“ไปกับอ้นดีกว่านะ...ปล่อยให้อยู่คนเดียวเดี๋ยวมีคนมาจีบ”
ผมฟังเหตุผลของหมอแล้ว ผมนี่โคดจะขำเลย 555
แต่ผมรู้ว่าไอ้ตี๋อ้นไม่ใช่คนขี้หึง หมอก็แค่พูดเพื่อให้ผมตามไปด้วยเท่านั้นแหละ

“แล้วไปได้แน่เหรอ...ไม่น่าเกลียดนะ”
“ไปได้ซิ...แฟนอ้นทั้งคน 555”
หมอพูดกระซิบจนผมยิ้มเขิน

“ไปก็ได้...แต่ที่เหลือเนี่ยกินให้หมดเลยนะ!”

ผมว่าแล้วตักของใส่จานข้าวให้ไอ้ตี๋ไปจนล้นจานเพื่อแกล้งหมอ
ไอ้ตี๋อ้นก็หัวเราะด้วยความตลกที่โดนผมแกล้ง

“พอแล้วๆ เต็มจานแล้วเนี่ย! 5555

เรากินข้าวกันไปก็พูดคุยหยอกล้อกันไปพอกินเสร็จผมก็ตามไอ้ตี๋อ้นไปที่มหาลัยฯ
ตั้งแต่ไอ้ตี๋อ้นมาเรียนที่นี่ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นครั้งแรกที่ผมเข้ามาถึงข้างในมหาวิทยาลัย
ซึ่งถือเป็นมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับต้นๆของประเทศ

ด้วยพื้นที่กว้างขวางอาคารเรียนทันสมัย ใหญ่โต และสวยงาม
ข้างหน้ามีป้ายคณะที่แสนจะเท่ห์น่าภาคภูมิใจ รู้สึกเหมือนกับว่าเราเป็นนักศึกษาของที่นี่ซะเองเลยครับ

แต่ถึงมหาลัยฯ ของไอ้ตี๋อ้นจะดูยิ่งใหญ่ ทันสมัย และน่าเรียนแค่ไหน
ผมก็ยังรักและประทับใจมหาลัยฯ ของผมอยู่ดีครับ

ผมตามไอ้ตี๋อ้นเข้าไปในห้องประชุม เพื่อนๆ ที่ชมรมของไอ้ตี๋อ้นก็กำลังประชุมกันอยู่ก่อนแล้ว
ประมาณสิบกว่าคนทั้งผู้ชาย ผู้หญิง

“นั่นไงไอ้อ้นมันมาพอดี!...เชี่ยอ้น!...กว่าจะมาได้นะเมิง!...โคดจะนาน!”

นักศึกษาปี 4 หน้าตาดี รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว น้ำเสียงที่สนทนาบ่งบอกความสนิทได้เป็นอย่างดี
คนในชมรมก็หันมามองผมกับไอ้ตี๋อ้นจนผมชักเขินๆ เพราะเป็นคนนอกนมหาลัยนี้

“วินนั่งรอก่อนนะ”
ผมก็หาที่นั่งอยู่ท้ายๆ โดยมีนักศึกษาหลายคนยังหันมามองด้วยความอยากรู้ว่าผมเป็นใคร

นักศึกษาปี 4 หนุ่มหน้าตาดี ใส่แว่นหนุ่มคนนี้บุคลิคมาดมั่นมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมแบบคนกรุงเทพ
หมอยืนอยู่หน้าห้องประชุมถามไอ้ตี๋อ้นด้วยความอยากรู้

“นั่นใครวะ!”
“เพื่อนกูเอง...พึ่งมาจากเชียงใหม่ที่กูบอกไอ้เอกทางโทรศัพท์ไงแล้วก็เป็นเพื่อนซี้ของไอ้ซันมันด้วย”
“นี่มึงเล่นพาเด็กมหาลัยฯ อื่นเข้ามาถึงนี่เลยเหรอไอ้อ้น! 555”
เพื่อนอ้นที่ชื่อเอกหนุ่มหน้าตาดีตัวสูงใหญ่พูดตลกๆ ดูนิสัยแล้วเป็นคนอารมณ์ดี

“อ้าวรู้จักกับไอ้ซันมันด้วยเหรอวะ!”
ส่วนคนใส่แว่นท่าทางฉลาดบุคคล่องแคล่วก็ถามแล้วหันมามองผมอย่างสนใจ

“เออ!...ก็เพื่อนกันหมดแหละ...นี่ถ้ามึงอยากรู้ประวัติของเพื่อนกู
...เดี๋ยวกูจะให้เพื่อนกูออกมาแนะนำตัวที่หน้าห้องประชุมซะเลยเอาไหม!”

อ้นเหมือนรำคาญความเจ้าระเบียบของหนุ่มใส่แว่น พอบทจะจริงจังก็ออกแนวดุๆ
จนทำเอาเพื่อนคนอื่นๆ หัวเราะกันเป็นที่ฮาๆ กันไปครับ

“ถามแค่นี้ทำเป็นมีอารมณ์นะสาดอ้น!...มีเพื่อนน่ารักๆ ทำเป็นหวงถามนิดถามหน่อยไม่ได้
....เอ๊ะมันชักยังไงแล้วเนี่ย!…กูหลบตีนแป้บ! 555”

เพื่อนอ้นที่ชื่อเอกพูดจาตลกคะนองจนคนอื่นๆ รู้สึกสนุกตามไปด้วย
เห็นแล้วไม่ได้รู้สึกเครียดเลยครับ

“เชี่ยเอก!...แม่งเลิกเล่นซะที!”
หนุ่มใส่แว่นตาผมเริ่มรู้แล้วว่าชื่อ “นพ” เป็นประธานชมรม
ทีนี้ทุกคนถึงได้เริ่มเข้าสู่การประชุมกันได้

คณะที่อ้นเรียน ผมก็ได้เรียนบางวิชาที่เป็นวิชาสำคัญแต่ขอบอกว่าไม่ใช่ทางของผมเลย
เพราะตอนสอบผลคะแนนออกมาก็เส้นยาแดงผ่าแปด! แต่ดันได้แฟนที่เรียนเอกคณะนี้

เสียงตอนประชุมฟังดูโหวกเหวกในตอนแรก
เหมือนเป็นการถกเถียงกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปให้เป็นกลางและยุติธรรมมากที่สุด

ผมนั่งฟังไปก็แปลกดีครับ เพราะรู้สึกว่าทำไมต้องจริงจังเป็นงานเป็นการขนาดนี้ด้วย
เพราะแต่ละคนก็ยังเป็นนักศึกษากันอยู่ทั้งนั้น ไม่ใช่การทำงานซะหน่อย

แต่นั่งฟังไปผมก็เริ่มฟังด้วยความสนใจและตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมแฟนผมหมอไม่ค่อยว่างเลยจริงๆ
ยิ่งเมื่อถึงเวลาที่อ้นยืนขึ้นพูดหน้าห้องประชุม ด้วยบุคลิกที่ดูน่าเชื่อถือ
ไม่ได้ดูเครียดจนเกินไปเหมือนประธาน ไม่ได้ตลกโปกฮาเหมือนเอกที่เป็นรองประธานอีกคน
แต่กลับดูเป็นกันเอง ฟังสบาย

น้ำเสียงอ้น ไม่ดังมากไป ไม่เบาเกินไป คือกำลังนุ่มทุ้มน่าฟัง
ด้วยคำพูดที่น่าเชื่อถืออ้างอิงตามหลักวิชาการ บวกกับทักษะในการอธิบายดูน่าเชื่อถือ
ทำให้เพื่อนๆ นั่งฟังไปพยักหน้าไป บ้างก็ยกมือซักถาม ไอ้ตี๋อ้นก็ตอบไปจนได้ข้อสรุป

ตอนนั้นกลายเป็นผมที่มีความรู้สึกว่าไอ้ตี๋อ้นมันช่าง

"โคดๆๆๆๆๆๆ!!!...จะเท่ห์" แบบสุดๆ ไปเลย!

พอการประชุมจบลงก็ได้ข้อสรุปในเรื่องที่ประชุมกันในวันนี้
เสียงปรบมือก็ดัง ผมก็เผลอปรบมือให้แฟนตัวเองตามไปด้วย
น่าภาคภูมิใจในความสามารถของแฟนผมจริงๆ ครับ

วันนี้มีโอกาสได้มาฟังหมอพูดเนื้อหาที่ว่ากันว่า "เข้าใจยาก!"
และดูเยอะแยะหยุมหยิมแล้วก็กลายเป็นว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัวและฟังได้เข้าใจง่ายๆ
โดยไม่ได้รู้สึกว่าน่าเบื่อเหมือนตอนเรียนที่มหาลัยฯ ซักนิด

เมื่อประชุมเสร็จสมาชิกชมรมก็ต่างทยอยเดินออกจากห้องไป
ผมกับอ้น และเพื่อนๆ อ้นที่เป็นประธาน รองประธาน คนอื่นๆ ก็เดินตามกันไปที่จอดรถ
ตอนนี้ได้มายืนใกล้ๆ ได้จับมือทักทายกันอย่างมีไมตรีจิต
จึงได้เห็นรูปร่างหน้าตา และนิสัยของแต่ละคนได้ชัดขึ้น

หนุ่มๆ ที่เป็นเพื่อนอ้น 3 คน หน้าตาดีทุกคน หน้าตาผิวพรรณเหมือนลูกคนมีตังค์
สำเนียงเสียงพูดฟังดูฉะฉาน บุคลิกดี มีวาทะศิลป์ในการพูดชั้นยอดกันทุกคน
ซึ่งเด็กมหาลัยฯ ที่ต่างจังหวัดอย่างผมเห็นแล้วก็ยังอดทึ่ง

“พวกมึงนี่วินเพื่อนกูเอง...วินนี่เพื่อนเรา...คนนี้ไอ้นพ...นี่ไอ้เอก...นั่นไอ้เก้า”

อ้นแนะนำผมกับเพื่อนๆ ให้รู้จัก เสียงของหนุ่มๆ ทั้งหลาย ทักทายผมหน้าตายิ้มแย้มเป็นกันเอง
เด็กกรุงเทพนี่พอได้มาสัมผัสวงในแบบใกล้ๆ ยิ่งนึกชื่นชมครับ
เพราะบุคลิกดี คล่องแคล่ว กล้าพูด กล้าทำ มีความมั่นใจในตัวเองเต็มเปี่ยม

ชมรมนี้มีกลุ่มระดับหัวกะทิหลายคน
นพ-หนุ่มหน้าตาดีใส่แว่น เป็นประธาน หุ่นดี ผิวขาว มาดนิ่งๆ
เอก-รองประธานอีกคน ที่หน้าตาดี ตัวสูงใหญ่ แข็งแรง อารมณ์ดีและขี้เล่น
เก้า-หนุ่มหน้าดี หุ่นดี ผิวสองสี ยิ้มได้ตลอด นานๆ ถึงจะเห็นเขาพูด

“ฝากบอกไอ้ซันด้วยว่าอย่าติดแฟนให้มันมากนัก!
...ถ้าคืนนี้ไม่มาบอกมันว่ากูจะแย่งแฟนมันเป็นการทำโทษ! 555”

เอกบอกไอ้ตี๋อ้นตามประสาผู้ชายที่มีอารมณ์ขัน

“เออ!...รับรองพวกมึงได้เจอมันแน่ไม่ต้องห่วง!”
อ้นบอกเอก นพก็หันมาคุยกับผม

"คืนนี้ไปด้วยนะวิน...จะได้คุยกัน"
"ได้ๆ แล้วเจอกันครับ"
"เฮ้ย!...จะมาครับทำไมว้า!...เพื่อนกันทั้งนั้น!"
เอกยังคงเจ้าคารม อารมณ์ดีเหมือนเคยครับ ผมก็ยิ้มๆ อย่างรู้สึกสนุกไปกับนิสัยเขาด้วย

แล้วหนุ่มๆ ก็โบกมือลาและแยกย้ายกันไป
ตอนนี้ท้องฟ้าที่เริ่มมืด เมฆเป็นสี แดง ส้ม เทา ฟ้า เห็นได้จากทางทิศตะวันตก
ลมเริ่มพัดเย็นๆ สบายๆ ในตอนที่ผมซ้อนท้ายไอ้ตี๋อ้นออกนอกมหาลัยฯ

ราซ้อนมอเตอร์ไซค์กันไปก็พูดคุยกันหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน
ตลอดสองข้างทางที่ออกมาจากมหาลัยฯ ก็ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สองข้างถนนทอดยาวตลอดทาง
สายลมที่เริ่มพัดเย็นสบาย เมื่อได้มาอยู่กับคนที่เรารักแบบนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมากครับ

ขับมอเตอร์ไซค์ไม่น่านก็ถึงหอของไอ้ตี๋อ้นที่อยู่ไม่ไกลมหาลัยฯ นัก
หมอก็เปิดแอร์ เปิดทีวี แล้วเอาน้ำเย็นๆ ในตู้เย็นมาให้

“อ่ะกินน้ำก่อน...นั่งให้หายร้อนซักพักแล้วค่อยไปอาบน้ำนะเดี๋ยวไม่สบาย”
ไอ้ตี๋บอกแล้วเอามือเสยผมลูบหัวผมไปมา พร้อมยิ้มอ่อน
ผมกุมมือไอ้ตี๋อ้นไว้แล้วหอมมือแฟนแรงๆ ไอ้ตี๋ก็ยิ้มๆ ขยี้หัวผมเล่นไปมา

ผมกินเสร็จหมอก็กรอกน้ำกินต่อผมก็ชมเปาะ...

“วันนี้อ้นเท่ห์มากๆ เลยนะรู้ป่าว”
ไอ้ตี๋อ้นได้ยินก็ลูบหัวผมถามยิ้มๆ

“หือ...เรื่องอะไรคร้าบ”
ไอ้ตี๋อ้นกินน้ำหมดแก้วก็เช็ดปากแล้วถามยิ้มๆ

“ก็ตอนที่อ้นประชุมที่ชมรมกับเพื่อนไง...อ้นดูดีมากๆ เลย...วินทึ่งมากๆ เลย!”
ผมพูดแล้วมองตาและปากที่น่าจุ้บของไอ้ตี๋อ้นยิ้มๆ

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ...เขินนะเนี่ย 555”

ไอ้ตี๋อ้นก็ยิ้มตาตี่อย่างอายๆ แต่ขอบอกว่าหน้าตาหมอใสและหล่อน่าจุ้บมากๆ ครับ
ตอนนี้ผมพึ่งสังเกตว่าอ้นเล็บยาวมากจึงเอามือหมอมาดู

“เล็บยาวแล้วนะเนี่ย”
“ก็อ้นยุ่งๆ อ่ะ...เลยไม่มีเวลาตัด...แต่ไม่ได้มีขี้เล็บเลยนะ 5555”
หมอพูดซะผมตลกตามเลยครับ ก็อ้นออกจะสะอาด ถึงเล็บดำก็รักอยู่ดีแหละ อิอิ

“งั้นไปหาที่ตัดเล็บมา...เดี๋ยวตัดให้”
ไอ้ตี๋อ้นก็ยิ้มร่าดีใจที่มีคนมาบริการ

พอได้ที่ตัดเล็บแล้วผมก็ไปนั่งคล่อมข้างหลังของหมอเอาเล็บมือข้างขวามาตัดก่อน
ตอนนี้เห็นหน้าอ้นชัดๆ คิ้วหมอยังดกเข้ม แววตาอ่อนโยน จมูกสวย ปากสีสดน่าจูบ
และมีไรขนอ่อนๆ ที่ริมฝีปากไม่เปลี่ยน ไรขนอ่อนๆ ที่ผมคิดถึงเสมอ

ทั้งแขน ขา ของผมกอดรัดข้างหลังไอ้ตี๋อย่างมีความสุขที่ได้ทำให้หมอ
กอดแล้วก็หอมแก้มดังฟ้อด!

"คิดถึงมากเลย"
หมอก็ยิ้มสดใสหันมามองหน้าผม

“อ้นดีใจมากเลยนะที่วินมาหา”
หมอเริ่มอ้อน ผมก็ยิ้มๆ แล้วเริ่มจัดการเล็บให้หมอไปทีละนิ้ว
เสียงตัดเล็บดัง แกร๊กๆๆๆ! ไปพร้อมเสียงพูดคุยของเราสองคนที่ฟังดูกระหนุงกระหนิง
มันคือเวลาแห่งความสุข และอบอุ่น

ผมตัดเล็บไป ไอ้ตี๋ก็จะเอามืออีกข้างมาจับแข้งขาบีบนวดเบาๆ ไป
จนนั่งๆ ไปไอ้ตี๋อ้นก็เริ่มหันมามองผมนิ่งๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่บอกก็รู้ได้ ว่าหมอกำลังมีความต้องการ

ตอนนี้ลมหายใจอุ่นๆ ของไอ้ตี๋เริ่มร้อนผ่าวกระทบแก้มผม จนผมเองก็เริ่มตัวร้อนขึ้นไม่ต่างกัน
ทีนี้ผมก็ได้เห็นสีหน้าของหมอที่จ้องนิ่งอยู่ที่ปากผมนิ่งๆ เหมือนอยากชิมสุดๆ
ผมเองก็เริ่มมองไรหนวดอ่อนๆ ของไอ้ตี๋กับเรียวปากเป็นกระจับน่าจูบ

จนผมตัดเล็บให้หมอครบทุกนิ้ว ไอ้ตี๋ก็เริ่มโน้มหน้าเข้าหาผมช้าๆ…
จนกระทั่งลมอุ่นๆ จากจมูกกระทบที่ปากผมใกล้ยิ่งขึ้น ผมก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป!

เมื่อริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกัน มันคือความซาบซ่านผสมกับความอบอุ่นละมุนละไม
ปากของอ้นพรมจูบที่ปากผมจากช้าๆ สัมผัสเบาๆ แต่สนิทแน่น
จนเขาเริ่มบดปากผมแรงขึ้นๆๆๆ!!! ตามธรรมชาติที่เรียกหาของเราสองคน

ตอนนี้ผมหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข เสียว ซาบซ่าน!
ปล่อยอารมณ์ไปตามความต้องการของร่างกายโดยไม่ยึดยื้อให้เสียโอกาสอีกต่อไป

ลิ้นและปากของไอ้ตี๋อ้นฉกลึก ซอกซอน ลุกล้ำอยู่ในร่องปากของผมอย่างเร่าร้อน
โดยที่ผมเองก็ยินดีอ้ารับในความหวานมันของปากไอ้ตี๋เพราะผมก็รอวันนี้มานาน!

ร่างกายเราสองคนเริ่มร้อนวูบวาบตามความต้องการของกันและกัน
มือของผมและไอ้ตี้เริ่มบีบรัดปลดกระดุมของอีกฝ่ายด้วยความหิวโหย!

ในขณะที่ปากของเราสองคนยังบดใส่กันด้วยสัมผัสที่สุดจะบรรยายว่าต้องการกันมากแค่ไหน
ผมรู้สึกได้ว่าตอนนี้ไอ้ตี๋อ้นคงไม่อาจทนความต้องการทางธรรมชาติที่ต้องการได้อีกต่อไป
ไอ้ตี๋อ้นก็ผลักผมนอนลง แล้วประกบปากจูบไซ้ผมอย่างเร่าร้อน

“อือออ!...อา!...จ๊วบๆๆๆ!!!”

ผมเองที่เป็นฝ่ายหลับตาครางกระเส่าอย่างมีเป็นสุข
เพราะรสปากผู้ชายกี่คนก็ไม่หวานละมุนเท่าไอ้ตี๋อ้นอีกแล้ว

สองแขนผมกอดรอบคอไอ้ตี๋อ้นแน่นเหมือนกลัวว่าหมอจะหนีหายผมไปไหน
ปากเซ็กซี่ของไอ้ตี๋เริ่มพรมจูบผมอย่างร้อนแรง!
ในขณะที่ของอ้นเริ่มทำการถอดเสื้อผมออกแล้วอ้นก็ดูดเลียที่ยอดอกผมจนหลับตาครางอย่างกระสันต์!

“ซี้ดดด!...อา!...อ้นคร้าบบบ!...เสียว!”

ผมเสียวจนต้องกอดหัวอ้นแน่นๆ ปากสีสดอุ่นๆ ของแฟนผม
ไอ้ตี๋จากที่ดูดเลียเบาๆ ก็เริ่มดูดคลึงหัวนมผมแรงขึ้นๆ ตามอารมณ์ที่เริ่มเร่าร้อน!

ระยะเวลานานเป็นเดือนๆ แล้วได้มาร่วมรักกับแฟนของเรานั้น
ขอบอกว่ามันคือความสุขสุดยอด ที่ยากจะอธิบาย!
ตอนนี้เสื้อผมถูกถอดออกจากตัวปล่อยให้อ้นดูดเลียตามตัวจนต้องครางหงิงๆ ไปเลย!

แต่แล้วขณะที่เรากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่นั้นก็มีคนมาเคาะประตูห้องซะก่อน!!!

ก๊อกๆๆ!!!

“อ้น!...เปิดประตูหน่อย!”
นั่นมันเสียงของไอ้เชี่ยซันนี่ครับ

ผมกับไอ้ตี๋อ้นรีบจัดแจงใส่เสื้อผ้าอย่างไวพร้อมกดอารมณ์ที่กำลังกระพือโหมให้หยุดลงชั่วคราว

"ไอ้เชี่ยซัน!!!...ไอ้เพื่อนไม่รู้เวล่ำเวลา!!!!!!" ผมด่ามันในใจ 5555

ไอ่ตี๋อ้นเองก็มองหน้าผมยิ้มๆ อย่างขันๆ แล้วหมอก็ไปเปิดประตูให้รูมเมทด้วยอาการฝืนใจสุดๆ!.......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น