วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 54 เกือบเจอดีแล้วมั๊ยละไอ้อี้ ไอ้เพื่อนปากดี

พอกลับมาเรียนผมก็ใช้ชีวิตไปตามที่เคยเป็นอ่ะครับ
ตื่นเช้ามาก็อาบน้ำแต่งตัวไปเรียน ไปเจอกลุ่มเพื่อนๆ ของผม
อันมีไอ้นิวไอ้ท็อป ไอ้นาย และไอ้โดโด้
ก็สนุกสนานเฮฮาไปตามประสากลุ่มเพื่อนๆอ่ะครับ
ในช่วงเรียนก็จะมีทั้งเรื่องหลีหญิง(เพื่อนผมนะไม่ใช่ผม)ตามประสาผู้ชายหน้าหม้อชีกอทั่วๆไป
บางทีผมก็เล่นกะพวกมันไปบ้างคือจะประมาณแซวๆ นิดๆ หน่อยๆ
ประมาณว่าตามน้ำอ่ะนะไม่งั้นเป็นโดนสงสัยแหงมๆ 5555
แต่เพื่อเป็นการเซฟตัวผมเองผมก็จะทำตัวเป็นผู้ชายประเภทเรื่องมาก
และเลือกมากหวังสูง อะไรประมาณนั้น
และอ้างเสมอว่าถ้าไม่สวยเริ่ดเพอร์เฟ็ค ผมเป็นไม่คุยด้วยแน่ๆ  
อันนี้ก็เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้พวกเพื่อนๆของผมไม่ค่อยมีใครสงสัยตัวผมเท่าไหร่
ทั้งๆที่ใจผมจริงๆ น่ะ อยากจะบอกพวกมันแทบตาย ว่าที่กูไม่มีแฟนซะที่น่ะ
“เพราะกูชอบผู้ชาย” 5555
แต่หยุดเลยครับหยุดๆๆๆ !!! ขืนพูดไปเป็นจบเห่อ่ะครับคงเสียเพื่อนชัวร์ๆ
ในขณะที่เพื่อนของผมสองในสี่มีแฟนสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ก็ไอ้ท็อบกับไอ้โดโด้ นั่นงัยครับ แม่งไวไฟชิบหาย! เรียนยังไม่ทันครบเทอมเลย
ดอดไปมีแฟนซะแระแถมมาทำให้เพื่อนฝูงลำบากต่อการต้องมาคอยตอบคำถามคนอื่นๆ อีก ว่า
“เพื่อนมีแฟนแล้วพวกผมน่ะเมื่อไหร่จะมีซักที”
ใจน่ะอยากจะด่าตะเพิดพวกมันไปวันละหลายตลบว่า
“กูน่ะมีแฟนแล้วโว้ย! หล่อและดีขั้นเทพอีกตะหาก ไม่อยากคุย!”
5555แต่ก็อีกนั่นแหละครับ ลองได้บอกไปซิ ก็จบเห่อีกนั่นแหละ เฮ้อ!
การเป็นผู้ใหญ่นี่ก็ลำบากใจจังเลยเนอะต้องมาคอยสร้างภาพ น่ารำคาญ!
ตอนเรียนม.ปลาย ก็พอจะอ้างได้ว่าต้องตั้งใจเรียน(ตรงไหนไม่ทราบ 5555)
กับซ้อมวงโยฯ แต่ตอนนี้ล่ะจะอ้างอะไรดีน้อ
นอกจากทำตัวเป็นคนจำพวก“ช่างเลือก และเรื่องมาก” กันต่อไปคิดแล้วเหนื่อยว่ะ
แต่ดีหน่อยที่ในบรรดาเพื่อนผมสี่คนสองคนอย่างไอ้นิวกับไอ้นาย
ไอ้สองคนนี่ยังไม่คิดจะมีหญิงให้วุ่นวายและหนักสมอง
พอถามไอ้นิวมันก็จะตอบคำเดียวว่า“กูยังไม่อยากมี”
คำเดียวแต่ชัดๆ และได้ใจความดีครับ 5555
ผมรู้เหตุผลของไอ้นิวมันดีครับคือมันเป็นคนไม่ค่อยอะไรกับใครอยู่แล้ว
ดูๆไปเหมือนเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงอ่ะครับ วันๆ สนใจใครที่ไหนนอกจากเพื่อนๆ
กับ“หนังสือกาตูน” ที่มันถึงขั้นติดและบ้าเอามากๆ
บ้าไม่บ้าไม่รู้นะแต่ถึงกำหนดวางตลาดวันไหน
มันต้องไปนั่งรอเขาเปิดร้านกันเลยทีเดียว5555 เอากะมันดิ
เรื่องความรักความชอบนี่ก็ว่ามันไม่ได้หรอกครับ
เพราะของชอบของผมก็คือ“ผู้ชาย”ยังไม่มีใครกล้ามาว่าผมเลย5555
ส่วนไอ้นายก็จำพวกเด็กเรียนอ่ะนะวันๆ เอาแต่ก้มหน้างุดๆ อยู่แต่กับตำรา
ถ้าจะหาตัวมันล่ะก็รู้ไว้เลยครับว่าต้องไปหามันที่ห้องสมุด 5555
เพราะไอ้นี่มันนอกจากจะเรียนเก่งแล้วยังบ้าเรียนโคดๆ
ส่วนเหตุผลของมันอีกข้อก็คือมันดันเป็น “ความหวังของหมู่บ้าน”น่ะสิครับ 5555
อันนี้ไม่ได้ล้อเล่นนะครับเรื่องจริงเพราะหมู่บ้านมันน่ะค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมืองเอามากๆ อยู่
จนเกือบจะติดชายแดนสปป.ลาวโน่น
ด้วยความที่มันเป็นคนซื่อๆออกจะเซ่อหน่อยๆ ตอนที่มันแนะนำตัวเองครั้งแรก
มันดันเล่าถึงหมู่บ้านมันที่ค่อนข้างจะอยู่ห่างไกลความเจริญ
เป็นเหตุให้เพื่อนๆหลายคนหัวเราะมันอย่างตลกอ่ะครับ
คงจะหาว่ามันเป็นเด็กบ้านนอกขาดความเจริญอะไรประมาณนั้นอ่ะนะ
แต่ก็มีผมกับไอ้พวกสามตัวนั่นแหละที่ไม่ได้คิดอย่างนั้น
ก็ผมเองก็ไม่ได้วิเศษมาจากไหนนี่ครับ
เพราะผมก็มาจากจังหวัดเล็กๆถ้าให้เดาใครๆ หลายคนอาจจะนึกไม่ออกเสียด้วยซ้ำ
เลยไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่อยู่นอกตัวมากกว่าจิตใจอ่ะครับ
เพราะการที่เราคบใครซักคนจิตใจสำคัญที่สุดครับ
พอออกจากห้องผมกับพวกไอ้นิวไอ้ท็อบ และไอ้โดโด้ เลยเข้าไปให้กำลังใจมัน
และนั่นเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เราห้าคนเป็นเพื่อนซี้กันในเวลาต่อมา
ตรงกันข้ามผมออกจะสนใจชาติกำเนิดและหมู่บ้านของมันเสียด้วยซ้ำ
เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวและอุทยานแห่งชาติที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง
ก้อผมมันคนชอบเที่ยวนี่ครับส่วนเจ้านี่ก็เป็นคนจำพวกรักจังหวัด รักบ้านเกิด
เลยทำให้ผมกับมันสามารถคุยกันได้ถูกคอเป็นนานสองนาน
จนไอ้นายมันคงจะเห็นว่าผมสนใจในถิ่นกำเนิดของมันจริงๆ
เลยออกปากชวนผมและเพื่อนคนอื่นๆให้ไปเที่ยวบ้านมันกัน
พวกเราก็ตอบตกลงทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าจะได้ไปกันหรือป่าว
แต่ใจผมน่ะอยากไปชมพระธาตุแช่แห้งวัดภูมินทร์ วัดช้างค้ำ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน
เสาดินนาน้อยดอยภูคา ฯลฯ และสถานที่ต่างๆ อีกมากมายที่มีอยู่ในจังหวัดน่าน
เฮ้อน่าดู น่าไปเที่ยวทั้งนั้นเลยอ่า
แต่เรื่องการเรียน เรื่องเพื่อน ก็ไม่ทำให้ผมหนักใจเท่าไหร่หรอกครับ
แต่เรื่องไอ้อี้นี่ดิครับ เฮ้อ! คิดๆ ไปจะไหวมั๊ยเนี่ยตู
ลำพังเป็นคนจำพวกชอบผู้ชายแต่ไม่ร่านเท่าผมก็คงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสบายอ่ะนะ
แต่นี่ดันมาเป็น ไอ้วิน นี่ครับ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าดีกรีความร่านน่ะหนักหนาสาหัสแค่ไหน
ไหนจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับมันสองคน อีกตั้งครึ่งค่อนชีวิตอีก
คิดดูว่าผมจะลำบากแค่ไหนเพราะตอนอยู่ในห้องด้วยกัน มันก็จะทำตัวสุดแสนสบาย
ใส่แค่บ็อกเซ่อร์ตัวเดียวเดินโทงๆไปมาทั่วห้อง เห็นแล้วใจคอไม่ดีอ่ะครับ หึๆๆๆ
ก็จะไม่ให้ผมใจร้อนเป็นไฟได้ยังงัยล่ะครับก็นับวันไอ้อี้มันก็หล่อเอ๊า! หล่อเอา!
เวลาเห็นอยู่ไกลๆหน้างี้หล่อโดดเด่นมาแต่ไกลเลยอ่ะ โหๆๆๆ
ดวงตาแม่งก็ชวนฝันชิบหายคิ้วแม่งก็เข้มๆ จมูกโด่งๆ ปากแม่งก็ได้รูปน่าดูดชะมัดยาด  
เห็นแค่นี้บอกได้คำเดียวว่าเสน่ห์สยบเพศตรงข้ามและเพศที่สามได้ชงัดนักล่ะ
แถมมันยังเป็นผู้ชายที่มีผิวสวยมากๆไม่ได้ขาวนะ
แต่จะเป็นคนผิวสองสีและช่างดูนวลเนียนน่าลูบโคดๆ
โฮๆๆๆ!!!  กูไม่น่าเป็นเพื่อนกับมึงเล้ย! ผับผ่าซิ จะได้ฟันแล้วทิ้ง 5555
ตัวมันก็สูงตั้ง180 เซนต์ หุ่นแม่งก็น่าฟัดชิบหาย ไหล่กว้าง อกแน่น
หน้าท้องแบนราบน่าดูชมขนหน้าท้องก็ขึ้นพองามเห็นแล้วเซ็กส์โคดๆ
ส่วนต้นขารึก็ใหญ่และแน่นเปรี้ยะ! เวลามันใส่กางเกงขาสั้น
เห็นแล้วอยากเข้าไปกัดสุดๆเลยอ่ะ (นี่กูบ้าไปป่าววะอยากฟันเพื่อน 5555)
ถึงแม้ว่ามันจะปากหมาไปหน่อยจนเกือบจะมีเรื่องหลายทีก็เหอะ
ส่วนใหญ่ก็เรื่องหญิงและความเก่งกล้าเกินตัวที่ดันไปแกว่งปากหาเสี้ยนทั้งนั้น
แต่เชื่อมั๊ยครับอย่างนี้แหละที่สาวๆ น่ะชอบ!
“ดูเป็นฮีโร่ดี”  อันนี้มันบอกผมเองนะ
เพราะผู้ชายที่ทำตัวเรียบๆร้อยๆ น่ะ สาวๆ ไม่ค่อยสนหรอก
แต่ถ้าหน้าหล่อแล้วยังปากหมาปากไว อย่างไอ้อี้นี่ดิ พิมพ์นิยมเลยเชียว 5555
แต่จนแล้วจนรอดสาดอี้มันก็เลือกไม่ได้ซักทีว่าจะเอาสาวไหนมาทำแฟนเป็นตัวเป็นตน
เพราะตอนมันเรียนอยู่โรงเรียนเก่ามันก็เปลี่ยนหญิงแทบจะทุกๆ สองเดือน
อย่างวันนี้ก็เหมือนกันพอผมกลับมาจากอาบน้ำ ก็เห็นมันนอนอ่านหนังสือกาตูนแบบสบายๆ
ก็เล่นนอนหงายอ้าซ่าอยู่บนเตียงโชว์ห่อหมกเป็นก้อนๆเลยนี่ครับพี่น้อง 5555
แม่งเห็นแล้วตาโตเลยครับถ้าไม่คิดว่าเป็นเพื่อนล่ะก็นะ ฮึ่ม!
จะจัดการบ๊วบซะให้น้ำแตกกันไปข้างเลยมึง5555
พอมันเห็นว่าผมเข้ามาให้ห้องมันก็หาเรื่องทางวาจาทันทีเลยครับ
“เฮ้ยสาดวิน มึงไปอาบน้ำหรือชักว่าวในห้องน้ำกันแน่วะแม่งนานชิบ กูนึกว่ามึงตกส้วมตายซะแล้ว”
“ไอ้เชี่ยนิ แม่งปากเสีย!”
ไม่ด่าเปล่าครับเพราะผมปามันด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กที่พันคอเอาไว้
อย่างกะมือโปรแน่ะครับเพราะตรงเป๊ะ ฟาดผั๊วะเข้าที่หน้ามันพอดีเลย 5555
“แหวะ! สาดนี่ผ้าเปียกๆ เอามาเขวี้ยงใส่หน้ากูยี้! หน้ากูจะเป็นสิวมั๊ยวะเนี่ยแหยะ!”
โถๆๆวอนตีจริงนะมึง นี่ถ้าเป็นหญิงนะเขาเรียกว่า “สะดิ้ง” หรือสะตอฯ ครับ 5555
แต่จะว่าไปพอมันทำก็ดูน่ารักดีครับ5555
“เชี่ยนิพอทีเหอะมึง เห็นแล้วน่าเตะชิบหาย!”
ผมเท้าสะเอวด่ามันฉอดๆๆๆๆยังกะคู่ผัวตัวเมียที่อยู่กันมานานๆ เลยครับ
คิดสภาพแล้วก็ขำๆดี
“ก็กูหิวข้าวนี่หว่ามึงน่ะผิด อาบน้ำนานโคดๆ” ลากเสียงยาวอย่างตลกๆ
“เออๆๆ เสร็จแล้วนี่ไงโว้ยแล้วเนี่ยใจคอมึงจะใส่บ็อกเซ่อร์ไปกินข้าวข้างนอกเหรอวะ
รู้จักอับอายซะบ้างหนังหน้าน่ะอย่าให้มีไว้หลอกสาวอย่างเดียวหัดให้มันมียางซะมั่ง”
“ไม่เห็นน่าเกลียดแมนดีออก”
มันยักไหล่อย่างไม่ยี่หระอ่ะครับเชื่อมันเลย เฮ้อ!
พูดกับมันทีไรผมล่ะอารมณ์เสียทุกที
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีดีอยู่บ้างครับเพราะมีคนมาต่อปากด้วยไม่งั้นเป็นได้เหงาตาย
แต่พอเอาเข้าจริงๆมันก็ไม่กล้าใส่แค่บ็อกเซ่อร์หรอกครับก็คนมันออกจะชอบสร้างภาพนี่ครับ
โดยเฉพาะต่อหน้าสาวๆ เพราะมันเปลี่ยนเป็นใส่กางเกงบอลสีขาว
กับเสื้อกล้ามสีน้ำเงินเข้มแทน
ขาวกะน้ำเงินตัดกับผิวสีแทนเนียนสวยของมันได้ดีชิบป๋ง
จนผมเผลอมองด้วยความปลื้มๆอ่ะครับ
แม่งเอ๊ย! หุ่นดียังไม่พอนะมึง ผิวสวยอีกตะหากผมคิดในใจ
พอไปถึงร้านข้าวก็มีเด็กนักศึกษานั่งกินกันเต็มเลยครับ
และมันกับผมก็เป็นเป้าสายตาของหญิงได้ดีอีกตามเคย
เพราะเห็นสาวๆมองมาที่พวกเราแล้วจ้องเขม็งแล้วยิ้มๆ มีเสียงแว่วๆ ประมาณว่า
“ว้าย! หล่อจัง”แว่วๆ นะครับแว่วๆ
แล้วชีๆทั้งหลายก็หัวเราะกันคิกคักกันแบบมีจริตอ่ะ
โถๆๆถ้าให้กรี้ดกร้าดได้พวกแม่คุณเธอทั้งหลายคงจะทำไปแล้วมั๊งผมว่า
(เก็บอาการหน่อยโว้ย! เดี๋ยวเขาก็รู้กันหรอกว่ามึงน่ะแอ๊บ5555)
ไอ้เจ้านี่ก็ใช่ย่อยที่ไหนล่ะเห็นเล่นหูเล่นตาซะจนแทบจะครบแปดทิศแล้วนะนั่น
และวันนั้นก็เกือบเป็นอีกวันที่โดนเลขเด็ดอ่ะครับ
เลขเด็ดที่ว่าเป็นเบอร์รองเท้านะครับมีตั้งสามคู่แน่ะ คิดขึ้นมาแล้วสยอง!
เรื่องของเรื่องก็คือไอ้ตัวดีมันดันไปปิ๊งสาวน้อยหน้าตาสะสวยคนนึงเข้าอ่ะดิครับ
หน้าชีอย่างเด้งอ่ะสวยดีครับ ผิวขาว ผมยาว แถมหุ่นก็ดีอีกตะหากอ่ะ
เห็นแล้วผมยังอดชื่นชมชีไม่ได้เลยครับ
แต่พอมองไปนานๆแม่คุณก็ใช่ย่อยเสียที่ไหน เล่นหูเล่นตากับไอ้อี้แบบไม่ลดละเลยอ่ะ
จนในที่สุดไอ้ตัวดีมันก็อดใจไม่ไหวครับมันแค่หันมาบอกผมคำเดียว
“มึงกินคนเดียวนะ” แล้วก็ลุกไปเฉยเลย
“อ้าวเฮ้ย!”
ผมพูดได้แค่นั้นมันก็ไปนั่งแหมะกับสาวน้อยหุ่นอ้อนแอ้นด้วยความมาดมั่นในหน้าตาและหุ่นมันเต็มที่
“ไอ้หน้าหม้อ!” ผมด่ามันใจใจอย่างหมั่นใส้อ่ะครับ5555
พอมันไปนั่งร่วมโต๊ะกับสาวเจ้าได้ซักพัก
ก็ได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกกันเป็นที่อิจฉาของคนทั่วไป
เจอกันแป๊บเดียวทำเหมือนสนิทสนมกันมาเป็นชาติแน่ะไอ้เวร! (อิจฉาอ่ะ)
หนุ่มก็หล่อสาวก็สวย ใครๆ ก็อดชื่นชมและตาร้อนไม่ได้
ไอ้ผมน่ะไม่ได้รู้สึกแปลกใจหรอกครับเพราะตอนอยู่โรงเรียนเก่ามันก็อย่างี้แหละ
อยู่กับมันจนรู้นิสัยมันหมดเปลือกแล้วก็ว่าได้
เลยอ่านหนังสือพิมพ์รอผัดกระเพราหมูกรอบที่สั่งไว้เลยไม่ได้สนใจมันอีก
แต่ยังไม่ทันได้กินข้าวเลยครับงานก็เข้าจนได้
เพราะหันไปอีกทีก็ได้ยินเสียงของบางอย่างทุบโต๊ะดังปั้ง!
จนคนทั้งร้านหันไปมองเป็นตาเดียว
“ตายล่ะมึงสาดอี้!”
ผมอุทานออกมาอย่างตกใจอ่ะครับก็จะอะไรซะอีกล่ะครับ
ก็แฟนตัวจริงกระทิงแดงของอี่น้องคนงามมาเป็นตัวๆ เลยนี่ครับ ตายแน่ๆ มึงสาดอี้!
โหยตัวใหญ่อย่างกะอะไรดีทั้งบึ๊ก ทั้งล่ำแถมมาพร้อมกับเพื่อนๆ อีกสองคน
ผมเห็นอย่างนั้นก็รีบเข้าไปหาไอ้อี้ด้วยความเป็นห่วงมันกลัวมันโดนตีนอ่ะ
ทั้งๆที่คิดว่าลำพังตัวเราก็แค่นี้จะไปช่วยอะไรมันได้
“เฮ้ยสาด! เก่งนักใช่มั๊ยมึง รู้เอาไว้ซะว่านี่น่ะเด็กกูถ้าเจ๋อมึงจะเจ็บ!”
คนพูดตบโต๊ะจนจานข้าวลอยขึ้นแล้วตกลงตามน้ำหนักของการทุบโต๊ะ
พอฟังจากน้ำเสียงของพี่คนพูดออกแปร่งๆ แบบคนพื้นเมือง
เท่าที่ผมจำได้รู้สึกว่าพี่แกจะเป็นรุ่นพี่ปีสามที่มหาลัยฯ แน่ๆ
เห็นแล้วน่ากลัวครับ เพราะตัวแกอย่างถึกอ่ะ ล่ำทั้งกลุ่มเลย
แล้วนี่ถ้าต่อยกันขึ้นมาผมกับไอ้อี้จะเอาอะไรไปสู้กะเขา (ขาเริ่มสั่น 5555)
“คราวหลังพี่ก็ช่วยติดป้ายให้น้องเขาไปเลยดิครับว่านี่น่ะเด็กพี่ ผมจะได้รู้”
ดูมันพูดเข้าดิครับโอ้ยกูจะบ้าตาย สาดเอ๊ย! มึงอยากตายคาร้านข้าวนักเหรอมึง
“เฮ้ย! พูดอย่างนี้มึงอยากเจ็บตัวเหรอวะไอ้ลูกหมา!”
“ที่จะเจ็บตัวมันก็ไม่แน่นะครับว่าจะเป็นผม”
ดูมันิดิครับลอยหน้าลอยตาท้าพี่คนนั้นเหย็งๆ ยังกะมันจะสู้พวกนั้นไหว
ผมร้อนใจจนแทบจะเต้นซะให้ได้อ่ะครับแต่ก็รีบไปลากแขนมันออกมาจากที่ตรงนั้น
แต่มันก็กลับสลัดแขนผมเกือบหลุดอย่างเก่งกล้าซะเหลือเกิน
“สาดพอเหอะมึงอย่ามีเรื่องเลย”
มันก็ไม่ได้ฟังผมหรอกครับจนพวกพี่ๆ เขาเตะโต๊ะจนล้มดังโครม! เสียงดังน่ากลัว
คนอื่นๆที่นั่งกินข้าวอยู่ดีๆ ก็เกิดกลัวจะโดนลูกหลงอ่ะ
เลยรีบจ่ายเงินแล้วลุกหนีกันเกือบจะหมดร้าน จนเจ้าของร้านต้องเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องถึงได้ไม่บานปลายจนใหญ่โต
“ปอเต๊อะเจ้า น้องเปิ้นเพิ่งมาอยู่บ่เมินถือซะว่าน้องเปิ้นบ่ฮู้ก่อแล้วกั๋น ป้าขอล่ะก่ะ”
“บ่ฮู้แต๊ๆ ก้อบ่เป็นอะหยังดอกแต่ปากดีจะอี้มันน่าเหยียบหื้อตายคาตีนจั๊กนัก!”
ท่าทางที่พี่แกพูดผมว่าดูท่าจะมีอารมณ์โกรธจัดพอดู
เพราะหน้าเหี้ยมๆ  ดูจะโกรธจนหน้าเขียว เห็นแล้วใจคอไม่ดีอ่ะครับ
คงจะโกรธขนาดหนักที่เด็กรุ่นน้องมาต่อปากต่อคำแบบไม่กลัวเกรงแบบนี้

“อ้าวพี่!พูดให้มันดีๆ ดิครับ ที่ตายน่ะอาจจะเป็นพี่ก็ได้นะไม่ใช่ผม”
ตายๆๆๆๆ!อุตส่าห์มีคนเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยให้แล้วแท้ๆนะมึง
มึงจะดันทุรังปากดีกับเขาไปถึงไหนวะเนี่ย
จนผมทนอยู่หลังมันอีกต่อไปไม่ได้แล้วครับต้องจัดการอะไรซักอย่าง
ก่อนที่เรื่องราวจะเลวร้ายจนเลือดตกยากออกกันไปข้างนึง
“ขอสุมมาเต๊อะเจ้าที่เพื่อนผมมันบ่ฮู้ว่าแม่ญิงคนนี้เป็นแฟนของปี้จาย”
พอรุ่นพี่คนนั้นรู้ว่าผมเป็นคนเมืองเหมือนกัน
และพูดภาษาเดียวกันเลยดูใจเย็นลงมาหน่อยนึง
“บ่ฮู้กูก่อบ่ว่าอะหยังดอกแต่ดูเพื่อนไอ่น้องแล้วถ้าจะแกว่นแต๊ๆ ปากดีจะอี้รับรองเฮียนตี้นี่บ่เมินดอก
คงได้ตายคาตีนไผซักเตื้อเจื้อปี้”
“ครับๆๆ ผมฮู้แล้วครับแล้วผมจะบอกเพื่อนหื้อน่ะครับ รับรองครับว่าจะบ่เกิดเรื่องจะอี้ขึ้นแหมแน่ๆ ครับ”
ผมดูสีหน้าสีตาของพี่เขาดูคลายลงไปได้เยอะเลยถือโอกาสรีบลากคอไอ้อี้ออกมาจากร้านข้าว
แต่ได้ยินเสียงเพื่อนพี่แกพูดประมาณว่า

“ปล่อยมันไปง่ายๆจะอี้มันก็เหลิงกันพอดี ถ้ามึงบ่กล้า กูจัดหื้อเอาบ๋อ”
ได้ยินแค่นั้นผมยิ่งทั้งลากทั้งฉุดมันให้วิ่งๆๆๆๆใส่เกียร์หมากันเลยครับก่อนที่พวกพี่ๆ
กลุ่มนั้นจะเปลี่ยนมใจ โอยหัวใจจะวายตาย เล่นเต้นตุ้บๆๆๆๆเลยครับ
แต่รู้ได้อย่างเดียวคือพอกลับมาถึงห้องหมดแรงเลยครับ
ไม่งั้นด้วยศักดิ์ศรีของไอ้ตัวดีที่มันรักนักรักหนามีเรอะว่าจะยอมออกมาง่ายๆ
เพราะก่อนหน้านี้ก็เล่าแต่เรื่องร่านๆไม่เคยเล่าถึงวีรกรรมการชกต่อยของไอ้อี้มันซักที
ว่าตอนอยู่โรงเรียนเก่าน่ะแม้ไม่บ่อยนักแต่ก็ดุเดือดเลือดพล่านน่าดู
ส่วนมากก็เรื่องหญิงๆอย่างนี้แหละครับ เฮ้อ! เล่าแล้วมันยาวไม่ขอเล่าดีกว่า
พอกลับมาถึงหอได้มันก็บ่นกับผมด้วยสีหน้ายุ่งๆดูไม่ค่อยะจะพอใจเท่าไหร่
“สาดวินมึงไม่น่าจะมาห้ามกูเลย น่าจะให้กูแลกกับมันซักตั้ง ดูซิว่าใครจะแน่กว่ากัน”
“สาด! มึงเก่งก็ให้มองที่มองทางเขาบ้างเหอะว้าว่านี่มันไม่ใช่ถิ่นเรา”
ผมพูดออกมาอย่างรำคาญเมื่อเห็นสีหน้าฮึดฮัดของมัน
โถๆๆๆมึงนี่มันช่างไม่เจียมตัวเลยนะสาด
เป็นคนต่างถิ่นต่างที่แล้วยังจะมาทำเป็นเก่งกล้าไม่กลัวใคร
นี่ลองถ้าไม่มีป้าเจ้าของร้านกับกูอู้คำเมืองช่วย
ไม่รู้ว่าหัวเดียวเดี่ยวโดดอย่างมึงจะเหลือหัวไว้ตั้งอยู่บนบ่าหรือป่าวก็ไม่รู้
เพราะคนเหนือชื่อเสียงเรื่องการรักสมรรคพรรคพวกก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนภาคไหนๆ
แล้วยังจะมาเสียศักดิ์ศรีเรื่องผู้หญิงแบบนี้อีกเป็นใครจะยอม
“แต่มึงก็ไม่น่าลากกูออกมาแบบนี้มันเสียหน้ารู้มั๊ยสาด”
“เออ! การที่กูห่วงมึงถ้ามันทำให้มึงคิดว่ามันเสียศักดิ์ศรีแล้วล่ะก็กูขอโทษ!”
ผมพูดด้วยความน้อยใจอ่ะครับแม่ง คนรึอุตส่าห์เป็นห่วง ทำบุญได้บาปแท้ๆ
ผมโกรธมันจนไม่อยากจะพูดด้วยหิวก็หิว ข้าวก็ยังไม่ได้แดกซักเม็ด
เลยนอนหันหลังให้มันด้วยความแสบใส้สุดแสนจะทรมาณ
หากจะลงไปหาอะไรกินก็ห่วงสวัสดิภาพของตัวเองอ่ะครับ
เพราะไม่รู้ว่าออกไปได้จะกลับเข้าหอได้หรือป่าวนี่ดิ
ผมลูบท้องไปมาด้วยความหิวอ่ะครับแต่พยายามหลับๆ จะได้ไม่หิว
ซักพักก็รู้สึกว่าไอ้อี้มันมานั่งที่ข้างๆเตียง
“กู...กูขอโทษนะโว้ย! กูใจร้อนไปหน่อยเลยลืมไปว่ามึงเป็นห่วงกูแค่ไหน”
น้ำเสียงมันเครือๆอ่ะครับ ได้ยินแล้วผมก็ใจอ่อนยวบยังกะผักที่ลวกน้ำร้อนอ่ะ
แต่ยังไม่หันไปคุยกับมันหรอกครับอยากจะดัดนิสัยมันซักที
“อย่าโกรธกูเลยนะถ้ามึงโกรธกู...ที่นี่กูก็ไม่มีใครอีกแล้ว”
เท่านั้นแหละครับผมก็ใจอ่อนลงไปจนแทบไม่เหลือร่องรอยความโกรธเลยก็ว่าได้
“ที่โกรธไม่ใช่ว่ากูอยากให้มึงเสียหน้าหรอกนะ”
“กูรู้”
“ที่กูโกรธกูอยากให้มึงเรียนที่นี่อย่างปลอดภัย”
“อันนี้กูก็รู้”
“แล้วก็พ่อแม่มึงฝากมึงไว้กับกู ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีกับมึง กูจะไปบอกพ่อแม่มึงว่ายังงัย”
“อันนี้...กูก้อรู้...........”
หางเสียงมันลากยาวจนน่าหมั่นใส้แกมตลกอ่ะครับเหมือนเด็กๆ ที่โดนตำหนิยังงัยยังงั้น
พอพูดเสร็จมันก็กอดผมแน่นซะจนผมแทบหายใจไม่ออก ก็ตัวแม่งตอนนี้อย่างบึ๊กอ่ะ
เราทำซึ้งกันได้ซักพักผมก็แกะมือมันออกจากการกอดผม
“พอแล้วๆกูหายใจไม่ออก”
“มึงรู้มั๊ยสาดว่ากูดีใจแค่ไหนที่ได้มาเรียนที่เดียวกันกับมึง”
“พอเลยๆ อย่ามาทำซึ้งกูเลี่ยน!”
ผมดักทางมันเสร็จสรรพมันคงสังเกตได้มั๊งว่าหน้าผมแดงด้วยความเขินมันก็ยิ่งแกล้งผมใหญ่
“นี่มึงเขินกูเหรอวะสาด”
“เชี่ยนิ ถ้ามึงไม่หยุดพูดซักทีนะกูจะไม่พูดกับมึงอีก”
“เออๆๆๆ ไม่พูดก็ด้ายแต่ อิอิอิ”
“มึงหัวเราะทำเตี่ยมึงเรอะ!”
ผมไม่ด่าเปล่าแถมด้วยเบิ้ดกะโหลกมันดังผั๊วะ! ไปหนึ่งที
แทนที่มันจะว่าผมมันกลับยิ้มออกมาอย่างกะได้พรจากหลวงพ่อคูณซะงั้น
“บ้าแล้วเหรอมึงโดนตีหัวแล้วยังมาหัวเราะทำซากอยู่อีก”
“ก้อ กูดีใจน่ะที่มึงหายโกรธกูแล้ว”
ผมก็ทำเป็นไม่สนใจมันอีกครับลงนอนหันหลังให้มันด้วยความรำคาญ
แต่แล้วท้องผมก็ร้องจ้อก! ออกมาซะดัง โคดอายเลยอ่ะ 5555
ไอ้อี้เลยหัวเราะด้วยความขำๆอ่ะครับ
“โด่...ที่แท้โกรธมากๆก็เพราะโมโหหิวนี่เองสาด 5555”
มันแกล้งพูดยั่วผมอ่ะครับพอเห็นว่าผมหายโกรธมันแล้วมันก็ยิ้มๆ อย่างสบายใจ
แล้วมันก็เดินไปเปิดเป้นักศึกษาของมันยุกยิกๆแล้วหยิบเอาอะไรซักอย่างออกมา
เสียงกร้อบแกร้บๆพอมองดีๆ อ้อ ที่แท้เป็นมาม่านี่เอง
“เนี่ยกูกะว่าจะซื้อมากินตอนดึกๆเวลาหิวๆ ที่ไหนได้มันดันเป็นอาหารมื้อเย็นของกูกับมึงไซะงั้น
เอางี้เพื่อเป็นการไถ่โทษเดี๋ยวกูผัดมาม่าให้มึงกินเอง สองห่อคงพอยาใส้ไปได้บ้าง”
ผมก็พยักหน้าหงึกๆอย่างยินดีสุดๆ เฮ้อ!อย่างน้อยๆ คืนนี้ผมก็ไม่ต้องนอนแสบใส้ไปทั้งคืนนี่นะ
พอผัดเสร็จเท่านั้นแหละครับก็สวาปามกันเข้าไปอย่างกะคนตายอดตายอยากเลยครับ
ผมกับมันก็หัวเราะกันอย่างขำๆ กับความยากลำบากที่ได้รับมาด้วยกัน
คิดขึ้นมาก็อดคิดถึงไอ้ตี๋แฟนผมกับพวกไอ้ซันมันไม่ได้
ถ้าป่านนี้มีพวกมันอยู่ด้วยพวกผมก็คงไม่ลำบากอย่างนี้หรอก
เออแล้วไหนจะไอ้ถึกเข้มอีกคน ป่านนี้มันจะเป็นงัยบ้างก็ไม่รู้ ผมคิดในใจ
เห็นทีวันหยุดนี้คงต้องนัดมันกินเลี้ยงกันซักหน่อยซะแล้ว
พอผมบอกไอเดียสุดเจ๋งให้ไอ้อี้มันรู้มันก็สนับสนุนความคิดผมเต็มที่
เพราะไอ้อี้มันก็คิดถึงไอ้ถึกเข้มมากเหมือนกันเพราะไม่ได้เจอกันร่วมสองอาทิตย์แล้ว
“เอออย่างน้อยเจออีกคนนึงก็ยังดีกว่าไม่เจอใครเลยวะ”
ผมคิดในใจจากแปดเหลือสามก็ยังดีคลายความเหงาไปได้เยอะเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น