ผ่านไปหลายวันจนอาการของขุนสันต์หายเกือบเป็นปกติ
ทั้งคู่ก็ต่างพลอดรักกันไม่ยอมห่างกาย ต่างเล่าเรื่องราวของตนแต่หนหลังให้อีกฝ่ายหนึ่งฟัง
ขุนสันต์นั้นเป็นบุตรของพระยามีชื่อแต่บิดาได้ตายในสนามรบตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 15 ปี
นับจากนั้นจึงอยู่ในความดูแลของเพื่อนของบิดา ผู้มีบรรดาศักดิ์ออกพระคุมกองกำลังกองหน้าของทัพกรุงศรีอยุธยา
จนกระทั่งเติบใหญ่ในค่ายทหารจนในที่สุดได้ยศขุนมาด้วยฝีมือและความสามารถล้วนๆ
ด้วยความหยิ่งทระนงในฝีมือมันจึงมีบุคลิกที่เย่อหยิ่งอวดดีนับแต่นั้น
แค่บอกชื่อขุนทหารระดับล่างต่างก็เกรงขามด้วยเป็นผู้ที่องอาจห้าวหาญเป็นที่สุด!
แต่พอทหารหนุ่มแห่งกรุงศรีฯได้ฟังเรื่องราวของไอ้แก้วบ้างกลับถึงกับยกย่อง
เพราะคนที่ไม่มีวิชาการต่อสู้เลยเคยแต่รับใช้เจ้านายในคุ้มในวังแต่ผ่านไปไม่กี่ปีกลับมีวิชาการต่อสู้ไม่เลวทรามเยี่ยงไอ้แก้ว
แถมใจคอก็เด็ดเดี่ยวไม่กลัวตายอย่างนี้หาได้ยากยิ่งนัก
จนผ่านไปอีกหลายวันไอ้แก้วนึกเป็นห่วงคนรักทั้งสองจึงชวนขุนสันต์ให้ออกตามหา
ทั้งสองเดินทางกลับเข้าสู่เวียงโกศัย แต่เมื่อกลับเข้าเวียงการณ์กลับแปรเปลี่ยนไป!!!
เมื่อมีทหารของล้านนาจากหลายหัวเมืองเข้าประจำการรบเต็มกำลังแทนที่ทหารกรุงศรีอยุธยาที่เห็นเต็มเมืองในวันสู้รบ
สภาพเมืองน้อยแม้จะมีร่องรอยเผาไหม้จากไฟสงครามเหลืออยู่ให้เห็นอย่างเด่นชัด
แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายอย่างที่คาดการณ์ไว้
ทหารล้านนาเข้าประจำการตามจุดต่างๆของเวียงเฝ้าอยู่ตามหอค่ายประตูเต็มอัตราศึก!
ไอ้แก้วและขุนสันต์เห็นอย่างนั้นก็รีบให้ขุนสันต์เอาผ้าออกมาโพกศรีษะไว้ให้เหมือนชาวล้านนา
เนื่องด้วยภูมิอากาศเหนือและใต้แตกต่างกัน
การแต่งกายของคนสองอาณาจักรจึงแตกต่างกันตามไปด้วย
แผ่นดินส่วนใหญ่ของอาณาจักรล้านนามีแต่ภูผาสูง อากาศจึงหนาวเย็น
บุรุษของอาณาจักรนี้จึงนิยมไว้ผมยาวเกล้ามวยและนิยมโพกผ้ากันความหนาว
ส่วนอยุธยาฝ่ายใต้อากาศร้อนชื้นบุรุษทั่วไปจะนิยมตัดผมสั้นติดหนังศรีษะเพื่อความสบาย
และให้ง่ายต่อการรักษาความสะอาด
แต่ชนชั้นสูงที่เป็นชายเท่านั้นจึงนิยมไว้ผมยาวเอาไว้เกล้ามวยนี่จึงเป็นความแตกต่างของคนสองอาณาจักร
ไอ้แก้วเห็นอย่างนั้นก็รีบพาชู้รักหนุ่มออกมาจากในเวียงก่อนจะผิดสังเกต
แล้วหาที่หลบซ่อนให้
“ข้าเจ้าจะออกตามหาพี่ชายของข้าเอง...อ้ายรอยู่ตรงนี้อย่าไปตี้ไหน”
“ข้าร้อนใจยิ่งนัก...ข้าอยากไปช่วยเอ็งตามหาพี่ชายของเอ็งด้วย”
“อ้ายขุนบ่าต้องฮ้อนใจไป...ข้าไปบ่เมินก็จะรีบปิ๊กมา...อ้ายจงรักษาตัวเองหื้อดีๆ”
ว่าแล้วไอ้แก้วก็เดินทางเข้าเวียงเพื่อติดตามหาตัวเมืองแมนและจะขื่อสองคนรักหนุ่ม
กับพันเฮืองคู่หูของเมืองแมนว่าเป็นตายร้ายดีประการใด
โชคดีทหารจำไอ้แก้วได้ก็พาไปพบกับนายกองหนุ่ม เมื่อทั้งคู่เจอกันก็ต่างดีใจเป็นยิ่งนัก
ที่ได้เห็นต่างฝ่ายอีกครั้งแต่นายกองร่างสูงใหญ่ยิ่งประหลาดใจยิ่งกว่าในการรอดชีวิตกลับมาของเด็กหนุ่มอย่างปลอดภัย
และเมื่อได้ทราบข่าวว่าเมืองแมนและจะขื่อยังไม่ตาย และตอนนี้ได้กลับไปป้องกันเวียงนพบุรีแล้ว
ส่วนจะขื่อที่ขาหักทั้งสองข้างก็ปลอดภัยแล้วและได้รับการคุ้มกันไปในขบวนศึกกลับเวียงนพบุรี
แต่คงต้องใช้เวลานานหลายเดือนอาการจึงจะทุเลา
เหตุการณ์หลังจากวันแห่งความโหดร้ายวันนั้น
ล้านนาสามารถรับมือกองทัพของอยุธยาไว้ได้อย่างเข้มแข็ง! องอาจ!และเสียงร่ำลือก็ขจรขจาย!
ด้วยกองทัพของทั้งสองอาณาจักรใหญ่ทั้งสองเปรียบประดุจสิงห์เหนือ และเสือใต้
ต่อสู้กันอย่างห้าวหาญ!
แต่ด้วยความไม่คุ้นชินกับดินแดนแห่งหุบเขาของล้านนา
และความระส่ำระสายอันเกิดจากกษัตริย์ผู้ชราของอยุธยาทรงประชวรทำให้อาณาจักรล้านนาได้เปรียบ
ตีกระหนาบอาณาจักรอยุธยาจนแตกพ่ายถอยร่นกลับเข้าสู่เขตแดนอยุธยาเสียสิ้น!
และไม่กี่วันต่อมาทางกองสอดแนมของล้านนาก็ได้ทราบข่าวว่ากษัตริย์ชราของอยุธยาสิ้นพระชนม์แล้ว
ข่าวนี้ทั้งทำให้ไอ้แก้วดีใจยิ่งนักแต่อีกใจก็อดห่วงชู้รักคนใหม่นามขุนสันต์ไม่ได้
เพราะมันผู้นี้จงรักษ์แด่พ่ออยู่หัวของมันเป็นยิ่งนัก
ไอ้แก้วกลับไปที่ๆ ขุนสันต์หลบซ่อนตัวอยู่ ตลอดทางก็อดวิตกแทนชู้รักอย่างช่วยไม่ได้
เพราะไม่ว่าจะอาณาจักรใดทั้งฝ่ายเหนือ ฝ่ายใต้ การสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์นับเป็นเรื่องใหญ่หลวงยิ่งนัก!
เมื่อไปถึงที่พักที่แอบซ่อนตัวขุนสันต์เห็นเด็กหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดถามไถ่อย่างแปลกใจ
คาดเดาไปว่าเด็กหนุ่มไม่เจอพี่ชายที่มันออกตามหา
“วันนี้ไม่เจอวันหน้าก็ค่อยออกตามหาใหม่ก็ได้ เอ็งอย่าได้กังวลใจไป”
ทหารเอกแห่งกรุงศรีฯปลอบประโลมคนตรงหน้าพร้อมดึงเข้ามากอดแน่นๆ แล้วลูบศรีษะเด็กหนุ่มไปมาด้วยกิริยาอบอุ่น
มันกระทำเยี่ยงนี้ไอ้แก้วก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าจะร้องไห้! สงสารทหารหนุ่มแห่งกรุงศรีฯ จับใจ
ตัวมันเองเป็นเพียงข้ารับใช้ของเจ้าน้องของเจ้าหลวง
ไม่เคยได้รับใช้ใกล้ชิดเจ้าหลวงแห่งล้านนาพระองค์ปัจจุบันก็ตามที
แต่หากเจ้าหลวงเป็นอันใดมันเองก็คงจะเศร้าใจอย่างหาที่สุดมิได้!
แต่นี่ขุนสันต์เป็นผู้เป็นทหารเอกแห่งกรุงศรีฯผู้มีหน้าที่รับใช้ใกล้ชิดเจ้านายมัน
ด้วยเป็นกองหน้าและเติบโตมาในกองกำลังอยุธยาตลอดชีวิต
หากมันรู้ข่าวร้ายนี้เข้ามันคงจะเสียใจยิ่งนัก
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะอย่างไรเสียเด็กหนุ่มก็ก็ต้องบอกกล่าวให้ขุนสันต์มันได้รู้
เพียงแค่... จะหาจังหวะใดในการบอกกล่าวเท่านั้นเอง...
การได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเพียงไม่กี่วันก็จริงแต่ทั้งสองกลับต่างมีความผูกพันทางกายและทางใจแน่นแฟ้นยิ่ง
ไม่ต่างจากการได้รู้จักกันมาเนิ่นนานปี
เมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดอันแกร่งกล้าของทหารหนุ่มเด็กหนุ่มก็ทั้งอุ่นใจระคนเศร้าใจ
อารมณ์ทั้งสองฝ่ายกระชากดึงยันเด็กหนุ่มราวกับจะฉีกร่างของมันให้ขาดออกจากกันก็ไม่ปาน!
เพราะหากแม้นขุนสันต์มันได้รู้ความจริงอันเจ็บปวดมันทั้งสองย่อมกลายเป็นศัตรูกันไปตลอดชาติ!!!
แต่หากมันได้รู้ความจริงจากคนอื่นเล่า! มันก็จะเกลียดไอ้แก้วไปตลอดชีวิตเช่นกัน!!!
เพียงความคิดเกิดเด็กหนุ่มก็เหงื่อผุดออกซึมเต็มหน้าใบหน้ารูปงามราวเทพบุตรนั้นซีดเผือดราวคนได้ไข้!
ไอ้แก้วสั่นสะท้านด้วยความตระหนกสุดขีด!!!......
“ไอ้แก้วเอ็งเป็นอันใดรือ!!!... หน้าตาเอ็งราวเป็นไข้ คงเพราะกรำแดดมาทั้งวันกระมัง
ข้าบอกแล้วว่าข้าจะช่วยออกตามหาพี่ชายเอ็ง แต่เอ็งก็กลัวว่าข้าจะเป็นอันตรายเอ็งนี่มันรั้นแท้ๆ”
ทหารหนุ่มเชยคางเด็กหนุ่มพูดยิ้มๆด้วยความเอ็นดู สุดแสนเสน่หาในตัวคนในอ้อมกอดเป็นที่สุด
แววตาที่เด็กหนุ่มได้รับเป็นแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักและความสิเหน่หาที่มันเองก็รับรู้
ด้วยข้อนี้แหละที่ไอ้แก้วยังไม่อาจตัดใจบอกกล่าวอีกฝ่ายให้ได้รับรู้
“ข้าเจ้าเป็นห่วงอ้ายจะโดนจับบ่อยากหื้อไผทำอะหยังอ้าย”
เด็กหนุ่มพูดออกมาด้วยความรู้สึกอันท้วมท้นทั้งน้ำเสียงและแววตา
ทหารหนุ่มยิ้มกว้างอย่างยินดีในคำของอีกฝ่าย
“บ่มีใครทำอะไรข้าได้ดอกเอ็งอย่าได้ทุกข์ใจไปเลย”
เด็กหนุ่มไล้ใบหน้าหล่อคมสันต์ของทหารเอกแห่งกรุงศรีฯไปมา
สัมผัสนั้นสำหรับทหารกล้าอย่างมันช่างรู้สึกว่ามันอ่อนโยนและนุ่มนวลยิ่งกว่าเคยได้รับจากใครมาก่อน
“หากเป็นข้าเจ้าที่ต้องหลบลี้หนีภัยพ่องอ้ายก่อคงเป็นห่วงข้าใจ้ก่อ”
ทั้งสองจ้องตากันแน่วนิ่งทหารหนุ่มโน้มหน้าลงจุมพิตเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน
แล้วกอดร่างคนในอ้อมอกไว้แน่นเหมือนกลัวอีกฝ่ายจะมลายหายไปต่อตา
“ไม่ต้องพูดอันใดอีกแล้วเพราะนับแต่นี้ไปข้าจะไม่ให้เอ็งห่างกายข้าอีกเป็นแน่แท้”
“อ้ายขุน!...”
น้ำตาเด็กหนุ่มเอ่อล้นด้วยความอิ่มเอิบและความสุขที่ได้รับจากอีกฝ่าย
ณ นาทีนั้น!!! เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าอย่างไรเสียมันต้องบอกข่าวแก่ขุนสันต์ให้ได้รับรู้!
แม้นว่าผลของมันจะทำให้ทั้งสองต้องกลับมาเป็นศัตรูกันอีกมันก็ยินดีเสียกว่าการที่ต้องปิดบังไว้
และหากแม้นขุนสันต์ต้องการปลิดชีวิตมันมันก็พร้อมจะตายด้วยคมดาบของอีกฝ่ายก็ตาม!!!
ไอ้แก้วลุกจากอกของขุนสันต์ไปยืนเช็ดน้ำตาทหารหนุ่มรู้สึกแปลกใจกับกิริยาของอีกฝ่ายยิ่งนัก
เดินเข้าไปกอดอีกฝ่ายด้วยเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายคิดถึงพี่ชายที่หายไป
กำลังจะปลอบประโลมเด็กหนุ่มก็พูดขึ้นมาก่อน
“อ้ายขุน...ข้ามีเรื่องจะบอกอ้าย”
ทหารหนุ่มดึงคนตรงหน้าให้หันมามอง
หน้ารูปงามปานเทพบุตรนั้นน้ำตานองราวกับเด็กๆแววตาโศกสลดจนทหารหนุ่มหัวใจวูบไหว
เพราะไอ้แก้วนั้นมองภายนอกราวกับคนไร้ฝีมือดาบแต่พอได้สู้ก็สู้ยิบตาไม่กลัวตาย
แถมเพลงดาบก็ไม่เลวทรามเลย เพียงฝึกปรืออีกไม่นานนักก็จะเป็นนักรบที่ยากจะไร้ผู้ต่อกร
แม้กระทั่งถึงตอนโดนฟาดฟันจนบาดเจ็บสาหัสมันก็ไม่ได้ร่ำร้องขอชีวิตแม้เพียงครั้ง
และนี่คือสิ่งที่ทหารหนุ่มเริ่มหวั่นใจ! ว่าน้ำตาที่ไอ้แก้วที่ไหลอาบหน้านั้นคงจะเป็นด้วยเหตุอื่นเป็นแน่แท้!
“น้อง...น้องมีอันใดก็รีบกล่าวเถอะ...”
“อ้ายขุน!...”
เด็กหนุ่มกัดปากแน่นจนรู้สึกปวดหนึบ! แล้วมันก็กลั้นใจครั้งสุดท้าย
“พ่ออยู่หัวแห่งกรุงศรีสิ้นพระชนม์แล้วอ้าย!!!...”
นาทีนั้นทหารหนุ่มทั้งนิ่งงันทั้งเหมือนโดนค้อนทุบหัว!ก็ไม่ปาน
มันนิ่งงันแล้วก็ถึงกับเข่าทรุดลงกับพื้นจนไอ้แก้วต้องเข้าไปประคองดลงกับพื้นจนไอ้แก้วต้องเข้าไปประคอง
“เอ็งหลอกข้า!...”
ทหารหนุ่มตาลอยเหมือนคนไร้สติ!จนไอ้แก้วต้องเข้าไปกอดให้กำลังใจอีกฝ่ายน้ำตาไหลนองหน้า
“บ่าได้หลอกอ้ายข้าบ่าได้หลอก เป๋นเรื่องจริงอ้าย!!!”
“ข้าไม่เชื่อ!!! เอ็งอย่ามาโกหกข้า!!!”
ทั้งคู่กอดเกี้ยวกันไปมาบนพื้นดินจนฝุ่นคลุ้งแต่เรี่ยวแรงของทหารหนุ่มกลับเหมือนหดหาย
จึงถูกไอ้แก้วกดร่างตรึงไว้กับพื้นดินไม่ให้ดิ้นรนราวคนเสียสติ!
น้ำตาของนักสู้แห่งกรุงศรีอยุธยาไหลพรากเป็นครั้งแรกในชีวิตเพราะมันทั้งรักและเทิดทูนกษัตริย์พระองค์นี้เหนือสิ่งใด
ยอมตายและสามารถแลเลือดเนื้อแห่งกายนี้ได้เพื่อพระองค์ท่าน
แต่ข่าวนี้ช่างบาดหูทำลายดวงใจองอาจห้าวหาญของทหารหาญอย่างมันจนย่อยยับ!
น้ำตาแห่งความเศร้าไหลพรากเป็นทางพร้อมเสียงร้องโหยหวนจนไอ้แก้วต้องกอดทับร่างนั้นให้หายเศร้าใจ
“อ้ายขุน!!!...อ้ายต้องทำใจดีๆ ไว้เน้อ!!!...พระองค์ไปสวรรค์แล้วอ้ายยย!!!”
นานเหมือนชั่วกัลป์ที่ขุนสันต์นอนร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด!
ร่างกายของทหารเอกแห่งกรุงศรีที่เคยแข็งแกร่งเร่าร้อนทุกครั้งที่ได้สัมผัส
บัดนี้เย็นชืดราวกับร่างไร้วิญญาณ!
จนเวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่รู้ที่ทหารหนุ่มนอนหลับตาร้องไห้ด้วยความโศกสลด
ช่างสะเทือนใจเด็กหนุ่มยิ่งนักจนเมื่อทหารหนุ่มมีสติคืนมามันจึงเอ่ยวาจาให้ได้ยิน
“พระองค์สิ้นพระชนม์ด้วยเหตุใดรือ?...”
เสียงของทหารหนุ่มแหบโหยโรยแรงราวกับละเมอออกมาจากปากก็ไม่ปาน
ไอ้แก้วจึงเล่าความตามที่ได้ยินมาให้ทหารหนุ่มได้ฟัง
ความมีว่าหลังจากกองทัพอยุธยาบุกอาณาจักรล้านนาและเข้ายึดเวียงน้อยหน้าด่านได้หลายเมือง
แต่ทัพอยุธยายังไม่ทันเข้าถึงประตูเวียงนพบุรีก็โดนตีแตกถอยร่นไม่เป็นขบวน!
ทั้งเดินทัพมาไกลทหารหาญทั้งหลายต่างเหนื่อยล้ากษัตริย์อยุธาเองก็ชราภาพมาก
ก่อนจะเข้าเขตนพบุรีก็ประชวรกลางครันจนต้องถอยทัพกลับทหารล้านนาเห็นเป็นโอกาสจึงตีจนทัพอยุธยาแตกกระเจิง!
พอเข้าเขตอาณาจักรอยุธยากษัตริย์พระองค์นั้นก็สิ้นพระชนม์เสียแล้ว
พอได้ฟังจบทหารหนุ่มก้ถอนหายใจหนักๆแล้วลุกขึ้นนั่ง
สภาพของทั้งสองราวกับไปคลุกกับดินมาก็ไม่ปานทหารหนุ่มเห็นไอ้แก้วมอมแมมไปทั้งตัวก็ลูบหัวเด็กหนุ่มอย่างรักใคร่
บัดนี้มันเข้าใจเด็กหนุ่มแล้ว...ว่ารักมันไม่น้อยไปกว่าที่มันรัก
จึงกล้าที่จะบอกเรื่องใหญ่หลวงเช่นนี้ในช่วงเวลาที่มันทั้งสองกำลังอยู่ในห้วงแห่งความรัก
ความกล้าหาญของเด็กหนุ่มนั้นทหารหาญอย่างมันยังแอบนับถือในใจ
เพราะคนเราเมื่อมีความรักยากนักจะตัดใจทำลายความรักนั้น แม้แผ่นดินเกิดก็อาจจะแลกได้
“ข้าขอบในน้ำใจเอ็งยิ่งนักที่เป็นห่วงข้า...”
เด็กหนุ่มยิ้มทั้งหน้าเศร้าๆ
“ข้าบ่อยากให้พวกเฮาเป็นศัตรูกันเลยอยากให้พวกเฮาฮักกัน เป็นมิตรต่อกัน”
เด็กหนุ่มพูดอย่างใจคิดจนทหารหนุ่มดึงร่างมันเข้ามากอด
“ยากยิ่งนักไอ้แก้วเอ๊ย!... อำนาจและศักดิ์ศรีเป็นของหอมหวานที่ผู้ได้ครอบครองแล้วยากจะตัดใจไม่กิน...
การสงครามมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าทั้งสงครามภายใน และสงครามภายนอก
ผู้เป็นไพร่ฟ้าอย่างข้า...อย่างเอ็ง...ก็ได้แต่ทำตามคำสั่งเพราะมันคือหน้าที่!”
เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆกับไหล่ของอีกฝ่าย
“ข้าเข้าใจ๋”
หลายปีผ่านมาการต่อสู้แย่งชิงกันของคนที่มีอำนาจล้วนเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เป็นจริงดั่งคำของขุนทหารว่าไว้ไม่ผิดเพี้ยน ถึงกรุงศรีฯ
ไม่มาทำสงครามไทใหญ่ที่อยู่เหนือขึ้นไปอีก
อาณาจักรเชียงทองที่อยู่ทางตะวันออก ที่ต้องการเป็นเอกราชจากล้านนา
หรือพุกามที่อยู่ทางทิศตะวันตก ที่ต้องการจะขยายอำนาจ
นั่นพราะอำนาจเป็นสิ่งหอมหวานอย่างที่ขุนสันต์พูดมานั่นเอง...
สงครามไม่มีวันหายไปจากแผ่นดิน เพียงแค่ว่าจะเริ่มขึ้นเมื่อใดก็เท่านั้น...
ทั้งสองเดินเคียงกันไปอาบน้ำที่ลำธารชะระล้างร่างกายที่เปื้อนฝุ่นดิน
ไอ้แก้วรับรู้ว่าทหารหนุ่มมันต้องไปทำหน้าที่ของมันจึงปรนนิบัติอีกฝ่ายอย่างดียิ่ง
อาบน้ำ สระผมให้อีกฝ่ายด้วยใบหน้าเศร้าหมอง หัวใจรวดร้าวราวของรักกำลังจะจากไปไกล
ทหารหนุ่มดึงหน้าเด็กหนุ่มขึ้นมาสบตา
“เอ็งรักข้าหรือไม่”
เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ น้ำตาไหลพรากๆ
“อย่าร้องไห้...ข้าสัญญาว่าถ้าข้าไปปลงพระบรมศพเสร็จแล้วข้าจะไปหาเอ็งที่นพบุรี”
ไอ้แก้วได้แต่พยักหน้ารับรู้ แต่ไม่สามารถพูดอย่างไรได้อีก เพราะแค่นี้ดวงใจมันก็จะขาดรอนๆ แล้ว
ที่ต้องแยกจากขุนสันต์ทหารผู้องอาจแห่งกรุงศรีฯ!
“หลายวันผ่านมามานี้...เอ็งทำให้ข้ามีความสุขยิ่งนัก”
“อ้ายขุนก่อทำหื้อข้ามีความสุขจ๊าดนัก”
ท่ามกลางป่าเขาที่รกร้าง เสียงนกร้องขับลำนำไพร สองร่างตะกองกอดกันแน่น
ทหารหนุ่มจุมพิตที่หน้าผากของไอ้แก้วแล้วทั้งสองก็กอดกระหวัดกันแนบแน่น
“ข้าขอโทษด้วยที่ไม่ได้อยู่ช่วยเอ็งตามหาพี่ชาย”
“เรื่องของอ้ายขุนย่อมสำคัญกว่า...แค่อ้ายสัญญาว่าจะไปหาข้าเจ้าที่นพบุรีแค่นี้ข้าก่อดีใจนักๆแล้ว”
ทั้งสองจ้องตากันในความมืดแววตาที่เปี่ยมล้นด้วยความรักต่างจ้องมองกันแน่นิ่ง
แล้วทั้งสองก็ร่วมรักกันอย่างเร่าร้อน!
ร่างทั้งสองประสานเป็นเนื้อเดียวกันจนแทบไม่มีสิ่งใดจะมาแยกให้ออกจากกันได้
ในตอนเช้าตรู่ไอ้แก้วก็ไปส่งทหารเอกแห่งกรุงศรีฯกลับเข้าสู่เขตแดนอยุธยา
ก่อนจากกันทหารหนุ่มดึงร่างเด็กหนุ่มเข้ามากอดแน่น
“ข้าสัญญาข้าจะไปหาเอ็ง”
“ข้าเจ้าจะรออ้าย...”
ทหารหนุ่มจดจ้องภาพคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันเหมือนต้องการจดจำทุกสิ่งที่งามพร้อมตรงหน้า
ให้อยู่ในห้วงคำนึงของมันไปตลอดกาล!
เด็กหนุ่มก็มองอีกฝ่ายเก็บความทรงจำอันประทับใจทุกคืนวันที่ทำร่วมกัน
ทั้งเคียดแค้นโศกเศร้า รันทด เจ็บปวด สิเหน่หา และความรัก!ให้ประทับในดวงใจ
เมื่อต้องแยกจากขุนสันต์ชายคนรักคนใหม่ แต่ด้วยความหวังที่ไม่เลือนรางมันหวัง...
ว่าสักวันหนึ่ง... มันจะได้พบกับชายคนรักทหารเอกแห่งกรุงศรีฯ ผู้นี้อีกครั้ง......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น