วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 118 สวีทกับไอ้นิวบนดอยอ่างขาง

ในฤดูหนาวของทุกปีดอยอ่างขางเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
เพราะความสวยงามของธรรมชาติ อากาศที่เย็นสบายภูดอยสูงต่ำซ้อนกันเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม
ยิ่งในยามที่ดอกนางพญาเสือโคร่งเบ่งบาน จนทั้งดอยจะเต็มไปด้วยดอกสีชมพู
นับเป็นแดนสวรรค์ที่สุดแสนจะโรแมนติกจึงเหมาะกับการมาท่องเที่ยวพักผ่อนมากที่สุด

เราออกเดินทางกันตั้งแต่ตี 5 เลยครับ นี่ถ้าเป็นวันปกติมาปลุกกันกันแต่ยังไม่ทันไก่โห่
จ้างให้ผมก็ไม่ยอมตื่นแถมอาจจะมีเคืองด้วยนะ 5555
แต่พอจะได้ไปเที่ยวสถานที่ในตำนาน ผมก็สามารถครับ 555 ตื่นเช้าได้สบายบรื๋อ! 555

ตื่นตั้งแต่พ่อแม่และน้องชายมันยังไม่ทันตื่นเลย แต่มันติดโพส์อิทบอกแม่มันไว้ที่ตู้เย็นว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน กลับวันอาทิตย์
แล้วเราก็เร่งเดินทางกัน โดยไม่ได้เอาอะไรมากนักเอาแค่เสื้อกันหนาว และของใช้ส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ
ส่วนของอย่างอื่นป๋านิวบอก

“อย่างอื่นค่อยไปหาซื้อเอาตางหน้า”
มันบอก ผมก็ตามมันแหละ ก็ป๋านิวพาไปทั้งคนนิ 555

รถยนต์สีบรอนด์เงินคันนี้แม่มันซื้อให้ตอนมันเอ็นท์ติดมหาลัยฯนี่ก็ใช้มาครบ 3 ปีแล้ว
แต่ยังใหม่เอี่ยมกิ๊กๆ อยู่เลยครับ เพราะไอ้นิวมันไม่ค่อยได้ขับมันไม่ได้เอาไปขับที่มหาลัยฯ
อย่างที่เคยบอกว่ามันไม่ชอบเพราะหาที่จอดยากไม่คล่องตัวเหมือนรถมอเตอร์ไซค์

แต่ละวันจะกลับมาก็เย็นๆ พอเลิกเรียนก็กลับมาช่วยงานที่ร้านของแม่มันอีกเวลาว่างก็หน้าติดอยู่กับหนังสือการ์ตูนเล่มโปรด
หลังจากที่คบกันเป็นแฟนกับผมนี่แหละไอ้นิวจึงเริ่มเดินทาง
พอนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถปุ้บ ผมก็ทำหน้าที่เปิดเพลงฟังไประหว่างทาง

เป็นแผ่นของวง “โปเตโต้” เพราะไอ้นิวมันชอบวงนี้
ฟังเพลงไปขับรถไปเที่ยวนี่มันได้บรรยากาศที่สุดฟินจริงๆนะครับท่านผู้ชม! 555
โดยเฉพาะไปเที่ยวกับแฟนเรา ไอ้นิวเห็นผมอารมณ์แจ่มใสก็หัวเราะขำๆ มีแซวด้วย

“คิงนี่มันซอบแอ่วนักๆ เลยเน้อ”
“แอ่วเมืองไทยบ่าไปบ่าฮู้บ่าหันเน้อออ!!!5555”

ผมตอบพร้อมยักคิ้วกวนๆ มันไป มันก็ทำหน้ากวนๆกลับมาประมาณว่า “ไอ้หมอนี่มันบ้า” ประมาณนั้น
แล้วไอ้นิวก็ขับรถพาผมออกเดินทาง

ตอนเช้าๆอากาศหนาวเย็นผมบอกให้ไอ้นิวเปิดหน้าต่างรถเพื่อเปิดรับโอโซนบริสุทธิ์
ลมเย็นๆ ของปลายฤดูหนาวพัดผ่านเข้ามาสุดแสนจะสดชื่นสุดๆ
สุขใดไหนเล่าได้เที่ยวในบ้านเราไม่มีอ่ะ

แสงไฟสีส้มตามเสาไฟฟ้าให้แสงส้มดูที่อบอุ่นดีชะมัดถนนหนทางร้างผู้คนแทบจะไม่มีให้เห็น
นานๆ ทีถึงจะมีรถสวนมาซักคัน ตามตรอกซอกซอยที่ขับรถผ่านดูสงบไม่วุ่นวายเหมือนตอนกลางวัน
แต่พอขับออกมานอกๆ

ผมกำลังอาการสุขใจกับภาพทิวทัศน์สองข้างทางแล้วพูดคุยหยอกล้อกับไอ้นิวไปตลอดทาง
อากาศหนาวๆ มันใส่เสื้อกันหนาวฮู้ดสีเขียวแก่ทำให้มันดูโคดเท่ห์และหล่อเหมือนหนุ่มเกาหลีเลยครับ

เวลามันออกมาเที่ยวมันพูดเยอะกว่าปกติครับมีอำ มีแซว มีกัดด้วย
พอผมหมั่นเขี้ยวมันมากๆก็จะหอมแก้มมันเป็นการลงโทษ ไอ้นิวก็ยิ้มๆ แต่ไม่เคยหวง
แฟนใครไม่รู้น่ารักเป็นบ้าอ่ะ อิอิ

จนเราขับพ้นเขตเมืองและเริ่มเข้าสู่เขตอำเภอเชียงดาว ที่มีแต่ภูเขา มีป่า มีสวนผลไม้
หมอกลอยฟ่องเต็มฟ้า บรรยากาศดีสุดๆ

จนเพลงของ “โปเตโต้” จบไป ไอ้นิวก็ล้วงแผ่นที่มันยืมมาจากรถของแม่มันยื่นให้ผมเปิด

“เปิดแผ่นนี้หื้อฮาหน่อย”
“โอเค!...”

ผมรับแผ่นของมันมาอย่างอารมณ์ดีคนขับสั่งอะไรทำหมดแหละ อิอิ
และพอซาวด์ดนตรีขึ้นเท่านั้นแหละโอ้ยยยย ฟินนนน!!!โอ้ยยย ชอบบบบ!!!
เพราะเป็นเพลงของ “พิงค์แพนเต้อร์ ชื่อเพลง “รักฉันนั้นเพื่อเธอ”
เป็นเพลงที่โคดๆๆๆ จะเพราะ และดังมากๆๆเมื่อหลายสิบปีก่อน ยุครุ่นพ่อรุ่นแม่เลยครับ
ผมก็เกิดไม่ทันหรอกบอกก่อนเดี๋ยวจะหาว่าแก่ 5555

เพราะได้ยินเขาเอามาเปิดในวิทยุและได้ยินจากที่ต่างๆ เป็นประจำ และพอได้ฟังเมื่อไหร่ก็โคดจะชอบ
ผมฟังไปก็โยกคอไปตามเพลงอย่างโคดจะเคลิ้มมันสื่อให้รู้เลยคนรุ่นก่อนนั้นโคดจะโรแมนติค!

“ถึงจะแสนไกล ไกลถึงใต้หล้า
สุดขอบฟ้าแสนไกล ไกลเพียงดวงดาว
ฉันหรืออาทร แม้จะร้อนดังตะวัน
กำลังใจฉันยังคงมั่น ใจฉันไม่เคยหวั่นต่อขวากหนาม
ขอให้เธอรักฉันเต็มดวงใจ ถึงจะทุกข์เท่าไหร่จะสู้ทน
ดุจดังขุนเขา หรือจะไปสนต่อลมฝนฟ้าดิน
ถึงจะแสนนานนานนับแรมปี แต่ฉันนี้เฝ้าคอย
คอยวันคืนมามาเป็นคู่ใจ เก็บรักไว้คงมั่น
กาลเวลาหรือจะมาเกี่ยว ใจฉันยังเด็ดเดี่ยวอยู่เสมอ
ฉันยังซึ้งถึงวัน ที่เธอกับฉัน พร่ำรัก รำพันเพียงเราสอง
รักที่แสนหวาน รักที่แสนหวาน รักฉันนั้น เพื่อเธอ...”


กำลังนั่งฟังเพลงไปแบบเคลิ้มๆ ฟินๆ อย่างมีความสุข

พอถึงท่อนสุดท้ายของเพลง ไอ้นิวก็ทำให้ผมหันไปมองมันอย่างแปลกใจโคดๆ!!!
ผมฟังแล้วก็ยิ้มกว้างด้วยอาการเขินชิบหาย! 555

เมื่อมันร้องคลอตามเพลง ว่า...

“ถึงจะแสนนาน... นานนับแรมปี
แต่ฉันนี้เฝ้าคอยคอย....วันคืนมามาเป็นคู่ใจเก็บรักไว้คงมั่น
กาลเวลาหรือจะมาเกี่ยว...ใจฉันยังเด็ดเดี่ยวอยู่เสมอ
ฉันยังซึ้งถึงวัน...ที่เธอกับฉันพร่ำรักรำพันเพียงเราสอง
รักที่แสนหวานรักที่แสนหวาน…รักฉันนั้นเพื่อเธอ...”

ไอ้ตี๋นิวมันจ้องผมตาเยิ้มมมมม!!! เสียงเพราะๆนุ่มๆ ของมันคลอตามเพลงจนจบ
โอ้ยย!!!บอกเลยว่าตอนนั้นผมโคดจะรักมันจังอ่ะ!!!
และที่ผ่านมาถึงมีผู้ชายมาเป็นร้อยนาทีนี้ลืมหมด ยกให้มันเป็นพระเอกเลยเอ้า! 5555

มันจับมือผมไปกำไว้แน่นนิ้วมือเรียวสวยของไอ้ป๋านิวกุมมือผมจนรู้สึกอุ่นจับใจ
ผมเขินจนหน้าแดง!แต่ก็อดยิ้มให้แฟนตัวเองไม่ได้ เพราะตั้งแต่เราเปลี่ยนสถานะจาก

“เพื่อนสนิท” มาเป็น “แฟนกัน” มันก็ไม่เคยเลยจะบอกออกจากปากซักคำ
ว่ามัน “รักผม” แต่จะกระทำว่ารักและพูดไปแบบอ้อมๆแทน

อย่าละฮาเน้อ!
อย่าทิ้งฮาเน้อ!
คิงทิ้งฮาคิงตาย!

มันจะพูดคำพูดพวกนี้มากกว่าพูดตรงๆ ว่า “กูรักมึงนะ” ก็ไม่เข้าใจมันเหมือนกัน
แต่ผมนั้นสนการกระทำมากกว่าคำพูด เพราะทุกวันนี้สิ่งที่ได้จากไอ้นิวนั้นมากมายจริงๆ
มันดูแลผมโคดจะดีมากกว่าที่ผมดูแลมันซะอีก ผมเลยไม่ได้มาใส่ใจจำว่าเมื่อไหร่มันจะบอกรักผม
เราขับรถกันไปแม้จะเริ่มมีแสงสีทองจางๆขึ้นมาที่ปลายขอบฟ้าฟ้า แต่ความมืดก็ยังปกคลุมอยู่ทั่วไป

“เริ่มแจ้งแล้วก่ะ”
“ฟ้างามแต๊ๆ เลยเน้อ”

ไอ้นิวก็ตามผมอารมณ์มือซ้ายที่ไม่ได้จับพวงมาลัยของมันยังกุมมือผมแน่น
ความอบอุ่นที่ได้รับมันทำให้ผมทั้งซาบซึ้งทั้งรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที แล้วอยู่ดีๆ น้ำตาผมก็ดันไหล!
เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับไอ้นิวเอามากๆกับความสัมพันธ์ของเราสองคน

ถึงแม้เราจะรู้กันว่าเราสองคนคบกันในสถานะ “แฟน”
แต่ใจผมเองเองก็รู้ดีว่าไอ้ตี๋นิวมันอยู่อันดับไหนในบรรดาแฟน 3 คนของผม
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้บ่อน้ำตาผมตื้นด้วยความรู้สึกหลายอย่าง
ซาบซึ้งนั้นก็ใช่ เสียใจนั้นก็ใช่ผมพยายามหันไปทางอื่นและพยายามไม่สะอื้นออกมาให้มันได้ยิน
แต่ความร้อนจากมือผมคงทำให้ไอ้นิวมันรู้สึกได้มันก็ดึงผมให้หันมา

“วิน!...คิงเป๋นอ่ะหยังก่ะ?”
ผมส่ายหัวบอก

“บ่าได้เป็นหยัง”
ผมโดนมันดึงไปแต่ตัวแต่หน้าผมยังหันไปอีกด้านข้างยิ่งทำให้ไอ้นิวแปลกใจ
แล้วมันก็จอดรถข้างๆ ทาง แล้วดึงผมหันไปหามันจนได้ผมรีบเช็ดน้ำตาประหลกๆ
แต่ตาแดงๆก็ยังเป็นหลักฐานว่าผมพึ่งร้องไห้ออกมา พอไอ้นิวเห็นว่าผมร้องไห้ก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
มันลูบแก้มผมซะนุ่มนวล

“คิงร้องไห้ยะหยังก๊า!”
“บ่า...บ่าได้ฮ้อง!”
ไอ้นิวจับมือผมไปกุมจนเกือบจะเป็นบีบจนผมเริ่มอุ่นมันไม่คาดคั้นผมต่อแต่พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“มีอะหยังอู้หื้อฮาฟังได้เน้อ”
ผมมองหน้ามันด้วยใจที่รู้สึกผิดมันดีขนาดนี้ มันหล่อขนาดนี้ เกิดในครอบครัวที่ดี
ที่สำคัญคือนิสัยโคดๆๆๆ จะดี แต่ดันมาเจอคนอย่างผม ที่ถ้าสืบประวัติคงไร้ค่าเหมือนเศษกรวดหินดินทราย

มันควรจะได้คนที่คู่ควรมากว่าผมดิ นั่นคือความคิดในตอนนั้นจริงๆ ครับ
แต่ถ้าจะให้ผมบอกความจริงออกไปปากผมก็ดันแข็งขึ้นมาเหมือนผีเข้าซะนี่!
การบอกความจริงกับคนที่เรารักและรักเรา มันอาจจะเป็นเรื่องที่แสดงออกถึงความซื่อสัตย์และจริงใจก็จริง
แต่คนอย่างไอ้นิวมันจะรับได้เหรอ คนคิดมากอย่างมันจะรับได้จริงเหรอ

และยังไงซะเวลาอีกเพียงปีเดียวที่เราเรียนจบมหาลัยฯ ไป เราก็ต้องห่างกันไปอยู่ดี
ผมก็ต้องกลับบ้านผมที่อิสาน หรือไม่ก็ต้องทำงานที่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง
ส่วนมันก็ต้องอยู่เชียงใหม่บ้านมัน ไม่ได้ตัวติดกันเรียน กิน เที่ยว นอน และมีความสุขด้วยกันบ่อยๆ แบบที่เป็นอยู่แบบนี้
แล้วแล้วทำไมไม่รักษาความรู้สึกที่แสนวิเศษนี้ให้คนที่เรารักได้จดจำเราไปนานๆ จะดีกว่า

พอความคิดเกิดผมก็เข้าไปกอดมันแน่นน้ำตาซึม ไอ้นิวก็ลูบหลังผมไปมาความอบอุ่นนั้นจับใจ!  

“ฮาแค่รู้สึกว่าเวลามันเดินไวแต๊ๆ...ฮาอยากบอกว่าฮาดีใจนักๆที่ได้มาเจอคิง!”
ไอ้นิวได้ยินก็ยิ่งกอดผมแน่นเข้าและลูบหัวผมไปมาเหมือนผมเป็นเด็กน้อยขี้แยแล้วมันก็หัวเราะขำๆ

“โอ๋ๆๆ...วันนี้จะได๋มาขี้แยแต๊...555”
ไอ้ป๋านิวก็กุมหน้าผมไว้แล้วยิ้มๆ ผมมองหน้าใสๆปากแดงๆ ของไอ้ตี๋นิวอย่างมีความสุข
แล้วมันก็จุ๊บปากผมทีนึงเป็นการปลอบใจ

ที่ๆ เราจอดเป็นริมถนนที่เป็นหุบเขาสูงภูเขาสลับซับซ้อนกันเป็นฉากๆ
หมอกขาวๆ ลอยฟ่องเต็มฟ้าโคดจะสวย มองแล้วมีความสุขสุดแสนจะโรแมนติก
บรรยากาศอันสดชื่นในยามเช้าแบบนี้การได้อยู่กับคนที่เรารักนี่มันคือสิ่งที่มีค่าอย่างที่สุดเลยครับ

ไอ้นิวอยากให้ผมรู้สึกดีมันชวนผมไปถ่ายรูปกันมันกอดผมทางข้างหลังแล้วเราถ่ายรูปคู่กันหลายใบ
ความรูสึกของผมนั้นดีขึ้นไม่ยากนักเมื่อได้เห็นคนที่ผมรักอยู่เคียงข้างผมในถานที่ๆสวยงามแบบนี้
ผมอยากจดจำหน้าตาของมันตอนนี้ไว้ให้ดีอยากจดจำอ้อมกอดและรอยยิ้มของมัน
ว่าวันนี้ไอ้นิวมันหล่อและใจดีมากแค่ไหนเพราะหากวันนึงเราต้องห่างไกลกันออกไปเราจะได้ไม่ลืมกัน

เราไปถึงดอยอ่างขางกันตั้งแต่เช้าๆ เพราะพวกเราขับตรงมาเรื่อยๆ ไม่ได้หยุดแวะบ่อยๆ
และพอเข้าสู่เขตดอยอ่างขาง

ดอกนางพญาเสือโคร่งก็เบ่งบานเป็นสีชมพูอยู่เต็มสองข้างทาง
เหมือนเป็นการคอยต้อนรับพวกเราอย่างงดงาม!!!

เพราะมาได้ถูกจังหวะที่มันบานพอดีความอลังการของดอกไม้ดอกน้อย
แต่พออยู่รวมกลุ่มกันเป็นดงเป็นป่าแล้วก็ทำให้ผมถึงกับยิ้มอย่างมีความสุข

ผมรู้สึกขนลุกซู่! อย่างสุดแสนประทับใจในความสวยงามตรงหน้า
นี่คือเมืองไทยบ้านของเราประเทศไทยของเรา ที่ น่าเที่ยวไม่แพ้ต่างประเทศซักนิด
ยิ่งขับไปเรื่อยๆดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูสองข้างทางก็บานอวดโฉมดกและหนาขึ้นเรื่อยๆ

เห็นผู้คนเริ่มออกขับรถเดินทางเก็บภาพสวยๆกันตามริมทางเป็นระยะๆ
เราเลยแวะถ่ายรูปมั่งตามประสา "ไทยมุง" 555

ภาพที่เห็นในฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาๆต่างถือกล้องยืน นั่ง นอน เก็บภาพสวยๆ
สองข้างทางกันอย่างเบิกบานใจ

ไอ้นิวบอกทางไปดอยอ่างขาง เส้น อ.ไชยปราการ - อ.ฝาง จะชันถึง ชันมาก
ถ้ารถไม่แรงพอ ต้องขับอย่างระมัดระวัง หรือถ้าไม่คุ้นเส้นทางควรนั่งรถสองแถวขึ้นไปน่าจะดีกว่า
ไอ้นิวเองก็ไม่เคยขับรถมาเองมันไม่กล้าเสี่ยงเลยขับไปอีกทางที่ไกลกว่าแต่ไม่ชันแต่ทางแคบ
แต่ดีเหมือนกันครับ เราไม่ได้รีบ ขับไป ชมวิวไป เพลินดี

บนดอยอ่างขางมี  “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง” ซึ่งเป็นโครงการหลวงแห่งแรกในพระราชดำริ
ใช้เป็นสถานีวิจัยและทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิดต่างๆไม่ว่าจะเป็นไม้ผล พืชผัก ไม้ดอกเมืองหนาว
เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขาในการนำพืชเหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพ
ซึ่งต่อมาในหลวง ได้พระราชทานนามว่า “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง”

บนดอยอ่างขางมีหมู่บ้านชาวเขาเผ่าปะหล่องต่องสู้อยู่ คือหมู่บ้านนอแล
เป็นที่รู้จักในเรื่องความสวยงามที่มีจุดชมวิวตอนเช้าที่สวยมาก

และหากช่วงไหนมีฝนตกเราจะได้พบเจอกับทะเลหมอกออกมาหยอกเย้ากับขุนเขา
พื้นที่แถบนี้เป็นรอยเชื่อมต่อสองประเทศไทย-พม่าตรงบริเวณชายแดนจะมีทหารเฝ้าและมีรั้วกั้น

เมื่อขึ้นไปถึงดอยอ่างขางจุดแรกที่เราจะได้เจอก็คือ "ฐานปฏิบัติการดอยอ่างขาง"
ที่นี่ถือว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดจุดหนึ่งในอ่างขางเลยก็ว่าได้ครับ
เพราะมีทัศนียภาพที่กว้างไกลแบบพานอรามาสุดลูกหูลูกตาด้วยทิวภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยเมฆ หมอก
สีเขียวของป่าไม้ตัดกับสีขาวสะอาดของปุยเมฆและหมอกมันยิ่งกว่าสวรรค์ดีๆนี่เองครับ

“โห!!!...งามแต๊ๆ!!! ไอ้นิวเร็วๆ เลย!!!”
ผมวิ่งนำหน้ามันไปที่จุดชมพระอาทิตย์ที่เริ่มมีผู้คนทยอยมาถ่ายรูปกันแล้วแต่ไม่หนาตาเท่าไหร่
เพราะยังเช้าอยู่แต่ถ้าสายกว่านี้คงได้รูปไม่สวยเพราะจะเจอแต่หัวคน 5555

ไอ้นิวก็ทำหน้าที่ถ่ายรูปให้ผมซะเป็นที่ถูกใจผมไปเลยครับเพราะอยากมาเที่ยวที่นี่มานานแล้ว
นึกอยากถ่ายรูปคู่พอดีเห็นพี่ผู้หญิงกำลังถ่ายรูปกับเพื่อนสาวเสร็จพอดีเลยขอให้พี่เขาถ่ายให้
ผมกับไอ้นิวก็ยืนชิดกันเก๊กท่าหล่อไอ้นิวกอดเอวผมบอกความสนิทสนม ส่วนผมชูสองนิ้วอันเป็นท่ามาตรฐาน 5555

“นึง ส่อง ซั่ม!!!”

พอแกถ่ายให้เราเลยต้องทำหน้าที่ถ่ายรูปหมู่ให้กลุ่มพวกแกบ้างพึ่งพากันไปครับคนไทยด้วยกัน
พวกพี่แกมากันเป็นกลุ่มเกือบสิบคน มีแต่ผู้หญิงล้วนๆอายุประมาณ 23-24 ปี

ถ่ายให้พวกพี่แกไปทีนี้พวกพี่ๆก็แย่งกันถ่ายรูปคู่กับไอ้นิวกันยังกะขอถ่ายกับดาราแน่ะครับ
ก็ไอ้นิวมันหล่อนี่ครับผมเข้าใจผมก็ยินดีเป็นตากล้องให้
พอถ่ายรูปด้วยกันไม่ถึงนาทีแต่ละคนฮาๆออกอาการตลกๆ สดใสร่าเริ่งกันทั้งนั้น

“น้องหล่อจังเลยค่ะ...เป็นนายแบบหรือป่าวค่ะเนี่ย”
พี่คนนึงถาม ไอ้นิวก็ส่ายหน้ายิ้มๆ ดูมันเริ่มอายๆ แล้วครับแฟนผม เห็นมันเขินแล้วน่ารักดีครับ 5555
ผมก็มองพวกแกอ้อล้อกับไอ้นิวต่อ ระหว่างนั้นพี่คนแรกก็ขอถ่ายรูปคู่กับผม

พอไอ้นิวหลุดออกมาได้แกก็ยิงคำถามกับพวกเราทันที

“พวกน้องมาเที่ยวกันแค่สองคนเหรอค่ะ...แล้วมาจากไหนกันค่ะเนี่ย”
พี่ผู้หญิงคนแรก พี่แกหน้าตาสวยน่ารัก ผิวขาว และพี่แกก็อัธยาศัยดีผมเลยตอบไป

“มากันสองคนครับพี่...พวกเรามาจากเชียงใหม่...แล้วพวกพี่ล่ะครับมาจากไหนกันครับ”

“ดีจังคนพื้นที่ด้วย...พี่มาจากนนท์ฯ ค่ะ...ส่วนเพื่อนๆ ก็มาจากหลายๆ ที่ พวกพี่ไม่ได้เจอกันเป็นปีตั้งแต่เรียนจบ...
พวกเราเลยรวมกลุ่มเพื่อนๆ สมัยเรีนยมหาลัยฯ มาเที่ยวเชียงใหม่กันค่ะ”

พี่แกเล่าให้ฟังว่า ว่าเคยมาดอยอ่างขาแล้วสมัยเรียนอยู่มหาลัยฯ และพอจบไปต่างก็แยกย้ายไปทำงานแล้วก็นัดกันมาเที่ยวอีกครั้ง

ฟังแล้วก็รู้สึกดีและประทับใจเป็นบ้า นี่แหละเขาว่า “เพื่อนไม่เก่า”  จริงๆ

กำลังคุยกับพี่ผู้หญิงคนสวยอยู่ดีๆ พี่ผู้หญิงคนนึงที่ออกอวบๆ ท่าทางตลกๆ และดูสนุกสนานอารมณ์ดี
ก็เกี่ยวแขนเพื่อนสาวตัวเล็กๆ เข้ามาคุยกับพวกเราด้วย

มาถึงแกกับเพื่อนสาวก็จดๆ จ้องๆ ผมสองคนด้วยสายตาเหมือนนักสืบโคแนนอ่ะ เห็นแล้วโคดขำ 555
เพราะอาการของพี่แกดูโยกคอส่ายหัวไปส่ายหัวมา แบบสงสัยสุดๆ ผมล่ะขำมาก
ท่าทางพี่คนนี้จะเป็นตัวชูรส และคอยเอ็นเตอร์เทนของรุ่นแน่ๆ ผมขอเดา 5555

“เอ๊ะคุณน้องค่ะ...หนุ่มๆ มากันเองสองคนแบบนี้...เอ๊ะๆๆ!!!...มันยังไงกันค่ะ...เอ๊ะๆ”
แกพูดคำว่า “เอ๊ะ” อยู่ร่วมสิบครั้งได้ครับ ฟังแล้วขำหนักมาก!!! ในกิริยาอาการสนใจ และดูตลกๆ ของพี่แก

“นี่ๆๆ!!! พวกแก”
พี่คนสวยก็เอ็ดเพื่อนสาวคงกลัวพวกผมเขิน
และผมก็เขินจริงด้วยในคำพูดพี่แกเพราะพวกพี่แกมองมาพวกเราอย่างสงสัย

ส่วนไอ้นิวมันคงขันในอาการกระดุ๊กกระดิ๊กของพี่คนตลก แต่พยายามกลั้นหัวเราะอยู่
พี่ผู้หญิงที่ตลกๆ กับพี่ผู้หญิงคนตัวเล็ก แกมองหน้าผมสองคนสลับกันไปมา
หน้าตาแกเจือด้วยยิ้มๆ พร้อมทำตาโตแบบมีเลศนัยอาการกระดุ๊กกระดิ๊ก!!! แต่แกทำได้น่ารักดีครับ
ดูแล้วผมก็ว่าแกไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร ผมเห็นแล้วก็ได้แต่หัวเราะกั๊กๆ! แล้วพี่แกสองคนกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน

“ฉันว่าใช่แน่ๆ เลยแก๊!...ว้าย!!!”
“ฉันก็ว่าใช่...ว้าย!...ฟิน!!!...หน้าตาน่ารักทั้งคู่เลยอ่ะ...แล้วแกว่าใครเมะ...ใครเคะ”
“ฉันทายว่าน้องคนตี๋หล่อเป็นเมะชัวร์ค่ะคุณเพื่อน...ส่วนคนตัวเล็กต้องเป็น.......”
เสียงกระซิบค่อนข้างชัดครับถ้าจะพูดขนาดนี้ผมว่าถามออกมาเลยไหม ใครผัว ใครเมีย 555

“พวกแก!!!...พอได้แล้วอายพวกน้องๆ เขาบ้าง”
พี่คนสวยปรามเพื่อนซี้แล้วทำท่าขอโทษขอโพยพวกผมด้วยสีหน้าลำบากใจ

“เพื่อนพี่สองคนออกบ๊องๆ น่ะค่ะไม่เต็ม!!!...(แล้วหันไปดันเพื่อนๆกลับ)...ไปๆ กันได้แล้ว!!!”
ผมกับไอ้นิวก็ยกมือไหว้พวกพี่ๆแกแล้วเดินออกมา

“ยัยส้ม!...อย่าเพิ่งสิฉันกำลังสูดความวายจนเต็มปอดอยู่เนี่ย!”
พี่คนตลกกับพี่คนตัวเล็กโดนพี่เขาลากกลับเข้ากลุ่มแบบไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะพลาดจากความวายที่แกว่า

“น่ารักอ่ะแก๊!...รักกันนานๆ น่ะค่ะคุณน้อง!!!”

เสียงพี่ผู้หญิงคนแรกยังตามก้นพวกเราสร้างความครื้นเครงพอจนผมกับไอ้นิวเดินไปหัวเราะไป
ตามเสียงเจื้อยแจ้วของบรรดาสาววายอย่างพวกพี่แก อุตส่าห์หนีจากเมืองใหญ่มาเที่ยวดอย
ก็ยังมาเจอสาววายตัวแม่อยู่บนดอยอ่างขางอีกจนได้ แต่ฮาๆ ดูตลกๆ และน่ารักดีครับ 555

แล้วผมกับไอ้นิวก็ขับรถไปเที่ยวต่อในโครงการหลวงอ่างขางไปชมสวนดอกไม้กันครับ
พอเข้าไปปุ้บ!โห!!! สวยงามอลังการสุดๆ!!! ไปเลยครับท่านผู้ชม
งามสว่างกระจ่างเหมือนแดนสวรรค์เลยครับ!!! ผมมีความสุขสุดๆ แล้วเราก็หามุมถ่ายภาพกันเป็นที่สนุกสนาน

“ไอ้คนนี้...มันบ้าแอ่วดีแต๊ๆ”

ไอ้นิวเห็นผมวิ่งพล่านไปมุมนั้นทีมุมนี้นี้ก็ส่ายหัวยิ้มๆ
แต่ถึงงั้นหมอก็ยอมทำหน้าที่ถ่ายรูปให้ผมซะผมอย่างดีเลยครับไม่มีปริปากบ่นซักคำ
ระหว่างถ่ายรูปกับสวนดอกไม้ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาเขียวขจีอันเป็นวิวที่สวยสุดๆ ครับ

ระหว่างนั้นก็มีน้องผู้หญิงน่าจะเรียนมัธยมปลายมาขอถ่ายรูปไอ้นิว

“พี่ค่ะๆ ขอถ่ายรูปกับพี่หน่อยได้ไหมค่ะ”

ไอ้นิวทำท่าลังเล เพราะปกติก็ไม่ค่อยให้คนแปลกหน้าถึงตัวได้ง่ายซักเท่าไหร่ ถ้าไม่มีเพื่อนๆ อยู่ด้วย
ผมเห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปอาสาถ่ายให้เลยครับ แหมใครมาชอบ มาปลื้มแฟนเรา เราควรสนับสนุนดิ ว่าป่ะ 555

“ได้เลยน้อง...มาเดี๋ยวพี่ถ่ายให้เอง!”

ผมว่าแล้วรับกล้องดิจิตอลมาจากน้องหน้าตาน่ารัก ไอ้นิวก็ทำหน้าเซ็งๆ ใส่ผม
พอผมบอกให้มันยิ้มมันถึงได้ยิ้มแอ็คท่าถ่ายรูปไปกับน้องๆ
แล้วสาวน้อยทั้ง 3 นางก็แอ็คท่าถ่ายกับไอ้นิวอยู่หลายแช้ะ! ทีนี้ดูท่าทางจะไม่อยากจากไอ้นิวซะแล้วแฮะ 555

แต่ตอนนี้ไอ้นิวไม่เล่นด้วยแล้วครับ มันยิ้มๆ หัวให้สาวน้อยแบบมีมารยาทดี
แล้วเดินไปถ่ายรูปทางอื่นอย่างไม่เหลียวหลังเลย 555
นี่แหละครับตัวตนมันล่ะถ้าเริ่มไม่เอาอะไรแล้วมันจะหันหลังให้ทันที

ผมกับไอ้นิวเดินเที่ยวกันไปทั่วดอยอย่างมีความสุข ได้รูปผมาเป็นร้อยเลยครับ
ทั้งแวะเข้าไปถ่ายไร่สตอเบอรี่แล้วมีแอลเด็ดกินด้วย หวานซะ แต่หวานน้อยกว่าผมกับไอ้นิวนะ อิอิอิ

จนกระทั่งค่ำแล้ว พวกเราก็หาเต็นท์นอนกันครับเพราะห้องพักตอนนี้เต็มเกือบหมด
พอได้เต็นท์นอนก็อาบน้ำอาบท่าและหาของลงท้องครับ
กินอะไรกันเสร็จเราก็เดินหาซื้อหมวกผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้า กันหนาวกันแล้วหาอะไรกินกันจนอิ่ม
ระหว่างที่ไอ้นิวดูของเพลินๆผมก็ได้หมวกโม่งให้หมอใบนึง

“อั้นนี้เหมาะกับคิงดีก่ะ”
ผมยกหมวกโม่งสีลายพรางแบบทหารเข้ากับเสื้อหมวกฮู๊ดสีเขียวเข้มของมันเป้ะ!

“คิงซื้อให้ฮาก๋า?”
หมอดูท่าทางดีใจที่ผมซื้อหมวกโม่งให้
พอรับไปแล้วลองสวมๆ ดู โหใส่แล้วโคดเท่ยังกะพวกฮิปฮ็อปบอยแบนด์แน่ะครับ อิอิ

“หล่อขนาด!!!”
มันก็ยักคิ้วและยิ้มให้ผม

“ขอบใจ๋เน้อ”
“คร้าบบ!”
ผมยิ้มรับ แล้วเราก็ชวนกันกลับเต็นท์นอนวิมานแสนสุขของเราสองคนในคืนนี้ อิอิอิ

เต็นท์เราทำเลไม่ขี้เหร่นัก เพราะอยู่ริมเนินเขาสูงลิบลิ่วบรรยากาศดีสุดๆ มองลงไปเห็นแต่หมอกปกคลุมไปทั่ว
เห็นแต่แสงไฟจากเต็นท์ จากบ้านพักเป็นแค่แสงไฟจางๆ
พอมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดาวกลับดารดาษเต็มฟ้า โห! คืนนี้อะไรจะเป็นใจปานนี้เนี่ย!
นั่งรับอากาศหนาวอยู่หน้าเต็นท์กันสองคนก็นั่งคุยกันไป

“เป็นจะได๋พ่อง...ได้มาแอ่วดอยอ่างขางสมใจ๋แล้ว...ม่วนก่อ”
ไอ้นิวมันถามผมหน้ายิ้มๆ อย่างใจดี ยิ่งเมื่อเห็นผมดูฟินซะเหลือเกิน

“ม่วนขนาด!...ม่วนแต๊ม่วนว่าเลยป๋า!...ขอบใจ๋นักๆเลยเน้อป๋านิว!”
ทีนี้ผมเลยติดปากเรียกมันว่าป๋านิวเลยครับเพราะความใจป้ำของมันนี่เอง 5555
มันก็หัวเราะในสรรพนามใหม่ของมันที่ผมเรียกครับ

กับบรรยากาศหนาวๆ ทิวทัศน์สวยๆยิ่งเริ่มค่ำอากาศก็ยิ่งเย็นต่ำเกือบเหลือแค่ 10 องศา!!!
หนาวแค่ไหนก็ไม่ยั่นครับเพราะคืนนี้มีคนนอนกอด 5555

เรานั่งคุยกันจนดึกผู้คนจากที่นั่งเป็นกลุ่มๆพูดคุยกันก็เริ่มเข้าบ้านพัก เข้าเต็นท์นอนแล้วครับ
ผมเห็นว่าไม่มีคนแล้วเลยเข้าไปกอดไอ้คนหล่อหน้าใสซะแน่น

“คนอ่ะหยัง...หน้าบ่าอายเลยเน้อ!...555”
มันว่าแต่ไม่ห้ามครับ แถมกอดตอบผมด้วย

“อา...อุ่นขนาด!”
ผมหลับตากอดแฟนอย่างมีความสุขภายใต้อากาศที่ต่ำลงเกือบแตะ 10 องศานี้
ถึงจะหนาวจนปากคอสั่น แต่ผมกลับอุ่นเหลือเกิน

“คิดเติงตอนตี้พวกเฮาไปแอ่วดอยปุยเมื่อตอนนั้นเน้อ!”
“ใจ้ก่ะ...ตอนนั้นฮายังแค่เป็นเพื่อนกัน...”
“แล้วตอนนี้ล่ะก๊า...เป๋นอ่ะหยังกั๋นแล้ว”

ผมว่าไปก็ทำตาหวานใส่ไอ้คนหน้าใสที่ผมกอดอยู่มันก็ยิ้มหล่อ ขำๆ ผม
ผมกอดมันไป มือก็เริ่มซุกซนครับแล้วผมก็ล้วงไปที่เป้าของมันอย่างติดนิสัย ไอ้นิวก็ดุ!แล้วกุมมือผมไว้

มาจับขลำฮาจะอี้...มือนี่น่าตีขนาด!!!”
“ขอจับหน้อยบ่าได้ก่ะ 555”
“จะจับก่อไปจับในเต็นท์...ป้ะ!”
ไอ้นิวพูดแบบคนกำลังกะเจี๊ยวตื่นเหมือนกันครับ เพราะมันดันหลังผมเข้าไปในเต็นท์เองเลยครับ 5555

พอเข้าเต็นท์ได้มันก็ผลักผมลงแล้วกอดจูบผมใหญ่ผมก็ครางเบาๆ เพราะมีเต็นท์อื่นอยู่ไม่ห่างกันนัก

“อืออออ!!!”

ผมกอดรอบคอไอ้ป๋านิวแน่น ปล่อยให้มันรุกผมตามความต้องการของมันเพราะตอนนี้ผมเสียวสุดๆ แล้ว
คงเพราะการได้มาทำอะไรเอาท์ดอร์นอกพื้นที่เลยยิ่งทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมเอามากๆ
ไอ้นิวล้วงมือเข้าไปบีบอกผมแรงๆอย่างมันมือ!

ปากมันก็ไซ้ตามคอตามติ่งหูผมจนผมเสียวสั่นไปหมดแล้วครับตอนนี้
ระหว่างนี้ผมก็ทำหน้าที่ปลดกางเกงมันลงไปด้วยในขณะที่มันก็ถอดกางเกงผมออก
ปากเราสองคนจูบกันจ๊วบๆอย่างเร่าร้อนไม่สนอากาศภายนอกที่หนาวยะเยือกจนเกือบจะติดลบ
เพราะตอนนี้อากาศในเต็นท์มันร้อนถึงขั้นเกือบ 100 ฟาเรนไฮด์!!! แล้วนี่ครับ 555

ปากของไอ้นิวหวานอร่อยจนผมแลกลิ้นได้ไม่เบื่อครับน้ำลายเราสองคนแลกกันไปมาจนบานฉ่ำ!
เรากอดจูบกัน ไซ้กันไปมาอยู่อย่างนั้นจนแทบไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่
แล้วไอ้นิวก็นอนหงายให้ผมโม๊คให้มันผมก็บริการได้หน้าใสอย่างเต็มที่เลยครับ
ไอ้นิวเสียวแต่ไม่กล้าครางดังได้แต่กัดกำปั้นเอาไว้อีกมือก็กดหัวผมให้โยกเข้าหาควยหัวแดงดุ้นขาวของมัน

“ซิ!...ซี้ดดด!!!”

มันสูดปากครางเบาๆ  ผมก็ยิ่งมันปากครับควยไอ้นิวมันสดสะอาดเหมือนควยเด็กนี่ครับ
หัวแดงสดสะอาดดูดอร่อยจนผมแทบไม่อยากละปาก!
เราไม่ได้ถอดเสื้อผ้ากันหมดเพราะหนาวมากปลดลงแค่ต้นขาให้พอเอากันได้เท่านั้น
ในความมืดมิดควยไอ้นิวแข็งปั๊ก!และเนื้อตัวก็เนียนแกร่งจนผมเสียวกระสันสุดๆ!!!

จนไอ้หน้าใสมันทนความต้องการไม่ไหวมันก็ให้ผมนั่งเทียนให้ผมก็ควบซะมันหยดติ๋งๆ ไปเลยครับ!
เราสองคนตอบสนองกันไปอย่างเร่าร้อนกลางดอยสูงแห่งนี้
จนไอ้นิวต้องการวาดลีลาเย็ดเองมันก็จับขาผมพาดบ่าแล้วกระแทกผมซะเกือบหลุดปากครางดังๆเลย!

“อ้ะๆๆๆ!!!”
ความแข็งของพื้นดินมันทำให้ผมเจ็บจนต้องกอดคอไอ้ตี๋นิวแน่นๆ ยิ่งทำให้มันกระหน่ำเย็ดผม
จนน้ำผมแตกออกมาเองเลยครับ โห!!! แบบว่าเสียวสัดๆ อ่ะ!!!

ผมเสร็จไปได้ไม่นานไอ้นิวก็เร่งกระแทก ตั้บๆๆๆ!!!!! เย็ดรัวๆส่งควยหัวแดงเข้าในตัวผมอีกหลายที

“ฮึ้บๆๆๆ!!!”

เสียงครางตอนมันเย็ดดังระงมอยู่ข้างหูผมฟังแล้วมีอารมณ์ร่วมที่สุดครับ!
จนกระทั่งมันทนความเสียวต่อไปไม่ไหวมันก็กระแทกป้าบๆๆๆ!!!อีกหลายที
มันก็น้ำแตกเข้ามาในตัวผมหลายชุด!!!

“อ้ะ!!!...อูยยยย!!!”
ไอ้นิวร้องครางเบาๆ แล้วนอนกอดผมแน่น!

“อ่า!...ฮู้สึกดีแต๊ๆ เลย...คิงเอามันขนาดเลยฮู้ก่อ”

มันว่าแล้วจูบแก้มผมทีนึงผมก็จูบมันคืนมั่ง แล้วเราสองคนก็รัดกันแน่นแลกไออุ่นระหว่างกันและกัน
เราจูบปากกันนัวเนียอีกครั้งเป็นการจูบลาในค่ำคืนแห่งความสุข
อากาศภายนอกที่ว่าหนาว ก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอกครับตอนนี้ อิอิอิ

แล้วคืนนั้นผมกับไอ้นิวก็หลับไปด้วยความสุขและหวานชื่นในเต็นท์แคบๆ หลังนั้น........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น