วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 83 ไอ้หนุ่มกลองยาวเป้าใหญ่ (1)

ปลายปีนั้นผมกลับบ้านเพื่อไปช่วยงานแต่งของ "ไอ้ชาติ" ที่เป็นเพื่อนของผม
ถ้าใครที่อ่านมาตั้งแต่ต้นอาจจะจำกันได้ว่า ไอ้ชาติ เป็นเพื่อนเล่นของผมตั้งแต่เด็กๆ
และเป็นญาติๆ กัน เพราะ ปู่ผม กับ ย่า ของมันเป็นพี่น้องกัน และบ้านเราก็อยู่ติดกัน
ตอนเด็กๆ ไอ้ชาติเลยเป็นเพื่อนที่สนิทกับผมมากคนนึง

หลังจากเรียนจบ ม.3 มันก็เรียนวิทยาลัยเทคนิคในตัวจังหวัด
และพอเรียนจนจบ ปวช. มันก็ไปทำงานที่กรุงเทพ(ตามสูตร)
พอมาปีนี้มันก็ให้แม่ไปขอสาวให้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล

ก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เรียนกันมาตั้งแต่ ม.1 นั่นแหละครับ
เห็นมันจีบๆ กันอยู่ตั้งแต่ ม.2-ม.3 และก็คบหากันมาเรื่อยๆ
ผมเลยต้องมาจากเชียงใหม่เพื่อร่วมงานแต่งของเพื่อนเก่าทั้งสองคน

ในงานก็เจอเพื่อนเก่าๆ สมัยเรียน ม.ต้น เยอะแยะไปหมด
เห็นหน้ากันแล้วบ้างก็หัวเราะบ้างก็ขำๆ เพราะภาพวันคืนเก่าๆ
มันเหมือนกับว่าผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ เลยครับ ทั้งเรื่องสุขเรื่องตลกโปกฮา และเรื่องเศร้า

หลายๆ คนพอจบ ม.3 แล้วก็แต่งงานเลยก็มี บางส่วนก็จบ ม.6
แล้วไปทำงานกรุงเทพ หรือไม่ก็ต่อวิทยาลัยเทคนิคก็มี
แต่ส่วนใหญ่จะเรียนจบแค่ ม.3

มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เพราะจังหวัดผมเป็นแค่จังหวัดเล็กๆ
ชาวบ้านส่วนใหญ่ของจังหวัดจึงมีฐานะยากจน
การที่ต้องรีบทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยจึงเหมือนเป็นเส้นทางที่ถูกขีดให้ทำ มากกว่าที่อยากจะทำ

งานแต่งถูกจัดอย่างง่ายๆ ไม่ใหญ่โตอะไรตามประสาครอบครัวชาวบ้าน
และคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีและเป็นพ่องานก็คือพ่อของผม
เพราะว่าพ่อไอ้ชาติมันเสียไปเมื่อหลายปีก่อน เหลือแต่แม่แก่ๆ แค่คนเดียว

ครอบครัวเราเป็นญาติกัน เพราะว่า "ปู่ผม" กับ "ย่าไอ้ชาติ" เป็นพี่น้องกัน
และปู่ผม กับย่าไอ้ชาติต่างก็มาเป็นเขย มาเป็นสะใภ้ของหมู่บ้านนี้
ด้วยความเป็นญาติพ่อผมเลยเป็นพ่องานใหญ่ช่วยจัดการงานแต่งให้หลานชาย

ขบวนแห่นำโดยกลองยาวฝีมือดี ตบป๊ะ! เท่ง! ป๊ะ! เข้าจังหวะกันดีเหลือเกิน
เสียงกลองเสียง โห่ฮี้โห่!!! สร้างความครึกครื้นและรู้สึกที่เป็นมงคล!!!
ชาวบ้านที่เสียงดีๆ ก็รำอยู่แถวหน้าเพื่อช่วยส่งเสียง

โห่ฮิ้ว!!!

เป็นการสร้างความมงคลและให้เกิดความครื้นเครง!!!
ลุง ป้า น้า อา ย่า ยาย พ่อใหญ่ ตั้งแต่วัยกลางคนจนไปถึงแก่ๆ วันนี้ก็ออกวาดลวดลายรำป้อกันอย่างสนุกสนาน
เด็กๆ รุ่นลูกรุ่นหลานเห็นแล้วก็ออกมาเต้นยิกๆ แย่กๆ ตามไปด้วย
ผมเห็นแล้วก็เกิดความรู้สึกสนุกตามไปด้วย เพราะบรรยากาศแบบนี้หาได้น้อยเต็มทีในยุคปัจจุบัน

เพราะคนสมัยใหม่นิยมอยู่กินกันโดยไม่แต่งงานเสียมาก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องแต่งให้ถูกต้องตามประเพณีที่ดีงาม
สมหน้าสมตากัน นับเป็นเกียรติไปจนถึงลูกๆ ว่าพ่อแม่ได้แต่งงานกันมีชาวบ้านมาร่วมเป็นสักขีพยานรัก
ไม่ใช่กินกันในที่ลับโดยไม่มีใครรู้

แต่ก็อีกนั่นล่ะนะ เวลาเปลี่ยน สมัยเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน ค่านิยมเปลี่ยนไปตามยุค ยากที่จะทัดทานไม่ให้เกิดขึ้นได้
คณะกลองยาวฝีมือดีนี้ถูกจ้างมาจากตำบลอื่น ซึ่งเป็นตำบล เป็นหมู่บ้าน บ้านเดิมของปู่ผม
เพราะหมู่บ้านเราเดี๋ยวนี้ไม่มีคณะกลองยาวแล้ว ถ้าจำกันได้ก็เป็นหมู่บ้านของพี่ถม
(หาอ่านได้ใน บทที่ 42 หนุ่มช่างฯ กับมุกสามเม็ด)

ที่พ่อผมเคยไปจ้างมาสร้างบ้านให้เมื่อหลายปีก่อนนั่นแหละครับ
เฮ้อ! นึกขึ้นมาทีไรเป็นเสียวจี้ดๆที่รูตูดทุกที
ก็กว่าจะสร้างบ้านเสร็จผมก็กินควยพี่ถมกับควยพี่ยอดเกือบทุกวันนี่ครับ
มันสะใจสุดๆ อ่ะ หนุ่มล่ำๆ เถื่อนๆ ดิบๆ อย่างพี่ถม พี่ยอด ผู้ชายไทบ้านสองคนที่เรี่ยวแรง ลีลาสุดแสนจะน่าจดจำ!

เพราะหนุ่มใหญ่วัยสามสิบอัพอย่างพี่ถมนั้น ทั้งขนาด และมุกสามเม็ดยังโดนใจผมไม่หาย
ส่วนพี่ยอดก็หน้าตาแมน เนื้อแน่น กล้ามโตเป็นมัดๆ เอวตอนซอย ตอนเด้า ก็เด้าไวดีชิบหาย!
ผมเลยประทับใจไม่เคยลืมเลยครับ

แต่ตอนที่ไปงานแต่งของไอ้ชาตินั้นพวกพี่แกแต่งงานมีเมียมีลูกไปแล้วครับ
เพราะว่าพี่ถมแกเป็นญาติห่างๆ กับพ่อผม และแม่ไอ้ชาติ(เจ้าบ่าว)
เพราะถึงจะเริ่มห่างๆ กันออกมาแล้ว แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนพ่อผมก็ยังคงไปมาหาสู่กับญาติๆ ฝ่ายโน้นไม่ได้ขาด
เวลามีอะไรก็จะไปไหว้วานให้มาช่วยอยู่ตลอดๆ

ตั้งแต่คณะกลองยาวที่พ่อจ้างมาลงจากรถผม ตาผมก็เล็งไว้หมดทุกคนแล้วครับ 5555
ก็ดูดิครับทั้งหน้าตา ทั้งหุ่น ผิวพรรณ หน่วยก้าน และบุคลิกแมนๆ นั้น
แต่ละคนมองปุ้บก็รู้ปั้บว่าสามารถใช้งานเรื่องอย่างว่าได้ดีแน่นอน!!!
เพราะเป้ากางเกงยีนส์แต่ละคนนั้นตุงๆ น่าดูชมกันทั้งนั้น

อกก็ล่ำ แขนต้นขาใหญ่ เห็นแล้วสยิวกิ้วสุดๆ ในคณะกลองยาวเกือบสิบชีวิตมีอยู่กว่าครึ่งที่หน้าตาผ่านเกณฑ์ของผม
(มึงมีเกณฑ์ด้วยเหรอวะได้โอกาสเป็นฟาดหมด 5555)

นอกเหนือจากหน่วยก้านดีเข้าตาแล้ว หน้าตาอีกสี่ห้าคนก็เข้าขั้นดีเลยทีเดียว
คือตาคมจมูกเป็นสันได้รูปไม่หัก ไม่แหมบ แต่โดยส่วนใหญ่ผิวจะค่อนข้างคล้ำแดด
เพราะหนุ่มๆ เหล่านี้นอกเหนือจากเรียนแล้วก็จะต้องช่วยพ่อแม่ทำนาไปด้วย

โดยเฉพาะไอ้หนุ่มกลองยาวที่ตีกลองไปทั้งเต้นและฟ้อนไปด้วยเพื่อให้เข้าจังหวะ
กับเครื่องดนตรีอื่น ดูเอวพ่อเจ้าประคุณช่างเด้งซ้าย เด้งขวาได้ดีกันทุกคนเลยอ่ะ อิอิอิอิ

เห็นแล้วชวนจินตนาการตามชิบว่าตอนเด้าจะเอวดีซักแค่ไหน 5555
ผมเพ่งแล้วเพ่งอีกอ่ะครับที่เป้าห่อหมกของไอ้หนุ่มกลองยาวหลายๆ คน
เห็นแล้วก็เป็นหนุ่มรุ่นๆ กันทั้งนั้น อายุอานามน่าจะรุ่นน้องผมหรือไม่ก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน
เพราะหน้าตายังอ่อนๆ อยู่เลย

พอถึงบ้านเจ้าสาวพิธีก็เป็นไปตามฤกษ์ยามที่เตรียมกันไว้ จนเจ้าบ่าวขึ้นไปบนบ้านเจ้าสาวแล้ว
ผมกำลังจะตามไอ้หนุ่มกลองยาวเพื่อไปดูแลซักหน่อย แต่ไอ้ชาติกับเจ้าสาวก็จูงมือกันเดินมาทางผมพอดี

“เฮ้ย!...กูดีใจจริงๆ นะเนี่ยที่มึงมางานแต่งพวกกูได้ไอ้วิน”

ไอ้ชาติมันตบไหล่ผมแปะๆ หน้าตาที่ดูซื่อๆ ของมัน วันนี้ดูอิ่มเอมใจอย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้จะเจือด้วยความเหนื่อยเพลียก็เหอะ ไอ้ชาติใส่ชุดพระราชทานสีขาวงาช้างคอตั้ง
และมัดเอวด้วยผ้าไหมทอง ดูหล่อและสง่ากว่าวันก่อนๆ ที่เคยเห็นมันซะอีก

“ไม่มาได้ไงวะก็งานแต่งเพื่อนกูทั้งคนนี่หว่า 5555”
“ดีมาก!!!...ถ้าไม่มาเป็นไม่นับเป็นเพื่อนเป็นญาติกันแน่ๆ ล่ะงานนี้ 5555”
“จะเรียนไปจนจบด็อกเตอร์หรืองัยจ้ะวินแล้วเมื่อไหร่จะแต่งงานเนี่ย”
ทรายเจ้าสาวและเป็นเพื่อนเรียนสมัย ม.ต้น ถามผม

“อ้อ...เนื้อคู่เราคงยังไม่เกิดหน่ะทราย...เอาไว้รอลูกสาวทรายกับไอ้ชาติโตก่อนก็แล้วกัน... เราถึงจะแต่ง 5555”
“ได้ๆๆ ถ้าเรามีลูกสาวนะเราจะยกให้วินเลย”
ทรายมันทักทายผมด้วยไมตรีทุกครั้งที่เจอ วันนี้ทรายมันสวยผิดหูผิดตา

เพราะปกติมันไม่ใช่คนสะสวยอะไร แม้ว่าจะมีดีที่ผิวขาว
แต่ทรายมันมีดีที่นิสัยและการวางตัวได้ดี ซ้ำยังเป็นแม่บ้านแม่เรือน
วันนี้แต่งชุดไทยนุ่งห่มสไบเข้าหน่อยก็งามตาดี ที่เข่าว่ากันว่าผู้หญิงจะสวยที่สุดก็ในวันแต่งงานเห็นจะจริง

จนทักทายกันเสร็จผมถึงได้โอกาสกลับไปบ้านเพื่อดูแลหนุ่มๆ คณะกลองยาว
ที่พ่อจ้างมาผมรีบเข้าไปบริการด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
และรีบอ้างตัวทันทีว่าเป็นลูกตาบุญหนุ่มๆ คณะกลองยาวก็ถึงกับอ้อออกมาพร้อมกัน
เพราะพ่อผมน่ะไปหมู่บ้านพวกหนุ่มๆกลุ่มนี้บ่อยๆ

“เหนื่อยกันมั๊ยเนี่ยหิวกันยังครับ”
“หิวครับ...หิวจนแสบใส้ไปหมดแล้วเนี่ย... เตรียมตัวกันตั้งแต่ตีห้าแน่ะ”
หนุ่มที่ชื่อ “แผน” อายุน่าจะมากกว่าใครเพื่อนตอบแบบแมนๆ เสียงเข้ม

“เมื่อเช้าเกือบขึ้นรถไม่ทันก็เพราะไอ้เป้านั่นแหละ แม่งตื่นก็สายซ้ำยังแต่งตัวนานโคดๆ”
หนุ่มหน้าตาดีดูคมสันผิวออกไปทางผิวสองสีดูเนียน และเนื้อก็แน่น
มารู้จักชื่อทีหลังว่า “ไอ้ไผ่” โยนความผิดไปที่ไอ้หนุ่มหน้าตาละอ่อนกว่าใครในกลุ่ม

ผมว่าคนนี้หน้าตาดูหล่อสุดโดดเด่นที่สุดในคณะกลองยาวคณะนี้ก็ว่าได้
เพราะทั้งหล่อ และขาวล่อน หุ่นเหมาะๆ กำลังน่ากิน
ก็สมกับที่หมอจะแต่งตัวช้าอยู่หรอกครับ ก็ออกจะน่ากินขนาดนี้นี่ครับ อิอิ

“อ้าวๆๆ!!! ไหงมาโยนความผิดให้กับผมล่ะพี่...ทีไอ้บี้ขึ้นรถทีหลังผมไม่ยักกะมีใครว่ามันซักคำ”
“ก็ไอ้บี้มันต้องช่วยงานยายมันนี่หว่า...ส่วนมึงน่ะไม่ต้องทำอะไรแทนที่จะตื่นเช้าๆ”

ไอ้เป้าหน้าหล่อด่าต่อไปยังไอ้บี้ซึ่งเด็กสุดในกลุ่มอายุน่าจะซัก 14-15 เห็นจะได้
แต่ก็ถูกเพื่อนในคณะอีกคนตอบกลับไป

“กูบอกแล้วว่าอย่าให้มันมา...อาถมก็ยังอยากให้มันมาอยู่ได้”
ไอ้ไผ่พูดเปรยๆ ออกมาจากปาก จนคณะกลองยาวเริ่มมีอาการตึงๆ

พอชื่อ “อาถม” กระทบหูผม เลยรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที
เพราะชื่อแปลกๆ แบบนี้จะซ้ำกันทีละสองสามคนก็แปลกล่ะ

“อ้าวนี่พวกนายรู้จักพี่ถมด้วยเหรอ”
“ไม่รู้จักได้งัยก็อาถมน่ะเป็นอาแท้ๆ ของกูกับไอ้ไผ่”
ไอ้แผน ไอ้หนุ่มหน้าตาคมคาย หุ่นแน่น ผิวเข้มรีบออกตัว

เอาแฮะดูๆ ไปหน้าตานายแผนกับนายไผ่ละม้ายคล้ายพี่ถมอยู่ไม่น้อย
ที่แท้ไอ้แผน กับไอ้ไผ่ เป็นพี่น้องกัน เป็นหลานของพี่ถมหนุ่มช่างสร้างบ้านญาติของผม
ไอ้แผนอายุ 20 เท่ากับผม ส่วนไอ้ไผ่คนน้องอายุ 19

ผิวและหน้าตาไอ้ไผ่น่ากินไม่แพ้ชาย แต่ไม่เข้มจัดเท่า ออกสองสีดูนวลๆ
แถมดูมาดแล้วค่อนข้างจะออกกร่างๆ เสียด้วยซ้ำ บางทีก็พูดมากจนเหมือนคนติดจะขี้โม้
แต่เสียงมันหล่อ และบุคลิกมันดูเด่นสะดุดตาเลยไม่ได้ทำให้น่ารำคาญเลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้ทั้งพี่ทั้งน้องกำลังเรียนระดับ ปวส.1 และ ปวส.2 อยู่เทคนิคทั้งคู่
ส่วนไอ้เป้าอายุ 17 เรียนอยู่ ปวช.2 ส่วนคนอื่นๆ ก็ไล่เลี่ยกันไปครับ

ผมหาข้าวปลาอาหารมาให้หนุ่มๆ คณะกลองยาวกินกัน
ระหว่างที่กินกันไปก็รีบทำแต้มทันทีครับเพราะเดี๋ยวอด 5555
เพราะกลองยาวเขาใช้แค่ตอนสู่ขอนี่ครับ
ผมก็รีบเข้าไปพูดคุยและถามไถ่ด้วยใจรักงานบริการ(โดยเฉพาะผู้ชาย5555)

จากที่คุยๆ กันพักใหญ่เลยให้ทราบว่าไอ้ไผ่นี่ออกจะคุยโวดูเป็นคนมีวาทะในการพูด
ไอ้แผนดูสุขุมกว่าและเสียงก็ฟังดูเข้มๆ และแมนๆ ดี
ไอ้เป้าจะออกแนวจะกวนๆ หน่อย ชอบพูดขัด เลยทำให้เพื่อนๆ คนอื่นกัดมันอยู่ตลอด แต่ก็ขำๆ อ่ะครับ

แต่ละคนก็คุยสนุกดีครับ เพราะผมจะสรรเสริญเยินยอสารพัดว่าตีกลอง ดีดพิณ เป่าแคน เล่นดนตรีเก่งทั้งนั้น
แถมยังขยันช่วยพ่อแม่ทำมาหากินอีก พอหนุ่มๆ ได้ฟังก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เพราะหนุ่มๆ แถวบ้านผมน่ะมักจะยิ้มอย่างภูมิใจเสมอเมื่อมีใครมาชมตัวเองว่าขยัน

พออิ่มข้าวกันแล้วผมก็เอาเหล้าจากบ้านไอ้ชาติมาเลี้ยงหนุ่มๆอีกหลายขวด
ไอ้หนุ่มคณะกลองยาวก็ยิ้มร่า เพราะมาช่วยงานแต่งทั้งทีก็คงอยากจะกินเหล้างานแต่งอ่ะนะ
แต่มันเป็นเหล้าขาวผมเลยไม่ได้กรึ๊บๆ กับหนุ่มกลองยาว

“อ้าวแล้วทำมัยมึงไม่กินกับพวกกูวะ”
ไอ้แผนมันถามผมด้วยความแปลกใจ

“พอดีกูแพ้เหล้าขาวว่ะ...กินทีไรเป็นผื่นคันทุกที... กินได้แต่เบียร์”
ผมตอบไปแบบหาหนทางถอยให้ตัวเองไอ้แผนมันถึงได้เข้าใจ

กินๆ กันไป ผมก็คอยเติมเหล้าหากับแกล้มให้บริการแบบไม่มีตกหล่น
จนหนุ่มๆ เขาคิดว่าผมเป็นมิตรเลยคุยกันได้ถูกคอยิ่งขึ้น
กินไปพักใหญ่ไอ้ไผ่ก็ถามหาห้องน้ำได้ยินอย่างนั้นผมก็ปิ๊งไอเดียออกมาทันทีว่าจะจัดการเรื่องราวต่อไปยัง

“ไปเดี๋ยวพี่พาไป”

แล้วผมก็นำไอ้ไผ่เข้าไปห้องน้ำซึ่งอยู่หลังบ้าน
พอไปถึงมันก็ปลดซิปเยี่ยวทันทีอย่างไม่อายทั้งๆ ที่ไม่ได้ปิดประตูห้องน้ำ!!!
คงคิดว่าผมเป็นผู้ชายมั๊ง ผมงี้พอเห็นควยมันก็ถึงกับตาโตเลยครับ
นี่ขนาดยังไม่แข็งยังน่ากินขนาดนี้อ่ะ ถ้าตอนแข็งเต็มที่จะน่ากินแค่ไหน!

ผมก็ทำเป็นทำนั่นโน่นนี่ไปแต่ตาน่ะจ้องควยไอ้ไผ่ไม่วางตา
ขนหมอยมันอย่างดกอ่ะใจผมเต้นแรง! เลือดสูดฉีดขึ้นหน้า! เห็นแล้วใจจะขาดรอนๆ อ่ะ
จนมันเยี่ยวเสร็จ มันก็สะบัดๆ ควย แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ทันใดผมก็ตัดสินใจลองใช้แผนนึงดู

“เฮ้ยไผ่เห็นบอกว่าเรียนช่างซ่อมมาใช่ป่ะ... ช่วยไปดูเครื่องเสียงในห้องให้พี่หน่อยดิ”
“มันจะดีเหรอเพ่...ตอนนี้ผมเริ่มมึนๆ แล้วนา ให้ไปซ่อมแต่ดันไปทำของพี่เจ๊งผมก็แย่เด่ะ 5555”
“เอาน่า...ดูให้พี่แป๊บเสียงมันขาดๆ หายๆ ยังไงไม่รู้”

ผมไม่สนใจคำปฏิเสธของไอ้ไผ่แต่รีบลากแขนล่ำๆของไอ้ไผ่ขึ้นไปบนห้องผมทันที
พอมันเปิดเครื่องเสียงปุ้บอาการก็เป็นปกติไม่ได้มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด

“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่พี่...หาคลื่นแล้วสัญญาณก็ชัดดี”
“ก็ตอนเช้ามันยังเป็นอยู่นี่หว่า...”

ผมแย้งแล้วทำทีเข้าไปนั่งแนบชิดกับไอ้ไผ่เป็นเนื้อเดียวกัน
กลิ่นอายไอ้หนุ่มกลองยาวช่างเย้ายวนชวนบริโภคซะเหลือเกิน
มือผมกดที่ไหล่แน่นๆของมันแบบใกล้ชิด เนื้อตัวโคดแน่นสัดๆ อ่ะครับ

“เออท่าทางจะไม่เป็นไรว่ะ”
“เห็นมั๊ยว่าไม่เป็นอะไร...พี่น่ะเล่นไม่เป็นมากกว่า 5555”

มันแหย่ผมตามประสาหนุ่มปากดีขี้โม้ เห็นมันตอนยิ้มแล้วยิ่งโคดน่าเอาโคดๆๆ อ่ะ
ครับผมเลยเริ่มแผนสองทันที

“เออพึ่งนึกขึ้นได้ว่าพี่เพิ่งได้หนังเอ๊กเรื่องใหม่มา... อยากดูมั๊ย”
“ไหนๆๆ พี่...ผมขอดูปกหน่อย”
ไอ้ไผ่จับปกซีดีไปพลิกดูหน้าปกตาหมอเริ่มวาวๆ ด้วยความสนใจ

“น่าดูว่ะพี่...ผู้หญิงโมะโคดใหญ่เลย... นมแม่งก็สวยน่าดูดชิบหาย”
มันพูดตรงๆแมนๆ ดีครับ โคดชอบอ่ะ

“พี่มีหนังเอ็กเยอะดีว่ะ...ขอยืมไปดูได้มั๊ยพี่”
“ไม่ได้โว้ย! แต่ถ้าดูที่นี่ก็ตามสบาย”
ผมว่าก็ถ้ายืมกลับไปดูบ้านมัน ก็อดแดก อดเห็นของดีดิว่ามั๊ยครับ

“งั้นเปิดดูได้มั๊ยพี”
“ตามสบายเลยน้อง”
ว่าแล้วไอ้ไผ่ก็เปิดหนังญี่ปุ่นที่ผมนำเสนอ

นางเองเรื่องนี้หุ่นดีขาวหมวย สวย เอ็กส์ ส่วนพระเอกก็หน้าตาหล่อแถมของใหญ่อีกตะหาก
ซึ่งหาได้น้อยมากของหนังญี่ปุ่นที่หนังจะโฟกัสไปที่หน้าพระเอก
ดูๆ ไปผมสังเกตที่เป้าหมอก็เริ่มมีอาการโด่ขึ้นมาแล้วอ่ะดิ หุหุหุ

เอื๊อก!!! ผมกลืนน้ำลายด้วยความอยากกินควยไอ้หนุ่มกลองยาวจนเต็มแก่
เลยกำหมับเข้าให้ปากก็เจรจา

“ควยแข็งแล้วอ่ะดิฮู้!!! ใหญ่ซะด้วย!!!”
ผมกำๆ ถอกๆ ที่ควยไอ้ไผ่ มันคงจะอายเลยดึงมือผมออก

“อย่าเล่นดิพี่ผู้ชายดูหนังเอ็กส์แล้วควยก็ต้องแข็งเป็นธรรมดา”
“ว่าแต่...เคยเย็ดจิ๋มยังวะ?”
“โด่พี่นับไม่ถ้วน!!!”
ไอ้ไผ่ขี้โม้ตามประสาเด็กปากไวใจใหญ่อ่ะครับ แต่แบบนี้แหละไอ้วินชอบ 555

“ถ้าเกิดช่วงไหนหาที่เย็ดไม่ได้จะทำไงอ่ะ”
ผมยังคงใช้ความพยายามดึงมันเข้าสู่เกมส์ของผมต่อ โดยพูดแต่เรื่องเสียวๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ

“ก็ชักว่าวดิพี่ถามได้!”
“แล้วนอกเหนือจากผู้หญิงเคยเอากับผู้ชายมั๊ย”

มันมองหน้าผมแปลกๆ ตาที่เริ่มดูปรือๆ ด้วยฤทธิ์เหล้า มีแววทั้งแปลกใจและในตัวผม
ความรู้สึกของผมในตอนนั้น รู้สึกว่าไอ้ไผ่มันเป็นผู้ชายที่ดูทั้งแมน และน่ากินสุดๆ ไปเลยครับ!

มันกุมเป้ากางเกงยีนส์ที่ควยแข็งๆ ของมัน แต่กำยังไงก็ไม่มิดครับเพราะเป้ามันใหญ่
เสื้อยืดที่มันใส่ก็ยับย่น ดูแล้วช่างเป็นภาพที่ทำให้อารมณ์ผมกระเจิงสุดๆ ไปเลย!!!..............

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น