วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บำบัดรักนักรบแดนเถื่อน 22 สักลายขาดำไป...ใจรัญจวน

ทุกครั้ง เวลาที่ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจก็จะหยิบซึงขึ้นมาขับลำนำเพลงเพื่อให้คลายความว้าวุ่น
แต่คราวนี้กลับผิดแปลกเพราะไม่เพียงขับซึงแบบผิดๆ ถูกๆ
หนำซ้ำจิตใจก็ยิ่งวุ่นวายรุ่มร้อน! ไม่ได้หายไปเหมือนดังเก่า ชายหนุ่มวางซึ้งลงแล้วล้มตัวลงนอน

แต่ทั้งคืนชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากนอนพลิกกระสับกระส่ายอยู่ไปมาไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้
ไม่แน่ใจว่าความกตัญญูกับความรักมันจะสวนทางกันได้มากมายขนาดนี้

จนกระทั่งถึงตอนเช้าชายหนุ่มก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้แม้แต่งีบเดียว!
ได้ยินเสียงไก่ขันบอกเวลาเช้าวันใหม่ พลัน! เด็กหนุ่มก็รีบลุกออกจากห้องแล้วกระโดดลงจากเรือนไป
มันควบม้าไอ้ขาวโจนทะยานผ่านประตูคุ้มราวกับธนูที่ถูกยิงออก!
ดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นจากขอบฟ้าด้วยซ้ำแต่แสงเหลืองทองก็เริ่มจับขอบฟ้าแล้ว

วัดและคุ้มต่างๆ เริ่มมีควันไฟจากการหุงต้มทำอาหารลอยเอื่อยออกมาตามบ้านเรือน
เมื่อความกลัดกลุ้มและว้าวุ่นกำเริบถึงขีดสุด! ชายหนุ่มก็ไม่อาจนอนรอได้อีกต่อไป
มันควบบึ่งม้าไอ้ขาวให้โจนทะยานไปทางทิศที่เป็นที่ตั้งที่เมืองแมนและจะขื่อสองชายคนรักพำนักอยู่

ด้วยร่างกายและจิตใจของไอ้แก้วในยามนี้ได้จดจ่ออยู่ที่ชายหนุ่มอันเป็นที่รักของมันทั้งสองคน!
ที่แม้ว่าจะอยู่ในเวียงเดียวกัน แต่มันมาถึงเวียงใหญ่ได้หลายวันก็ยังไม่มีโอกาสได้พบหน้า
ป่านนี้หนอชายหนุ่มทั้งสองจะคิดถึงมันและห่วงใยมันเหมือนกับที่มันคิดถึงบ้างหรือไม่

ไอ้แก้วควบม้าไอ้ขาวไปตามทางในเวียงราวกับคนบ้า!
เวลาเช้าที่ท้องฟ้ายังไม่สว่างดีนักถนนหนทางยังไร้ร้างผู้คนด้วยยังเป็นเวลาที่เช้ามาก
มันควบม้าจนผ่านออกไปนอกประตูเวียงทางทิศเหนือ

ควบม้าอีกไม่นานนักก็ถึงคุ้มของ “เจ้าเมืองเขลางค์นคร”อันเป็นแม่ทัพใหญ่กว่าแม่ทัพใดๆ ของล้านนา
และเป็นที่มาพำนักของเมืองแมนทหารเอกแห่งล้านนาด้วยเช่นกัน
หน้าคุ้มเจ้าเมืองเขลางค์ในเวียงนพบุรีฯมีทหารยามเฝ้าอย่างเข้มแข็งอยู่หน้าประตูคุ้มที่ใหญ่โตโอ่อ่านั้น

“เวลาเจ๊าจะอี้..เอ็งมาหาไผ!!!”
“ชื่อของข้าคือ ไอ้แก้ว!!!...ข้ามาหาขุนเมืองแมน และขุนพันเฮือง”

ทหารยามทั้งสี่ทวนชื่อ “ไอ้แก้ว” ไปมาแล้วมองหน้ากันด้วยความชื่นชมพลางร้องลั่น!

“อ่ะฮ้า!...เจ้าคือไอ้แก้วที่สู้ศึกทีเวียงโกศัยนั่นเอง”
“ใช่แล้วเป็นข้าผู้นั้นเอง”
ไอ้แก้วยืดอกรับอย่างกล้าหาญในความกล้าหาญที่เกือบเอาชีวิตไปทิ้งที่เวียงน้อยแห่งนั้น

“ตอนนี้ขุนทั้งสองกำลังทานมื้อเช้าอยู่...เอ็งจงเข้าไปเต๊อะ!”

ทหารอีกผู้บอกกล่าวและเปิดประตูคุ้มให้ไอ้แก้วเข้าไปโดยสะดวกไม่กีดกันอีกต่อไป
ไอ้แก้วกล่าวแก่ทหารรักษาประตูทั้งสี่แล้วควบม้าผ้านเข้าคุ้มไป
ความองอาจและห้าวหาญสง่างามของไอ้แก้วล้วนทำให้ทหารรักษาคุ้มรู้สึกประทับใจยิ่ง
ต่างก็ยกย่องในความแกล้วกล้าไม่กลัวข้าศึก

ไอ้แก้วผ่านเข้าไปด้วยใจที่ตื่นเต้นยินดียิ่งที่มันกำลังจะได้พบชายคนรักทั้งสองของมันแล้ว
เมื่อถึงเรือนของทหารเอก ไอ้แก้วก็ตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“อ้ายเมือง!...อ้ายเมืองอ้ายอยู่ก่อ?”
ไม่นานนักเมืองแมนก็วิ่งออกมาสู่หน้าเรือนชานพอเห็นเป็นไอ้แก้วก็ร้องด้วยความดีใจ

“ไอ้แก้ว!!!...ไอ้แก้วนั่นเป๋นเอ็งแต๊ๆ ก้ะ”
“แม่นแล้วอ้ายเป็นข้าเองไอ้แก้วของท่าน”
ทั้งสองกอดกันกลมอย่างสุดแสนจะดีใจ

“ไอ้แก้วเฮยยย!!!...นับตั้งแต่ที่แยกจากกันในวันนั้นเป็นห่วงเอ็งเหลือเกิน...
แต่ได้ยินเรื่องราวการต่อสู้ของเอ็งแล้วข้าก็ดีใจขนาดที่เอ็งรอดมาได้”

“อ้ายเมือง!!!...ข้าคิดเติงหาอ้ายกับอ้ายจะขื่อขนาด!!!”

ทั้งสองมองตากันแน่นิ่ง ไอ้แก้วรู้สึกร้อนๆ ที่ขอบตาเมื่อได้มาอยู่ในอ้อมกอดของชายคนรักอีกครา
จะขื่อเดินหนีบไม้เท้าเดินเขยกๆ ออกมาดูอยู่บนเรือนพอเห็นพี่ร่วมสาบานกอดกันกลมอยู่กับไอ้แก้ว
ก็ยิ้มอย่างดีใจพร้อมพูดสัพยอก

“เอ้าๆๆ!!! ยะอะหยังประเจิดประเจ้อแต๊...จะกอดกันอยู่จะอั้นก๊า...ป่ะเดี๋ยวฟ้าก่อผ่าลงมาหรอก...ฮ่าฮ่าฮ่า!!!”
ไอ้แก้วกับเมืองแมนมองตากันพรางยิ้มหัวให้กันอย่างมีความสุข
แล้วพากันเดินขึ้นเรือนชานเรือนประจำของเมืองแมนไป

“อ้ายจะขื่อ...ขาอ้ายเป๋นจะได๋พ่องดีขึ้นแล้วกา”
“ดีขึ้นจ๊าดนักแล้ว...อีกบ่เมินก็คงหายดี”
“ดีแต๊ๆ เลยอ้าย”

แล้วแต่ละคนก็เล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาสู่กันฟังทั้งเมืองแมนและจะขื่อก็ผลัดกันเล่าเรื่องราวอันน่าหวาดเสียว
ว่าก่อนที่เวียงโกศัยจะย่อยยับนั้นทัพของเวียงเขลางค์นครก็เข้ามาช่วยได้ทัน

ทำให้เวียงโกศัยที่กำลังจะแตกกลับต้านทานศึกใหญ่ไว้ได้ หนำซ้ำยังขับไล่กองทัพของกรุงศรีฯ ให้ถอยห่างออกไป
หลังจากนั้นเมืองแมนก็พาจะขื่อที่มีอาการขาหักขึ้นรถติดตามกองทัพเวียงเขลางค์เพื่อกลับมาป้องกันเวียงนพบุรีฯ
แต่ยังไม่ทันถึงเมืองหลวงก็ได้ยินข่าวว่ากษัตริย์ของกรุงศรีทรงประชวรจนต้องรีบถอยทัพกลับเมือง

และภายหลังจึงได้ทราบข่าวสรรคตในเวลาต่อมาจึงยุติสงครามครั้งแรกไปเพียงแค่นี้
ส่วนเรื่องของไอ้แก้วนั้นพอเมืองแมนและจะขื่อได้ฟังก็ทั้งตื่นเต้นทั้งชื่นชม ชายหนุ่มตรงหน้า
เพราะบัดนี้ไอ้แก้วผ่านความเป็นความตายมาอย่างกล้าหาญ

การต่อสู้ตัวต่อตัวกับทหารเอกแห่งกรุงศรีฯ ผู้นั้น
ผู้ได้ชื่อว่าฝีมือร้ายกาจอันดับต้นๆ ของขุนพลทหารกล้าแห่งกองทัพกรุงศรีก็ว่าได้

ทำให้ชื่อเสียงของชายหนุ่มเป็นที่รู้จักในกองทัพทั้งฝ่ายเวียงโกศัย และยังขจรขจายมาถึงเวียงนพบุรีฯ
และเวียงเขลางค์นคร ด้วยปากต่อปาก จนท่านแม่ทัพต้องการเจอตัวนี่ช่างประจวบเหมาะนัก
ที่เด็กหนุ่มติดตามมาถึงคุ้มของท่านเมืองแมนจะได้พาเด็กหนุ่มเข้าร่วมกองทัพเสียเลย!

“ข้าอยากให้เอ็งมาร่วมทัพกับเวียงเขลางค์นครเรา...มาร่วมกันต่อสู้ปกป้องล้านนา!”
ทหารเอกแห่งล้านนาพูดด้วยน้ำเสียงห้าวหาญและเปี่ยมด้วยความรักชาติ!

“ข้าเจ้ายินดีนักๆ แล้วที่จะได้ร่วมรบกับพวกท่าน!!!”
มันสองคนกุมมือกันอย่างมุ่งมั่นจนจะขื่ออดกระเซ้าเย้าแหย่ด้วยความหึงนิดๆ ไม่ได้

“เฮ้อ!...สงสัยข้าคงบ่ฮักชาติเลยบ่ามีไผชวนเป็นทหารร่วมรบ!!!”
เมืองแมนก็จับไหล่น้องร่วมสาบาน

“น้องข้าก็อู้ราวละอ่อนน้อย...ความกล้าหาญของเอ็งคราวป้องกันเวียงโกศัยนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้ากับไอ้แก้วเลย...
มาทำใจ๋น้อยไปได้เน้อ”

จะขื่อพอได้รับคำชมของพี่ร่วมสาบานก็ค่อยยิ้มหัวออกมา

“แต๊ๆ ก่ะอ้ายเมือง”
“แต๊!...วันรุ่งพรุ่งนี้ข้าจะนำพวกเอ็งทั้งสองเข้าพบท่านแม่ทัพเจ้านายของข้า...เจ้าเมืองเขลางค์นคร!”

ไอ้แก้วมองหน้าทหารหนุ่ม กับพรานหนุ่มสองชายคนรักที่อยู่ดีมีสุขก็สุดแสนจะปลื้มปิติยิ่ง
เด็กหนุ่มกอดชายคนรักคนที่สองอย่างมีความสุขการกลับมาเวียงนพบุรีในครั้งนี้นับว่ามีแต่เรื่องดีๆ
ให้ชุ่มชื่นหัวใจ ผิดอยู่เรื่องเดียว! นั่นคือเรื่องที่ต้อง “กินแขก”ต้องแต่งงานตามที่พ่อต้องการ

หญิงรับใช้หาสำรับกับข้าวมาให้ไอ้แก้วแต่ชายหนุ่มก็ทานได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น
ด้วยอาการว้าวุ่นและวิตกนั้นยังมีอยู่
และอาการดังกล่าวก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของทหารเอกแห่งล้านนาอย่างเมืองแมนไปได้

“เอ็งมีอะหยังบ่าสบายใจ๋...ก่อบอกอ้ายมา...”

ทหารหนุ่มกุมมือชายหนุ่มคนรักที่บัดนี้เติบใหญ่กลายเป็นหนุ่มวัยยี่สิบเศษแล้ว
จึงไม่อาจเรียกว่าเด็กหนุ่มได้อีกต่อไป

“ข้าเจ้า...”

ไอ้แก้วก้มหน้านิ่งด้วยความว้าวุ่นยิ่งไม่รู้ว่าจะเริ่มกล่าวตั้งแต่ตรงไหนให้อีกฝ่ายเข้าใจ
แต่ในโลกหล้าหนี้ก็มีแต่เมืองแมนกับจะขื่อเท่านั้นที่มันสามารถเล่าเรื่องราวที่กำลังจะบังเกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟังได้

มือของเมืองแมนเกาะกุมมืออีกฝ่ายจนแน่นเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้
ว่าถึงจะเป็นเรื่องร้ายแรงและคอขาดบาดตายแค่ไหน
ทหารกล้าอย่างมันก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเด็กหนุ่มตลอดไป

“เอ็งเชื่อใจ๋อ้ายบ๋อ?...”

ดวงตาคมกล้าของทหารเอกแห่งล้านนาจ้องที่ดวงตาของชายหนุ่มรูปงามแน่นิ่ง
พลันความกล้าก็บังเกิด!

“พ่อข้าต้องการหื้อข้ากิ๋นแขก(แต่งงาน)!!!”
“กิ๋นแขกอั้นก๋า!!!”

คนที่โพล่งออกมากลับเป็นจะขื่อ! ที่ดูตกใจกับเรื่องกลัดกลุ้มของเด็กหนุ่ม
ในขณะที่เมืองแมนกลับนิ่งเงียบมือที่เกาะกุมมือของอีกฝ่ายยังคงอบอุ่น
เมืองแมนจ้องหน้าหล่อเหลาหมดจดของอีกฝ่ายแน่นิ่งไม่กล่าวอันใด
รอยยิ้มที่ส่งมาให้นั้นทั้งอ่อนโยนและเข้าใจ

“อ้ายเมือง!...”

ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเบาๆด้วยคามรู้สึกที่เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ ทั้งทุรนทุรายและเจ็บปวดยิ่ง!
ทหารหนุ่มลูบหัวไอ้แก้วไปมาอย่างเอ็นดูแม้คืนวันผันผ่านมันก็ยังคงรักไอ้แก้วไม่เปลี่ยนไป

“เอ็งคงรู้สึกผิดต่อข้าและจะขื่อจึงว้าวุ่นใจนัก”
“ข้าเจ้า!!!”

ชายหนุ่มมองเมืองแมนชายคนรักอย่างตะลึง!
ความรู้สึกที่เหมือนมีก้อนเมฆหมอกมาบดบังดวงจันทร์พลันกลายเป็นท้องฟ้าปลอดโปร่ง
เมื่อได้ยินคำอีกฝ่ายเปิดเผยความในใจของตัวเองให้กระจ่าง!

“หากแม้นเป็นเรื่องกิ๋นแขกแต่งงาน...ถ้าเจ้าเห็นว่าควรแต่งก็จงแต่งเต๊อะ...
ป้อจายล้านนา มีหน้าที่ต้องทำหลายอย่าง...
อย่างนึ่งก็คือรักชาติ สองนั้นคือรักษาพระพุทธศาสนา สามนั้นรักบิดรแลมารดาด้วยการกตัญญูรู้คุณ...
หากขาดข้อใดไปตึงเป็นป้อจายก็เป็นแค่ร่างกายเท่านั้น”

เมืองแมนเอ่ยออกมาราวกับท่องโคลงอันเป็นสิ่งที่ผู้รู้ตั๋วเมืองของล้านนาหากเคยได้ศึกษาเล่าเรียน
ย่อมท่องจำออกมาได้และยิ่งหากทำได้ก็จะเป็นยอดชาย!!!
แม้เป็นผู้ไม่รู้ตั๋วเมืองแต่ก็จะสั่งสอนกันปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่นไม่ขาดสาย


อันชายล้านนาแต่โบราณ เมื่อเติบใหญ่จำต้องบวชเณรหรือแลบวชพระ เมื่อเป็นผู้ใหญ่ต้องรับใช้ชาติ
และเมื่อถึงคราวที่พ่อแม่เห็นว่าสมควรแก่เวลาที่ต้องกินแขกก็ต้องทำตามไม่อาจปฏิเสธ!
ประเพณีที่ดีงามนี้แม้จะขัดต่อความรู้สึกของเหล้าป้อจายเท่าใดนักแต่หากไม่ทำตามก็อยู่ในสังคมได้ยาก
เพราะจะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม

จะขื่อที่นั่งฟังการโต้ตอบของไอ้แก้วกับเมืองแมนมาโดยตลอดแม้จะไม่อยากให้ไอ้แก้วกิ๋นแขก
แต่มันเองก็เป็นผู้ชาย มันเองพออายุ 17 ก็ต้องแต่งงานตามคำพ่อไม่อาจขัดได้
นั่นเพราะระลึกอยู่เสมอว่ามันคือหน้าที่ของลูกผู้ชายที่ต้องสืบต่อตระกูลไม่ได้ขาดตอน

“แก้วเฮย…ถ้าเป๋นเรื่องกิ๋นแขก...เอ็งก็ทำอย่างที่เอ็งคิดว่าดีว่างามเต๊อะ”
จะขื่อลูบไหล่หลังของไอ้แก้วอย่างเห็นใจ

“อ้ายจะขื่อ...ขอบใจ๋อ้ายนักๆ เน้อ...ที่เข้าใจ๋ข้า”
ชายหนุ่มก้มกราบที่อกของชายคนรักคนที่สองอย่างซึ้งในน้ำใจ

“มันคือหน้าที่ของหมู่เฮาเหล่าป้อจายที่ต้องกระทำ”
ไอ้แก้วมองหน้าเมืองแมนสลับกันกับจะขื่อด้วยซาบซึ้งในน้ำใจ ที่อนุญาตให้มันแต่งงานได้ทำหน้าที่ลูกต่อบิดาและมารดร

“แล้วเอ็งจะแต่งเมื่อใด”
จะขื่อถามถึงหมายกำหนดการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนคต

“ข้ามีเรื่องตี้อยากจะทำอีกหลายเรื่องเลยอู้กับพ่อไปว่า...ข้าอยากจะบวชพระเหียก่อน”
“ดีแต๊ๆ เป๋นก่อนแต่งควรจะบวชให้ป้อแม่นับเป็นเรื่องทีดีจ๊าดนัก”
เมืองแมนเอ่ยชมเชยชายงามคนตรงหน้าอย่างชื่นชม

“เรื่องอะหยังอีกเล่าที่เอ็งอยากจะทำจงฟั่งอู้มาหื้ออ้ายได้ฟัง”
“อีกเรื่อง...ตี้ข้าอยากทำก่อคือ...ข้าอยากสับลายดำ!!!”

“สับลายดำ!!!”
ทั้งเมืองแมนและจะขื่ออุทาน! ออกมาจนแทบจะพร้อมเพรียงกัน!!!

“และผู้ที่จะสับลายหื้อข้านั้น...ข้าอยากให้พวกอ้ายทั้งสองคนเป็นคนสับลาย!”

ไอ้แก้วพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น หากแม้นคนทีจะสับลายให้มันให้งามสมชายไปทั้งกาย
มันก็อยากให้คนที่บรรจงแต่งแต้มจิ้มด้วยปลายเข็มแหลมเป็นชายคนรักของมันมากกว่าที่จะเป็นผู้อื่น
เพราะความเจ็บปวดที่ได้รับย่อมมีคุณค่าคู่ควรแก่ความเจ็บปวด!

และประการสำคัญลวดลายที่จะอยู่คู่กับร่างกายขาวเนียนแกร่งงามนี้
ลวดลายที่บรรจงสักด้วยเข็มอันแหลมคมหมึกอันดำ จะได้เป็นอนุสรณ์ให้มันได้ระลึกถึง
คนที่มันรักทุกคราที่ได้สัมผัส!

“จะอั้นก่อตามใจ๋น้องเต๊อะ!”

แล้วเมืองแมนก็สั่งคนรับใช้ให้จัดเตรียมเครื่องมือในการสับลายมาให้พร้อม
เพื่อทำการสับลายให้กับไอ้แก้วตามความต้องการของอีกฝ่ายโดยไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามารบกวนในห้องนอน

ห้องอันกว้างขวางสมตำแหน่งทหารเอกแห่งล้านนาเหลือเพียงชายหนุ่มรูปงามร่างกายแข็งแรง
แกร่งงามและผิวที่เนียนขาวไปทุกส่วนสัด! บัดนี้ร่างงามนอนคว่ำหน้าเปลือยกายล่อนจ้อน
ไร้อาภรณ์ปิดบังกาย ไหล่แข็งแรงเอวคอดงาม บั้นท้ายกลมกลึงสวยงามดั่งสวรรค์สร้าง!

เมืองแมนทหารเอกแห่งล้านนาผู้เป็นเจ้าของเรือนเริ่มดำเนินการประพรมด้วยสมุนไพร
ที่ช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวดให้ซึมเข้าสู่ผิวขาวเนียนงามของชายคนรักที่กำลังนอนสงบนิ่ง
โดยมีจะขื่อผู้เป็นน้องร่วมสาบานของทหารหนุ่มและชายคนรักคนที่สองคอยเป็นลูกมือ
เพื่อช่วยหยิบจับสิ่งของยามที่เมืองแมนต้องการสิ่งใด

“ยามที่ข้าปักเข็มลงบนตัวเอ็งอาจต้องเจ็บปวด...ขอหื้อเอ็งอดทนหื้อมากไว้”
ทหารหนุ่มบอกกล่าวแก่คนที่นอนสงบนิ่งบั้นท้ายกลมโด่งช่างสร้างความกำหนัดให้บังเกิดได้ดีแท้!

“ข้าทนได้...ขอหื้ออ้ายรีบลงมือเต๊อะ!”

เมื่อบอกกล่าวกันให้เข้าใจแล้วทหารหนุ่มก็เริ่มสับลายหมึกดำตามลวดลายที่ชายหนุ่มรูปงามประสงค์
นั่นคือลายเทพพนมตรงกลางแผ่นหลังและสับพุงดำ ตะโพกดำ ตามลำดับ
ความเจ็บปวดรวดร้าวใดที่ว่าเจ็บนักนั้นได้รับการบรรเทาเบาบางลงด้วยมือของจะขื่อ

ที่ช่วยกุมมือของมันไว้ยามที่มันถูกเข็มแหลมคมทิ่มแทงหน้าตาของเด็กหนุ่มเหยเกด้วยความเจ็บปวดไปทั้งสรรพางกาย!
แต่ไม่มีสักแอะที่มันจะร้องขอความเห็นใจให้หยุดสับลาย!

ความกล้าหาญนี้แม้แต่เมืองแมนจะนึกชื่นชมชายคนรักร่างขาวเนียนที่มันกำลังทิ่มแทงด้วยเข็มปลายแหลม!
ต่างกับจะขื่อที่อยู่ข้างๆกลับมีเหงื่อซึมออกมาเต็มหน้ายามที่เห็นไอ้แก้วถูกสักลายจนเกิดความเจ็บปวดไปทั่วกาย!
มันสุดแสนจะสงสารชายคนรักนักหนาแต่ความต้องการของไอ้แก้วนั้นล้วนเป็นสิ่งที่มันตั้งใจ

ผ่านไปนานหลายชั่วโมงร่างกายของไอ้แก้วก็แดงก่ำไปด้วยรอยเข็มที่ทิ่มแทงหน้าตาของชายหนุ่ม
แดงจนเหมือนกับได้ไข้ ปากสีแดงสดจนเมืองแมนที่นั่งอยู่บนตัวของอีกฝ่ายถึงกับจ้องมองด้วยอารมณ์ปรารถนา!
จะขื่อเองก็สะกดความกระหายไม่ได้อีกต่อไปและแล้วทั้งทหารหนุ่ม
และพรานหนุ่มก็เข้าไปสัมผัสกายงามที่ถูกสับขาลายจนงามพร้อม

ความงามสมบุรุษที่ได้มาพร้อมโลหิตที่หยดหยาด!
สัมผัสที่ได้รับจากเมืองแมนและจะขื่อนั้นเป็นสัมผัสที่เหมาะสมแก่เวลาที่สุด
เพราะเมื่อร่างกายคนเราถูกเข็มแหลมทิ่มแทงด้วยเข็มนับร้อยนับพันครั้ง!
เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ก็ย่อมจะมีอาการไข้และระบมตามมา!

แต่เมื่อได้รับการจูบไซ้สัมผัสอันอ่อนโยนจากชายคนรักทั้งสองแล้ว
ความเจ็บปวดที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างมหาศาล!!! ก็สงบลงราวกับพายุที่กำลังสงบกลายเป็นท้องฟ้าแจ่มใส

ร่างเปลือยเปล่าแกร่งงามของเมืองแมนและจะขื่อเฝ้าสัมผัสไปทั่วตัวของไอ้แก้วตั้งแต่ปลายผมจนถึงปลายเท้า
และจากปลายนิ้วมือจนไปถึงปลายองคชาติความแข็งแกร่งของทั้งสามลุกโชน
ขึ้นมาตามอารมณ์ของบุรุษที่ต้องการการปลดปล่อย!

เมืองแมนเฝ้าสัมผัสและจุมพิตริมฝีปากของเด็กหนุ่มอย่างบรรจงไอ้แก้วก็อ้าปากรอรับรสจูบที่เร่าร้อนนั้นอย่างเคลิบเคลิ้ม
เมามายราวกับร่ำสุราก็ไม่ปาน

และเมื่อเมืองแมนละไปเล็มเลียตามยอดอกจะขื่อก็เข้ามาเฝ้าจูบสัมผัสรีมฝีปากของไอ้แก้วบ้าง
รสจูบที่ได้จากจะขื่อกลับอ่อนโยนุ่มนวลจนเหมือนอยู่ในความฝัน
ฝ่ามือทั้งสี่เฝ้าคลึงเคล้นร่างกายที่เนียนขาวและแกร่งงามด้วยวัย 20 ปีเศษของไอ้แก้วอย่างกระหายในกามารมณ์!

ฝ่ามือของไอ้แก้วเกาะกุมอาวุธประจำกายของชายคนรักทั้งสองแล้วขยับไปมาตามความแกร่งยาว
ต่างฝ่ายต่างมอบความสุขและรื่นเริงให้แก่ร่างกายกันและกันจนกระทั่งพรานหนุ่มไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์
ที่หักห้ามมานานเกือบเดือนจึงจับขาแกร่งแน่นและเนียนของไอ้แก้วให้อ้ากว้างแล้วกดความมโหราฬ!
เข้ามาในตัวไอ้แก้วจนมิดลำขององคชาติ!

“อ๊า!!!...”

หนุ่มวัยยี่สิบเศษร้องครางอย่างมีความสุขในรสรักที่อีกฝ่ายปรนเปรอให้เพื่อให้ลืมความเจ็บปวดจากการสับลาย
ในระหว่างที่พรานหนุ่มรูปหล่อปรนเปรออาวุธนายพรานขนาดใหญ่เข้าในร่างกายงามของไอ้แก้วนั้น
ทหารหนุ่มแห่งล้านนาก็ป้อนอาวุธประจำกายให้ไอ้แก้วได้ลิ้มรสหลังจากที่ห่างหายจาการเสพสังวาสมานานนับเดือน!

เสียงคราญครางของคนทั้งสามไม่ต่างจากเสียงของคนที่กำลังโดนทิ่มแทงด้วยเข็มแหลมคมยามสักลาย
จึงทำให้คนภายนอกต่างเข้าใจว่าไอ้แก้วร้องด้วยความเจ็บปวดแต่หารู้ไม่ว่าความจริงนั้น
มันกำลังมีความสุขกัน 3 คนความสุขที่ได้รับจากอาวุธขนาดใหญ่ยาวไม่เป็นรองกัน!

เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไปจะขื่อก็ทนทานต่อความสุขที่ได้รับจากร่างขาวเนียนแกร่งงามของไอ้แก้ว
ที่บัดนี้มีรอยสักสีดำเกิดขึ้นเป็นลวดลายที่งามสมกับเป็นบุรุษล้านนาเต็มตัว!
พรานหนุ่มทนความเสียวที่ได้รับจากร่างที่นอนเกลือกลิ้งไปมาบนเตียงไม่ไหวร้องครางหนักๆ

“โอ้ยยย!!! ซี้ดดดด!!!”
แล้วร่างสูงใหญ่แกร่งกำยำก็กระตุกกึกๆๆๆ!!! อยู่หลายทีแล้วแน่นิ่งไป

เมื่อน้องร่วมสาบานสำเร็จความสุขในกายของไอ้แก้วเรียบร้อยแล้วเมืองแมนทหารเอกแห่งล้านนา
ก็เข้าไปกอดไซ้ร่างเปลือยเปล่าที่งามไปด้วยลายสับหมึกของเด็กหนุ่มแล้วกอดจูบกันอย่างเร่าร้อนรุนแรง

“ซี้ดดด!!!. อ้า!!!...”
ไอ้แก้วร้องครางอย่างมีความสุขเมื่อได้รับสัมผัสอันเร่าร้อน
ของทหารหนุ่มที่ประพรมเรียวลิ้นและใบหน้าหล่อเหลาไปทั่วกายของมัน

“อูยยยย!!!”
ชายงามที่นอนหลับตาด้วยพิษไข้กระหวัดกอดรอบคอของทหารหนุ่มราวกลับว่ากลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหายไม่ยอมร่วมรักกับมันต่อ
จนกระทั่งทหารหนุ่มสอดความเป็นชายเข้ามาในร่างกายของมันมันก็ร้องออกมาอย่างมีความสุขที่สุด!

“อ๊า!!!...ซี้ดดด!!!...ทำข้าแรงๆ ยะจะอั้นก๊ะอ้ายเมือง...อูยยย!!!”

เด็กหนุ่มร่ำร้องกอดก่ายมือไปมาทั่วร่างแกร่งกำยำที่มีมัดกล้ามไปทั่วตัวของทหารหนุ่ม!
เมืองแมนเร่งเร้าโยกโยนอาวุธประจำกายที่ทั้งยาวทั้งหนากระแทกใส่ในกายเนียนของไอ้กแก้วอย่างโหมหนัก! จ
นฝ่ายที่นอนอยู่เบื้องล่างตัวโยกโยนไปมาตามแรงกระหน่ำ!!!

“ฮึ่มมมม!!!”

เสียงของเมืองแมนหอบกระเส่าอย่างมีความสุขยามที่ได้สอดอาวุธประจำกาย
กระแทกสวนเข้าออกในกายงามของไอ้แก้วความสุขที่ต่างฝ่ายได้รับนั้นมากมายจนในที่สุดไอ้แก้วก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
สายธาราปรำจำกายก็หลั่งไหลออกมาปานเขื่อนทะลักทะลาย! จนเอ่อล้น!!!

“อ๊ากกก!!!”

ไอ้แก้วร้องระงมลั่น! ส่วนฝ่ายของเมืองแมนที่เปลี่ยนท่วงท่าในการเสพสังวาสมาหลายท่า
ก็เริ่มจะทนความรัดติ้ว!ของช่องทางประตูหลังของชายงามไม่ไหวอีกต่อไป
มันเร่งกระแทกอาวุธคู่กายสวนเข้าในตัวเด็กหนุ่มอย่างเมามันและรุนแรง

“อึ๊บๆๆๆ”

เสียงหอบกระเส่าของทหารหนุ่มดังระงมไปทั่วทั้งห้องร่างกายแกร่งกำยำด้วยมัดกล้ามเป็นมัดๆ
ลั่นกรอบ! ยามที่ได้โยกโยนตามลีลาครรลองรัก!

บัดนี้ไอ้แก้วเองก็แทบจะจดจำความเจ็บปวดที่ได้รับจากการสับลายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
เพราะความสุขที่ได้รับจากร่างแกร่งกำยำของทหารหนุ่มแห่งล้านนานั้นเหนือล้ำกว่าความรู้สึกทั้งปวง!

จนในที่สุด!!! ความสุขก็มาถึงจุดสุดยอด! ทหารหนุ่มเร่งอัดแก่นกายอันใหญ่ยาว
อัดกระแทกอย่างรุนแรงและเมามันพร้อมครางเสียงหลง!

“อ้า!!!...ข้าไม่ไหวแล้วววว!!!...มีความสุขเหลือเกินนน!!!...ซี้ดดดด!!!”

หลังเสียงครางด้วยความสุขทหารหนุ่มก็ปลดปล่อยน้ำอุ่นๆเข้าในกายงามขาวเนียนของไอ้แก้วราวน้ำหลาก!
เมื่อร่างกายทั้งสองสงบนิ่งลงมันก็กอดก่ายกันแน่นิ่งตะกองกอดกันอย่างมีความสุข
ไอ้แก้วนอนซบอยู่บนอกองชายคนรักหลับอย่างเป็นสุขใจความสุขนี้ช่างหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้
และเมื่อชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดจากรอยเข็มที่สักลายคราใดชายคนรักทั้งสอง

ก็จะปรนเปรอด้วยความเป็นชายและร่างกายอันแข็งแกร่งจนเวลาผ่านไปไอ้แก้วก็หายเจ็บปวดจากการสับลายหมึกดำ!
ร่างแกร่งงามทั้งสามนอนกอดก่ายกันอย่างหมดเรี่ยวสิ้นแรงต่างพูดคุยกันอยางมีความสุข
และไอ้แก้วก็ตกลงใจได้ว่ามันจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป

หนุ่มรูปงามเอาศรีษะนอนบนอกของเมืองแมนนอนนิ่ง
บัดนี้ความรูสึกที่กลัดกลุ้มรุมเร้าทั้งหมดได้อันตรธานหายไปกลายเป็นปลอดโปร่งโล่งกายใจกว่าเก่า

เพราะการอยู่ร่วมกันกับชายคนรักทั้งสองนี้ก็นับได้ว่าเป็นความสุขที่สุดแล้ว
และอีกประการหนึ่งการที่ได้บอกเล่าห่วงที่กำลังจะเกิดขึ้นให้แก่ชายคนรักทั้งสองให้ได้รับรู้นี้
อย่างน้อยมันก็จะได้ไม่รู้สึกผิดต่อความรักที่ชายทั้งสองคนได้มอบความรักความจริงใจให้แก่มัน.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น