วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บำบัดรักนักรบแดนเถื่อน 26 สู้ศึกทั้งเหนือใต้

และแล้วก็ถึงเวลาที่สองอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ทั้ง ฝ่ายเหนือ และ ฝ่ายใต้
เข้าสู้ศึกสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดน และความยิ่งใหญ่!

หนึ่งคือ อาณาจักรฝ่ายเหนือ “ล้านนา” ที่มีเจ้าหลวงที่ยิ่งใหญ่ที่มีวัยเพียง30 เศษเท่านั้น
แต่หลายปีที่ขึ้นเป็นเจ้าหลวงทรงสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ล้านนาจนเกรียงไกรยิ่ง
จนสามารถรวมอาณาจักรที่อยู่รายรอบให้เข้ามาอยู่ในอาณาจักรล้านนาได้แทบจะหมดสิ้น!

อีกหนึ่ง คือ “อยุธยา” อาณาจักรฝ่ายใต้ที่แข็งแกร่งครอบครองดินแดนตั้งแต่ทุ่งนา
จนไปถึงดินแดนแห่งทะเลและสายน้ำ อาณาจักรอันมีเจ้าเหนือหัวพระองค์ใหม่ที่กล้าหาญเก่งกล้า!

ถึงแม้จะพึี่งครองอำนาจแต่เหนือหัวแห่งอยุธยาพระองค์ใหม่ก็มีความประสงค์อันแรงกล้า
นั่นคือการรวบรวมทุกอาณาจักรให้เป็นแผ่นเดียวกัน!!! เพื่อจะได้ปกครองดินแดนทั้งเหนือใต้จนหมดสิ้น!

แต่ถึงแม้สองอาณาจักรจะยิ่งใหญ่ไม่ด้อยไปกว่ากัน แต่การรวามรวมทุกอาณาจักรให้เป็นหนึ่งก็ยากจะทำได้
เพราะ  ณ ขณะนี้ อาณาจักรล้านนามีความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอยุธยาแม้แต่น้อย!

ทัพหลวงของทั้งสองอาณษจักรต่างก็รวบรวมขุนพลหารเก่ง และกล้า มากด้วยฝีมือ เรือนหมื่นเรือนแสน
ขบวนช้าง ขบวนม้า ที่มากมายนับพัน ต่อสู้ศึกที่ “เมืองเติ๋นนคร”อันเป็นเมืองใต้สุดของอาณาจักร
ที่อยู่ในการปกครองของล้านนา

ศึกครั้งก่อนอยุธยาเคยตีเมืองน้อยแห่งนี้จนแตกพ่ายและเข้าสู่เขตแดนล้านนาได้อย่างง่ายดาย
การศึกครั้งนี้กรุงศรีฯ จึงคิดสู้ศึกโดยตีหักค่ายเมืองเติ๊นนครแห่งนี้ให้แตกพ่ายซ้ำรอยอีกครั้ง
นั่นก็หมายถึง การที่จะสามารถเข้าสู่เขตอาณาจักรล้านนาได้ง่ายยิ่งขึ้น!

ขุนแกล้วทหารกล้าของทั้ง “สิงห์เหนือและเสือใต้” เข้าต่อสู้ศึกกันอย่างอาจหาญ!

ฝ่ายเหนือมีเจ้าเมืองเขลางค์นครคอยควบคุมการศึกอย่างเข้มแข็ง
ฝ่ายใต้ก็มีเจ้าเมืองชากังราวออกเป็นทัพหน้าทั้งบุกด้วยขุนพลทหารกล้า
ธนูไฟ และหอกแหลม! ยิงกระหน่ำใส่ในค่ายเมืองเติ๊นนครอย่างรุนแรงน่ากลัว!

การศึกเป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน!!!
เสียงโห่ร้องสร้างขวัญกำลังใจ และข่มขวัญศัตรู!!
เสียงแห่งการสู้รบ ดังกึกก้องอยู่ตลอดหลายวัน!

ไฟที่ลุกโหม ถูกจุดจนโชติช่วงเพื่อสร้างความน่ากลัว!
หอก ธนูไฟ ยุธทธวิธีต่างๆ ที่ใช้ในการปราบศัตรูต่างนำมาใช้ในการศึกอย่างรุนแรงยิ่ง!

แต่ท้ายที่สุด...เมื่อผ่านไปหลายเดือนการศึกของทั้งสองอาณาจักรก็มิอาจรู้ผล แพ้ หรือ ชนะ ได้!
เพราะเมื่อการศึกสงครามเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนหลาก
การศึกสงครามของทั้งสองอาณาจักรที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะก็ยิ่งเป็นไปเป็นไปอย่างยากลำบาก!
ทั้งต้องคอยรับศึกเมืองขึ้นของทั้งสองอาณาจักรอยู่มิได้ขาด

ทัพของกรุงศรีอยุธยาก็มิอาจจะหักเอาเมืองเติ๊นนครของอาณาจักรล้านนาได้
ในขณะที่เมื่อยามอยุธยาอ่อนแรง ล้านนาก็มิอาจบุกยึดเมืองศรีสัชนาลัย-สุโขทัย ของอยุธยาได้เช่นกัน!

จนเข้าสู่หน้าฝนทั้งสองอาณาจักรจึงหยุดการสงครามไว้แต่เพียงแค่นั้นโดยไม่ทราบผลแพ้ชนะ
แ่ต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีทหารไว้ป้องกันและคุมเชิง ณ เมืองชายแดนอย่างอย่างแน่นหนาป้องกันการบุกรุก!!!

................................................................................................

     ถึงแม้ศึกกรุงศรีอยุธยาจะเลิกราไปได้หลายเดือน
แต่ไอ้แก้ว เมืองแมน และขุนทหารแห่งล้านนาทุกนายก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเมืองเพื่อเจอหน้าลูกเมีย
เมื่อมีคำสั่งให้หน่วยของเมืองแมน และ ขุนพันเฮือง คอยคุมทัพอยู่ ณ เมืองเขลางค์นครอีกนานนับเดือน!

จนกระทั่งวันนึงได้ข่าวว่า “เมืองเชียงทอง” อันเป็นอาณาจักรล้านช้าง! ซึ่งมีอาณาเขตติดกับเวียงนันทบุรี
ได้นำกองทัพเรือนหมื่นเข้ามาเพื่อหมายจะเข้าตีเอาเวียงนันทบุรี ซึ่งอยู่ในการปกครองของอาณาจักรล้านนา
เจ้าหลวงแห่งล้านนาจึงสั่งการให้ท่านแม่ทัพใหญ่รีบตอบโต้เมืองเชียงทอง
หากแม้นเอาชนะได้ก็ให้กวาดผู้คนมาไว้ในอาณาจักรล้านนาเพื่อเพิ่มพูนกำลังคนให้มากยิ่งขึ้น!!!

อันที่จริง เวียงนันทบุรี และ เมืองเชียงทอง ทั้งสองต่างก็เป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมาแต่เก่าก่อน
ตั้งแต่สมัยก่อตั้งสร้างเมืองใหม่ๆ ครั้งนี้เมืองเชียงทองเห็นว่าเวียงนันทบุรอ่อนแอเกินกว่าจะป้องกันตนเองได้
จึงได้คิดการยึดครอง การศึกของล้านนา และ ล้านช้าง จึงได้เริ่มต้นขึ้น!

และแล้วการศึกทางด้านทิศเหนือก็ได้เริ่มต้นขึ้น
โดยที่ไอ้แก้ว และขุนทหารไม่มีโอกาสได้หยุดพักแม่แต้น้อย!
ท่านแม่ทัพใหญ่แห่งล้านนา จึงสั่งการให้ทัพของ “เจ้าหมื่นอินตาราช”
เป็นแม่ทัพควบคุมกองกำลังทหารล้านนาห้าหมื่น เข้าปกป้องเวียงนันทบุรี เพื่อไม่ให้ตกเป็นของคนลาว

ในการศึกครั้งนี้ ไอ้แก้ว เมืองแมน และเหล่าขุนทหารในสังกัดต่างก็ได้รับคำสั่ง
ให้ออกสู้ศึกกับเมืองเชียงทองในครั้งนี้

เนื่องจากเห็นความสามารถในการสู้ศึกกับอยุธยาอย่างกล้าหาญในศึกกรุงศรีฯ
และไอ้แก้วจากที่เคยรับยศทหารเพียง “นายซาว” ด้วยความดีความชอบในการสงคราม
บัดนี้ไอ้แก้วจึงมียศที่สูงขึ้นเป็น “นายร้อยแก้ว” ตามความดีความชอบ!

แต่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเมืองแมนที่เป็น “ขุนพันมืองแมน” ที่มีตำแหน่งรองแม่ทัพแห่งล้านนา
และเป็น 1 ใน 10 นายร้อย ของขุนพันเมืองแมน ที่อยู่ในการสั่งการ

การได้รับการปูนบำเหน็จศึกครั้งนี้บรรดาลูกน้องของไอ้แก้วเองก็ได้รับยศเพิ่มตามไปด้วย
ทั้งสองนาย อ้ายผา และ อ้ายคง โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายห้าสิบทั้งคู่!

ถึงจะได้รับการเพิ่มยศ แต่ทั้งคู่ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมและสั่งการของ ไอ้แก้ว ตามเดิม
จากที่เคยมีไพร่ผล และทหารอยู่ภายใต้การดูแลเพียง 20 กว่าคน
บัดนี้ไอ้แก้วก็มีทหารและบ่าวไพร่เพิ่มมากขึ้นถึง 100 คนตามยศที่ได้รับ!

…………………………………………………………………………………….

ทัพของ "เจ้าหมื่นอินตาราช" ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ ควบคุมกองกำลังทัพหลวงแห่งล้านนา
นำทัพออกเดินทางมุ่งตรงไปยังเวียงนันทบุรีไม่มีหยุดพัก!
และด้วยความรวดเร็วในการเดินทัพ จึงใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในที่สุดก็เข้าสู่เขตแดนของเวียงนันทบุรี
อันเป็นเมืองใต้การปกครองของล้านนา

เมื่อเกือบสองปีก่อนพึ่งจะถูกล้านนารวมเข้าภายในอาณาจักระ
มาบัดนี้ก็ต้องถูกรุกรานโดยอาณาจักระอื่นอีกแล้ว!

ไอ้แก้วอดนึกถึงเวียงน้อย เวียงงาม ที่มีพระมหาธาตุศักดิ์สิทธิ์และผู้คนอยู่กันอย่างสุขสงบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ไม่รู้ว่าป่านนี้ชาวเมืองจะอกสั่นขวัญแขวนซักเพียงไหน
เพราะนับตั้งแต่ถูกรวมเข้ามาอยู่ในอาณาจักรล้านนาเมื่อราว 2 ปีก่อน เวียงนี้ก็พึ่งจะกลับมาสงบได้เพียงไม่นาน

..............................................................................

ณ ที่ประชุม ของทัพหลวงแห่งล้านนา

ท่านแม่ทัพใหญ่นั่งเป็นประธาน โดยมีขุนพันทั้ง 10 นั่งเรียงรายตามลำดับยศศักดิ์ ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
รองจากขุนพันก็เป็นทหารยศนายร้อยนั่งเรียงกันอย่างพร้อมเพรียง สง่างาม
นายร้อยแก้วนั่งมองการประชุมด้วยความสนใจยิ่ง เพราะใจมันนั้นหมายอยากเข้าช่วยเวียงนันทบุรีโดยไว

เมืองแมนที่นั่งอยูด้านซ้ายของท่านแม่ทัพดูองอาจ สง่างาม ด้วยศักดิ์ฐานะที่สูงส่ง
ด้วยหลายปีผ่านมาล้วนสร้างผลงาน รับราชการทางการศึกสงครามได้อย่างยอดเยี่ยมจึงเป็นที่โปรดปรานยิ่งนัก
อีกทั้งด้วยหน้าตาที่คมคาย ร่างกายสง่างาม ยิ่งน่าชม สำหรับชายด้วยกัน และสตรีที่ได้พบเห็น

ไอ้แก้วมองชายคนรักอย่างภาคภูมิใจที่บัดนี้เมืองแมนได้รับยศฐาบรรดาศักดิ์
ตามความดีความชอบที่ได้ทำไว้แก่ชาติบ้านเมือง มีหรือมันจะไม่ดีใจราวกับตัวมันเองได้รับยศศักดิ์นี้

ทางจะขื่อที่ไม่ขอรับยศทหารยังคงใช้ชีวิตเยี่ยงพรานป่าตามความเคยชินโดยไร้การควบคุมของกองทัพ
แต่คราใดที่กองทัพต้องการความช่วยเหลือจะขื่อก็จะเข้ามาช่วยด้วยความยินดี

จนกระทั่งเสือหมอบแมวเซาอันเป็นทหารที่คอยซุ่มดูความเคลื่อนไหวของทัพเมืองเชียงทอง
ก้าวเข้ามาเพื่อแจ้งข่าวศึกให้ทราบทุกคนต่างก็มองอย่างสนใจใคร่รู้

“ความเคลื่อนไหวของทัพเมืองเชียงทองเป็นยังไงจงว่าไปอย่าชักช้า!”
ท่านแม่ทัพพูดด้วยน้ำเสียงดังกึกก้อง เด็ดขาด ไม่พิรี้พิไร

“เรียนท่านแม่ทัพตอนนี้ทัพเมืองเชียงทองเข้าได้เร่งตีเวียงนันทบุรีจนเกือบจะแตกพ่ายแล้วขอรับ...”

ทหารกล้าแห่งล้านนาต่างมองกันไปมาอย่างห้าวหาญ! หวังตีทัพเมืองเชียงทองให้แตกพ่ายอย่างเร็วที่สุด
แต่ทุกคนต่างก็ไม่อาจกล่าวอันใดได้จนกว่าท่านแม่ทัพจะสั่งการออกมาเสียก่อน

“ท่านแม่ทัพ!...ข้าขออาสาเข้าสู้ศึกเมืองเชียงทอง!!!”
ขุนพันเมืองแมนออกปากอาสาอย่างกล้าหาญ! ด้วยน้ำเสียงองอาจห้าวหาญ!
และหลังจากนั้นเหล่าขุนพันทั้ง 9 นาย จึงออกปากอาสากันทุกคน จนท่านแม่ทัพต้องยกมือห้ามปราม!

“พวกเจ้าไม่ต้องแย่งกัน!...เพราะพวกเจ้าทุกคนจะได้สู้ศึกกันทุกคนอย่างแน่นอน
...แต่ทัพหน้าข้าต้องการให้ขุนพันเมืองแมนและขุนพันเฮืองเข้าสู้ศึกก่อนทัพอื่น!...”

เมื่อได้ฟังเสียงสั่งการของท่านแม่ทัพ ขุนพันอีก 8 นายแม้จะรู้สึกขัดใจที่ไม้ได้ออกศึกก่อน
แต่ก็ไม่อาจต่อปากได้ ด้วยรู้นิสัยท่านแม่ทัพอินตาราชท่านนี้ดี ว่าหากได้พูดแล้วจะไม่คืนคำ!

เมื่อสั่งการเสร็จสิ้นทัพของเมืองแมนและขุนพันเฮือง ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิท และ ทหารยศสูงเท่ากัน
ได้รวบรวมกำลังพลได้หนึ่งหมื่นนายเพื่อเข้าต่อสู้ที่หน้าประตูเมือง เพื่อป้องกันเวียงนันทบุรีจากเมืองเชียงทอง

เวียงนันทบุรีแม้จะเป็นเวียงน้อยแต่ก็ป้องกันเมืองตัวเองไว้ได้อย่างเข้มแข็ง
ทั้งๆ ที่ถูกเมืองเชียงทองโจมตีอย่างหนักมาหลายวัน!

และแล้ว! เวลาแห่งการต่อสู้เกิดขึ้นโกลหลวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง!!!

เมื่อทหารแห่งล้านนานับหมื่นๆ เข้าต่อสู้กับทัพของเมืองเชียงทองอย่างกล้าหาญ!
เสียงต่อสู้ ดาบ กระบี่ ธนู หอก ทวนปะทะกันดังเคร้งคร้างหวืดหวิวน่ากลัว

ไอ้แก้วเข้าต่อสู้ศึกอย่างเจนจัด ด้วยหอกยาวปลายแหลม! อันเป็นอาวุธที่ถนัดที่สุดของมัน!
ยามสะบัดฟันฟาดเสียบแทงไปที่คู่ต่อสู้แต่ละครั้งทั้งงดงามและน่ากลัวยิ่ง!
เสียงร้องโอดโอยของทหารคู่ต่อสู้ดังอยู่ชั่วครู่ก็เลือดพุ่งออกมาจนแดงฉาน!

“โอ้ยยย!!!”
“อ๊ากกก!!!”

เวลาเพียงไม่นานทัพเมืองเชียงทองก็เริ่มถอยทัพกลับออกไป
ทัพของล้านนา และนันทบุรี ต่างก็ร้องเฮอย่างดีใจ!!!

"ทัพเชียงทองแตกพ่ายแล้ว!!!"
และตอนนี้นันทบุรีก็ถือว่าได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีแล้ว!

เมื่อชาวเมืองนันทบุรีรู้ว่าล้านนาได้มาช่วยก็ช่วยกันเปิดประตูเมืองให้ทัพหลวงล้านนาเข้าสู่เมืองอย่างยินดี
ชาวเมืองต่างก็พร้อมใจกันโห่ร้องด้วยเสียงอันดังกึกก้องดีใจอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนถึงแม้ครั้งก่อน

แม้จะเคยเห็นความสมัครสมานสามัคคีกันของคนทั้งสองเมืองมาแล้วก็ตามแต่ก็เป็นเพียงความจำใจเท่านั้น
ไม่เหมือนครั้งนี้ที่ทั้งสองเมืองต่างก็ช่วยเหลือกันด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง

เมื่อทัพหลวงล้านนาเข้าสู่เวียงนันทบุรีได้สำเร็จ
ทัพของล้านนาอีกหลายหมื่นก็ออกไล่กระหนาบทัพของเมืองเชียงทอง ตามไปทางทิศที่หนีแตกพ่าย

แต่เห็นว่ากองทัพของเมืองเชียงทองเริ่มเข้าสู่อาณาเขตของล้านช้างแล้ว
ทัพของล้านนาจึงยกทัพกลับสู่เวียงนันทบุรีเพื่อป้องกันเมือง
และรอรับการสั่งการเพื่อเข้าตีอาณาจักรล้านช้างจากเจ้าหลวงล้านนาเสียก่อน

เมื่อรู้ข่าวศึกว่าตอนนี้นันทบุรีปลอดภัยแน่แล้ว
เจ้าหลวงนันทบุรีก็สั่งการให้ชาวเมืองหาข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงต้อนรับทัพหลวงล้านนาอย่างยินดี

ในงานเลี้ยงต้อนรับทัพแห่งล้านนาท่านแม่ทัพอินตาราช
แม่ทัพใหญ่นั่งพูดคุยเรื่องการศึกกับเจ้าหลวงอย่างองอาจ พูดคุยกันด้วยสายสัมพันธ์ที่ดี

ในครานั้นไอ้แก้วและขุนทหารอื่นๆ ต่างก็นั่งอยู่ในที่ประชุมพอหันไปมองอีกครั้ง
ก็เห็นหน้าตาของทหารเวียงนันทบุรีหลายนายที่ต่างก็คุ้นตา!
อันมี อ้ายภู และ อ้ายหมอก นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในตำแหน่งทหารยศนายร้อยของเวียงนันทบุรี!

ทั้งสองเห็นไอ้แก้วตั้งแต่ทีแรกต่างก็มองมาก่อนหน้าแล้ว
แต่ไอ้แก้วกำลังสนใจการคุยของเจ้าหลวงกับท่านแม่ทัพ
เลยยังไม่ได้มองเลยยังไม่ทันได้เห็นทหารหนุ่มเวียงนันทบุรีทั้งสองที่เคยสนิทสนมกันยิ่งมาก่อน

บัดนี้สองทหารหนุ่มต่างก็ยิ่งเป็นหนุ่มหล่อองอาจทั้งสองคน
ไอ้แก้วเห็นแล้วก็อดใจสั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้ เพราะบัดนี้เสร็จสิ้นสงครามหลายอาณาจักรที่วุ่นวายมาหลายเดือน
ต่างก็ไม่ได้เสพสุขทางกามรสมานาน เมื่อได้มาเจอทหารหนุ่มหล่อเหลาอย่างอ้ายภู และ อ้ายหมอก
ก็อดคิดถึงวันคืนเก่าๆ ที่เคยเสพสม เสพสุข กันมาไม่ได้

เพราะการมาสู้ศึกเมืองเชียงทองในครั้งนี้
มันก็ไม่คิดว่ามันจะมีโอกาสมาเจอพวกทหารรูปหล่อแห่งเวียงนันทบุรีอีกครั้ง

เมื่อทานอาหารและอยู่พูดคุยกับท่านแม่ทัพจนสมควรแก่เวลา ท่านเจ้าหลวงก็ขอตัวกลับ
เวลาต่อมาจึงเป็นเวลาของบรรดาทหารทั้งสองเมืองที่ได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เฮฮา ออกรสเป็นที่สุด

ทหารกล้าแต่ละนายไม่ว่าจะเป็นทหารแห่งล้านนา หรือ ขุนทหารแห่งเวียงนันทบุรี
ก็ล้วนงามสง่า หุ่นแกร่ง แข็งแรง ร่างกายบึกบึน น่ามองเป็นที่สุด!

ยิ่งได้รับรสเหล้าเข้าปากไอ้แก้วก็ยิ่งมีความต้องการตามธรรมชาติ เหมือนๆ กับทหารทุกผู้นาม
ที่ผ่านมาแล้วหลายเดือนต่างก็ไม่ได้เสพสุขอย่างที่ใจต้องการ!

มาบัดนี้ สองอาณาจักร ชนะศึกแล้วความต้องการทางธรรมชาติแห่งบุรุษถูกปลุกเล้าด้วยเหล้าและร่างกาย
บางนายที่มีความต้องการมากหน่อยก็เข้าไปกอด และจับ นายทหารคนอื่นอย่างออกหน้า
นั่นก็บ่งบอกว่าต่างก็เคยมีความสุขกันมาก่อนหน้านี้

ตอนนี้ไอ้แก้วรู้สึกตัวว่าเริ่มเมาสุราพอสมควร แต่ก็ยังนั่งพูดคุยถึงการศึกในครั้งนี้อย่างสนุกสนาน
โดยมีนายทหารยศนายร้อยหลายคนคอยพูดคุยด้วย บ้างพูดคุยไปก็จับเนื้อต้องกายของไอ้แก้วไปด้วย
แต่เรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติของสังคมทหารเพราะการจับเนื้อต้องกายชายด้วยกันถือว่าเป็นการให้เกียรติอีกฝ่าย

ดังนั้นอ้ายแก้วจึงไม่อาจทำตัวรังเกียจเดียจฉันท์ได้ ซึ่งนั่นก็ไม่เคยอยู่ในความคิดของมันแม้แต่น้อย
เพราะนายทหารยศนายร้อยแต่ละคนก็ทั้งคมกล้า หุ่นแกร่ง อกผาย ไหล่กว้าง ผิวค่อนไปทางขาวเกิือบทุกนาย
เตี่ยวที่สั้นเล็กเผยให้เห็นว่าอาวุธของแต่ละคนนั้นน่าชมซักเพียงไหน!

นั่งคุยกับพวกนายร้อยได้ซักพัก อ้ายภู และ อ้ายหมอก ก็เข้ามานั่งพูดคุยด้วย
ทหารเวียงนันทบุรีทั้งสองนายต่างก็ทักทายทหารแห่งล้านนาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
และพูดคุยกันด้วยความเป็นมิตรยิ่ง

ตอนนี้เมืองแมนกับขุนพันเฮืองต่างก็ไปพูดคุยกับขุนพันและแม่ทัพของเวียงนันทบุรี
ปล่อยให้ทหารยศนายร้อยพูดคุยกับทหารยศเดียวกันของนันทบุรีอย่างออกรส

“ช่างดีใจเหลือเกิน...ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอพวกท่านอีก”

ไอ้แก้วเข้าไปกอดทั้งสองหนุ่มหล่ออย่างดีใจยิ่งนัก
อ้ายภู และ อ้ายหมอก ซึ่งบัดนี้ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นทหารยศ “นายร้อย” ยศสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
ทั้งสองต่างก็ยิ้มด้วยความดีใจไม่แพ้ไอ้แก้ว

ผ่านไปเกือบสองปีร่างกายของทั้งสองตอนนี้ทั้งแกร่งกล้า กำยำ และแข็งแรง
ด้วยว่าทำการฝึกรบทุกวันเพราะเป็นทหารราชองรักษ์ของเจ้าหลวง

อ้ายภูเข้ามาโอบที่เอวของไอ้แก้วอย่างสนิทสนมในทีแรกมันก็นึกว่าเป็นเพียงความรู้สึกยินดีที่ได้มาเจอกัน
แต่อ้ายภูกอดได้เพียงไม่นาน ความร้อนของฝ่ามือก็ทำให้ไอ้แก้วรู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้
อ้ายภูต้องการบางอย่างจากมัน! ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ไอ้แก้วเองก็ต้องการไม่ต่างกัน

อ้ายภูยิ้มอย่างยั่วยวนหน้าตาบ่งบอกว่าเริ่มมีความเมาตามเหล้าที่ดื่มเข้าไป
อ้ายหมอกเห็นทหารผู้เป็นญาติก็พอรู้ความในว่าทั้งอ้ายภู และไอ้แก้ว ต้องการเสพสพกันแน่แล้ว
จึงทำเป็นชวนกันออกไปคุยกันที่เรือนพักของพวกมัน

“นั่นเจ้านายจะไปที่ใดขอรับ”
อ้ายผาที่เป็นทหารคนสนิทถามไอ้แก้ว

“เอ็งกับอ้ายคงจงดื่มเหล้ากันต่อไปเถอะ...ข้ามีเรื่องจะคุยกับเพื่อนเก่าข้าเล็กน้อย
...หากท่านขุนพันเมืองแมนกับอ้ายจะขื่อถามก็บอกไปตามนั้น”

“ขอรับนายท่าน!”

สองทหารคนสนิท อ้ายผา และ อ้ายคงตอบอย่างนอบน้อมแล้วเข้าไปดื่มเหล้าต่อ
ปล่อยให้เจ้านายติดตามสองทหารแห่งเวียงนันทบุรีไปอย่างว่าง่าย
ทั้งสามคนเดินเข้าสู่ห้องพักของทหารก็รีบปิดประตูลงกลอนอย่างรวดเร็ว!

แล้วทันใด อ้ายภู และ อ้ายหมอก ก็กระโจนเข้าใส่ไอ้แก้วอย่างเร่าร้อน!
ร่างกายที่บึกบึนแข็งกล้าทั้งสามต่างก็กอดฟัดกันอย่างหื่นกระหายตามความต้องการทางธรรมชาติ!

ชุดทหารและเตี่ยวสั้นถูกดึงให้หลุดลุ่ยจนสิ้นกาย!
ทันใดนั้นอาวุธอันแข็งกล้าของทั้งสามทหารก็เข้าแนบชิดถูไถกันไปมาอย่างเสียวซ่าน!
ขนดกดำหยิกหยอยของอ้ายภูถูกไอ้แก้วดึงและกำอย่างเร่าร้อน
ต่อมาก็ถูกจับอาวุธที่แข็งจัดขยับมือไปมาตามอารมณ์ที่คึกกรุ่น!

“ซี้ดดด!...เสียยวว!!!”

อ้ายภูถูกจับอาวุธคู่กายจนร้องครางแต่ร้องได้ไม่นาน
ไอ้แก้วก็จูบปากของมันพร้อมแลกลิ้นกันอย่างกระหายกาม!

อ้ายหมอกตอนนี้หันมาดูดไซ้ตามซอกคอของไอ้แก้วที่ถึงแม้จะคล้ำขึ้นแต่ก็ยังสะอาดน่าเลีย
ลิ้นของอ้ายหมอกดูดไซ้อย่างเมามันตามความต้องการที่กำลังเกิดอย่างบ้าคลั่ง!

“โอยยยย!...ซี้ดดด!...ข้าเสียวเหลือเกินนน!...”
ไอ้แก้วร้องครางบ้างเมื่อโดนสองทหารแห่งเวียงนันทบุรีรุมกระหน่ำอย่างหิวกระหายในรสรัก!

“ข้าคิดถึงเอ็งเหลือเกิน!...จ๊วบๆ!”

อ้ายภูดูดปากของไอ้แก้วไปมือก็บีบนวดลูบคลำไปตามเนื้อตัวของไอ้แก้วอย่างเร่าร้อน!

“ข้าก็คิดถึงพวกท่านและต้องการให้พวกท่านเสพสุขในตัวข้า!...อ๊า!...อ้ายหมอกท่านช่างเก่งขึ้นมาก!...อา!”

ตอนนี้อ้ายหมอกดึงหน้าไอ้แก้วไปดูดบ้างอาวุธที่แข็งจัดถูไถไปมาตามร่องก้นของไอ้แก้วอย่างเสียวซ่าน!
บางครั้งอ้ายหมอกก็ดันอาวุธที่แข็งจัดกลางดงขนหยิกดกด้วยความรุนแรง
นั่นยิ่งสร้างความเสียวกระสันให้กับไอ้แก้วเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง!

“ไม่ได้เสพสังวาสบั้นท้ายท่านมานานคิดถึงเหลือเกิน!...อืมมม!!!”
“ถ้างั้นท่านจงจัดการไปตามใจท่านเถิด!...อู้ววว!...ซี้ดดด!!!”

ตอนนี้อ้ายหมอกอารมณ์ร้อนระอุสุดขีดจับอาวุธขนาดใหญ่ยาวและแข็งปานท่อนไม้!!!
เข้าสู่ทวารหนักของไอ้แก้วอย่างกระหายสวาทอย่างสุดขีด!

อาวุธของอ้ายหมอกเข้ามาในตัวไอ้แก้วอย่างไม่ยากนักเพราะต่างก็เคยเสพสุขกันมาก่อน
ไอ้แก้วไม่มีสิทธิ์ร้องมากนักด้วยโดนอ้ายภูดูดปากจ๊วบๆ จนเสียวล้นปรี่!

พอปล่อยปากไอ้แก้วให้เป็นอิสระอ้ายภูก็กดหัวไอ้แก้วให้ดูดอมที่อาวุธคู่กายที่ใหญ่ยาวแข็งกล้า!!!
ไม่แพ้ญาติผู้น้องเข้าสู่ปากของไอ้แก้วอย่างเมามัน!

“ซี้ดดด!...ดูดได้มันเหลือเกิน!!!”

อ้ายภูร้องครางอย่างมีความสุขพร้อมหลับตาพริ้ม!!!
เด้าเอวดันอาวุธเข้าปากของไอ้แก้วยิกๆๆๆ!!!

ทางฝ่ายอ้ายหมอกพออาวุธคู่กายยัดเข้าทวารหนักของไอ้แก้วจนมิดลำก็เริ่มกระแทกอย่างรุนแรง!
หนักหน่วง ตามอารมณ์เดิม ที่ถึงแม้ว่าบัดนี้มันจะกลายเป็นทหารหนุ่มยศสูงขึ้น
แต่นิสัยเดิมในยามร่วมรักก็ไม่เคยที่จะเปลี่ยน! นั่นคือการเสพสุขอย่างรุนแรง เร่าร้อน!

ตอนนี้ร่างทหารทั้งสามนายที่แข็งแรงแกร่งกล้า!
ผิวกายขาวสะอาดทั้งสามนาย และความแข็งแรงก็ไม่น้อยไปกว่ากัน
ต่างก็โยกยัดอัดกระแทกเสพสุขกันอย่างไม่ต้องอายใคร

เนื่องด้วยเสพสุขกันอยู่ในห้องพัก
ยามที่อ้ายหมอกเด้าอาวุธคู่กายเข้าประตูหลังของไอ้แก้วอย่างหนักหน่วง

ร่างกายของไอ้แก้วก็จะโน้มไปข้างหน้าพร้อมเสียวครางอย่างมีความสุขของไอ้แก้ว!
และปากไอ้แก้วก็จะดูดอมอาวุธคู่กายของอ้ายภูอย่างสุขีพอๆกับการโดนอัดประตูหลัง!

จนความสุขของอ้ายหมอกที่รุมเสพสังวาสไอ้แก้วทางประตูหลังอย่างเมามันก็มาถึงจุดสุดยอด!
ทหารผู้มีใบหน้าหล่อเหลาร่างกายแข็งแรงกรแทกอย่างหนักหน่วงอีกไม่กี่ทีก็ร้องครางลั่น!!!

“โอ้ยยยย!!!...ข้าไม่ไหวแล้ว!...ซี้ดดดด!!!”

และแล้วอ้ายหมอกก็พ่นน้ำรักเข้าสู่กายของไอ้แก้วอย่างมากมาย!

เมื่ออ้ายหมอกสำเร็จความสุข อ้ายภูก็จับไอ้แก้วนอนหงาย
สองขาของทหารหนุ่มแห่งล้านนาถูกจับกางอ้าพาดที่ไหล่ของทหารหนุ่มแห่งนันทบุรี
อย่างมีความเสียวสุขกันทั้งคู่!

“ท่านจงทำตามใจที่ท่านต้องการเถิด!...อ๊า!...อูยยย!!!”

ไอ้แก้วร้องครางบอกกล่าวอ้ายภูอย่างยินดียิ่ง
ทหารหนุ่มหน้าหล่อสูดปากอย่างกระหายกามแล้วเร่งเด้าอาวุธที่ไม่เป็นรองญาติผู้น้อง
แล้วยัดอาวุธเข้าประตูหลังของไอ้แก้วอย่างเมามัน และรุนแรงพอกัน

“ซี้ดดด!...อึ๊บๆๆๆ!!!”                        
“อ๊าๆๆๆ!!!...ข้าเสียวมากๆเลยอ้ายภู!...อูยยย!!!”

บัดนี้ทั้งสองคนต่างก็ร้องครางตอบโต้กันอย่างเมามัน
ร่างของอ้ายหมอกเร่งกระเด้าอาวุธคู่กายเข้าในตัวของไอ้แก้วอย่างหื่นกระหาย!

บ่งบอกถึงความต้องการทางเพศที่ห่างหายกันไปนานแล้วบัดนี้ก็ได้กลับมาเจอกันอีก!
ทางฝ่ายอ้ายหมอกถึงแม้จะสำเร็จสุขไปหนึ่งรอบ! แล้วก็ตาม
แต่ก็ยังไม่หายอยากเลยเอาอาวุธคู่กายมาให้ไอ้แก้วดูดอีกรอบ

อาวุธที่ใหญ่ยาวงดงามของอ้ายหมอกยัดเข้าปากไอ้แก้วอย่างเมามัน!
จนไอ้แก้วไม่สามารถร้องครางอย่างมีความสุขได้อีกต่อไปแต่กลับเป็นสองทหารนันทบุรีที่เป็นลูกผู้พี่
และลูกผู้น้องต่างร้องครางอย่างมีความสุขกันทั้งสองคน

บัดนี้ร่างกายของไอ้แก้วถูกกระหน่ำทั้งปากล่างปากบน อย่างกระหายในรสรัก!
ความสุขที่ทหารหนุ่มทั้งสาม ไอ้แก้ว อ้ายภูและอ้ายหมอก เสพสมกันอย่างมีความสุข เร่าร้อน รุนแรง

ตามสัญชาติญาณแห่งบุรุษเพราะทหารหนุ่มทั้งสองต่างก็รู้ดีว่า
ความเสียวสุขที่รุนแรงปานฟ้าผ่าเยี่ยงนี้แหละที่หาไม่ได้จากกายของแม่หญิงที่อ่อนบาง
แต่จะหาได้จากกายของบุรุษที่มีกายแข็งแรงและแกร่งงามอย่างไอ้แก้วเท่านั้น!

และแล้วเมื่อความสุขของทั้งสามมาถึงจุดที่มิอาจอดกลั้นได้อีกต่อไป
ไอ้แก้วที่โดนมือของอ้ายภูจับชักอาวุธคู่กายของมันตามแรงเด้าแรงกระแทกก็ถึงกาลน้ำทะลัก!

อ้ายภูก็สำเร็จสุขฉีดน้ำรำเข้าสู่ร่างกายของไอ้แก้วอย่างเสียวสุดขีด!
อ้ายหมอกที่สำเร็จกามในครั้งที่สองก็ร้องครางลั่นไม่ต่างจากการสำเร็จในครั้งแรก!

“ซี้ดดดด!...อ๊า!!!”
อ้ายภูร้องครางลั่นน้ำทะลักเข้ากายไอ้แก้ว

“โอ้วววว!...ข้าเสร็จแล้วๆๆ...โอซี้ดดดด!!!”
ไอ้แก้วร้องครางอย่างเสียวสุขเมื่อสำเร็จความสุขด้วยมือของอ้ายภู

“ซี้ดดด!...อูววว!...โอวววว!!!”
อ้ายหมอกสูดปากครางอย่างเสียวสุด!
น้ำกามทะลักเข้าในปากของไอ้แก้วเยอะไม่แพ้ครั้งแรก!

ทั้งสามทหารต่างครวญครางบทรักแห่งความเสียวกอดรัดร่างกายของอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน!
ไอ้แก้วที่อยู่ตรงกลางแสนจะสุขสม แม้ว่าร่างกายจะเหนียวเหนอะหนะไปด้วยหยาดเหงื่อ
แต่ความสุขที่ได้รับนั้นประทับใจจนยากจะลืมเลือน

เพราะความสุขที่มันทั้งสามต่างได้รับในครั้งนี้
คือความหฤหรรษ์! ที่ต่างฝ่าย ต่างก็ไม่ได้พานพบมานานนับปี!!!....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น