วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บำบัดรักนักรบแดนเถื่อน 11 รักแท้ของทหารหนุ่ม

หลังจากเหตุการณ์ถูกมอมยาและโดนขืนใจในวันนั้น
ไอ้แก้วก็ได้รับการคุ้มกันจากทหารหนุ่มแห่งเวียงนันทบุรีสองนาย
คืออ้ายภู และอ้ายหมอก ที่มาคอยคุ้มกันให้ในทุกการเดินทางไปในแต่ละพื้นที่ทั้งอ้ายภูอ้ายหมอก

ไอ้แก้วยังคงออกทำงานตามที่นายสั่ง นั่นคือการทำแผนที่และจดบันทึกเรื่องราว
เก็บลวดลายศิลปะที่งดงามของเมืองไว้หากมีความจำเป็นต้องใช้ในภายภาคหน้า
เด็กหนุ่มออกเดินท่อมๆไปตามวัดสำคัญ และเก่าแก่ของเวียงจนเกือบจะหมดเวียง
แต่ละวัดก็งดงามด้วยพุทธศิลป์อันทรงคุณค่าที่งามไม่แพ้ศิลปะของนพบุรีฯเลย

ก่อนที่จะเกิดเรื่องในคราวก่อนเมื่อเจ้านายของไอ้แก้วสั่งการให้มันออกวาดแผนผัง ศิลปะและสถานที่สำคัญของเวียงเอาไว้
ไอ้แก้วยินดียิ่งนักที่ได้รับใช้พระเดชพระคุณนายท่าน และงานที่สั่งก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของเด็กหนุ่มที่เจนจัดในงานสล่า(งานช่าง)
และตั๋วเมือง(ตัวหนังสือ) เพราะได้รับการสั่งสอนจากตุ๊เจ้าในเวียงนพบุรีฯผู้เป็นพระอาจารย์ของเด็กหนุ่ม

แต่พอเกิดเหตุการณ์การโดนข่มขืนไอ้แก้วก็ถึงกับเข็ด และขยาด!การเดินทางตามลำพังขึ้นมาในทันใด
แต่เมื่ออ้ายภูทหารแห่งเวียงนันทบุรีรู้ความเข้าจึงได้ตกลงใจกับอ้ายหมอกมาช่วยคุ้มกันให้

ยิ่งได้คนคุ้มกันผู้ที่เป็นเจ้าของพื้นที่แท้ๆไอ้แก้วจึงสบายใจยิ่งนัก แถมยังได้ความรู้จากการบอกเล่า
ถึงวัติความเป็นมาของสถานที่สำคัญต่างๆของเวียงจากทหารทั้งสองคน

อันที่จริงทหารหนุ่มทั้งสองนั้นเป็นกุลบุตรของคหบดี(ตระกูลเศรษฐี)ของเวียงนี้
แม้ไม่ได้เป็นเจ้า แต่ก็มีฐานะร่ำรวยด้วยทรัพย์จึงไม่ได้เข้าประจำการเป็นทหารเหมือนชายฉกรรจ์คนอื่นๆ

ตามกฏเวียงมีอยู่ว่า ว่าชายฉกรรจ์ทุกคนเมื่ออายุครบ 18 ปีต้องเข้ารับใช้ชาติ
บรรดาชายฉกรรจ์ทั้งปวงจะเป็นทั้งพลเมือง และทหารในกองทัพหลวงตามกรมกองที่ตนสังกัด
การฝึกหัดทหารจะใช้หัวหน้าสกุลในแต่ละหมู่บ้าน เป็นผู้ควบคุมฝึกสอนวิชาการต่อสู้  
เมื่อเกิดศึกสงครามทหารทุกคนจะมีอาวุธคู่มือที่ตนได้ฝึกซ้อมไว้ช่ำชองดีแล้วพร้อมที่จะใช้งาน

ชายชาวนันทบุรีทุกคนต้องเป็นทหารดังนั้นในยามปกติก็จะทำไร่ไถนาหรือดำเนินชีวิตไปตามครรลองของตน
แต่เมื่อเกิดศึกสงครามทุกคนก็ทำหน้าที่เป็นทหาร

อันที่จริงทั้งสองนั้นเป็นญาติ ผู้พี่-ผู้น้อง กันเพราะบิดาของทั้งสองเป็นพี่น้องกัน
หลังเหตุการณ์ร้ายๆ ผ่านไปได้หลายวันไอ้แก้ว กับทหารเวียงนันทบุรีทั้งสองหนุ่ม
ก็สนิทสนมพูดคุยถูกคอ ด้วยมีความคิดอ่านเหมือนกัน... นั่นคือ

เกลียดชังสงคราม!!!

และทหารหนุ่มลูกผู้ดีทั้งสองก็ดูจะพอใจที่ได้คอยอยู่อารักขาให้ไอ้แก้ว
คนสูงวัยกว่าหน้าตาหล่อเหลาคมคาย นิสัยสุขุม กิริยาสมเป็นลูกผู้ดี
คนเล็กหน้าตาหมดจดนิสัยซุกซนและรักสนุก พูดจาโผงผางตามนิสัยละอ่อนที่ยังไม่โตเต็มวัย
หลายวันผ่านไปสายตาที่อ้ายภูมองไอ้แก้วนั้นสื่อความหมายได้มากมาย

เพราะแววตาของทหารวัย 25 แห่งเวียงนันทบุรีนั้นมีแววหวานซึ้ง รอยยิ้มสดใสจนเด็กหนุ่มอดสะเทิ้นอายเสียไม่ได้
ยิ่งได้อยู่ใกล้ชิดกันเด็กหนุ่มก็อดเกิดหวั่นไหวต่อความรู้สึกทีละน้อย

วันนี้ไอ้แก้วเดินทางมาสำรวจมาถึงวัดพระธาตุบนดอยของเวียงอันเป็นปูชนียสถานสำคัญอีกแห่ง
ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเวียงได้จนสุดสายตา
บนดอยสร้างพระธาตุสีขาวประดิษฐานพระบรมธาตุ มีโบสถ์ วิหาร รายรอบพระธาตุ สวยงามตามอย่าง

วัดแห่งนี้สวยงามด้วยศิลปะสุโขทัยผสมผสานกับของเวียงนันทบุรีอย่างงดงามอ่อนช้อย
ภายในโบสถ์ประดิษฐานด้วยพระพุทธรูปเก่าแก่งดงาม
หลังจากเด็กหนุ่มไหว้สาพระเสร็จอ้ายภู และอ้ายหมอกก็ออกไปนอกโบสถ์
เพื่อเด็กหนุ่มจะได้พูดคุยกับตุ๊เจ้าผู้เป็นเจ้าอาวาสของวัดอย่างสะดวก

มหาดเล็กหลวงรูปงามนั่งพับเพียบกิริยาเรียบร้อยสง่าน่าชมยิ่ง บ่งบอกถึงผู้ได้รับการอบรมที่ดี
ตุ๊เจ้าผู้ชราครองจีวรสีส้มหม่นๆบุคลิกเปี่ยมด้วยบุญญาบารมีสูงส่ง
อีกทั้งมีสมองปราดเปรื่องแตดวงตาแฝงด้วยความอ่อนโยนต่อสัตว์โลก
ด้วยความที่เด็กหนุ่มเคยอยู่รับใช้พระอาจารย์ในวัดตั้งแต่เล็กและธรรมเนียมปฏิบัติในคุ้มเจ้าต่างๆ ก็ทราบเป็นอย่างดี
จะหมอบจะคลานจะไหว้สาจึงแสดงออกมาได้สง่าน่าชมไม่มีเคอะเขิน

หนำซ้ำยิ่งพูดคุยตุ๊เจ้าก็ยิ่งทราบว่ามหาดเล็กผู้นี้ไม่ใช่ไพร่ชั้นล่างหากแต่เป็นไพร่ชั้นสูง (ไพร่=ประชาชน)
ที่รู้ทั้งตั๋วเมือง(หนังสือ)เจนจัดเรื่องสล่า(งานช่าง) และขับสะล้อ ซอ ซึง ได้
ซึ่งนับได้ว่าหาได้ยากยิ่งนักตุ๊เจ้าท่านเห็นก็ยิ่งเกิดเมตตา
จึงได้ถามไถ่วันเดือนปีที่ตกฟาก(วันเกิด) เด็กหนุ่มแม้จะนึกสงสัยแต่ก็ตอบคำตุ๊เจ้าท่านไปอย่างสุภาพ

วันเสาร์ เดือน12(กันยายน) ปีสัน(วอก) ขอรับ”

ตุ๊เจ้าท่านนำกระดานมาขีดๆเขียนๆ ตามตำรามหาทักษาไอ้แก้วก็มองตามมือท่านที่ขีดเขียนบนกระดานชนวนนั้น
อย่างสนใจใคร่รู้ว่าท่านจะทำนายสิ่งใด...

(ปีเกิดเรียกแบบล้านนา 12 ปี หรือ 12 นักษัตร มีดังนี้
1.ปีไจ้ หรือ ปีชวด หนู
2. ปีเป้าหรือ ปีฉลู วัว
3. ปียีหรือ ปีขาล เสีอ
4. ปีเหม้าหรือ ปีเถาะ กระต่าย
5. ปีสีหรือ ปีมะโรง งูใหญ่
6. ปีไส้หรือ ปีมะเส็ง งูเล็ก
7. ปีสะง้าหรือ ปีมะเมีย ม้า
8. ปีเม็ดหรือ ปีมะแม แพะ
9. ปีสันหรือ ปีวอก ลิง
10. ปีเร้าหรือ ปีระกา ไก่
11. ปีเส็ดหรือ ปีจอ หมา
12. ปีไก๊หรือ ปีกุน หมู (ช้าง) ทางล้านนานิยมใช้สัญญลักษณ์เป็นช้าง

(ประเพณีการนับเดือนของล้านนาเรียกเดือนต่างๆดังนี้
เดือนเกี๋ยง (เดือน 1)หรือ เดือนตุลาคม
เดือนยี่ (เดือน 2) หรือเดือนพฤศจิกายน
เดือน 3 หรือ เดือนธันวาคม
เดือน 4 หรือ เดือนมกราคม
เดือน 5 หรือ เดือนกุมภาพันธ์
เดือน 6 หรือ เดือนมีนาคม
เดือน 7 หรือ เดือนเมษายน
เดือน 8 หรือ เดือนพฤษภาคม
เดือน 9 หรือ เดือนมิถุนายน
เดือน 10 หรือ เดือนกรกฏาคม
เดือน 11 หรือ เดือนสิงหาคม
เดือน 12 หรือ เดือนกันยายน)

ตุ๊เจ้าท่านขีดเขียนที่กระดานชนวนจนเสร็จก็ขมวดมุ่นเป็นปมสีหน้าสลด! แววตาอ่อนโยนคู่นั้น
มองเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน พรางทอดถอนใจ แล้วท่านก็พูดว่า

เฮ้อ... อนิจจัง... กมฺมุนา วตฺตตี โลโก... สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
ไอ้แก้วได้ยินตุ๊เจ้าเปรยออกมาอย่างนั้นก็ยิ่งนึกสงสัย

ดวงชตาของข้าเลวร้ายนักๆ เลยใช่ก่อครับตุ๊เจ้า”
เด็กหนุ่มใจคอหดหู่ขึ้นมาทันใดแต่เหมือนเสียงสวรรค์เมื่อหลวงพ่อกล่าวขึ้นมาว่า

ตอนละอ่อนอายุ 7 ปี แม่โยมตายใจ้ก่อ”
ไอ้แก้วถึงกับตกตะลึง! ที่ตุ๊เจ้าท่านทำนายได้แม่นยำนัก

มะ... แม่นแล้วขอรับ”
เมื่อเข้าสู่อายุ 18 ปี ต้องพลัดบ้านเรือน แม่นก่อ”
ใจ้แล้วขอรับตุ๊เจ้า”
อืม...โยมบ่ต้องวิตกกังวลจนเกินไปดอก... คนเกิดปีสัน(วอก)นั้นยามเล็กจะลำบากโตมาจะยิ่งได้ยาก...
ต้องตกระกำลำบากต้องพลัดพรากจาก แม่ พ่อ พี่ น้อง และคนรักหลายครั้งครา...
แต่เมื่อผ่านพ้นยามทุกข์ยากก็จะได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข...
คนเกิดปีนี้ถึงยามตกทุกข์ได้ยากแต่ก็มักจะมีคนมาคอยช่วยเหลือ
ดังคำเปิ้นว่าตกน้ำบ่ไหลตกไฟบ่ไหม้..."

เด็กหนุ่มน้อมรับฟังคำทำนายของตุ๊เจ้าท่านอย่างระงับใจ
แล้วตุ๊เจ้าท่านก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วกล่าวสืบไป


"แต่โยมก็ต้องหมั่นทำความดีเว้นจาการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต... หากแม้นมีโอกาสจงไปไหว้สาพระบรมธาตุพนม พระธาตุประจำปีเกิด ปีสัน(ปีวอก)
ที่อาณาจักรศรีโคตรบูรปู๊นนน... ไกลนักๆ เลยหนา... แต่ถ้าได้ไปไหว้สาชีวิตจากร้ายก็จะกลายเป็นดีฉะนี้แล.....”

พอได้ฟังคำเฉลยจากปากของตุ๊เจ้าผู้ชราที่ประทานการทำนายจากตำรามหาทักษาให้
เด็กหนุ่มที่มีดวงจิตหม่นหมองก็เกิดผ่องใสเป็นลิงโลดสุดแสนจะปลื้มปริ่ม จดจำชื่อพระบรมธาตุจนขึ้นใจ...

พระบรมธาตุพนม พระธาตุประจำปีกเกิดปีสัน แห่งอาณาจักรศรีโคตรบูร

แต่เมื่อผ่านพ้นยามทุกข์ยากก็จะได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข”
คำๆนี้เหมือนเป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมดวงใจให้ชุ่มฉ่ำก็ไม่ปาน
เด็กหนุ่มก้มลงไหว้สาตุ๊เจ้าผู้ชราอย่างนอบน้อมด้วยความดีใจเป็นยิ่งนัก

ทันใดนั้นหน้าวัดก็เกิดเสียงดาบกระทบกันดังเคร้งคร้าง!!! ฟังดูเหมือนเกิดการต่อสู้กันขึ้น!
จนไอ้แก้วกับตุ๊เจ้าต้องรีบเดินออกมาดู

พลันสายตาก็เห็นชายฉกรรจ์ในชุดทหารล้านนาหนวดเครารกรุงรัง
นุ่งเตี่ยวสั้นสีแดงเลือดหมูสวมเสื้อขาวแขนกุดทับด้วยเกราะทหารตามประเพณีล้านนา
ตะโพกแกร่งขาวจนลงมาถึงต้นขาล่ำสับลายดำพร้อยด้วยลวดลายสวยงามน่าชม

ไอ้แก้วพอเห็นชุดที่ใส่ก็ดูออกทันทีว่ามันผู้นั้นไม่ใช่พลทหารระดับล่าง!
ทหารล้านนาผู้นี้แม้หนวดเครารกรุงรังแต่จมูกกลับโด่งงาม ผิวขาว รูปกายแกร่งสวย ได้สัดส่วน

ท่วงท่าผึ่งผายสง่างาม สมเป็นทหารล้านนา!
เพียงที่ได้เห็นอีกฝ่ายเด็กหนุ่มก็ถึงกับใจวาบหวิวด้วยความรู้สึกอันแปลกประหลาด!
ที่มันเองก็บอกไม่ได้ว่านั่นเพราะเหตุใด

ทหารล้านนาผู้นั้นยืนประจันหน้ากับอ้ายภูและอ้ายหมอก เป็นสามเส้า
ท่าที่หอบน้อยๆของอ้ายหมอกก็พอจะทราบฝีมือละอ่อนน้อยหน้าใสได้ดีว่าอ่อนด้อยกว่าคู่ต่อสู้เยอะ
ในขณะที่อ้ายหมอกลมหายใจยังสงบนิ่งและหทารล้านนาผู้บุกรุกกลับยังยืนกำดาบสง่า
เหมือนไม่ได้เห็นคู่ต่อสู้สองคนอยู่ในสายตา

ตอนนี้ข้าหลวงแห่งเวียงพิงค์กำลังมีราชการอยู่กับตุ๊เจ้าท่าน...ถึงเอ็งเป็นทหารล้านนาก็บ่มีสิทธิ์เข้าไปในตอนนี้”
ถ้าพวกเอ็งสองคนกึ๊ด(คิด)ว่าหยุดข้าได้ก็ลองดูเข้ามาแหม(อีก)”
อู้บ่ฮู้เรื่องก๋า...ไอ้คนต่างเมือง”

อ้ายหมอกที่อารมณ์ร้อนตามประสาเด็กร้องตะโกนด้วยความโกรธอารมณ์เสียเวียงให้แก่อีกฝ่ายยังคุกรุ่นอยุ่ในดวงจิตไม่ยอมหาย
แล้วทันใดนั้นทั้งสามคนก็ใช้อาวุธห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด!

อ้ายภูอ้ายหมอก ระวังนักๆ ไว้เน้อ”
เด็กหนุ่มตะโกนบอกสองสหายใหม่ด้วยความเป็นห่วงเพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อน

ไอ้แก้วก็นึกขยาดในทหารล้านนาขึ้นมาอย่างสุดจิตสุดใจ
เพราะขนาดมาจากเวียงเดียวกันยังกุมเหงรังแกกันได้ปานนี้สู้เป็นห่วงคนต่างเมืองที่ดีต่อมันเสียยังจะดีกว่า
เด็กหนุ่มมองการต่อสู้ด้วยใจคอระทึกมือเลื่อนไปจับที่ด้ามดาบสั้นที่เมืองแมนชายคนรักเคยมอบไว้ให้


แม้ฝีมือไอ้แก้วจะไม่ได้เจนจัดนักแต่ก็ถือว่าป้องกันตัวเองได้หากมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น
ดูจากรูปการทหารล้านนาผู้มีเครารกรุงรังฝีไม้ลายมือแกร่งกล้าห้าวหาญดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
ต่อสู้กันยังไม่ถึงสิบนาทีอ้ายหมอกก็โดนกระแทกด้วยด้ามดาบจนล้มลง

อ้ายหมอก!!!”

เด็กหนุ่มตะโกนลั่นถลาเข้าไปประคองอ้ายหมอกที่สะบักสะบอมเพราะฝีมืออีกฝ่าย
แต่มองไปที่อ้ายภูที่มีวิชาดาบดีกว่าญาติผู้น้อง ยังคงสามารถยันคู่ต่อสู้ไว้ได้อีกพักใหญ่
แต่ยิ่งสู้สถานการณ์ก็ยิ่งตกเป็นเบี้ยล่าง ท้ายที่สุดก็ไม่อาจเอาชนะทหารเอกแห่งล้านนาผู้มีฝีมือฉาจฉกรรจ์ผู้บุกรุกไม่ได้

จนกระทั่งอ้ายภูถึงจะล้มลงแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้เกลือกกลิ้งต่อสูไปมากับพื้นดินจนฝุ่นคลุ้ง
จนทหารผู้บุรุกเหมือนจะลงดาบแน่แล้ว

ไอ้แก้วเห็นดังนั้นจึงกระโดดเอามีดสั้นเข้าไปรับคมดาบแทน
ไอ้แก้วเหงือกาฬไหลรินใจสั่นระทึกเพราะนี่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกนับจากฝึกปรือวิชาการต่อสู้จากเมืองแมน
และได้รับการฝึกฝนจากพันขามพันลือ อีกนิดหน่อย
แต่แล้วทหารล้านนาผู้นั้นก็ชะลอมือที่กำดาบไว้ไม่ฟันมาอีก

ตุ๊เจ้าผู้ชราท่านร้องห้ามเสียงไม่ดังนักแต่ก็ได้ฟังกันชัดทุกคน!!!

หยุดก่อนโยม...อาตมาขอเต๊อะอย่าได้มาฆ่าแกงกันในวัดเลย”
ทหารล้านนาผู้เป็นฝ่ายมีชัยถึงได้หยุดปลายดาบไว้แค่นั้นอ้ายภูถึงจะแพ้ยับเยิน
แต่ดวงตากลับมองคู่ต่อสู้อยู่ในอาการฮึดฮัด! ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
ถึงแม้พ่ายแพ้แต่ก็ไม่ยอมก้มหัวให้ศัตรูนี่จึงนับว่าเป็นชายที่น่าชื่นชม และยกย่องยิ่งนัก

ไอ้แก้วยืนกำดาบสั้นเหงื่อกาฬแตกพลั่ก! ประจันหน้ากับศัตรู เมื่อตุ๊เจ้าท่านห้ามไว้
และทหารรูปกายแกร่งและมีเพลงดาบที่ล้ำเลิศก์เหมือนจะสงบดั่งคำพระสงฆ์องค์เจ้า

โยมมีกิจอันใดรือถึงได้บุกรุกเข้ามาในเขตพุทธาวาสจะอี้”
สุมมาเต๊อะขอรับ...ข้าร้อนใจต้องการพบคนแต่ไอ้เจ้าสองคนนี้ก็กีดกันบ่ยอมให้เข้าไป... ข้าจึงจำเป็นต้องต่อสู้”

แต่เมื่อโยมชนะแล้วก็บ่ควรคิดฟาดฟันให้เสียเลือดเนื้อ...
เพราะบัดนี้เวียงนี้ก็ตกเป็นเวียงขึ้นของเจ้าหลวงของพวกท่านไปแล้วยังบ่พอใจอีกก๋า...”

ตุ๊เจ้าผู้ผู้ชราพูดด้วยน้ำเสียงสำรวมน่าเลื่อมใสจนทหารล้านนาผู้บุกรุกเหมือนนึกได้
จึงได้เดินเข้าไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าตุ๊เจ้าแล้วไหว้สาด้วยกิริยาสำรวม
อาการของทหารผู้นี้ยิ่งพิศก็ยิ่งสง่างามชวนมอง

ไอ้แก้วอดคิดไม่ได้ว่าช่างคุ้นเคยต่อกิริยาสง่าแต่ก็กล้าแกร่งเยี่ยงนี้จากที่ใดมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก

กระผมร้อนใจใคร่พบคนจึงได้ทำการอุกอาจ... ขอตุ๊เจ้าโปรดอภัยต่อความบ้าบิ่นของข้าด้วยเต๊อะขอรับ”

น้ำเสียงของทหารแห่งล้านนานุ่มทุ้มคุ้นโสตแต่เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าคิดว่าเป็นคนผู้นั้น...
ตุ๊เจ้าเห็นท่าทีอีกฝ่ายที่ดูสำรวมเรียบร้อยแม้อยู่ในชุดทหารกล้าแต่กลับสงบเสงี่ยม สง่าน่าเลื่อมใส จึงพยักหน้ายิ้มๆ

ท่านมาหาไผล่ะ... วัดนี้มีตุ๊เจ้าจำพรรษาบ่มากนัก... กับพระ(เณร)อีกห้ารูปเท่านั้น”
(ทางเหนือเรียกพระว่า ตุ๊เจ้า และ เรียกเณร ว่า พระ)
ทหารแห่งล้านนาไม่ตอบแต่ยืนขึ้นแล้วชี้มือมาทางไอ้แก้ว น้ำเสียงของทหารหนุ่มแห่งล้านนากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนน่าฟัง

ข้า... มาหามันผู้นี้”
ทุกคนหันมามองไอ้แก้วเป็นตาเดียว!

เด็กหนุ่มงวยงงต่อคำพูดของอีกฝ่ายยิ่งนัก เพราะมองยังไงก็จำไม่ได้ว่าเคยรู้จักทหารผู้นี้มาก่อน
จะบอกว่าเคยเป็นทหารของท่านเจ้าหมื่นเรืองณรงค์ตอนอยู่ที่คุ้มเจ้านายก็ไม่แน่ใจ
เพราะหนวดเคราของอีกฝ่ายรกรุงรังจนจำเค้าหน้าไม่ได้

จากกันสองปี๋...บัดนี้เจ้าจำอ้ายเมืองคนนี้บ่ได้แล้วกา”

อ้ายเมือง!!!… อ้ายเมืองแม่นก่อ!”
ไอ้แก้ววิ่งเข้าไปกอดทหารหนุ่มผู้เป็นที่รักอย่างดีใจเป็นที่สุด

อ้ายเมืองๆๆ อ้ายเมืองแม่นแล้ว... ฮือๆๆๆ”
ไอ้แก้วร้องไห้โฮกอดเมืองแมนแน่นน้ำตาไหลพราก

ใช่แล้ว...อ้ายเอง... บ่เห็นกันเมินอ้ายคิดเติงหาเอ็งขนาด”
อ้ายไปอยู่ที่ใดมา...บ่ได้ข่าวคราวของอ้ายเลยนับแต่ตอนนั้น...”

แววตาของทหารเอกแห่งล้านนาอบอุ่นอย่างสุดซึ้งยามมองวงหน้าของเด็กหนุ่มที่มันเคยเอ็นดู
เคยเคียงคู่ชู้ชื่นในเรือนน้อยของมัน
และมาบัดนี้เด็กหนุ่มคนเก่าได้กลายเป็นหนุ่มรูปงามหมดจด งดงามดั่งรูปปั้นที่สลักที่วัดเจ็ดยอดก็ไม่ปาน

น้ำตาของเมืองแมนแค่คลอเบ้าไม่ถึงกับไหลออกหมาเป็นสายน้ำเหมือนอีกฝ่าย
แขนแกร่งกอดไอ้แก้วแน่นอย่างชื่นใจที่บัดนี้มันได้เจอกับเด็กหนุ่มแล้วหลังจากที่ต้องพลัดพรากจากกันร่วมสองปี
ทั้งสองกอดกันกลมไอ้แก้วน้ำตาไหลร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กน้อยก็ไม่ปาน

อ้ายภูและอ้ายหมอก นึกว่าเมืองแมนเป็นพี่ชายของไอ้แก้ว จึงค่อยโล่งใจแล้วปล่อยให้ทั้งสองพูดคุยกันตามลำพัง

ส่วน ไอ้แก้ว ก็ขี่ม้าไปกับเมืองแมนแล้วทั้งสองก็ควบม้าออกไปนอกเวียงจนไกล
ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันอีกแต่ไอ้แก้วกอดเมืองแมนแน่นเหมือนกลัวจะห่างกันไปไกล
ทหารหนุ่มก็อ้อมมือมาลูบหัวเด็กหนุ่มคนรักเบาๆอย่างที่เคยทำเมื่อครั้งยังอยู่ด้วยกัน

กลิ่นกายที่เคยคุ้นของทหารหนุ่มคนรักกล้ามเนื้อที่แกร่ง สัมผัสที่อ่อนโยนคุ้นเคย
ทำให้เด็กหนุ่มหลับตาอย่างมีความสุข มันสัญญากับตัวเองว่า
ต่อไปเป็นตายร้ายดีเยี่ยงไรมันก็จะไม่ยอมห่างจากคนรักของมันแน่นอน!!!

อ้ายเมืองอย่าจากข้าไปตี้ไหนอีกเน้อ”
ไอ้แก้วพูดราวกับละเมอออกมา

บ่มีทางตี้อ้ายจะละจากเอ็งไปแหม(อีก)”
เด็กหนุ่มได้ยินคำมั่นอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างน้ำตาอุ่นๆก็ซึมตาด้วยความปลื้มปิติ
จนมาถึงริมแม่น้ำน่านนอกเวียงเห็นใต้ร่มไม้ใหญ่บรรยากาศร่มรื่นนัก น้ำในแม่น้ำก็ใสไหลเย็น
จึงผูกม้าให้กินหญ้าอยู่ใกล้ๆ

แล้วทั้งสองก็นั่งพูดคุยกันด้วยความคิดถึงปานใจจะขาด
ผมเผ้าที่รกรุงรังแม้จะโพกผ้าไว้ก็ตามหนวดเคราที่รกเรื้อ จนเหมือนโจร!!!
หากแม้นไม่ได้ใส่ชุดทหารไอ้แก้วก็คงนึกว่าเป็นโจรป่าจากที่ไหน คิดได้อย่างนั้นก็พลันหัวเราะจนน้ำตาเล็ด!

เอ็งหัวเราะอ่ะหยัง”
บ่เห็นกันเกือบสองปี๋อ้ายเหมือนโจรแต๊ๆฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

ทหารหนุ่มที่ตอนนี้มีหนวดเครารุงรังพอจับหน้าตัวเองแล้วก็หัวเราะอย่างนึกขำ
เพราะลืมไปแล้วเหมือนกันว่าไม่ได้โกนหนวดเครามานานเท่าใดแล้ว

ไอ้แก้วนั่งมองชายคนรักอย่างมีความสุขแววตาสุกใส
ทหารหนุ่มใช้สองมือประคองหน้าหล่อเหลาหมดจดของเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ๆ
เด็กหนุ่มเกิดอาการเก้อเขินขึ้นมาในทันใดหน้าแดงก่ำ ได้แต่หลบตาอีกฝ่าย

บ่เห็นกันเมิน...ตอนนี้เอ็งงาม(หล่อ)นักๆ เลยฮู้ก่อ”
เด็กหนุ่มได้ยินคำชมเข้าก็ยิ้มแล้วมองตาคนตรงหน้า
เมื่อได้อยู่ใกล้ๆกันทหารหนุ่มยิ่งเห็นความรูปงามของไอ้แก้วมหาดเล็กหลวงของเจ้าหมื่นเรืองณรงค์เจ้านายเก่าของมัน

คนตรงหน้าบัดนี้อายุอานามเกือบจะยี่สิบปีเต็ม โตเป็นหนุ่มเต็มวัย
หน้าตาหล่อเหลาหมดจดผิวกายขาวละเอียด รูปกายแกร่งงามกำลังดี
และตะโพกและพุงยังคงไร้ซึ่งรอยสักเหมือนดังเคย
ทั้งสองโน้มหน้าเข้าหากันแล้วจูบกันอย่างดูดดื่มหวานฉ่ำ ความถวิลหาที่มีมาอย่างยาวนาน บัดนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว!!!

ทหารหนุ่มขึ้นโถมทับร่างขาวแกร่งของไอ้แก้วอย่างกระหายในรสรักที่ว่างเว้นมาเนิ่นนาน
บัดนี้เด็กหนุ่มก็มีลีลาการเสพสมที่มากขึ้นไปตามวันเวลาที่ผ่านมาจึงต่อสู้กันอย่างดุเดือด
แต่ถึงอย่างนั้นไอ้แก้วก็ยังตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำต่อเมืองแมนที่ไม่ได้ลิ้มรสการเสพสังวาสมาร่วมสองปี!!!

ทหารหนุ่มจูบไซ้คลึงเคล้นตามเนื้อตัวของไอ้แก้วอย่างกระหายเร่าร้อน และรุนแรง!
ร่างขาวแกร่งงามของเด็กหนุ่มอ่อนระทวยใต้ร่างบึกบึนของเมืองแมนที่บัดนี้ถูกเมืองแมนถอดเสื้อผ้าออกจนหมดตัว!
ยอดอกสีสดตัดกับผิวขาวๆของไอ้แก้ว ถูกเมืองแมนดูดเม้มจนไอ้แก้วร้องครวญครางด้วยความสุขสมใจ

ซี้ดดดดด!!!”
สองมือของเด็กหนุ่มกอดกุมที่หัวของทหารหนุ่มอย่างมีความสุขลิ้นอุ่นๆ ฉกกัดที่หัวนมอย่างไม่ปราณี
แต่ก็สร้างความเสียวสุขจนเอวลอย!

อ้ายเมือง ข้าเสียวววว!!!”
เมืองแมนไม่ตอบโต้แต่ฟอนเฟ้นคลึงเคล้นตามเนื้อตัวของอีกฝ่ายอย่างเมามัน
จนตอนนี้ทหารหนุ่มสลัดชุดนักรบออกจนสิ้น! ร่างแกร่งงามได้สัดส่วน ก็อวดอาวุธขนาด 7.5 นิ้ว!!!
ต่อหน้าไอ้แก้วเด็กหนุ่มเผลอไผลเอามือไปจับแล้วชักแรงๆ ทำเอาทหารหนุ่มถึงกับน้ำเล็ด!

ซี้ดดดด!!! อ้ายเสียววว อ้ายคิดเติงหาน้องขนาดเลยฮู้ก่อ”
ข้าก็คิดเติงหาอ้ายเมือง”

ทั้งสองอ้อนออเซาะกันและกันด้วยคำหวานก่อนที่ทหารหนุ่มจะโน้มศรีษะของอีกฝ่ายให้อมเจ้าโลกให้
ไอ้แก้วอ้าปากอมและดูดเลียอาวุธอันสวยงามหัวบานของชายคนรักอย่างเมามัน
น้ำใสๆที่ปลายอาวุธไหลเยิ้มบ่งบอกว่าเจ้าตัวมีความต้องการเสพสังวาสมากเพียงใด

ทหารหนุ่มนั่งคุกเข่าคล่อมหน้าของเด็กหนุ่มเด้าปากสีสดๆของคนข้างล่างอย่างเมามัน
จนทหารหนุ่มคงทนทานต่อไปไม่ไหวจึงจับเด็กหนุ่มให้ขาพาดบ่าแกร่งแล้วดันอาวุธขนาด 7.5 นิ้ว!
เข้าไปในตัวของเด็กหนุ่มช้าๆไอ้แก้วเสียวจนต้องกอดคอชายคนรักแน่น

ซี้ดดดด!!! อ้ายเมืองข้าเจ้าเสียววว”
เมืองแมนกดควยดุ้นงามเข้าไปในต้วไอ้แก้วอย่างช้าๆทุกขณะจิตรับรู้ได้ถึงร่างของเด็กหนุ่มสั่นสะท้านตามการกดควยเข้าตูด!!!
จนกระทั่งอาวุธทั้งดุ้น! ของทหารเอกแห่งล้านนามุดเข้าร่างของเด็กหนุ่มจนสิ้น
ทั้งสองก็กอดกันแนบแน่นทหารหนุ่มเริ่มโยกและกระเด้าอย่างเมามัน ปากก็ครางระงม!

อูยยย!!! เสียววว!!!ควยแต๊ๆ”
ซี้ดดดดดีแต๊ๆ เลยอ้าย”
ไอ้แก้วร้องครวญครางหงิงๆเมื่อโดนเมืองแมนกระหน่ำอาวุธดุ้นใหญ่ยาวเข้ามาในร่องตูด!
เด็กหนุ่มรับแรงกระแทกของทหารหนุ่มอย่างเมามันเด้งเอวสู้แรงกระแทกของทหารหนุ่มอย่างสุขสม
ทั้งสองโยกย้ายส่ายกระแทกกันไปมาอย่างเมามัน

ลีลาเสพสังวาสเร่าร้อนรุนแรง ราวกับโลกนี้มีเพียงสองเราเท่านั้น!
จนกระทั่งน้ำแห่งความสุขของเมืองแมนก็ทะลักเข้าเอ่าล้นในตัวของเด็กหนุ่ม
ในขณะที่เด็กหนุ่มก็น้ำรักไหลทะลักออกมาอย่างมีความสุข

ทั้งทหารหนุ่มและไอ้แก้วหอบเบาๆ ด้วยความหฤหรรษ์ที่ได้รับจากกันและกัน
ทั้งสองกอดก่ายกันเนื้อแนบเนื้อแนบชิดกันต่างมอบไออุ่นของร่างกายที่ห่างกันไปนานให้แก่กันและกันอย่างมีความสุข
เมื่อนอนพักจนหายเหนื่อยทั้งสองต่างก็ลงไปเล่นน้ำในแม่น้ำต่างหยอกเย้า ออดอ้อนกันหวานชื่น
ไอ้แก้วลูบหน้าที่รกไปด้วยหนวดเคราของเมืองแมนอย่างรักสุดซึ้ง

มา... ข้าจะโกนหนวดเคราให้อ้าย”
ทหารหนุ่มก็ยืนนิ่งยิ้มกริ่มอย่างมีความสุขไอแก้วใช้ดาบสั้นโกนหนวดเคราให้ชายคนรักจนเกลี้ยง
ทหารหนุ่มดำน้ำลงไปพอโผล่ขึ้นมาจากน้ำก็เปลี่ยนเป็นอีกคนที่ทั้งหล่อเหลาคมคายเป็นที่สุด
บวกกับร่างกายที่แข็งแรงได้สัดส่วนสวยงามผิวขาว อกผายไหล่ผึ่ง สง่างามชวนหลงใหล

อ้ายเมืองงามนักๆ”

เด็กหนุ่มชมทหารหนุ่มแววตาที่มองหยาดเยิ้มสดใส
เมืองแมนก็หอมแก้มไอ้แก้วดังฟ่อดกอดก่ายคลอเคลียกันและกันอย่างมีความสุข
ไอ้แก้วอาบน้ำให้ชายคนรักลูบไล้ไปมาตามกายแกร่งงามรอยสักงดงามตราตะโพก เรื่อยไปจนถึงต้นขาที่โดดเด่นตัดกับผิวขาว
ชวนให้สัมผัสยิ่งนัก ขนเพชรที่ดกดำกับอาวุธที่อ่อนตัวแกว่งไปมาในน้ำ จึงถูกมือของไอ้แก้วจับล้างอย่างประทับใจ

มันจะเป็นของน้องตลอดไป”
เมืองแมนกล่าวแล้วทั้งสองก็ยิ้มให้กันอย่างหวานซึ้ง

พออาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคลเสร็จไอ้แก้วก็เกล้ามวยให้เมืองแมนแล้วโพกทับด้วยผ้าตามประเพณี
จนเมืองแมนกลายเป็นหนุ่มหล่อเหลาเด่นสะดุดตาไม่แพ้ชายใดในล้านนา
แล้วทหารหนุ่มก็ได้เล่าเรื่องราวที่ขาดช่วงไปหลังจากที่ต้องจากกันไปเมื่อเกือบสองปีก่อน

หลังจากที่เกิดการจับกุมกองกำลังของท่านเจ้าแสนพายัพ(ปัจจุบันคือเจ้าเมืองเชียงแสน)ที่คิดก่อการกบฏ
เมืองแมนก็ถูกจับกุมขังไว้ในคุกนานหลายเดือนความเป็นอยู่สุดแสนจะลำบาก เพราะเป็นเชลยที่เจ้าหลวงจะทำอย่างไรก็ย่อมได้
แต่แล้วก็เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ที่เจ้าเมืองเขลางค์นคร ผู้เป็นเจ้าอา
ท่านช่วยเกลี้ยกล่อมเจ้าหลวงให้ไว้ชีวิตของเมืองแมนกับทหารฝีมือดีคนอื่นๆ
เพราะรู้ว่าเมืองแมนเป็นทหารเอกฝีมือดีถ้าเก็บไว้ย่อมจะมีประโยชน์ จะได้เป็นกำลังสำคัญของล้านนาต่อไปในภายภาคหน้า

หลังจากนั้นเมืองแมนจึงเป็นทหารเอกภายใต้กองกำลังของเจ้าเมืองเขลางค์นคร
โดยให้ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาต่อสิ่งศักสิทธิ์ของนพบุรีฯว่าจะไม่คิดคดทรยศท่านเจ้าเมือง และเจ้าหลวงนพบุรีฯ
หลังจากนั้นเมืองแมนก็โยกย้ายมาประจำกับเจ้าเมืองเขลางค์นครจนเกือบสองปี

จนกระทั่งมีศึกกับเวียงนันทบุรีครั้งนี้แต่เจ้านายให้อยู่เฝ้ารักษาเวียงเขลางค์ จึงไม่ได้มาร่วมรบในครั้งนี้ด้วย
แต่พอเสร็จศึกจึงได้รับคำสั่งจากเจ้าหลวงให้มาดูความเรียบร้อยของเวียงนันทบุรี
หลังจากที่ตกเป็นเวียงขึ้นผ่านไปร่วมสองเดือน

จนกระทั่งเมืองแมนได้เข้าพบเจ้าหมื่นเรืองณรงค์และขุนทหารทั้งสี่ในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้
แต่เพราะไอ้แก้วได้รับอนุญาตให้พักผ่อนเนื่องจากต้องออกทำงานตลอดทั้งวัน
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงไม่ได้เจอกัน

เมืองแมนกอดเด็กหนุ่มแน่นเด็กซบหน้ากับไหล่กว้างอบอุ่นของอีกฝ่ายอย่างมีความสุข
ราวกับชีวิตได้รับการชุบชีวิตให้เกิดใหม่ก็ไม่ปาน หัวใจครึ่งดวงที่หายไป เหมือนได้กลับมาอยู่คู่เคียงกัน ณ บัดนี้.....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น