วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บำบัดรักนักรบแดนเถื่อน 2 ทหารหนุ่มผู้สอนรบและสอนรัก

ไอ้แก้ว”สลบไสลไปถึง 1 วันเต็มๆ ตามร่างกายยังคงทิ้งร่องรอยฟกช้ำจากการถูกข่มขืนกระทำชำเรา
พอเด็กหนุ่มรืมตาตื่นก็รู้สึกว่าได้มาอยู่ในบ้านหลังที่ไม่คุ้นเคย ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มปิดกายช่วงล่างกันอุจาด

ข้างๆ ที่นอนมีคนจัดเสื้อผ้าชุดใหม่เตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ
เด็กหนุ่มพยายามฝืนกายลุกขึ้นเพื่อจะได้ไปขอบคุณในน้ำใจเจ้าของเรือนที่ได้ช่วยชีวิต
อีกทั้งนำตัวมาพักรักษา น้ำใจครั้งนี้นับว่ามากมายเป็นล้นพ้นมิอาจไม่ตอบแทนได้

ผมที่ยาวไปถึงกลางหลังถูกเกล้าให้เป็นมวยไว้กลางหัวตามกิจวัตรที่ทำประจำยามตื่นนอน
ผ้าเตี่ยวถูกนำมาสวมอย่างคล่องแคล่วปิดบังของสงวนส่วนล่างของร่างกาย
ที่ดกไปด้วยกลุ่มไหมสีดำของอวัยวะเพศชายที่นอนสงบนิ่ง...

เสื้อผ้าฝ้ายแขนยาวสีขาวผ่ากลางอก ถูกสวมทับผิวเนียนๆ ทำให้ดูเรียบร้อยรัดกุม
เด็กหนุ่มออกเดินสำรวจรอบเรือนซึ่งเป็นเรือนที่ไม่ได้ใหญ่โตนักมองไปรอบๆ ก็มีอยู่ด้วยกันหลายหลัง
แต่ละหลังปลูกไว้ห่างๆ กัน

เรือนไม้สองชั้นยกพื้นสูง ชั้นล่างเปิดโล่งมีแคร่ไว้นั่ง มีโอ่งไว้ใส่น้ำดื่ม
บริเวณโดยรอบปกคลุมด้วยต้นไม้ร่มรื่นทั้งไม้ดอก ไม้ผล พืชผักสวนครัว และเลี้ยงไก่
เสียงไก่คุ้ยเขี่ยหาอาหารดังจุ๊กจิ๊กๆ...

ที่รั้วหน้าบ้านดอกมะลิ เก็จถะวา(พูดซ้อน) และตาเหิน(มหาหงส์) กำลังบานส่งกลิ่นหอมทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างมากมาย
ภายในคุ้มเจ้านายที่ไอ้แก้วจากมา ก็มีสวนขนาดใหญ่เยี่ยงนี้ปลูกดอกไม้ผลเอาไว้มากมาย
แต่ด้วยภาระกิจที่ต้องติดตามเจ้านายตลอดทำให้ไอ้แก้วไม่มีเวลาเดินชมนกชมไม้

แต่ตอนนี้ความสงสัยของเด็กหนุ่มนั่นก็คือ...

ผู้คนหายไปไหนหมด.....”  
ไอ้แก้วเดินมาเรื่อยๆจนพบเรือนไม้หลังใหญ่ที่สร้างด้วยไม้สักสวยงาม ใหญ่โต ราวกับคุ้มเจ้า
บริเวณโดยรอบกว้างขวางแต่ก็ร้างเงาผู้คนไม่ต่างกับเรือนหลังน้อยที่ไอ้แก้วพึ่งจากมา

พลันหูก็ได้ยินเสียงอาวุธโลหะกระทบกันดังเคร้งคร้าง!!! แผ่นดินสะเทือนตึงๆ!!! อยู่เป็นพักๆ ดังอยู่ไกลๆ
ไอ้แก้วจึงเร่งเดินไปดูตามต้นเสียง

เมื่อออกมาถึงลานหน้าบ้าน... พลัน! เด็กหนุ่มก็ได้เห็นทหารนับร้อยนาย ร่างกายกำยำสูงใหญ่ และแข็งแรง
แต่ละคนนุ่งเพียงเตี่ยวสั้นสีแดงรัดแค่เป้า เผยตะโพกแกร่งอวดลายสักดำพร้อยไปทั้งขาต้นขา และหน้าแข้ง
รวมทั้งตามลำตัวและกลางหลัง

คนล้านนาผิวขาวๆ เมื่อสับหมึก(สักลาย)ลายดำแบบนี้ก็ยิ่งเห็นเด่นชัด ทั้งสวยงาม น่าเกรงขาม และน่าดูชมยิ่งนัก …

น่าชมทั้งลายสักและท่วงท่ายามต่อสู้…”
ไอ้แก้วคิดในใจอย่างตะลึง!...

ทหารร่างใหญ่โตแข็งแรงล้วนอยู่ในวัยฉกรรจ์... ราวร้อยกว่านายกำลังฝึกปรืออาวุธกันอย่างห้าวหาญ
ดูชำนาญ สง่างาม น่าเกรงขาม และก็น่ากลัวระคนกัน สำหรับความคิดของเด็กหนุ่ม

เมื่อถึงคราวต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย บางครั้งเพลี่ยงพล้ำก็น่าอกสั่นขวัญแขวน
พอต่อสู้ได้เสมอตัว ก็ดูน่าชมระคนกันไปอย่างนี้จนไอ้แก้วอดยืนมองเหมือนกับต้องมนต์สะกด

สำหรับงานมหาดเล็กที่ตระกูลของไอ้แก้วทำมาตลอดหลายชั่วอายุคนนั้น
เป็นงานที่ต้องคอยรับใช้ใกล้ชิดเจ้านาย จึงห้ามมิให้มีอาวุธติดกาย
จนท้ายสุดการฝึกศาสตราจึงไม่มีความจำเป็นต่ออาชีพนี้ไปในที่สุด
เพราะหน้าป้องกันเจ้านายนั้นจะมีหารองครักษ์เป็นกองกำลังส่วนหนึ่งของเจ้านายแต่ละองค์ดูแลอยู่แล้ว

เมื่อได้มาเห็นคนฝึกศาสตราวุธกันเสียงดังเคร้งคร้าง!!! ครืนครั่น!!!
ต่อสู้กันอย่างดุเดือด..... ดุดัน!!! อย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้...
เด็กหนุ่มเกิดความรู้สึกว่ามันช่างตรึงตราน่าชมเป็นอย่างมาก...

จนกระทั่งมีคนเดินมาแล้วทักทายด้วยน้ำเสียงห่วงใยดังขึ้น

เอ็งอาการดีขึ้นแล้วรึ....”

ไอ้แก้วสะดุ้งโหยง...!!!

หันไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่ เขาเป็นชายหนุ่มฉกรรจ์ อายุประมาณ 25 ปี
หน้าตาคมคายดวงตาคมกล้า คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน อกผายไหล่ผึ่ง สมชายชาตรี
ผู้มาใหม่อยู่ในชุดเตี่ยวสั้นๆ สีแดงเลือดหมูเพียงผืนเดียว เยี่ยงทหารคนอื่นๆ ที่เตรียมพร้อมสำหรับการฝึก
แต่เขากลับโดดเด่นด้วยมีบุคลิกที่ผึ่งผายชวนมองเป็นที่สุด!

ผิวของทหารหนุ่มค่อนข้างขาว ช่วงอกสวยงามแข็งแรงได้สัดส่วน ช่วงเอวคอด หน้าท้องแกร่ง
ลายสักสีดำเด่นชัดตัดกับผิวขาวๆ สักลวดลายไว้บริเวณหน้าอก
บริเวณพุงขาวๆ มีลายสักลลวดลายเหมือนปลายดาบสักไว้รอบเอว แล้วเลื้อยหายเข้าไป

ภายในเตี่ยวสั้นๆ ผืนนั้น แล้วก็ออกมาโผล่ที่ต้นขาแน่นแกร่งๆ ขาวและล่ำนั้น
เด็กหนุ่มรู้สึกชื่นชมกับลายสักแสนงามสมชายของทหารหนุ่มจนเผลอมองอยู่นานไม่ได้ตอบคำ

ในหัวไอ้แก้วในตอนนั้นอดนึกไม่ได้ว่าอยากเห็นลายสักที่อยู่ภายใต้เตี่ยวสั้นๆที่รัดเป้านั้น
ว่าด้วยรูปกายที่งามสมชายชาตรีอย่างนี้
ถ้าไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้นเห็นร่างงามนี้เปลือยหมดจดลายสักลวดลายประณีตจะงดงามซักแค่ไหน…

ว่ายังไงล่ะ.... เอ็งหายดีแล้วรึถึงได้ออกมาเดินแบบนี้....”
อ้อ... ข้า... ข้าอาการข้าดีขึ้นมากแล้ว... ท่านใช่ไหมที่เป็นผู้ช่วยชีวิตข้า”
ไม่ใช่ข้าคนเดียวดอกที่ช่วยเอ็ง... เป็นข้ากับนายของข้าที่ช่วยเอ็งไว้ เพราะได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย”
ข้าขอขอบใจท่านมากที่ได้ช่วยชีวิตข้าไว้”

ไอ้แก้วรูสึกตื้นตันจนน้ำตาปริ่มทรุดกายลงจะกราบ แต่ทหารหนุ่มกลับดึงตัวไอ้แก้วเอาไว้ก่อน

บ่ต้องขอบอกขอบใจข้าดอก... ถ้าจะขอบใจก็ต้องขอบใจนายข้าโน่นที่ท่านมีเมตตาอนุญาตให้เจ้ามาพักที่เรือนของท่านได้”
ชีวิตนี้ข้าเป็นหนี้ท่านยิ่งนัก... ว่าแต่ท่านคือ...”

ข้าชื่อเมืองแมน... เป็นทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของท่านเจ้าหมื่นเรืองณรงค์...
ผู้คุมกองพันนายทหารดาบของเจ้าหลวงองค์ใหม่”

เสียงของเขาพูดออกมอย่างภาคภูมิและห้าวหาญจนเด็กหนุ่มสัมผัสได้
สนทนาไปไอ้แก้วจึงได้รู้ว่านายทหารหนุ่มผู้นี้ถ้าเทียบยศแล้วก็เป็นถึง“นายร้อย” ซึ่งเป็นยศที่สูงทีเดียว

กำลังคุยกันอย่างออกรสและเป็นกันเอง กลุ่มชายฉกรรจ์ราว 5 คนเดินตรงมาทางนี้
คนที่เดินนำเป็นหนุ่มฉกรรจ์วัย 30 ร่างกายกำยำ แข็งแรง ตัวสูงใหญ่ มีลวดลายสักบนตัวดำพร้อยทั้งตัว
และยังไว้หนวดดูน่าเกรงขามท่วงท่าการเดินดูมีอำนาจบารมี

ทหารหนุ่มคุกเข่าลง ทำให้ไอ้แก้วพลอยต้องคุกเข่าลง และกราบลงที่เท้านายทหารยศสูง

เอ็งหายดีแล้วรึ”
ข้าเจ้าหายดีแล้วนายท่าน... นับเป็นบุญของข้าเจ้านักที่นายท่านได้ช่วยชีวิตไว้และให้มีที่นอนคุ้มหัว”
อย่าได้คิดมาก... เราก็คนล้านนาด้วยกันทั้งนั้น ว่าแต่เอ็งชื่ออะหยัง... เป็นไผ(ใคร)มาจากที่ใด”

นายทหารชั้นสูงผู้ยืนสง่าอยู่ตรงหน้าแม้ดูผึ่งผายห้าวหาญแต่ดวงตากลับเปี่ยมด้วยความเมตตา
ทักทายถามไถ่ไอ้แก้วด้วยน้ำใจอันดี ไม่ได้เหยียดว่าเป็นเพียงไพร่
เด็กหนุ่มจึงได้สาธยายให้นายทหารชั้นสูงของเจ้าหลวงองค์ใหม่ฟังโดยไม่ปิดบัง

ข้าเจ้าชื่อแก้วเป็นหมาดเล็กของเจ้าแสนคำ... ครอบครัวข้าทำหน้าที่มหาดเล็กมาหลายชั่วอายุคนแล้วเจ้า”
อืมมม... เป็นคนของเจ้าแสนคำ...เจ้าน้องของเจ้าหลวงองค์ปัจจุบัน อืมม...นับว่าเป็นไพร่ชั้นสูง....แบบนี้ต้องมีวิชาติดตัว
เป็นสล่า(ช่างศิลป์)ได้หรือไม่ แล้วขับ(เล่น) สะล้อ ซอ ซึงได้ไหม”

งานสล่า งานแกะสลักไม้ พอได้เจ้า แต่จะถนัด สะล้อ ซอ ซึง มากกว่าเจ้า”

เอ้อ! ดีๆๆ ข้าชอบฟังสะล้อ ซอ ซึง... งั้นคืนนี้เจ้าจงมาขับซึงที่เฮือนข้า... ข้าจะรอฟัง”
นายทหารชั้นสูงพูดด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปพลังดังก้องพอทักทายเสร็จก็เดินไปตรวจการฝึกของทหารต่อ

ไอ้แก้วมองตามขบวนของเจ้าหมื่นเรืองณรงค์ที่เดินกลับไปตรวจการฝึกอาวุธของทหารอย่างชื่นชม
เมืองแมนจึงพาไปหาข้าวกิน

เมืองแมนคอยเล่าเรื่องต่างๆ ให้กับเด็กหนุ่มได้ฟัง ทั้งเรื่องที่เจ้านายเป็นใครมาจากไหน
ทำไมคนที่ทำงานในคุ้มเจ้าอย่างไอ้แก้วถึงไม่ได้ยินชื่อนี้เลย

เจ้าหมื่นเรืองณรงค์ผู้นี้เป็นขุนนางแห่งเมืองขุนยวม เมืองน้อยชายแดนล้านนา กับพุกาม เป็นคนสนิทของ “เจ้าพายัพ”
ผู้เป็นเชื้อสายเจ้านาย และเจ้าพายัพ ก็ยังเป็นผู้คิดการชิงบัลลังก์ให้กับ“เจ้าแสนวงศ์” เจ้าหลวงคนปัจจุบันจนสำเร็จ
ทำให้ทหารแต่ละนายได้รับความดีความชอบแต่งตั้งให้มียศสูงขึ้น

และเจ้าพายัพเองก็ได้เลื่อนยศสูงถึง “เจ้าแสน” อันเป็นตำแหน่งรองแค่เพียง “เจ้าหลวง”
ที่มียศคือ “พญา”

ขุนนางฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนสมัยราชวงศ์มังราย

ขุนนางฝ่ายทหารหรือฝ่ายควบคุมกำลังพลปรากฏลำดับขั้นดังนี้
นายตีน นายม้านายช้าง นายสิบ นายซาว(นายยี่สิบ) นายห้าสิบ นายร้อย เจ้าพัน เจ้าหมื่น เจ้าแสน
และ พญาโดยแบ่งหน้าที่ต่างกันดังนี้
ไพร่         10 คน อยู่ในความดูแลของนายสิบ 1 คน ให้มี “ข่มกว้าน” เป็นผู้ประสานงานกับไพร่
นายสิบ     2 คน ให้อยู่ในความดูแลของนายซาว (นายยี่สิบ) 1 คน
นายสิบ     5 คน ให้อยู่ในความดูแลของนายห้าสิบ 1 คน มีปากซ้ายขวา 2 คน เป็นผู้ช่วย
นายห้าสิบ  2 คน ให้อยู่ในความดูแลของนายร้อย 1 คน
นายร้อย    10 คน ให้อยู่ในความดูแลของเจ้าพัน 1 คน
เจ้าพัน      10 คน ให้อยู่ในความดูแลของขุนหมื่นหรือเจ้าหมื่น 1 คน
เจ้าหมื่น    10 คน ให้อยู่ในความดูแลของเจ้าแสน 1 คน
เจ้าแสน            ให้อยู่ในความควบคุมดูแลของท้าวพญา หรือกษัตริย์

คืนนั้นช่วงมื้อค่ำไอ้แก้ว ก็ตั้งใจขับสะล้อ ซอ ซึง ตามความประสงค์ของท่านเจ้าหมื่น
หวังให้ท่านรู้สึกพอใจ ผ่อนคลายจากการเหนื่อยล้าจากการกรำศึกในช่วงที่ผ่านมาด้วยเสียงซึง...

เจ้าหมื่นรวมถึงทหาร น้อย ใหญ่ ต่างรับฟังการขับเพลงของไอ้แก้วด้วยความชอบใจ
เสียงสะล้อ ซอ ซึง ของเด็กหนุ่มที่พลิ้วไหวในอากาศ ทุกคนต่างจ้องมาที่ร่างสูงโปร่งขาวเนียนที่นั่งอยู่กลางโถงด้วยความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม
บ่งบอกถึงความสุข อิ่มเอมใจ ที่ได้รับจากดนตรีพื้นเมือง

"สาวเหยสาว ...อ้ายคนบ่เหมาะ ...ขอเปาะสักเกิ่ง ...อ้ายคนบ่เปิง ...เปาะนี่สักผาก ...
นั่งต๋ามหัวต๋ง ...หัวแป้น ...หัวฟาก ...ก็หล้างบ่เป๋นหยังก้าหา”

แปล
"น้องสาวจ๊ะ ...พี่คนต่ำต้อย ...ขอขึ้นไปนั่งบนบ้านสักนิดจะได้ไหม....
จะขอนั่งตรงหัวบันไดนี่แหละ ...เจ้าของบ้านคงจะไม่ว่าอะไร"

น้ำเสียงและท่วงทีทำนองของการขับร้อง และเสียงซึงไอ้แก้วยามขับซึงทำให้ชวนมองและฟังเพลิน
หนุ่มน้อยหน้าตาหมดจด กับเครื่องดนตรีล้านนาช่างเข้ากันเสียนี่กระไร
เสียงดนตรีที่ขับกล่อมก็เพราะเสนาะโสตพาให้จิตใจผ่องใสยิ่งนัก...

.......................................................................

จนผ่านไปหลายวันไอ้แก้วจึงได้รับหน้าที่ใหม่ให้คอยตามรับใช้ เจ้าหมื่นเรืองณรงค์
ทั้งเรื่องอาหารการกิน การแต่งตัว ทั้งยามเช้า และก่อนนอนยามเหนื่อยๆ จากการรบก็ต้องคอยขับซึงให้ท่านฟัง
ซึ่งไอ้แก้วก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อเป็นการตอบแทนท่านที่เมตตา

เจ้าหมื่นเรืองณรงค์เองก็เอ็นดูไอ้แก้วอยู่มากเพราะรู้งานหมาดเล็กสันทัดงานทุกสิ่งต้องใจตามประสงค์
และรับรู้ได้ว่าเด็กหนุ่มมีจิตใจดีและซื่อสัตย์
ที่สำคัญที่สุดคือ ไอ้แก้วขับ สะล้อ ซอ ซึง ได้ไพเราะถูกใจเจ้าหมื่นนั่นเอง

นอกจากนี้ยังให้ทหารคนสนิทอย่าง "เมืองแมน" คอยฝึกปรือวิชาการรบ เพลงศาสตราวุธ และการต่อสู้ให้
ทำให้ไอ้แก้วเริ่มเรียนรู้วิชาศาสตรา และการต่อสู้จากที่นี่และมีวิชาติดตัวนับแต่นั้น

ในทีแรกเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ไว้วางใจเจ้าหมื่นนัก เพราะยัไงไงเสียก็คือศัตรูของนาย
และเป็นผู้ทำให้ครอบครัวตนแตกแยกหายไปคนละทิศทาง
ที่ทนปรนนิบัติรับใช้ ก็เพราะเห็นแก่ความช่วยชีวิตที่มอบให้ หาได้มีใจภักดีตอบจริงๆ ก็เปล่า

แต่แล้ววันนึงไอ้แก้วก็เปลี่ยนความคิดของมันไปโดยสิ้นเชิง
เมื่่อท่านเจ้าหมื่นก็แจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของเด็กหนุ่มให้รู้ว่า บัดนี้พ่อ และพี่สาว น้องสาว ของไอ้แก้วปลอดภัยดีแล้วทุกคน
เพราะเจ้าหลวงองค์ปัจจุบันเห็นว่าเจ้าแสนคำผู้เป็นเจ้าน้อง เป็นผู้ที่ไม่มีอำนาจและไม่เป็นภัยต่อพรองค์อันใด
จึงปล่อยให้กลับไปคุ้มตามเดิม แต่ขอพี่สาวคนโต และคนรอง ไว้คอยรับใช้ หรือขอไว้เป๋็นนางสนมนั่นเอง
ส่วนคนเล็กให้กลับไปคอยดูแลหนานอินผู้เป็นพ่อยามแก่ชรา

ข่าวนี้ได้สร้างความสุขให้กับไอ้แก้วคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ความรู้สึกที่ได้รับเหมือนฝนตกลงมาในนาที่แห้งผาก
เหมือนหยาดน้ำทิพย์ชโลมใจฉันท์นั้น ไอ้แก้วรยกสองมือกราบขึ้นเหนือหัวถึงพระคุณของเจ้าหลวงที่ได้ไว้ชีวิตครอบครัวตน
เด็กหนุ่มจำได้ว่าได้ก้มลงกราบท่านเจ้าหมื่นนับสิบๆ ครั้ง หรือมากกว่านั้น
และท่านเจ้าหมื่นยังขำอาการเหมือนเด็กน้อยของไอ้แก้วเป็นอย่างมาก

ท่านเจ้าหมื่นยังถามไอ้แก้วด้วยว่า

"ถ้าเอ็งคิดจะกลับไปอยู่ที่คุ้มของเจ้าแสนคำเหมือนเดิม ...ข้าก็อนุญาต"
ไอ้แก้วยิ้มอย่างขอบในน้ำใจท่านเจ้าหมื่น แต่ตอบอย่างมาดมั่นว่า

"ชีวิตข้าเจ้านี้ขอพลีให้แก่ท่านเจ้าหมื่น... แล้วแต่ท่านจะสั่ง... บุกน้ำ... ลุยไฟ... ข้ายอมตายถวายแก่นายท่านเจ้า"

..........................................................................

จนเวลาผ่านไปร่วมเดือนเด็กหนุ่มก็เริ่มฝึกเพลงดาบได้อย่างคล่องแคล่ว
โดยเฉพาะวันนี้ได้ฝึกจนหนำใจเพราะเจ้าหมื่นเรืองณรงค์ต้องติดตามเจ้าแสนพายัพเข้าไปในคุ้มหลวงกลางเวียง

ทั้งสองคนฝึกวชาดาบกันจนเย็นจึงได้เลิกแล้วทั้งสองก็ไปท่าน้ำชำระร่างกายที่โทรมเหงื่อมาทั้งวัน
เมื่อถึงท่าน้ำเมืองแมนปลดผ้าเตี่ยวออกจากตัวจนล่อนจ้อน! …โชว์เรือนกายแกร่งงามน่ามอง

เสี้ยวนานั้นเด็กหนุ่มรู้สึกหน้าร้อนวูบอย่างประหลาดอดเหลือบมองแก่นกลางลำตัวของทหารหนุ่ม
ที่เป็นทั้งรุ่นพี่และครูฝึกวิชาการต่อสู้ด้วยอารมณ์ประหลาดล้ำ
แกนกลางลำตัวของเมืองแมนกลิ้งไปมาในกลุ่มไหมช่างน่าชมยิ่ง
แล้วไอ้แก้วก็มาสะดุดอารมณ์เมื่อเมืองแมนกระโดดลงไปในแม่น้ำดังตูม!

รวดเร็วว่องไวราวกับปลาที่ว่ายในสายน้ำ
ไอ้แก้วถึงกับหัวเราะร่าไม่คิดว่าเมืองแมนทหารที่องอาจจะยังมีนิสัยเหมือนเด็กน้อยกระโดดเล่นน้ำตูมๆอย่างนี้  
เมืองแมนผุดขึ้นมาจากน้ำดังซู่ว!!! แล้วร้องเรียกไอ้แก้วให้ลงไปเล่นน้ำด้วยกัน

ไอ้แก้วลงมาสิเอ็ง”
อ้ายเมืองจงเล่นไปเถอะ... ข้าขออาบอยู่บนท่าน้ำก็แล้วกัน”
เอ็งอย่าช้า... จงโดดลงมาเล่นเป็นเพื่อนข้าไวไวเข้า... น้ำในแม่น้ำสุดแสนจะเย็นสบาย”
ทหารหนุ่มสั่งจนเด็กหนุ่มทนแรงชวนไม่ได้จึงถอดเตี่ยวออกแล้วกระโดดน้ำ

ฮู่ววว!”
ไอ้แก้วผุดขึ้นมาจากน้ำด้วยความรู้สึกสดชื่นเพราะชีวิตในคุ้มเจ้าไม่เคยได้ทำแบบนี้มาก่อน
ชีวิตทุกอย่างอยู่ในขนบธรรมเนียมและต้องสำรวมกิริยาอยู่ตลอดเวลา

สบายจังอ้ายเมือง... ข้าบ่เคยได้เล่นน้ำอย่างนี้มาก่อนเลย”
ฮ่าๆๆ เห็นไหม ถ้าข้าชวนเอ็งลงมา เอ็งก็ไม่รู้ว่ามันสนุกและสดชื่นแค่ไหน”

ไอ้แก้วอดนึกถึงความหลังไม่ได้แต่ก็พยายามสลัดความคิดทิ้งไปแล้วแหวกว่ายแข่งกันในน้ำอย่างสนุกสนาน
ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเมืองแมนนายทหารยศนายร้อยที่มีทั้งความเมตตาและเอื้ออารีย์แบบนี้
ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่นทั้งกายและใจอย่างน่าประหลาด

จนกระทั่งตะวันพลบค่ำทั้งสองคนจึงได้กลับไปที่เรือนของเมืองแมนเพื่อกินข้าวมื้อเย็น
ถึงเมืองแมนจะมียศทหารสูงแต่ก็ไม่ได้เหยียดชั้น วรรณะ วางท่าใหญ่โต
ยอมให้เด็กหนุ่มอาศัยที่เรือนนอนด้วยตลอด1 เดือนที่ผ่านมา
ความสัมพันธุ์ของทั้งสองคนจึงค่อนข้างใกล้ชิดสนิทสนมกว่าทหารคนอื่นในเรือนของเจ้าหมื่นเรืองณรงค์

คืนนั้นอากาศยามค่ำคืนค่อนข้างเย็นไอ้แก้ว ตื่นมาตอนดึกก็ได้ยินเสียงประหลาดที่อยู่ใกล้ๆ ตัว
เมื่อหันไปมองเด็กหนุ่มก็ถึงกับตะลึง!

เมื่อเห็นเมืองแมนกำลังใช้อันมือกำยำกำที่ควยดุ้นใหญ่ยาวของตัวเองแล้วชักขึ้นๆ ลงๆ ส่งเสียงซู้ดๆ
ส่วนมืออีกข้างก็บีบบี้หัวนมตัวเองสภาพของเมืองแมนตอนนี้คือเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปิดร่างกาย
ในความมืดนั้นสายตาของไอ้แก้วเห็นได้อย่างแจ่มชัดถึงร่างกายอันงามสง่าสมชายเปลือยเปล่า
ของเมืองแมนและอาวุธขนาดทั้งใหญ่และยาว!

เด็กหนุ่มคงจะจ้องมองอยู่นานจนเกินไป ทหารหนุ่มจึงรู้สึกตัวว่ากำลังมีคนแอบมองการกระทำของตัวเอง
เมืองแมนลุกเข้ามาประชิดตัวเด็กหนุ่มจนรับรู้ได้ถึงไอร้อนที่กระจายมาจากร่างกายทหารหนุ่ม

เอ็งตื่นแล้วใช่ไหม”
“........”
ไอ้แก้วไม่ตอบเพราะกลัวว่าทหารหนุ่มจะไม่พอใจถ้ารู้ว่ามันแอบดูการกระทำเมื่อครู่อยู่ตั้งนาน

ข้ารู้ว่าเอ็งแอบดูข้า....”

ทหารหนุ่มไล้มือไปมาตามเนื้อตัวของไอ้แก้วฃสัมผัสที่ไอ้แก้วได้รับทำให้ถึงกับขนลุกซู่!
อาวุธคู่กายถึงกับชูชันแข็งปั๋งขึ้นมาทันใดอย่างมีอารมณ์ทางเพศ

ไอ้แก้ว... เอ็งจะทำเป็นหลับแบบนี้ก็ได้... แต่รับรองเอ็งจะหลับแบบนี้ได้ไม่นานหรอก... หึหึหึ!!!”
พูดเสร็จเมืองแมนก็ขับกัดที่ติ่งหูไอ้แก้วจนทำให้ไอ้แก้วสะดุ้งโหยง! ด้วยความเสียว

นี่อ้ายเมืองจะทำอะหยัง!!!”
ข้าก็จะ... สอนวิชาให้เจ้าเพิ่มอีกหนึ่งบท... เป็นวิชาที่ข้ารู้ว่าถ้าเจ้าได้เรียนแล้ว.. เจ้าจะต้องพอใจ”

เมืองแมนจับมือไอ้แก้วให้ไปจับที่ควยตัวเองที่กำลังแข็งชูชันท่ามกลางดงไหมหยิกหยอย
โอ้ว!ขนาดของมันจากมองด้วยตากับสัมผัสมันช่างสร้างความปั่นป่วนให้กับเด็กหนุ่มยิ่งนัก

ไอ้แก้วสะดุ้งเฮือก! เพราะยังไม่คุ้นกับควยของชายอื่นนอกจากควยตัวเอง
ไม่คิดว่าเมืองแมนจะมาสอนวิชาให้ในตอนดึกขนาดนี้

นี่ก็ดึกมากๆ แล้ว ...วันพรุ่งค่อยสอนข้าจะดีก่ออ้าย”
เอ็งบ่ฮู้ซะแล้ว... ว่าวิชานี้ต้องเรียนกลางดึกจะอี้ถึงจะเข้าใจง่ายและเป็นไว... อืมมม”

เมืองแมนพยายามอดกลั้นความรู้สึกอย่างที่สุดเสียงดังหอบกระเส่าบอกว่าตอนนี้เขาพร้อมแล้ว
สำหรับการสอนวิชาแขนงนี้ให้กับไอ้แก้ว
เมืองแมนลูบไล้ไปมาตามลำตัวเนียนสะอาดของไอ้แก้วแล้วบีบบี้ที่หัวนมจนไอ้แก้วถึงกับสูดปากออกมา

ซี้ดดด!!!”
เอ็งพร้อมแล้วใช่ไหมที่จะให้ข้าสอน”

ร่างแข็งแรงของเมืองแมนประกบอยู่บนตัวของเด็กหนุ่มจนไอ้แก้วไม่สามารถกระดุกกระดิกได้
ควยของทั้งสองเสียดสีกันไปมาจนอารมณ์แทบระเบิด!
เมืองแมนประจันหน้ากับเด็กหนุ่มพร้อมมองตรงไปที่ริมฝีปากสวยของเด็กหนุ่ม
ไอ้แก้วรับรู้ความต้องการของเมืองแมนจากลมหายใจที่อุ่นวาบที่พ่นออกมากระทบหน้า

ข้าถามว่าเอ็งพร้อมหรือยัง”
ข้า.....”

ไอ้แก้วหลบตาด้วยความอายแต่เมืองแมนกลับจับหน้าของไอ้แก้วให้มาจ้องหน้าต่อ

ข้าถามเอ็งก็คงบ่ได้คำตอบ งั้นข้าสอนเลยดีกว่า...”

ทันใดนั้นเมืองแมนก็กดริมฝีปากหนาได้รูปประกบปากไอ้แก้ว
เมืองแมนจูบปากแลกลิ้นกับไอ้แก้วอย่างเร่าร้อน! เต็มไปด้วยความต้องการตามธรรมชาติของบุรุษผู้กระหาย!
มันซอกซอนไปตามซอกคอตามยอดอกเด็กหนุ่มสะเทิ้นสั่น! ตามแรงสัมผัสพร้อมปล่อยเสียงครวญครางออกมาจากปาก

แต่เมื่อทุกอย่างลงตัวเด็กหนุ่มก็สามารถจดจำและทำตามสิ่งที่เมืองแมนสอนได้อย่างดี
จนเมืองแมนพอใจในรสลิ้นและปากของเด็กหนุ่มที่เขาสอนให้ดูดอวัยวะเพศของเขาอย่างเสียววาบ
แม้จะยังไม่ชำนาญนักแต่ก็เสียวซ่านดีเป็นที่น่าพอใจ

จนความต้องการของเมืองแมนมาถึงขีดสุด!!! ทหารหนุ่มก็จับขาไอ้แก้วอ้ากว้างแล้วดันความเป็นชาย
อันทรงพลังแข็งแกร่งด้วยขนาด 7.5 นิ้ว! มุดเข้าในตัวเด็กหนุ่ม!!!

ด้วยรสสัมผัสที่สุดแสนจะนุ่มนวลและเอื้ออาทรของเมืองแมนไอ้แก้วไร้ซึ่งความเจ็บปวด
มีก็แต่ความเสียวและสุขจากควยของทหารหนุ่มที่มอบให้
เมืองแมนซอยท่อนลำดุ้นใหญ่เข้าๆ ออกๆ ในประตูหลังของเด็กหนุ่มอย่างหฤหรรษ์เมามัน

กล้ามเนื้อแกร่งเคลื่อนไหวไปตามลีลาที่เป็นจังหวะจะโคนสองแขนไอ้แก้วกระหวัดรัดตัวของทหารหนุ่มเอาไว้
เหมือนกลัวว่าทหารหนุ่มผู้มอบความสุขให้จะหนีหายไปไหน

เสียงกระเส่าของทั้งสองครางระงมในความมืดร่วมชั่วโมง
จนกระทั่งทหารหนุ่มรู้สึกได้ถึงความเสียวสุดๆก็รู้ว่าใกล้จะสำเร็จความใคร่แน่แล้ว

จากความเสียวจี้ด!!! ที่ปลายองคชาติ!
เมืองแมนรู้ตัวว่ากำลังจะสอนวิชานี้สำเร็จแล้วจึงเร่งซอยเน้นๆ ถี่ๆ!!!
เป็นกระบวนสุดท้ายกระแทกควยเข้าในถ้ำของไอ้แก้วอย่างรุนแรงดัง ตั้บๆๆๆ!!!

อ๊า!!! ซี้ดดดด!!!”
อูยยยย!!!”

ทั้งสองคนครางระงมพร้อมกอดกันแล้วผวาเข้ากอดกันกลมด้วยความเสียว
น้ำกามต่างทะลักด้วยความเสียวปนสุขอันดื่มด่ำ

เด็กหนุ่มรู้สึกมีความสุขล้นปรี่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนกับบทเรียนที่เมืองแมนฝึกให้ในคืนนี้
มันทั้งมีความระทึกความกลัว ความหวาดหวั่น แต่ท้ายสุดมันก็กลายเป็น ความเสียว และสุข
อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต

ทหารหนุ่มกับเด็กหนุ่มต่างกอดเกยกันอย่างสุขสมจนหลับไปด้วยความอิ่มเอม.....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น