วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 66 กลับบ้านปีใหม่

ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่มีวันหยุดยาวๆ หลายวัน ผมกับไอ้อี้ ไอ้ถึกเข้ม ก็ได้ฤกษ์กลับบ้านพร้อมหน้ากัน
โดยมีบรรดาเพื่อนซี้ของไอ้สองตัวนี่ตามไปเที่ยวที่บ้านพวกเราด้วย
อย่างไอ้จอม ไอ้โหน่ง และก็ไอ้ป๋อน เป็นเพื่อนร่วมเดินทางในครั้งนี้

ไอ้จอมบ้านมันอยู่ขอนแก่น ซึ่งก็ไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้โหน่ง กับ ไอ้ป๋อนนั้น
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มันสองคนมาเที่ยวภาคอิสาน เลยดูตื่นเต้นกันใหญ่

จุดมุ่งหมายที่ไอ้อี้ กับ ไอ้ถึกเข้ม ลากเพื่อนพวกมันมาลำบากด้วยครั้งนี้ เอ๊ย! มาเที่ยวครั้งนี้ แฮ่ๆๆๆ
ก็คงอยากมีเพื่อนร่วมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่อ่ะครับ

ทั้งไอ้อี้และไอ้ถึกเข้มต่างก็มีเพื่อนมันกลับไปเที่ยวด้วย แต่ผมกลับไม่ได้พาเพื่อนคนไหนมาเที่ยวด้วยเลย
คือจริงๆ แล้ว ใจผมก็อยากชวนพวกไอ้นิว ไอ้โดโด้ ไอ้นาย ไอ้ท็อป มาเที่ยวอิสานด้วยเหมือนกันนะ
แต่กลัวว่าจะไม่มีเวลาเทคแคร์พวกมันอ่ะครับ เพราะยังต้องอยู่กับพวกมันอีกนานครับ
เวลาที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพวกมันจึงอีกยาวไกล

เพราะที่กลับมาบ้านในช่วงปีใหม่ครั้งนี้ ตั้งใจว่าจะเทเวลาที่มีอยู่น้อยนิดให้กับไอ้ตี๋อ้นมากๆ อ่ะครับ
ชดเชยที่นานๆ ได้เจอกันงัย เพราะพอถึงวันหยุดยาวๆ ทีไรผมกับอ้นเป็นต้องมีอุปสรรคทุกที
และผมก็จะชีพจรลงเท้าเสียทุกทีเหมือนกัน 5555

ตลอดทางที่เดินทางกลับบ้านจากเชียงใหม่ไปอิสานบ้านผม พวกเราก็ครึกครื้นสุดๆ ว่างั้น
ก็ตามธรรมดาของเด็กวัยรุ่นนี่ครับ ถึงแม้ว่าจะเข้าเรียนมหาลัยฯ แล้ว เริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้วก็เหอะ
ก็ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเพื่อนมันสนุกสนานและเบิกบานใจโดยไร้ข้อกังขานี่ครับ

เขาถึงได้บอกว่าถ้าไปเที่ยวต้องไปเที่ยวกับเพื่อนมันถึงจะสนุกไม่ต้องมานั่งงอนกัน
เหมือนตอนไปเที่ยวกับแฟนอันนี้จริงไม่จริงไม่รู้นะ แต่มันก็มีมั่งแหละน่าว่าป่ะ
แม้แต้มหาป๋อนก็เถอะ หมอก็เล่นกะเขาด้วย เจอสาวน่ารักๆ ก็มีแซวเล็กๆ
พอสนุกๆ กันไป ไอ้เรารึก็นึกว่าจะธรรมะ ธรรมโม ได้นานแค่ไหน 5555

ก็ว่าไม่ได้เนอะเพราะยังงัยไอ้เจ้าป๋อนมันก็ยังเป็นแค่คนธรรมดา
เมื่อมีสังคมมีเพื่อน มันก็ต้องตามน้ำกันไปถึงจะเข้ากับสังคมได้อย่างกลมกลืน
สำหรับไอ้ป๋อนนั้นพอได้ฟังเรื่องราวของหมอจากไอ้ถึกเข้มแล้ว
ก็ทำให้ทราบว่าไอ้ป๋อนมันเป็นคนมีน้ำใจและรักเพื่อนมาก

ทำให้ผมกับไอ้อี้รู้สึกดีกับเจ้าป๋อนมันมากโขทีเดียวเลยนับมันเป็นเพื่อนอีกคนนึงของกลุ่ม
ในขณะที่ไอ้จอมกับไอ้โหน่งซี้ไอ้อี้ก็เหอะระยะเวลาเกือบปีก็ทำให้ได้รู้แล้วว่าพวกมันก็น่าคบหาทีเดียว
อย่างที่เขาบอกว่า“ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน” นั่นไง

และพวกมันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วในตอนที่ไอ้อี้งานเข้าคราวอกหักจากน้องดี้นั่นไง
เลยทำให้ผมรับรู้ได้ว่าพวกมันน่ะถึงไหนถึงกัน เพื่อนเจ็บมันเจ็บด้วยนี่แหละเพื่อนตายล่ะ
ส่วนผมก็มีเพื่อนอย่างพวกไอ้นิวไอ้โดโด้ ที่นับได้ว่าเป็นเพื่อนรักก็ว่าได้
แม้ว่าแต่ละคนจะมีบุคลิกและนิสัยใจคอแตกต่างกันออกไปก็เหอะ

แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราก็คบกันด้วยใจและหวังดีต่อกันจริงๆ
และตอนอยู่ปีสองนี่แหละที่ผมกับพวกมันจะยิ่งรักกันมากขึ้นอีกเท่าตัว
วัยรุ่นอย่างเรานี่ไม่เพียงแค่ได้ที่เรียนดีๆแต่ถ้ายิ่งได้เพื่อนดีๆ ด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งดีโคดๆเลยว่ามั๊ยครับ

พอถึงตัวจังหวัดไอ้อี้ก็ชวนไอ้ถึกเข้มกับไอ้ป๋อนนอนที่บ้านไอ้ซันที่อยู่ถนนเลี่ยงเมือง
เพราะกว้างขวางและใกล้ในเมืองกว่าไปค้างที่บ้านไอ้ถึกเข้มเยอะ
ถ้าเพื่อนๆที่ติดตามอ่านกันมาตั้งแต่แรกๆ จะรู้ว่าบ้านมันน่ะไกลโคดๆๆๆๆๆ

อยู่จนเกือบจะสุดเขตอำเภอเมืองโน่น....แน่ะสงสารไอ้เจ้าป๋อนมันอ่ะครับ
แต่เอ...มาคิดๆดู ผมว่าถ้าไอ้ป๋อนไปค้างบ้านไอ้ถึกเข้ม ผมว่ามันอาจจะชอบก็ได้นา
เพราะบ้านไอ้ป๋อนเองก็ไม่ต่างจากบ้านไอ้ถึกเข้มเสียเท่าไหร่
ตอนที่ไปเที่ยวบ้านมันครั้งนึงที่อ.พร้าว อ่ะนะ ทำให้ได้รู้ว่าบ้านมันอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

ต่างกันตรงที่บ้านไอ้ถึกเข้มอยู่ท่ามกลางทุ่งนาแต่บ้านไอ้ป๋อนอยู่ท่ามกลางสวนลำไย 5555
ส่วนบ้านไอ้จอมที่อยู่ขอนแก่นผมกับไอ้อี้ยังไม่เคยไปเที่ยวหรอกครับ
เพราะไม่ค่อยมีเวลาเพราะถ้าไปเที่ยวบ้านมันสู้กลับมาบ้านพวกผมดีกว่าจริงป่ะ
เพราะไปเรียนไกลๆอย่างนั้นมีเวลาน้อยจะตาย กว่าที่จะได้กลับมาเยี่ยมบ้านซักที

แต่เท่าที่ได้ยินมันเล่าให้ฟังก็พอนึกภาพออกว่าภาพบ้านเป็นยังงัย
คือครอบครัวมันเป็นครอบครัวทหารอ่ะครับพ่อมัน แล้วก็พี่ชายคนโตของมันเป็นทหาร
มันเลยโตมากับทหารมิน่า ผมถึงรู้สึกได้ว่ามันดูแมนแบบชาย ใจใหญ่ ใจนักเลง และดูลุยๆ
ที่สำคัญมันเป็นคนมีวินัยดีอีกด้วย(นิสัยรวมๆ แล้วค่อนข้างคล้ายไอ้อี้เอามากๆ)

ไม่เหมือนกับไอ้โหน่งเพื่อนมันที่เหมือนคนขี้เกียจ เหยาะแหยะ
ตามประสาลูกชายคนเล็กของเจ้าของกิจการบ้านเช่า
ที่ไม่ว่ามันอยากได้อะไรแม่มันก็ประเคนให้หมดทุกอย่าง
แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะไอ้โหน่งมันก็มีดีที่รักเพื่อนอ่ะครับ

พอไปถึงตัวจังหวัดอ้น ไอ้ซัน ไอ้เหม ไอ้น็อต และไอ้สิน ก็มารอรับตั้งแต่ตีห้า
ไม่ใช่ไรหรอกครับก็ไอ้อี้น่ะสิโทรจิกให้ไอ้ซันรวมพลเพื่อนคนอื่นๆ ให้มารอรับพวกเรา
แหม...ทำยังกะว่ามันเป็นคนใหญ่คนโตที่ต้องมีคนมาเข้าแถวรอรับแน่ะสาด 5555

ดีหน่อยที่เมื่อคืนพวกไอ้ซันมันรวมพลกินเลี้ยงกันที่บ้านนอกเมืองเลยแหกขี้ตาตื่นมารับกันได้
ส่วนไอ้ทินเห็นว่ายังไม่กลับจากชลบุรีครับคงจะมาถึงวันนี้ตอนสายๆ
พอพวกมันได้เจอกันก็กระโดดกอดคอกันใหญ่ส่งเสียงโหวกเหวก เอะอะมะเทิ่งดีอกดีใจ
เพราะไม่ได้เจอกันนานก็ต้องเข้าใจอ่ะนะพอเจอกันหนนี้เลยดีใจกันใหญ่

“เป็นงัยวะสาดอี้แม่งไม่เจอกันนานตัวโตยังกะควายแน่ะมึง”
ไอ้ซันแซวไอ้อี้ตามประสาเพื่อนซี้

“ใครจะเหมือนมึงดูเซ่ะไปชุบตัวที่กรุงเทพ ตอนนี้ยังกะนายแบบแน่ะสาด 5555”

“นายแบบเหี้ยไรของมึงวะสาด”

“แล้วมึงล่ะไอ้ถึกเข้มแม่งไม่เจอเกือบปีโคดคิดถึงมึงเลยว่ะ”

“เออกูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน ดีหน่อยที่มีไอ้อี้กับไอ้วินมันไปหาบ่อยๆ”
ไอ้ซันได้ยินแล้วมันก็ยิ้มๆที่พวกผมยังเกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น

“เฮ้ยว่าแต่มึงเหอะไม่คิดจะไปเที่ยวเหนือมั่งเหรอวะ ที่นั่นมีที่เที่ยวเยอะแยะเลยนะมึง”
ไอ้ถึกเข้มพยายามใช้สถานที่ท่องเที่ยวเป็นตัวล่อซึ่งถ้าเอาสาวมาล่อมันคงไม่สน
แต่ถ้าเป็นเรื่องเที่ยวล่ะก็ไม่แน่ครับ

“เออ...ปีหน้ากูไปได้แน่ๆ เพื่อน กะว่าจะไปนอนค้างที่หอมึงด้วย”
ไอ้ซันกอดคอไอ้ถึกเข้มอย่างสนิทสนมมองๆ ดูแล้ว
ก็เหมือนเห็นเงาของวันวานที่เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นานนี้เอง

“แล้วพวกมึงล่ะสาดเหมสาดน็อต ช่วงหลังๆ นี่เงียบไปเลยนะสาด แบบนี้ต้องโดนปรับ!”

“ปรับเชี่ยไรว้าสาด!”
ไอ้เตี้ยเหมเชิดหน้าตอบโต้กับไอ้อี้ไม่ลดละเพราะมันสองตัวชอบกัดกันเป็นประจำอยู่แล้วครับ

“ปรับเบียร์กับเหล้าไงมึง5555”

“โด่กูรึก็นึกว่าปรับอะไร ถ้าเป็นเรื่องนี้ กูยอมให้ปรับโว้ย เป็นงัยเป็นกัน”

“ว่าแต่...ตอนนี้มึงหายจากอาการทอมแฮ้งค์ยังวะสาด5555”
ไอ้น็อตทำปากดีแซวไอ้อี้จนผมที่กำลังสนทนากับไอ้สินอยู่ถึงกับหูผึ่ง! ก็กลัวว่าไอ้อี้มันจะของขึ้นอ่ะดิครับ

เพราะตลอดเวลาที่อยู่กับมันผมจะพยายามไม่พูดเรื่องอกหักจากดี้กับมันเลยก็ว่าได้
พอมองหน้าหมอผมก็เบาใจอ่ะครับเพราะเห็นมันทำหน้าระรื่น

พูดจาหยอกล้อกับเพื่อนคนอื่นไปอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเห็นแบบนั้นผมก็เบาใจหน่อย
กำลังจะเดินไปหาอ้นที่ยืนพิงรถเก๋งอยู่ไอ้เหมก็เดินมากอดคอผมอย่างสนิทสนม

“งัยมึงสาดวิน...ไม่เจอหน้าเจอตาเลยนะมึง บ้านช่องไม่กลับ”
“ก็กูยุ่งๆนี่หว่า”
ผมโอดครวญให้มันเห็นใจ

“ไม่ต้องมาอ้างเลยสาดแบบนี้มึงก็ต้องโดนปรับหนักกว่าเพื่อน รู้ป่าว”
ว่าแล้วมันก็ตบตูดผมแปะๆแล้วใช้นิ้วชี้สะกิดที่รูผมเบาๆ เล่นเอาผมเกือบเข่าอ่อนแน่ะครับ 5555

เป็นที่เข้าใจกันว่ามันต้องการอะไรจากผมมองตามันก็เดาออกอ่ะครับ
ผมเองก็ไม่ได้เอากะมันมานานดูมันตอนนี้ดิ หน้าใส เนื้อแน่น เป็นหนุ่มเต็มตัว
น่าเย็ดหยอกไปเสียเมื่อไหร่โดยเฉพาะหน้าตามันยังคงยี่ห้อดูปุ้บก็รู้ว่าขี้เย็ดไว้ได้ดังเดิม 5555

แต่ผมกลัวอ้นจะผิดสังเกตอ่ะครับแต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น
แถมตอนนี้ก็ยังมืดอยู่เลยไม่ต้องกลัวอะไร
เลยตอบรับไอ้เหมมันไปแบบเต็มใจเหมือนกันว่า

“เออๆๆปรับก็ปรับ แต่ครั้งเดียวไม่พอนะมึง 5555”
พอผมตอบรับมันไปแบบถึงใจไอ้เหมมันก็ยิ้มร่าอย่างพอใจอ่ะครับ
แล้วเราก็คุยกันอีกสองสามคำ มันก็เข้าไปคุยไอ้อี้กับไอ้ถึกเข้มต่อ

พอหันไปมองหน้าแฟนผมตอนนี้ยิ้มร่าหน้าบานเลยครับ
ถึงไอ้ตี๋จะมีเชื้อจีนแต่ก็ไม่ได้ตาตี่มากมายออกจะคิ้วเข้มๆด้วยซ้ำ เป็นตี๋หล่อ ที่น่ามองอ่ะครับ
โดยเฉพาะไรหนวดอ่อนๆนั่นที่ผมกำชับนักกำชับหนาว่าห้ามโกนเด็ดขาด!
เพราะไรขนมหาเสน่ห์นี่แหละที่ผมติดใจเป็นที่สุดล่ะอิอิอิ

“เมื่อคืนหนักอ่ะดิหาวหวอดๆ เชียว”
ผมทักทายอ้นด้วยความห่วงใยเมื่อเห็นไอ้ตี๋หาวติดๆ กันหลายครั้ง
ตอนนั่งรถมาก็รับทราบทั้งจากอ้นและไอ้ซันอ่ะครับเพราะมันเล่นรายงานข่าวตลอด
และให้พวกผมรายงานมันตลอดพอกันว่าถึงไหนแล้ว

อ้นก็ใจดีมารับกระเป๋าไปจากมือผม หมอเกาหัวยิ้มๆ
เป็นรอยยิ้มที่ผมเห็นแล้วรู้สึกมีความสุขอ่ะครับก็นี่แหละอ้นแฟนผมล่ะ
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีๆไอ้ตี๋ก็ยังคงเป็นไอ้ตี๋อ้นที่น่านิยมและใจดีเป็นที่สุด

“นิดหน่อยอ่ะอ้นกินนิดเดียวเอง กลัวลุกมารับวินไม่ได้”
พูดเสร็จอ้นก็ยิ้มๆแหมฟังแล้วปลื้มไปเลยครับ อิอิอิ

ผมพยักหน้ารับรู้ตอนนี้ใครหน้าไหนผมก็ไม่สนใจเท่าไอ้ตี๋อ้นอีกแล้วครับ
เพราะคิดถึงใบหน้านี้มาตลอดทางก็ว่าได้

หลังจากที่ไอ้เจอกันครั้งหลังสุดอ้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปซักเท่าไหร่
หล่อยังงัยก็ยังคงหล่ออย่างนั้นหน้าอ่อนใสของอ้นดูอิดโรยนิดหน่อย
คงเพราะต้องนอนดึกๆเป็นเพื่อนพวกไอ้ซันเมื่อคืนแน่ๆ

ด้วยอากาศที่เย็นจัดในตอนเช้าตรู่ไอ้ตี๋อ้นใส่เสื้อกันหนาวตัวเท่ห์ชวนมอง
ดูๆไปยังกะนายแบบมาจากกรุงเทพแน่ะครับแฟนผม

บวกกับหน้าหมอด้วยแล้วมันก็ยิ่งน่ามอง ด้วยความสูงที่ 180 เซนต์
บวกกับหน้าตาตี๋เท่ห์ อินเทรนด์ และบุคลิกเท่ห์ๆ มาดแมนนั้น
จึงเป็นที่สะดุดตาแก่คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี

สาวๆที่เริ่มทยอยลงมาจากรถต่างก็มองมาที่ไอ้ตี๋อ้นและกลุ่มเราเป็นตาเดียว
ผมยิ่งเห็นอย่างนั้นยิ่งเป็นปลื้มอ่ะครับที่แฟนเราหล่อโดนใจ! 5555  

ก็ว่าไม่ได้นี่กลุ่มผมมีทั้งหล่อและดูดีกันทั้งนั้น
อย่างคนที่ไม่ได้หล่อมากก็หุ่นน่านิยมไม่ได้ผอมเกร็งหรืออ้วนลงพุง

“แล้วเนี่ยวินจะไปนอนกับพวกไอ้ซันป่าวอ่ะ” ผมส่ายหัว
“กลับไปนอนบ้านดีกว่าไปหาพ่อกับแม่ก่อน สายๆ ค่อยออกมาหาพวกมัน”
“ดีเลย...พอดีบ้านอ้นมีญาติมาค้างที่บ้านเยอะอ่ะงั้นอ้นขอนอนด้วยนะๆๆ”

ไอ้ตี๋อ้อนอ่ะครับผมก็รู้ทันหรอกน่าว่าหมอคิดอะไรอยู่
หนอยเอาญาติมาอ้างที่แท้ก็อยากอยู่กับผมล่ะซี้ อิอิอิ

เมื่อตกลงได้ตามนั้นผมก็บอกพวกไอ้ซันพวกมันก็ไม่ว่าไร
เหลือก็แค่ไอ้อี้ตัวดีคนเดียวที่มีปัญหา

“สาดวินเพื่อนเขานอนที่บ้านไอ้ซันกัน มึงดันไปนอนที่บ้านตัวเองไม่แฟร์นี่สาด”
“กูจะไปหาแม่กูก่อนตอนสายๆ กูค่อยออกมาหาพวกมึง”
ผมตอบมันด้วยความรำคาญก็บอกแล้วคนอื่นน่ะไม่เท่าไหร่แต่ไอ้นี่น่ะมันจอมปัญหาอ่ะครับ

“ไม่ได้! มานี่เลยทีอย่างนี้ล่ะเป็นเอาพ่อแม่มาอ้าง”
มันเดินจังก้าเข้ามาลากผมไปที่รถไอ้ซันอ่ะครับผมก็ยื้อกับมันอย่างตลกๆ อ่ะครับ
เพื่อนคนอื่นๆก็ขำๆ อ้นเองก็หัวเราะที่ผมกับไอ้อี้เล่นกันไม่รู้จักหยุด
จนไอ้ซันมันเข้าไปเบิ้ดกะโหลกไอ้อี้นั่นแหละครับมันถึงได้หยุดลากผม

“มึงไปเหอะไอ้วิน...ไอ้นี่มันบ้าพลังแม่งอยากให้เพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังมันดูดิขนาดไอ้จอม กับไอ้โหน่งยังโดนมันลากมาถึงนี่เลย”
ไอ้จอมกับไอ้โหน่งก็ยิ้มอย่างขำๆอ่ะครับ พอไอ้ซันพูดเสร็จก็ลากไอ้อี้มันขึ้นรถไป
ก่อนสตาร์ทรถออกไปไอ้อี้ตัวดีมันยังไม่วายมองผมด้วยสายตาเขม่นๆ อ่ะครับ

อู้ย! กลัวตายแหละสาด 5555

พอรถมันออกไปแล้วนั่นแหละผมถึงได้ขึ้นรถคันงามของอ้น
รถคันนี้พ่อของอ้นซื้อให้เมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่ครอบครัวกลับมาคืนดีกัน
อีกอย่างก็ถือเป็นการรับขวัญที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเอ็นท์ติดมหาลัยดังอ่ะครับ
แหมๆๆมีพ่อใจดีซื้อรถเก๋งให้แบบนี้เป็นผมรักตายเลย 5555

รถคันนี้เป็นสีขาวสวยทั้งคันซึ่งอ้นเป็นคนชอบสีขาว และผมเองก็ชอบรถสีขาวด้วย
ผมว่ามันดูสวยและสะอาดตาดีอ่ะครับแถมภายในก็กว้าง นั่งสบายดีอีกด้วย
เครื่องเสียงติดรถยนต์ก็เสียงดีแอร์เย็นยะเยือกเลยครับ คงเพราะเป็นหน้าหนาวด้วยมั๊ง
เลยรู้สึกว่าแอร์มันเย็นไปนี่ถ้าเป็นหน้าอื่นก็คงจะเย็นกำลังดี
พอขึ้นรถได้ไอ้ตี๋ก็เปิดเพลงเพราะๆ คลอไปตลอดทาง ทีนี้ผมก็ปากดีเลยครับ

“อ้าวไหนล่ะแฟนอ่ะไม่พามาด้วยเหรอ”
ผมแกล้งทำเป็นมองซ้ายมองขวา ทำหน้าตายียวนกวนประสาทอ่ะครับ
ทีแรกอ้นก็ทำหน้างงๆ อ่ะครับ พอดูออกว่าผมแกล้งก็เลยหัวเราะร่าตาตี่

“บ้าแล้ว! ถึงอ้นจะหน้าตาดียังงัยก็เหอะ...แต่อ้นก็มีแฟนคนเดียวนะจะบอกให้”
พูดเสร็จหมอก็ยักคิ้วยิกๆ ยิ้มร่าหน้าเป็น ผมเห็นแล้วโคดหมั่นใส้อ่ะครับ

“โอ้ยไม่เชื่อหรอกได้ยินไอ้ซันเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่ามีสาวๆ มาตามต้อยๆ ไม่ได้ขาด”
“นั่นมันข่าวเก่าไม่ใช่เหรอข่าวใหม่นี่ดิเด็ด!”
ไอ้ตี๋อ้นดีดนิ้วดังเป๊าะ!

ผมถึงกับหูผึ่งรอฟังเลยครับคิดในใจว่าถ้าพูดไม่ดีเป็นโดนแน่ๆ ไอ้ตี๋ ฮึ่ม!

“พูดมา...เดี๋ยวนี้!...”
ผมคำรามในลำคอเบาๆแต่ดูเหี้ยมเกรียมอ่ะครับ

“ก็ไม่มีไรมากหรอกอ้นก็แค่อยากสารภาพว่าช่วงที่วินไม่อยู่อ้นน่ะ อ้นไปรับไปส่งผู้หญิงคนนึงเป็นประจำแค่นี้เองอ่ะ”

“แค่นี้เอง...เป็นใครบอกมา!”
ตอนนี้หน้าตาไอ้ตี๋เริ่มมีแววขบขันเล็กๆแล้วอ่ะครับ

“5555ดูทำหน้าเข้าใช่คนอื่นที่ไหนล่า ก็ม้าของอ้นงัย โธ่...กิ้วๆๆ แค่นี้ทำเป็นหึงอ้นจนหน้าแดงหมดแล้ว5555”
หนอยๆๆๆบังอาจมาอำผมอีกแล้ว ผมกัดฟันกรอดๆ เลยครับ

“ชอบแกล้งดีนักใช่มั๊ย!”
พูดเสร็จผมก็กำที่เป้าของหมอแล้วบีบเบาๆอ่ะครับไม่ได้จริงจังอะไร
ไอ้ตี๋ก็ทำเป็นร้องโวยวายยกใหญ่แต่ก็แค่ขำๆ กันอ่ะครับ

“โอ้ยๆๆๆยอมแล้วๆ อย่าทำผมเลยนะคร้าบ! เดี๋ยวน้องชายอ้นเป็นไรไปวินก็อดสนุกนะจะบอกให้5555”

ดูดิครับไอ้ตี๋มันชอบอำผมเป็นที่สุดอ่ะแต่ก็น่ารักของหมออ่ะนะ
อ๊ะๆๆเห็นแก่น้องชายหมอ ยอมก็ได้ อิอิอิอิ

เฮ้อ! คิดจะแกล้งอ้น แต่ผมดันโดนอำแทนซะเอง คิดแล้วขำอ่ะครับ
พักนึงเรามาถึงสะพานข้ามแม้น้ำซึ่งก็เป็นเวลาใกล้สว่างเต็มที
อ้นเลยออกไอเดียว่าน่าจะดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ริมแม่น้ำกันก่อน
เพราะหลังจากนี้อีกหลายวันไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาเป็นส่วนตัวอย่างนี้รึป่าว

“อยู่ดูพระอาทิตย์ขึ้นกันก่อนดีกว่าเนอะ”
“อือก็ดีเหมือนกัน”

ผมสนับสนุนเต็มที่แล้วอ้นก็ขับรถไปแอบข้างๆ ทาง
คิดได้ดังนั้นผมก็รีบค้นเอากล้องออกจากกระเป๋าเสื้อผ้า เพื่อมาถ่ายภาพสวยๆ ไว้

เราสองคนถ่ายรูปกันไปกอดกันไป สุดแสนจะแฮปปี้อ่ะครับ
บางทีผมก็มีแอบหอมแก้มไอ้ตี๋อ้นอยู่หลายที แล้ววไอ้ตี๋ก็จะหอมแก้มผมคืนมั่ง
อายอ่ะครับก็ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนี่นา

ดีหน่อยที่ในตอนเช้าๆอย่างนี้รถที่สัญจรไปมาน้อยมากๆ
จนแทบจะนับคันได้เลยไม่ต้องอายใคร

อากาศในตอนเช้าตรู่ตอนปลายปีนั้นหนาวและเย็นยะเยือกสุดๆ
แต่เมื่อได้มาอยู่กับไอ้ตี๋อ้นแฟนผมแบบนี้ได้กอดกันท่ามกลางอากาศหนาวเย็นแบบนี้
ความหนาวเย็นที่ว่าสุดแสนจะทารุณนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความสุขและรู้สึกดี

เฮ้อ...ดีใจจังครับที่วันนี้ผมได้มาอยู่กับอ้นอีกครั้ง
พออยู่กันสองคนแบบนี้ก็อดนึกถึงตอนไปเที่ยวภูกระดึงเมื่อปีก่อนไม่ได้

จำได้ว่าเรามีความสุขกันมากสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ
และสุขที่ได้อยู่กับไอ้ตี๋อ้นตลอดการเที่ยวภูกระดึงทริปนั้น
ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามตื่นตา และบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก

แต่ปัจจุบันนี้เราอยู่ที่สะพานข้ามแม่น้ำฝั่งนึงเป็นสวนสาธารณะประจำจังหวัด
อีกฝั่งเป็นแม่น้ำและวิวสวยๆ ไกลสุดลูกหูลูกตา

ถึงแม้ว่าทิวทัศน์ที่นี่จะไม่ได้ดูสวยงามมากไปกว่าที่ไหนๆ
แต่ตอนนี้ได้แค่ได้อยู่กับไอ้ตี๋อ้นแฟนผมผมว่าที่ไหนๆ ก็น่าอยู่ทั้งนั้นแหละครับ อิอิอิอิ

ยิ่งตอนที่ดวงอาทิตย์สีส้มสวยกำลังขึ้นจากหมู่ดงไม้ทางทิศตะวันออกยิ่งชวนมอง
เพราะเห็นเป็นดวงใหญ่กลมโตน่าชม

“อ้นดูดิ...ดวงเบ้อเร่อเลยฮู้! สวยเนอะว่าป่ะ”
“อื้อ...สวยดีจริงๆ ด้วยยังกะสีไข่เค็มเลย”
ไอ้ตี๋มองภาพที่กำลังเกิดตรงหน้าอย่างที่ผมบอกพร้อมกับกอดเอวผมแน่น
ผมหันกลับมามองไอ้ตี๋ก็เห็นหมอจ้องหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว

“ยิ้มอาไร”  ผมชักเขิน
“อ้าว...ไมอ่ะอ้นก็ยิ้มของอ้นไปงั้นแหละ”

ดูหน้าหมอดิทำซื่อๆ หงอๆ แต่มือน่ะกอดเอวผมแน่นเชียว
ผมเลยแกล้งไอ้ตี๋ผมเลยเสไปถ่ายรูปแทน

แต่ระหว่างที่ผมกำลังตั้งใจถ่ายรูปดวงอาทิตย์ยามเช้าส้มดวงกลมใหญ่อยู่นั้น
ไอ้ตี๋อ้นก็แอบหอมแก้มผมฟอดใหญ่ผมทำทีเป็นไม่พอใจ ปั้นสีหน้าปึงปัง!

“เดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก”
“เช้าอย่างงี้ใครจะมาเห็นให้อ้นทำอย่างอื่นมากกว่านี้ยังได้เลย เอาป่าว”

พูดเสร็จไอ้ตี๋ก็ยิ้มร่าตาตี่ๆ หน้ากวนๆ แบบนั้นเห็นแล้วน่ารักชะมัดอ่ะครับ อิอิอิ
เล่นเอาผมเขินเลย

“บ้า! ...ใครจะยอมให้ทำกัน”  
ผมว้ากอ้นเข้าให้แต่หมอไม่ได้สะทกสะท้านซักกะนิด ซ้ำยังตีหน้าซื่อหาทางออกจนได้ซิน่า

“อ้าว! นี่วินคิดอะไรอยู่อ่ะที่บอกว่าทำอย่างอื่น อ้นหมายถึงถ่ายรูปต่างหากนา 5555”
“ไอ้ตี๋บ้า!”

ผมอายจนต้องวิ่งไล่ไอ้ตี๋ไปมาที่สะพานอ่ะครับไอ้ตี๋ก็วิ่งหนีไม่คิดชีวิต
พร้อมกับร้องเสียงโหวกเหวกแต่สีหน้าสุดแสนจะระรื่นชื่นมื่นที่อำผมได้สำเร็จอีกครั้งนึง

“จำไว้เลยนะ”
พอขึ้นรถได้ผมก็กอดอกงอนตุ้บป่องหน้าตาบอกบุญไม่รับ

“น่านะอย่างอนเลยนะคร้าบ! ก็แค่ล้อเล่นๆ เองอ่ะ”
ไอ้ตี๋ยิ้มกวนๆไม่หายหรอกครับ เชอะ! ก็ชอบอำผมตลอดนี่นาก็รู้ทั้งรู้ว่าผมน่ะซื่อบื้อจะตายยังจะชอบอำผมอีก
มองหน้าหมอดิฮึ่มๆๆ เห็นหน้าแล้วมีอารมณ์อ่ะ
(อยากเตะนะครับไม่ใช่อยากเย็ด 5555)

“อย่าโกรธนะคร้าบ! อ้ะๆๆอ้นมีของขวัญปีใหม่มาฝากวินด้วยนา...นี่ไง สวัสดีปีใหม่”
ว่าแล้วไอ้ตี๋ก็หยิบกล่องเล็กๆ กล่องนึงออกมาจากเบาะหลัง ผูกโบว์สีฟ้าสวยเชียว
ผมเห็นแล้วก็ถึงกับหายโกรธเลยครับ(ไอ้ขี้งก 5555)

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดงอนๆ หมอไม่ได้ เลยยังเต๊ะท่าหน้าบึ้งทำทีเป็นว่าไม่สนใจอ่ะครับ
แต่จริงๆแล้วลุ้นจะตายว่าไอ้ตี๋ซื้ออะไรให้ผม

“ไรอ่ะ”
หน้าเฉยแต่มือก็คว้ากล่องของขวัญอย่างไวอ่ะ 5555

คิดขึ้นมาเมื่อไรก็อดขำตัวเองไม่ได้ซักที ไอ้ตี๋เห็นว่าผมยังไม่หายงอนเลยโน้มหน้ามาหอมแก้มผมทีนึงจนผมสะเทิ้นเลยครับ
กลิ่นตัวที่เป็นกลิ่นเฉพาะของไอ้ตี๋ผสมกับกลิ่นน้ำหอมกลิ่นที่ผมซื้อให้ไอ้ตี๋ใช้
พอสูดเข้าปอดแล้วเลยทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเยอะ

“น่านะอย่าโกรธเลยนะๆๆ อ้นก็แค่แกล้งเล่นๆ หน้าบูดต้อนรับปีใหม่ไม่ดีนะเออ 5555
อ้ะ! ลองเปิดดูดิชอบป่าว”

“ซื้อมาทำไมก็ไม่รู้เปลืองตังค์เปล่าๆ”

ผมบ่นไปตามประสาอ่ะครับเพราะของแต่ละอย่างที่ไอ้ตี๋ให้ล้วนแล้วแต่มีราคาทั้งนั้น
ไล่ตั้งแต่แหวนทองเกลี้ยงๆวงกระจิริดวงนั้น แล้วก็กล้องถ่ายรูป นาฬิกา มือถือ
แล้วที่ทำให้ผมประทับใจสุดๆเห็นจะเป็นรองเท้าที่ใส่เข้าชุดกับชุดนักศึกษาคู่นั้น
ก็ทำให้ผมยิ้มแก้มปริทุกทีที่ได้มองยิ่งตอนที่รู้สึกเครียดๆ เบื่อๆ กับการเรียนเมื่อไหร่

พอมองที่รองเท้าคู่ที่อ้นซื้อให้ปั้บก็เหมือนได้ยาดีทำให้สบายใจขึ้นมาในทันที
แต่ผมดิให้อะไรอ้นมั่งแทบนับชิ้นได้ บางครั้งก็รู้สึกว่าเราเอาเปรียบแฟนเรามากไปป่าววะ

ก็แหมผมน่ะก็แค่ลูกชาวนาชาวไร่นี่ครับจะมีตังค์หาของขวัญแพงๆ ก็ไม่ไหว
และอ้นเองก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่ผมซื้ออะไรแพงๆให้

ผมบรรจงแกะห่อของขวัญออกก็เห็นว่าเป็นเครื่องเล่น MP3 แบบพกพา
พร้อมอุปกรณ์ครบชุดซึ่งตอนนั้นเครื่องเล่น MP3 เพิ่งจะเริ่มได้รับความนิยม
ถ้าจำไม่ผิดราคาที่ผมเช็คมาก็เกือบหมื่นแน่ะ

“หูย!...ซื้อมาทำมัยเนี่ย มันแพงไม่ใช่เหรอ”
ผมพูดด้วยสีหน้าลำบากใจมองของขวัญที่อยู่ในมือด้วยความสุขปนเกรงใจอ่ะครับ

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นดี๊!อ้นอุตส่าห์ทำงานพิเศษด้วยน้ำพักน้ำแรงของอ้นเลยนะเนี่ย”
“ฟังอย่างนี้แล้วยิ่งไม่อยากได้ใหญ่”
ผมทำหน้าอย่างที่พูดจริงๆครับ

“แพงขนาดนี้เก็บตังค์ไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ”
ไอ้ตี๋ได้ยินผมพูดอย่างนั้นเลยดึงตัวผมเข้าไปกอดซะแน่นแล้วลูบแก้มผมไปมา

พออ้นทำอย่างนี้ผมก็เริ่มใจอ่อนเพราะถ้าไอ้ตี๋แสดงปฏิกิริยาประมาณนี้ก็แสดงว่าหมอเริ่มอ่อนไหวอ่ะครับ
คงไม่สบายใจที่ผมพูดให้หมอรู้สึกไม่ดีอะไรประมาณนั้น

“อย่าคิดมากดิ๊...การที่อ้นซื้อของขวัญให้แฟนมันผิดตรงไหนอ่ะ”
“ก็มันแพงนี่นา”

ผมยังทำสีหน้าลำบากใจไม่หาย แต่ก็พยายามพูดให้น้อยลงอ่ะครับ
เพราะรู้นิสัยอ้นดีว่าถ้าพูดมากไปหมอจะงอนผมเอาได้ เพราะไอ้ตี๋น่ะมันไม่ค่อยงอนผมหรอกครับ
แต่ถ้าได้งอนเมื่อไหร่บอกตามตรงว่าง้อยากซะด้วยดิ

“ก็ที่อ้นซื้อให้ก็เพราะเวลาวินฟังเพลงอยู่วินจะได้คิดถึงอ้นไปด้วยงัย...”
เสียงหล่อๆเท่ห์ๆ ของไอ้ตี๋กรอกอยู่ข้างหูผม ยิ่งฟังก็ยิ่งใจอ่อนอ่ะครับยังกะว่า
ไอ้ตี๋มันมีมนต์สะกดผมได้งั้นแหละเล่นเอาผมนิ่งณ จังงังซะได้

“จะได้รู้สึกเหมือนกับว่าอ้นอยู่ข้างๆวินด้วยงัย ดีทั้งคนให้และคนรับ วินยิ่งสมควรรับรู้ป่าว”
ฟังๆไปแล้วเหตุผลหมอก็เข้าทีดีแฮะ อ๊ะๆๆ รับก็ได้จะได้ไม่เสียน้ำใจคนให้ 5555

“ก้อด้าย...แต่คราวหลังจะซื้ออะไรแพงๆ ให้อีกต้องถามก่อนนะ”
ผมจิ้มที่ปากสีสดได้รูปของไอ้ตี๋อ้นที่มีไรหนวดบางๆทำให้ชวนมอง

เป็นเพราะอ้นไม่ยอมโกนทิ้งอย่างที่ผมขอร้องเพราะผมบอกแล้วว่าไอ้ตี๋น่ะมีเสน่ห์ที่ไรหนวด
เห็นแล้วน่ารักน่าหยิกเป็นที่สุดอ่ะ
ก็ที่หลงรักอ้นตั้งแต่ตอนเรียนป.4 ก็เพราะไรหนวดอ่อนๆ นี่แหละจะบอกให้ 5555

“ครับผม...รู้แล้วคร้าบ!”

ไอ้ตี๋ทำหน้าอ้อล้ออ่ะครับเห็นแล้วน่าหยิก น่ากัดเป็นที่สุดอ่ะแฟนใครก็ไม่รู้ อิอิอิ
ก็ผมไม่ได้ใกล้ชิดแฟนผมตั้งนานนี่ครับ

พอมาอยู่ด้วยกันตามลำพังโดยไร้เหล่ามารมาขวางคอย่างนี้ผมเลยรู้สึกปลื้มสุดๆ
พอหมอเผลอเลยแอบหอมแก้มไอ้ตี๋ไปทีนึงเป็นการแก้แค้นเฮ้อ! ชื่นใจจัง
แต่ผมว่าไอ้ตี๋ไม่ได้กลัวซักกะนิดดูแล้วออกจะชอบเสียมากกว่านะ เห็นยิ้มร่าเลยครับ ดูดิ

“หอมอ้นมากๆ ระวังน้า...อ้นจะเอาคืน บอกก่อนนะว่าจะทำมากกว่าหอมอีก”
ไอ้ตี๋ยักคิ้วยิกๆ แบบกวนๆ ตาตี่นิดๆ ดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันทีทันใด

“บ้า!...ฟังเพลงไปเลยคนเรา”

ผมยกหูฟังอีกข้างให้ไอ้ตี๋อ้นอ้นก็ยิ้มขำๆ ที่ทำผมเขินได้แล้วหมอก็สวมเข้าที่หู
แล้วเช้าวันนั้นผมกับอ้นเลยได้ฟังเพลงจากเครื่องเล่น MP3 พกพา
ที่ไอ้ตี๋ซื้อเป็นของขวัญโดยเสียบหูฟังคนละข้างกับไอ้ตี๋

เพลงงี้โคดเพราะอ่ะ เป็นเพลงสากลที่กำลังดังในตอนนั้นเพราะไอ้ตี๋รู้ว่าผมชอบฟังเพลงสากล
เลยโหลดมาซะเต็มความจุเลยครับ

พักนึงผมก็เกิดนึกขึ้นมาได้ว่าเตรียมของขวัญมาให้ไอ้ตี๋เหมือนกัน
เลยรื้อกระเป๋าเป็นพัลวันจนเจอของขวัญที่อุตส่าห์เตรียมมาตั้งแต่อยู่เชียงใหม่ออกมาฝากไอ้ตี๋

“เอ้า...หวัดดีปีใหม่เหมือนกัน”
อ้นมองกล่องของขวัญยิ้มๆตาจ้องอยู่ที่กล่องของขวัญกล่องน้อยแล้วรับไป

“ขอบคุณคร้าบ”
ว่าแล้วไอ้ตี๋ก็ใจร้อนแกะกล่องของขวัญที่ผมให้ออกดูทำหน้าทำตายังกะเด็กได้ของขวัญแน่ะครับ
แต่ก็น่ารักของหมออ่ะนะก็ไอ้ตี๋ของผมน่ะ

ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็เท่ห์ชวนมองโคดๆอ่ะ ว่าไปนั่น 5555
พอหมอเห็นของขวัญที่ผมให้ไอ้ตี๋ก็ยิ้มแฉ่งหน้าบาน

“โอ้โห! ดูดิ...ว้าวๆๆ”

ร้องซะยังกะว่าเป็นของดิบของดีอะไรนักหนาอ่ะครับทั้งๆ ที่เป็นแค่เสื้อยืดสองสัว
สีขาวตัว สีดำตัว แค่นั้นเอง แถมราคาค่างวดก็เทียบกับที่ไอ้ตี๋ซื้อให้ก็ไม่ได้
แต่เห็นหน้าไอ้ตี๋แล้วทำยังกะว่าถูกอกถูกใจเป็นนักหนา

“ชอบจังเลยอ่ะวิน สีขาวกับดำอ้นชอบ ลายก็เท่ห์ดีด้วย...วินเก่งจังรู้ใจอ้นที่สุดเลยรู้ป่าว...ว่าอ้นชอบเสื้อแบบไหน”
ว่าแล้วอ้นก็ถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออกแล้วลองสวมเสื้อยืดตัวที่ผมซื้อให้ใหม่ทันที
ว่ามั๊ยล่ะครับทำยังกะเด็กได้เสื้อผ้าใหม่ๆแน่ะ 5555

แต่เห็นอ้นชอบอย่างนี้ทำเอาผมปลื้มมากๆ เลยอ่ะครับ

“ชอบขนาดนั้นเชียว”
ไอ้ตี๋พยักหน้าหงึกๆ แทนคำตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างตาตี่เลย

หมอลองเสื้อสลับกันไปมาระหว่างสีขาวกับดำ คนขาวๆ รูปร่างดีอย่างอ้นใส่ขาวก็ดูสะอาดตา
ใส่ดำก็ดูเท่ห์เฮ้อ!ดีจังครับที่ไอ้ตี๋ชอบ

พอลองเสื้อจนพอใจหมอก็ขอใส่เสื้อสีขาวตัวนั้นตลอดวันเลยครับ
และพอตอนสายๆผมกับอ้นก็เข้ามาในตัวเมืองเพื่อหาพวกไอ้อี้ ไอ้ซัน
ไปหาพวกมันที่บ้านนอกเมืองก็ไม่อยู่เลยขับไปหาไอ้ซันที่บ้านในเมืองก็ไม่เจอ

ไปหาไอ้อี้ที่บ้านก็ไม่เจออีก จนขี้เกียจจะตามหาพวกมันแล้วอ่ะครับ
อ้นเลยชวนขับรถกินลมโดยอ้นขับรถพาผมไปเที่ยวไกลถึงอำเภออื่นเลยครับ

ทิวทัศน์สองข้างทางก็ตามประสาชนบทอ่ะครับ
ได้เห็นท้องนาป่าไม้ สลับกับหมู่บ้านตามชนบท ล้วนน่ามอง
บรรยากาศตอนปลายปีอากาศเย็นกำลังดีแม้ว่าจะเป็นช่วงสายๆลมก็พัดเย็นสบายๆ

เราสองคนเห็นอะไรสวยๆแปลกๆ ก็ชี้ชวนกันดูได้ตลอด รู้สึกสุขใจเป็นที่สุดจริงๆ ครับ
ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มานั่งรถเก๋งโก้ๆของไอ้ตี๋ ได้ขับไปไหนต่อไหน
ก็แต่ก่อนแค่ได้ซ้อนมอไซค์ไอ้ตี๋ผมก็ปลื้มสุดๆแล้วนี่ครับ

แล้วเราก็กลับไปนอนพักผ่อนกันที่บ้านผมพอตื่นขึ้นมาถึงได้ลืมไปว่าลืมมือถือไว้ที่กระเป๋าเสื้อผ้าทั้งของผม
กับของไอ้ตี๋พอเปิดดูก็เห็นมีสายโทรเข้าเป็นสิบๆ สายเลยครับ
แล้วยังข้อความอีกเป็นสิบพอกันผมเห็นแล้วก็ยิ้มแหยๆ กับอ้นสองคน
เพราะรายชื่อที่โทรมาล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนผู้ประเสริฐทั้งนั้น 5555

ทั้งไอ้ซันไอ้อี้ ไอ้เหม ไอ้ถึกเข้ม ไอ้ทิน ไอ้น็อต
นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเบอร์ของไอ้จอมไอ้โหน่ง ไอ้ป๋อนก็โทรมาด้วย
นี่พวกมันจะโทรหาสวรรค์วิมานกันรึไงว่ะผมคิด แม่งโทรกันชิบหายวายป่วงซะขนาดนี้
พอเปิดดูเครื่องของอ้นก็มีสายโทรเข้าร่วมสิบกว่าสายพอกัน

“เบอร์พวกไอ้ซันทั้งนั้นเลยอ่ะเอ๊ะ! มีเบอร์เชี่ยบอลกับเชี่ยโอด้วย”
อ้นพูดยิ้มๆแล้วอ้นเลยขอตัวไปโทรหาเพื่อน
ระหว่างนั้นผมก็อ่านข้อความที่พวกไอ้อี้ไอ้ซันส่งมา บอกได้คำเดียวว่าฮาอ่ะครับ

“สาดวินหายหัวไปไหนของมึงวะพวกกูตามหาซะทั่วเลยมึง ตายห่ายังเนี่ย เจอตัวเมื่อไหร่เป็นโดนเตะแน่!”
ไหนจะจากไอ้ซันอีก

“เชิญเสด็จมาหาพวกกูในเมืองด่วนๆๆ  ไม่งั้นมึงโดนปรับเละ! กูเตือนมึงแล้ว”
ไอ้เตี้ยเหมก็อีก

“เชี่ยวินกลับบ้านหรือตายคาบ้านวะสาด ถ้าไม่รีบมากูจะแช่งให้มึงอด...(คิดเอาเอง) เร็วๆนะโว้ยเข้ามา บัดนาวเลยสาด”
ไอ้ถึกก็เอากับพวกนั้นด้วย แต่เป็นคำสั้นๆแต่ได้ใจความตามประสามันอ่ะครับ

“หายหัวไปไหนวะสาด”
ผมอ่านแล้วก็ทั้งงงทั้งขำอ่ะครับก็ผมกับอ้นก็ขับรถตามหาพวกมันให้ควั่กเหมือนกัน
เอ...หรือว่าคลาดกันไปคลากันมา น่าจะเป็นอย่างนั้นแน่ๆ

ไม่งั้นพวกมันคงไม่ตามหากันให้วุ่นอย่างนี้แน่ๆ
พออ้นคุยกับเพื่อนเสร็จก็ได้ข้อตกลงว่าคืนนี้อ้นต้องไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆที่เทค
กับก๊วนเพื่อนของหมออ่ะครับไอ้ตี๋ทำหน้าเกรงๆ ผมอ่ะครับ คงกลัวว่าผมจะงอนอ่ะนะ

“ก็ไปดี๊ใครว่าไรล่ะ...นานๆ ได้เจอเพื่อนซะที คงมีเรื่องคุยกันเยอะแน่ๆ”
ไอ้ตี๋ยิ้มตาตี่ท่าทางจะดีใจไม่น้อย แหมทำยังกะว่าผมเป็นแฟนที่ใจร้ายอ่ะครับ

“เอหรือว่าจะไม่ให้ไปดีน๊า!”

ผมทำหน้าคิดๆไอ้ตี๋รู้ว่าผมแกล้งก็เลยดึงผมเข้าไปกอดพร้อมหอมแก้มผมหลายฟอด
ดีนะที่อยู่ในห้องกันสองต่อสองไม่งั้นได้ฟ้าผ่าตายเลย 5555
ผมกลัวน้อยหน้าเลยดึงหน้าไอ้ตี๋มาจูบปากกันแสนดูดดื่มพร้อมกับกอดกันกลมดิ๊ก

“แต่อนุญาตให้แค่วันเดียวนะพรุ่งนี้วันสิ้นปีต้องไปกินเลี้ยงด้วยกันรู้ป่าว”
“รู้แล้วคร้าบ!”

ไอ้ตี๋ยิ้มร่าแล้วดึงผมเข้าไปกอดจนไปกองกันอยู่ที่นอนแล้วเราสองคนก็กอดกันกลมกลิ้งกันไปมา
บนที่นอนเล่นกันยังกะเด็กๆ อ่ะครับ ขี้เล่นเป็นที่สุดอ่ะครับแฟนผม
แต่เป็นขี้เล่นที่ทั้งเท่ห์ทั้งน่ารักอ่ะครับ อิอิอิอิ

พอตอนเย็นๆ อ้นก็ขับรถไปส่งผมที่บ้านไอ้ซันที่ถนนเลี่ยงเมือง
พอเจอหน้าพวกเพื่อนบังเกิดเกล้าทั้งหลายผมก็โดนสวดภาณยักษ์! ไปเลยครับ
หาว่าผมหายตัวมั่งล่ะหลบหน้าพวกมันมั่งล่ะ จนหูผมแทบแตกแน่ะ
อ้นเห็นผมโดนขนาดนั้นกลับหัวเราะอย่างขำๆ ไม่ได้คิดช่วยกันเล้ย!

แล้วอ้นก็อยู่สังสรรค์กับพวกผมอีกแป๊บนึงจนเกือบจะหกโมงเย็นแล้วนั่นแหละ
ไอ้ตี๋จึงขอตัวไปหาพวกนายบอล นายโอ เพราะนัดกันไว้ที่สวนอาหาร

ว่าไม่ได้นี่ครับก็ก๊วนนี้เขารวยกันทุกคน
ตอนผมไปส่งอ้นที่รถไอ้ตี๋ก็ออกปากชวนผมให้ไปเที่ยวด้วยกัน

“ไปกะอ้นป่าว”
“ว้า...คงไม่ได้หรอกต้องอยู่กับพวกเพื่อนๆ อ่ะ”

ผมหันไปมองบรรดาเพื่อนๆ ของผมที่จัดการเลี้ยงฉลองกันอยู่หน้าบ้าน
สนุกสนานกันอยู่เต็มลานหญ้าหน้าบ้าน ลำโพงเครื่องเสียง คาราโอเกะ มิกเซ่อร์พร้อม!

เสียงเพลงเสียงคนตะโกนร้องบรรยากาศดูคึกคักครื้นเครงสุดๆ ตามประสางานสังสรรค์ของเพื่อนสนิท
ไอ้ตี๋เห็นสีหน้าผมดูลำบากใจก็เข้าใจอ่ะครับ

“เอาน่า...ไม่ต้องคิดมากหรอกปีใหม่เหลืออีกตั้งหลายวัน ยังงัยพรุ่งนี้อ้นก็ต้องมากินเลี้ยงกับพวกวินอยู่แล้ว”
“นั่นดิ...”
ผมตอบด้วยความสบายใจขึ้นเยอะ

“งัยก็...ขับรถระวังๆหน่อยแล้วกันช่วงเทศกาลรถยิ่งเยอะอยู่ด้วย”
“คร้าบผม!”

ไอ้ตี๋ตอบยิ้มๆ ส่งตาหวานก่อนที่จะขับรถออกไป
แต่ถึงอย่างนั้นพอเห็นอ้นขับรถออกไปผมก็อดใจหายไม่ได้เหมือนกันนะ

ใจน่ะอยากดอดตามอ้นไปด้วยใจจะขาด เพราะนานเหลือเกินที่ผมกับอ้นจะได้เจอกัน
เลยอยากใช้วันเวลาที่มีอยู่อย่างน้อยนิดอยู่ด้วยกันให้คุ้มค่าที่สุด

แต่ครั้นจะทิ้งพวกไอ้อี้ไอ้ซัน กับคนอื่นๆ แล้วดอดไปเที่ยวกับอ้นผมก็คงรู้สึกแย่เอามากๆ
เพราะเพื่อนผมก็ซี้ๆ กันทั้งนั้น อย่างพวกไอ้ซันไอ้เหม กว่าจะมาเห็นหน้าเห็นตากันก็เกือบปี
เลยตัดใจเลือกเพื่อนแทนไอ้ตี๋อ่ะครับ ก็เหมือนอย่างที่หมอบอก

“หยุดปีใหม่ตั้งหลายวัน” ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกเยอะ
ถึงแม้ว่ามันจะน้อยแค่เราคิดว่าเยอะมันก็ต้องเยอะซิน่า ว่าป่ะ
พอผมกลับเข้าไปในวงสังสรรค์ผมก็โดนปรับเละเลยครับ

ไม่ใช่ปรับเงินนะครับแต่พวกมันดันจะมอมเหล้าผมครับ แม่งเล่นให้ผมกรอกแบบเพียวๆ ออนเดอะร็อคซะงั้น
แค่แก้วเดียวผมก็รู้สึกแสบท้องยังกะแดกน้ำกรดแล้วครับ

ก็ผมน่ะไม่ใช่คอเหล้านี่ครับดื่มได้แต่นิดหน่อย
ส่วนใหญ่จะชอบเบียร์ซะมากกว่าเพราะรสของเบียร์มันนุ่มลิ้น และไม่บาดคอมาก
ดีหน่อยที่ไอ้ซันมันรู้ว่าผมกินเหล้าได้ไม่มากเลยช่วยกันเพื่อนๆไม่ให้แกล้งผม
ไอ้อี้ที่หาทางแกล้งผมอยู่ตลอดเวลามันเลยกระซิบที่หูผมเบาๆ

“สาดวิน...ถือว่ามึงโชคดีไปแต่คืนนี้ระวังตัวไว้เพราะมึงเสร็จกูแน่ 5555”

ผมฟังมันพูดแล้วก็รู้สึกกระดี๊กระด๊าอ่ะครับไม่ได้รู้สึกกลัวมันซักกะนิด
(เพราะพอเอาเข้าจริงๆมันก็ไม่ได้ทำอะไรผมอย่างปากว่า ก็เมาซะขนาดนั้นนี่ครับ)

ส่วนบรรดาเพื่อนๆผม ส่วนไอ้จอม ไอ้โหน่ง แล้วก็ไอ้ป๋อนก็ดูสนุกสนานกลืนไปกับเพื่อนๆผมได้อย่างลงตัว
ดูๆไปแต่ละคนก็เริ่มจะตึงๆ กันแล้วทั้งนั้น บ้างก็ลุกไปเต้นแย่กๆ เหมือนกิ้งกือโดนน้ำร้อนลวกบ้างก็เคาะขวดเคร้งคร้างชวนหนวกหู
บ้างก็ร้องประสานเสียงจนระคายหูแต่ถึงอย่างนั้นก็ได้บรรยากาศดีครับ
เพราะเพื่อนๆกันทั้งไม่ได้คิดไรมากมาย

ยิ่งไม่ได้เจอกันนานๆอย่างนี้พอมาเจอกันทีเลยขอสนุกๆ กันแบบเต็มที่กันไปเลย
ยิ่งดึกก็ยิ่งคึกคักกันเป็นพิเศษผมก็เริ่มมึนๆ ตึงๆ แล้วเหมือนกัน
ถูกเพื่อนคนนั้นลากไปทีจูงไปทีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้มารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว
พอตื่นมาก็มานอนอยู่ที่เตียงไอ้ซันที่ห้องของมันได้ไงก็ไม่รู้

“ใครเอากูขึ้นมานอนที่ห้องไอ้ซันวะ?”

ผมคิดในใจเพราะแต่ละคนก็เมาๆ ด้วยกันทั้งนั้น พอหันไปมองที่ข้างๆตัวก็ให้รู้สึกปลื้มใจสุดๆ อ่ะครับ
ก็คนที่นอนอยู่ข้างๆผม หน้าตาหล่อตี๋น่าดม หน้าใสกิ๊ก ผิวเนียนๆ น่าลูบ
กับไรขนอ่อนๆที่ริมฝีปากนั่น เห็นทีไรรู้สึกสดชื่นทุกที ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับก็ไอ้ตี๋อ้นแฟนผมนั่นไงครับ

ตอนนี้ไอ้ตี๋อ้นนอนหลับสบายหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจ
ตอนหมอหลับโคตรหน้าเด็กอ่ะครับยังกะเด็กนอนหลับแน่ะ อิอิอิ

ไปอยู่กรุงเทพตั้งเกือบปีอ้นก็ยิ่งดูขาว ผิวใส กว่าตอนอยู่ต่างจังหวัดอีก
ผมเอาหลังมือลูบไล้ไปมาที่แก้มอ้นแล้วก็ริมฝีปากสีสดที่หนาได้รูป รู่สึกอุ่นๆ และนุ่มมือดี

ผมกำลังกวนไอ้ตี๋อ้นไปโดยไม่ได้สนใจใคร จนมีใครคนนึงละเมออู้อี้ๆฟังไม่ได้ศัพท์นั่นแหละ
ผมถึงได้รู้สึกตัวว่ายังมีเพื่อนๆอีกหลายคนนอนอยู่ในห้องด้วย

ทั้งไอ้ป๋อนไอ้โหน่ง แล้วก็ไอ้น็อต ขาตด!
แล้วผมก็ปลุกไอ้ตี๋ให้ตื่นเพื่อจะได้คุยกันพอไอ้ตี๋ถูกปลุกก็ดูสะลึมสะลือ
เห็นแล้วน่าสงสารอ่ะครับนึกๆ ดูแล้วผมนี่ก็แย่จัง

“ว่างายคร้าบ!”
ไอ้ตี๋ลุกขึ้นนอนเอียงข้างยิ้มแฉ่งให้ผมผมก็เข้าไปลูบแก้มหมออย่างเอ็นดู

“กลับมาตั้งกะเมื่อไหร่อ่ะ”
“ก็มาทันเห็นวินเมาแล้วกัน 5555”
พูดไปไอ้ตี๋ก็ยิ้มอย่างขำๆอ่ะครับ

“บ้าเหรอ! ใครเมากัน”
ผมทำหน้าปั้นปึ่งก็แหมมีคนมารู้ มาเห็น ผมตอนน่าเกลียดแบบนั้น
ใครจะไม่อายยิ่งเป็นไอ้ตี๋แฟนผมด้วยแล้ว ผมล่ะอายโคดๆ อ่ะ

“ไม่เห็นเป็นไรเลยน่ารักดีออก”
ไอ้ตี๋พูดยิ้มๆตาหยีมองมาจนผมยิ่งเขินอ่ะครับ

“แต่วินน่ะเห็นตัวเล็กๆอย่างนี้ กว่าจะแบกขึ้นมาได้หนักเป็นบ้าแน่ะ!”
“อ้อ...”
“อ้ออะไร”
“ก็นึกออกแล้วอ่ะดิว่าใครพาขึ้นมานอนข้างบน”
“ก็ถ้าที่งานเลี้ยงไม่เกิดเรื่องขึ้นมาซะก่อนวินก็คงนอนอยู่หน้าลานหญ้าหน้าบ้านนั่นแหละ”
“แล้วเรื่องอะไรอ่ะ”

ผมลุกขึ้นนั่งอย่างสู่รู้แล้วอ้นก็เล่าให้ฟังว่ากิ๊กนายโอมาหานายโอที่งานเลี้ยง
ทั้งๆที่แฟนตัวจริงนายโอก็อยู่ด้วย เรื่องก็เลยเกิด เกิดศึกแย่งผู้ชายกันกลางงานงัย5555

กว่าจะเคลียร์กันเสร็จสรรพบรรดาเพื่อนๆของอ้นก็หืดขึ้นคอ งานเลี้ยงปีใหม่ของก๊วนไอ้ตี๋เลยจบกันแบบไม่สวย
อ้นเลยบ่ายหน้ามาหาผมที่งานเลยได้ทันเห็นผมเมาคอพับคออ่อน

แล้วก็หลับไปที่ลานหน้าบ้านนั่นแหละครับไอ้ตี๋เลยพาผมมานอนที่ห้องอย่างที่เห็นนี่แหละ เฮ้อ!
แฟนใครก็ไม่รู้น่ารักได้ตลอดศก จริงๆ อิอิอิอิ

เรานอนคุยกันอย่างมีความสุขโดยไม่ได้สนใจเพื่อนๆคนอื่นๆ เลย
เพราะแต่ละคนก็เมาหลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย

ยิ่งตอนที่ผมกับอ้นลงมาข้างล่างยิ่งโคดขำก๊ากไปเลยอ่ะครับ
ก็พวกไอ้อี้ไอ้ซันดิครับมันนอนออกันเต็มชั้นล่างไปหมด
สภาพแต่ละคนนั้นดูไม่จืดอ่ะครับ

ไอ้อี้ก็หัวหนุนขาไอ้ซันกรนเบาๆคร่อกฟี้ๆ ตามประสามัน
ส่วนไอ้ซันก็เอาซุกอยู่กับจักกะแร้ของไอ้เหมมันนี่ถ้ามันตื่นขึ้นมาผมว่ามันคงต้องสระผมเป็นการใหญ่แน่ๆ 5555
นึกขึ้นมาแล้วขำอ่ะ

ส่วนไอ้จอมซี้ไอ้อี้ก็นอนคว่ำหน้าตูดโด่งดูตลกไม่แพ้กัน
ด้านไอ้ถึกเข้มก็นอนหงายอ้าซ่าปากหวอดีนะที่แมงวันไม่บินเข้าปากมัน 5555

แม่งเอ๊ย! ขาไปทาง แขนไปทาง แล้วไหนจะไอ้สินอีก
เฮ้อ! แต่ละคนท่าทางจะเมาหนักอย่างที่อ้นเล่าให้ฟัง
“แล้วไอ้สามตัวนั่นขึ้นไปนอนข้างบนได้ไงอ่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกันพออ้นมาถึงสามคนนั้นก็นอนอยู่ก่อนแล้วนะ”
“เหรอๆ”

ผมพยักหน้าอย่างรับรู้เออสงสัยพวกมันคงจะขึ้นมานอนอยู่ก่อนแล้วแน่ๆ
เพราะผมก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าใครจะไปจะมา
แล้วผมก็ชวนอ้นขับรถไปในเมืองหาซื้ออะไรมาให้พวกมันกิน
อากาศตอน 6 โมงเช้าเย็นยะเยือก หมอกลงจางๆ ลอยอ้อยอิ่ง

นับเป็นภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆเท่าไหร่นักเพราะส่วนมากจะคุ้นกับอากาศร้อนจัด แล้วก็ฝนตกมากกว่า
พอไปถึงตลาดเราได้กับข้าวหลายอย่างทั้งผลไม้ แล้วก็ขนม
จนคิดว่าน่าจะพอสำหรับ 10 กว่าชีวิตแน่ๆ เลยขับรถกลับไปบ้านไอ้ซัน

ตลอดทางชาวบ้านต่างก็ออกมาทำกิจกรรมตามปกติควันไฟที่เกิดจาการหุงหาอาหารเห็นได้อย่างชัดเจน ผู้คนก็หน้าตาสดชื่นต้อนรับปีใหม่
พระก็ออกบิณฑบาตเห็นชาวบ้านใส่บาตรกันเป็นระยะๆ
ผมเลยนึกไอเดียอันบรรเจิดออก ทั้งกับข้าว ขนมนมเนย และผลไม้ก็มีพร้อม! นี่นา

“ใส่บาตรกันป่ะ”
ผมถามอ้นขึ้นมาดื้อๆ อ้นมองผมยิ้มๆ เหมือนไม่คิดว่าผมจะชวนทำกิจกรรมอย่างนี้มั๊ง
จนผมมองค้อนๆ นั่นแหละครับ ไอ้ตี๋ถึงได้รู้สึกตัว

“ไม่ได้มีอะไร แค่ไม่คิดว่าวินจะชวนอ้นใส่บาตรเท่านั้นเอง”
“พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็สวยหรอก แม่เราน่ะเลี้ยงมาดีนะจะบอกให้สอนให้ทำบุญเป็นประจำ”
“อุ๊บ! 5555 วินพอเหอะๆ 5555”

แล้วไอ้ตี๋ก็หัวเราะซะขนาดหนักเหมือนจะขำเสียเต็มประดา
มานั่งนึกดูว่ากูน่าขำตรงไหนวะ ผมเกาหัวแกรกๆ

แต่กลัวว่าพระท่านจะบิณฑบาตเสร็จซะก่อนเลยไม่ได้ต่อปากต่อคำกับไอ้ตี๋ต่อ
และแล้วเช้าของวันที่ 1 มกราคม ของปีนั้น ผมก็ได้ทำบุญอย่างไม่ได้ตั้งใจกับไอ้ตี๋
อย่างนี้สินะ ที่เขาบอกว่า “ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่ออ่ะครับเพราะจนป่านนี้ผมกับไอ้ตี๋ก็ยังรักกันดีอยู่
พอพระท่านพรแล้วนั่นแหละเราถึงได้ก้มกราบด้วยความรู้สึกปลื้มปิติอย่างน่าประหลาด

“รู้สึกดีเนอะ”
ไอ้ตี๋พูดยิ้มๆ
“อื้อ!”
“ดีจังเนอะที่วันนี้ได้ทำบุญต้อนรับปีใหม่” อ้นพูดยิ้มๆ

ผมมองไอ้ตี๋ด้วยสีหน้าระรื่นเห็นหมอมีความสุขผมก็สุขไปด้วยอ่ะครับ
และกว่าจะกลับกันพวกเราก็ได้ทำกิจกรรมดีๆ ร่วมกันอีกเยอะ ทั้งไปปล่อยปลาไปไถ่ชีวิตโค
ไปเที่ยวบ้านไอ้ถึกเข้ม
ที่เด็ดสุดก็ตอนไปจับปลาที่สระที่นาของไอ้ถึกเข้มมันอ่ะครับ

คนอิสานจะนิยมจับปลาในสระกันหน้าแล้งยิ่งช่วงปีใหม่นี่ฮิตกันเลยก็ว่าได้
เพราะจะได้จับไปขายด้วยโดยการสูบน้ำออกจากสระ แล้วพอน้ำลดก็ลงแขกกันจับปลากันอย่างมันมือ
(เสียดายคราวนี้ไม่มีเรื่องมันๆ เหมือนตอนไปลงแขกเกี่ยวข้าว 5555)

แต่ละคนนั้นคลุกโคลนหน้าตาดูไม่ได้อ่ะครับ 5555
อย่างไอ้อี้ ไอ้ซัน ไอ้เหม นี่จับปลาไป ก็แกล้งกันได้ตลอด
ทั้งพวกเพื่อนๆ ของอ้น อย่างนายบอล นายโอ นายมาร์ค นายต้น และนายเป้
ก็เอากะเขาด้วยเลยได้เห็นภาพหนุ่มๆ ลูกชายเจ้าสัวมาจับปลาก็ปีนั้น 5555

และทีนี้ก็เป็นทีของไอ้อี้เอาคืนไอ้เหมมั่งโดยไอ้อี้แกล้งจับสายบัวที่ดำๆดูคล้ายงูน้ำ
แล้วเอาไปพาดที่คอไอ้เหม

“งูๆๆๆ อี๊!”

ไอ้อี้แหกปากร้องเหมือนว่าเป็นงูจริงๆ
เล่นเอาไอ้เตี้ยเหมเต้นเป็นเจ้าเข้าครับ แล้วมันก็ร้องโวยวายโหวกเหวก เห็นแล้วก็นึกถึงคำว่า

กงกรรม กงเกวียน!  ขึ้นมาไม่ได้

ก็มันเคยแกล้งไอ้อี้เอาไว้โดนเอาคืนมั่งก็สาสมอ่ะครับ ก็เป็นทีสนุกสนานกันไป
แต่ปีนั้นก็สนุกกันจริงๆครับ เพราะเมื่อเพื่อนๆ มารวมตัวกันมันเลยสนุกกันตามประสาเพื่อนสนิท  

ส่วนผมกับอ้นก็ได้อยู่ด้วยกันตลอดตั้งแต่เช้ายันตอนนอน จนแทบหายคิดถึงไปเลยอ่ะครับ
และปีใหม่ปีนั้นก็ประทับใจผมและคนอื่นๆ แบบไม่รู้ลืมเลยล่ะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น