วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 67 แอ่วดอยปุยไปดูดอกนางพญาเสือโคร่ง แต่ดันไปเจอดอกเห็ด!

ผ่านปีใหม่มาได้ไม่นานก็ถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ อีกแระอารมณ์ในตอนนั้นเป็นไงไม่รู้ผมเลยนึกๆ
อยากเที่ยวดงดอยขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ จึงชวนไอ้อี้ให้มันพาไปเที่ยวดอยปุยเพราะเห็นทางเวปไซต์ว่าน่าสนใจที่

"ดอกนางพญาเสือโคร่ง"

สีสวยนี่แหละ แต่มันก็ดันติดธุระซะนี่ ผมล่ะโคตรเซ็งอ่ะ! เรารึอุตส่าห์อยากหาเหตุให้มันพาเที่ยวซะหน่อย
แต่คนอย่างผมก็รู้ๆกันอยู่ว่าเมื่อตกลงอยากทำอะไรแล้ว มีรึจะจนด้วยเกล้าและเลิกความคิดนั้นง่ายๆ
เพราะคนที่พอจะพึ่งพาได้นั้นก็มีอยู่มิใช่น้อย ก็อย่างพวกไอ้นิวไอ้โดโด้ นั่นไง

เพราะถึงแม้ว่ามันจะไม่อยากไปยังไงถ้าลองผมใช้ไม้แข็ง ทั้งขู่ ทั้งปลอบ พวกมันก็คงจะไม่กล้าขัดแน่ๆ
คิดได้ดังนั้นเลยออกปากชวนพวกมันในตอนเช้าของวันศุกร์ แต่พอเอาเข้าจริงๆดันไม่เป็นอย่างที่คิดซะนี่
เพราะไอ้โดโด้กับไอ้ท็อปดันติดนัดแฟนมัน ครั้นพอผมพูดว่า

“มึงก็ชวนน้องมันไปเที่ยวดอยปุยด้วยดิสาด”
ไอ้โดโด้ก็ตอบแทนแฟนสาวของมันว่า

“โอ้ย!น้องเขาไม่ชอบเที่ยวดอยโว้ย แต่น้องเขาชอบทะเลมากกว่า”
ดูมันๆผมรู้สึกขัดใจสุดๆ อ่ะ แต่ก็หาเหตุที่จะดึงดันไอ้โดโด้กับไอ้ท็อบต่อไม่ได้
ก็เข้าใจครับคนเรามันก็อยากมีเวลาอยู่กับฟงกับแฟนมันมั่ง
ขนาดผมยังอยากให้อ้นมาอยู่ใกล้ๆ เลยนี่นา เลยไม่ได้โกรธพวกมันสองตัว
ดีหน่อยที่ยังเหลือไอ้นิวกับไอ้นาย ซึ่งเจ้าสองคนนี่โดนผมบังคับซะอยู่หมัด 5555

แต่จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนักเพราะไอ้นิวน่ะ
ขืนปล่อยมันไว้บ้านในวันหยุดเสาร์อาทิตย์อย่างนี้มันก็คงจะเอาแต่นอนอ่านหนังสือกาตูนไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ
ส่วนไอ้นายนี่ถึงจะเข้าทีกว่าเพื่อนคนไหนของผมเพราะถึงมันจะหนอนหนังสือยังไง

แต่มันก็ชอบท่องเที่ยวไม่แตกต่างจากผมแถมยังรู้จักแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าใครเพื่อนซะอีก
อีกอย่างก็ช่วยไม่ได้นี่เนาะก็พวกมันไม่อยากจะรีบหาแฟนเหมือนไอ้สองตัวนั่นทำไมว่าป่ะ5555
พอถึงวันเดินทางผมก็ลากพวกมันขึ้นดอยกันตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่เลยด้วยซ้ำ
เพราะใจอยากไปดู

ดอกนางพระญาเสือโคร่ง ไวไว ไงครับ

เพราะนี่ก็เป็นช่วงที่ดอกนางพระญาเสือโคร่งกำลังบานสวยได้ที่พอดีขืนไปช้ากว่านี้เป็นเฉาหมดแน่ๆ
เล่นเอาไอ้นิว กับไอ้นายบ่นกระปอดกระแปดได้ตลอดทาง
ทั้งๆ  ที่ผมเองนั้นก็ไม่ใช่คนนอนตื่นเช้านะ แต่น่าแปลกใจที่เช้าวันนั้นผมสามารถตื่นเช้าได้อย่างที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้
จนไอ้สองคนนั่นก็อดแปลกใจไม่ได้

“อยากจะแอ่ว... แต่ต้องมาลำบากเพื่อนเนาะคิง(มึง)เนาะ”

ไอ้นิวบ่นผมไม่หยุดปากแต่ให้มันบ่นไปเหอะครับแค่มันตามผมมาผมก็ดีใจสุดๆแล้วล่ะ
ก็แหม...ได้มาเที่ยวกับไอ้เพื่อนหน้าตาดีๆอย่างมัน อย่างน้อยก็ชุ่มชื่นหัวใจดีพิลึกนักล่ะว่าป่ะ 5555
ส่วนไอ้นายมันก็เป็นคลังความรู้ในทุกๆเรื่องเลยก็ว่าได้ไม่ว่าผมจะคุยถึงเรื่องสถานที่พันธ์พืช พันธ์ไม้ อะไรต่อมิอะไรมันรู้หมด
ทำให้คุยกันได้ไม่มีเบื่อ

คิง(มึง)นี่เป็นเอามากเน้อไอ่วิน... ซอบแอ่วขนาด”
ไอ้นิวกัดผมไม่หยุดปากทั้งๆ ที่แต่ก่อนมันไม่ใช่คนพูดมากนะ แต่ทำมัยวันนี้มันขี้บ่นจังวะ

“เอาน่ามาแอ่วทั้งทีบ่นมากๆ บ่ม่วนเน้อ”
“ตี้มันอู้มาก่อแม่นล่ะ”
ไอ้นายพยักเพยิดตามผม

“ดอยปุยมึงเองก่อยังบ่เกยมาใจ้ก่อ... ก้อถือซะว่ามารีแล็กเน้อเพื่อน”
“เออๆๆ ก็พวกคิง(มึง)มันซอบแอ่วนี่หว่า”

ผมก็ได้แต่นั่งยิ้มๆมองมันอ่ะครับ หน้าละอ่อนๆ ตามประสาคนหน้าตาดีอย่างมัน
ถึงจะดูบูดๆไปบ้างแต่ก็ดูหล่ออ่ะครับ เพราะถึงมันจะบ่นผมยังงัยที่ผ่านมามันก็ดีกับผมมากๆ เลยแหละ

จนเกือบชั่วโมงได้มั๊งเราสามคนก็มาถึงเขตอุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ-ปุย
ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ถือว่าไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ซักเท่าไหร่นัก
ถ้าใครที่อยู่ในตัวเมืองอยากออกมาสูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์ตามหุบเขาลำเนาไพรแล้วล่ะก็ผมก็ขอเรียนเชิญนะครับ

เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้นะครับ อิอิ

เพราะเมืองไทยเรายังมีอะไรที่น่าสนใจอีกเยอะแยะไปหมด
เรามาถึง

บ้านขุนช่างเคี่ยน
ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองแค่ 20 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
แค่เข้ามาถึงบริเวณอุทยานแห่งชาติผมก็รู้สึกแฮปปี้สุดๆ อ่ะครับ เพราะธรรมชาติรอบตัวที่ทำให้รู้สึกสดชื่นสุดๆ
ธรรมชาติอันประกอบไปด้วยป่าสนสองใบและสามใบเกิดอยู่เต็มไปหมด

คิดๆ ขึ้นมาแล้วก็อดนึกถึงตอนไปเที่ยว “ภูกระดึง” ไม่ได้
เรามาแบบขาจรโดยไม่ได้มีการนัดไว้ล่วงหน้าห้องพักเลยถูกจองเต็มซะก่อน
เลยต้องนอนกันที่เต็นท์แต่พวกเราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันลำบากอะไรเลย

เพราะใจจริงๆ แล้วก็ตั้งใจว่าจะมานอนกลางดินกินกลางทรายนั่นแหละครับได้บรรยากาศดีนักล่ะ
เต็นท์หนึ่งหลังกับพวกผมสามคนออกจะกว้างเสียด้วยซ้ำเพราะอากาศหนาวเย็นบนยอดดอยอย่างนี้กลางวันยังรู้สึกเย็นๆ เลยครับ
ถ้าตกกลางคืนก็คงจะหนาวยะเยือกแน่ๆ

ผู้คนค่อนข้างหนาตาเพราะต่างก็อยากมาชมความงามของดอกนางพญาเสือโคร่งพอจัดของให้เข้าที่เข้าทางกันเสร็จ
ผมกับพวกมันสองคนก็ออกตระเวนหาถ่ายรูปกันเป็นทีสนุกสนานไปและพอหันไปมองทางเบื้องหน้าผมก็แทบตะลึงงันอ่ะครับ!
กับภาพความสวยสดงดงามที่อยู่เบื้องหน้าสายตาในตอนนี้

โอ้ย! ไม่อยากจะเชื่ออ่ะครับว่าเมืองไทยเรายังมีที่ๆ สวยงามจับจิด จับใจ ขนาดนี้!!!
ก็สีชมพูสดระบายไปทั่วขุนเขาของเขตอุทยานจนสวยงามจนหาคำมาเปรียบเปรยไม่ได้
นี่ก็เพราะต้น “นางพญาเสือโคร่ง” แท้ๆ ที่ทำให้บริเวณอุทยานแห่งชาติแห่งนี้

ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ค่อยมีจุดเด่นอะไรมากนักกลับมีความน่าสนใจขึ้นมาได้มากถึงเพียงนี้
ต้นนางพญาเสือโคร่งแต่ละต้นไม่ได้ใหญ่โตนักแต่สูงชะลูดเป็นพุ่มกำลังเหมาะแต่ละต้นก็ล้วนสลัดใบหลุดร่วงหมดต้น
เหลือก็แค่เพียงดอกสวยๆสีชมพู ที่ออกดอกบานสะพรั่งพรึ่บพรั่บอย่างน่ามอง

ยังกะในภาพวาดหรือในจินตนาการของผมตอนเด็กๆ เลยอ่ะครับ
เหมือนกับว่าได้มาอยู่แถบภูเขาของประเทศญี่ปุ่นยังงัยยังงั้นเลยครับ
นี่ถ้ามีปราสาทหรือวัดแบบญี่ปุ่นอยู่แถวนี้ผมคงคิดว่าหลงเข้ามาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแน่ๆ

จะว่าไปแล้วคิดๆ ขึ้นมาก็อดนึกถึง "ชินจิ” หนุ่มตี๋ญี่ปุ่นอย่างช่วยไม่ได้เนอะ ป่านนี้เป็นงัยบ้างก็ไม่รู้
เพราะปีหลังๆ ชินจิไม่ได้มาเที่ยวเมืองไทยเลย ทำให้เราไม่ได้พบกันนานมากแล้วแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคุยกันทางอีเมลล์เรื่อยๆ
ครั้งหลังสุดหมอก็บอกว่ากำลังตั้งใจเรียนอย่างหนักเพื่อจะได้เรียนให้จบในปีสองปีนี้ให้ได้

ผมยืนซาบซึ้งอยู่กับราชินีดอกไม้เมืองหนาวสีหวานสวยสดอยู่พักใหญ่ จนลืมพวกไอ้นิว ไอ้นาย ที่ออกเดินไปก่อนหน้า
จนมันสองตัวตะโกนร้องเรียกผมมาแต่ไกลนั่นแหละครับผมถึงได้รู้สึกตัว
แล้วก็เผลอแลบลิ้นด้วยความเก้อๆที่เผลอปล่อยอารมณ์อ่อนไหวไปกับธรรมชาติซะได้

แล้วสมองก็อดนึกไปถึงไอ้ตี๋อ้นแฟนผมไม่ได้ป่านนี้หมอจะเป็นงัยมั่งน้อ
นี่ถ้าไอ้ตี๋อยู่ใกล้ๆผมคงจะพาไอ้ตี๋อ้นมาเที่ยวดอยปุยด้วยแน่ๆ เฮ้อ!
ถ้ามาเที่ยวกันสองคนก็คงจะกางเต็นท์นอนกอดกันสองคนเฮ้อ! คงจะสุขพิลึก อิอิอิอิ

แต่ก็ได้แต่คิดอ่ะครับอยู่ไกลถึงกรุงเทพอย่างนั้น คงยากอ่ะนะ
พวกเราสามคนหามุมถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินลัดเลาะไปตามร่มนางพญาเสือโคร่งช่องาม แล้วก็ถ่ายรูปกันเป็นที่เบิกบานใจ
จากที่ไอ้นิวที่ดูไม่ค่อยจะสนใจซักเท่าไหร่ในทีแรก แต่ตอนนี้ผมดูก็รู้ว่าอารมณ์มันดีขึ้นเยอะเลยอ่ะครับยิ้มแล้วก็หัวเราะไปตลอด

เห็นแบบนี้แล้วผมก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยเดี๋ยวจะหาว่าบังคับมันให้มาเที่ยวด้วยแบบนั้นล่ะก็ ผมบาปแย่เลย
แต่จะพูดกันจริงๆไอ้นี่มันก็ชอบเที่ยวอยู่เหมือนกันนะครับ
แต่คงเป็นเพราะสิ่งที่มันสนใจเอามากๆ ในตอนนั้นก็คือ “การ์ตูน” ก็เท่านั้นเอง
เลยทำให้สิ่งที่สนใจอย่างอื่นเป็นเรื่องรองๆลงไป

“ฮู้ย!งามแต๊งามว่าเน้อ”

ผมร้องออกมาอย่างคนบ้าธรรมชาติแบบเต็มๆ! แบบเข้ากระดูกดำเข้าใส้เข้าพุง 5555
ไอ้สองตัวตอนนี้ก็ไม่ได้คิดแซวหรือบ่นผมแล้วอ่ะครับคงเพราะได้มาเจอธรรมชาติสวยๆงามๆ แบบนี้ด้วยล่ะมั๊ง
ทำให้จิตใจพวกมันผ่อนคลายขึ้นมามาก

เราเดินถ่ายรูปกันจนบ่ายคล้อยนั่นแหละครับพวกเราถึงได้หยุดพักผ่อนโดยการนอนไปตามลานหญ้าใต้ต้นนางพญาเสือโคร่งอย่างสบายอารมณ์
พร้อมๆ กับสนทนากันไปตามประสาเพื่อนสนิท

“เออมาแอ่วจะอี้ก็ม่วนดีแต๊ๆ ก่ะ”
ไอ้นิวเกิดนึกรักธรรมชาติขึ้นมาซะเฉยๆเล่นเข้าทางผมซิครับ

คิง(มึง)เห็นก่อว่าก๋านตี้เฮาได้มาแอ่วจะอี้ มันม่วนดีแต๊ๆ”

ผมพูดยิ้มๆไอ้นิวมันก็พยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วยแล้วนอนหงายหลับตาไปกับพื้นหญ้า
ส่วนไอ้นายก็ทำอย่างผมสองคนคือนอนหงายมองฟ้าที่กำลังอ่อนแสงลงตามลำดับ
พร้อมกับหอบเอาไอเย็นของลมหนาวพัดตามมาด้วยผมเองก็นอนหงายมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามสดใส
ที่สลับด้วยสีชมพูของดอกนางพญาเสือโคร่งช่วยแซม

แล้วพอดีกับที่ผมเหลือบไปมองไอ้นายก็เห็นเป้ามันตุงๆอ่ะครับเล่นเอาผมหัวใจเต้นตึ่กๆๆๆเลยครับ เพราะเคยเห็นมาบ้างเหมือนกัน
ว่าไอ้เจ้านี่มันมีขนาดที่เกินบรรยายแค่ไหน
ผมก็นอนเอียงข้างมองเป้ากางเกงยีนส์ของไอ้นายอย่างไม่วางตาดิครับหัวก็คิดอยู่ตลอดว่าถึงมันจะเป็นเพื่อนก็เหอะ

แต่แล้วก็ต้องเลิกคิดครับเพราะมันดันรืมตาขึ้นมาซะก่อนแม่งแย่เลย
จนพอตกเย็นเราก็หาอะไรลงท้องแล้วนอนคุยกันใต้แสงหมู่ดาวท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นสุดๆจนฟันกระทบกันกึกๆ เลยอ่ะคับ
นอนตากหมอกดูดาวและสนทนากันอีกซักพักพวกเราจึงค่อยเข้านอนกัน

“ตี้ตรงกลางฮา(กู)จองแล้วเน้อ”
ผมทำหน้าด้านรีบคลานสี่ขาไปนอนแหมะตรงกลางของไอ้สองตัวอย่างไว
มันสองคนจะขัดก็ขัดไม่ทันแล้วอ่ะครับ 555 เพราะพวกมันก็คงจะเพลียกันด้วย

“ตามใจคิง(มึง)
ไอ้นิวว่า พอหัวถึงหมอนพวกมันก็หลับทันทีเลยผมเองก็หลับไปด้วยความเพลียเหมือนกัน


ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางและปีนป่ายไปตามเนินภูเขาในตอนกลางวัน
ทำให้ผมไอ้นิว และไอ้นายถึงกับหลับเป็นตายจนลืมความหนาวเย็นสุดๆ บนดอยปุยไปซะสนิท
ประมาณว่าหลับกันถึงเช้าแบบม้วนเดียวจบไปเลยครับ
คงจะเป็นเพราะหลังๆผมไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมออกกำลังกาย
เลยทำให้ร่างกายอ่อนเพลียโดยง่ายมั๊ง(ออกแต่กำลังกายในร่ม 5555)

มารู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อรู้สึกเย็นยะเยือกที่หน้าท้องเพราะว่าผ้านวมหลุดออกไปจากตัวนั่นเอง
ผมงัวเงียตื่นขึ้นมา พอมองไปทางไอ้นิวก็ไม่เห็นมันแล้ว สงสัยจะไปยิงกระต่ายแน่ๆ
คลำๆ ดูที่นอนยังอุ่นๆอยู่เลย งั้นก็แสดงว่ามันเพิ่งลุกออกไป
เลยเหลือแต่ไอ้นายที่นอนหลับสนิทหงายอ้าซ่าอย่างคนไม่กลัวความเย็น

ก็ไอ้นี่มันคนตัวใหญ่ตัวหนานี่ครับ เนื้อแน่น ออกอวบนิดๆ  
มันหนักประมาณ 68 กิโล สูงก็ราวๆ 172-173 เซ็นติเมตร
ส่วนผมหนักแค่ 54-55 เท่านั้น ไขมันในร่างกายเลยต่างกันเยอะ 555

จากที่คลุกคลีกับมันมานานทำให้รู้ว่าไอ้เจ้านี่เวลามันหลับมันจะเป็นคนที่หลับแบบสบายมากๆหลับแบบไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
คือไม่ได้สนสิ่งรอบตัวเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นพูดง่ายๆก็คือ อย่างที่เขาเรียกว่าหลับลึกนั่นแหละครับ
ด้วยความที่อากาศตอนเช้าตรู่บนดอยปุยหนาวเย็นบาดผิวมากๆ ผมเลยเผลอเข้าไปกอดไอ้นายมันด้วยเความผลอตัว
(แต่ก็ตั้งใจหน่อยๆ  อ่ะนะ เอ๊ะ! ยังงัย 5555)

หยวนๆน่ายังงัยซะก็เพื่อนกันใช่ป่ะ กอดมันนิดๆ หน่อยๆ คงไม่เป็นไรหรอกน่า อิอิอิ
พอได้กอดหุ่นแน่นๆ ของมันแล้ว ก็ถึงกับอุทานกับตัวเองในใจ ว่า...

“แม่งเอ๊ย! หุ่นแน่นล่ำน่ากอดสัดๆ อ่ะ!!!”

ตัวมันอุ่นได้ใจจริงๆความรู้สึกของคนที่อยู่ในที่เย็นจัดแล้วใช้ร่างกายเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นแก่กันนั้นมันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง
พูดกันตามจริง ผมก็เคยแอบเหล่ไอ้นายมันอยู่เหมือนกันนะ เพราะมันเป็นผู้ชายหุ่นถูกโฉลกกับผมอ่ะ

ก็ประมาณเป็นผู้ชายตัวหนาๆ ขาใหญ่ เนื้อแน่นๆ อะไรประมาณนี้อ่ะ
ส่วนหน้าตามันถึงจะไม่หล่อ ขาว ตี๋ หน้าใส หุ่นเท่ห์ ดูดีเท่าไอ้นิว
แต่ด้วยความที่มันดูแมนๆ แบบผู้ชาย เลยทำให้ผมก็อยากลองอึ๊บกับมันเหมือนกัน ถ้ามีโอกาส อิอิอิอิ

แต่ไม่เคยมีโอกาสเหมาะๆ เข้าหามันซักที
อีกอย่างก็เพื่อนกันด้วยแหละเลยไม่ค่อยจะกล้าทำอะไรที่เกินเลยไป เพราะเดี๋ยวจะเสียเพื่อนป่าวๆ อ่ะครับ
เป็นไปได้อยากให้มีโอกาสเหมาะๆ แล้วค่อยจัดการเสียมากกว่า

ดีกว่าบุ่มบ่ามทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าลงไปแล้วจะมาเสียใจทีหลังล่ะแย่เลย
และตามธรรมชาติของผู้ชายที่นกเขาจะขันกันในตอนเช้าใช่ป่าวครับ
ความคิดผมในตอนนั้นก็เลยอยากจะพิสูจน์ว่าอย่างไอ้นายเนี่ยเห็นหลับลึกๆอย่าง
ควยมันจะแข็งอย่างคนอื่นเขาด้วยหรือป่าว

คิดได้ดังนั้นมือผมเลยเลื่อนกระดึ๊บๆๆๆไต่เป็นจับปูดำขยำปูนา กระดึ๊บๆๆ ไปที่เป้ากางเกงยีนส์ของมันอย่างเร้าใจ และได้อารมณ์
เพราะไอ้นี่มันตัวหนาเป้าเลยเด้งนูน น่าลูบ และขามันก็ใหญ่น่านั่งเทียนให้มากๆ
ผมต้องรีบทำแต้มเพราะเดี๋ยวไอ้นิวกลับมาที่เต็นท์ ล่ะเป็นอดกันพอดี พอมือผมไปสัมผัสที่เป้ามันเท่านั้นแหละ

โห!กำลังหยุ่นๆ เลยครับถึงไม่แข็งโป๊ก! แต่ก็กำลังได้ที่เลยครับแค่นี้ก็เต็มกำมือแล้ว
เลยได้รู้ว่าไอ้นายเองถึงแม้ว่ามันจะหลับลึกแค่ไหนก็เหอะ
มันก็ไม่แตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆเลย เพราะน้องชายมันก็มีขันในตอนเช้ากับเขาด้วยเหมือนกัน
ตอนนี้ควยมันกำลังแข็งคับเป้ากางเกงยีนส์เลยครับพี่น้อง อู้ฮู้!จุ๊ๆๆๆ!!!

ใจผมเต้นตึ่กตั่กๆ!!!ด้วยอารมณ์ตื่นเต้นโคดๆ ก็ตอนนนี้มือผมกำลังกำควยดุ้นไม่ใช่น้อยๆของไอ้นายมันอยู่แบบเต็มๆ กำมือ
พอเห็นหน้ามันตอนหลับก็ยิ่งมีอารมณ์อ่ะก็อย่างที่บอกว่าไอ้นี่มันไม่ใช่คนหล่อมากมายอะไรหรอก
แต่มันก็มีเสน่ห์แบบผู้ชายแท้ๆที่ผมจะโปรดปรานมากๆ นั่นเอง 5555

ด้วยความใจร้อนกลัวว่าจะพลาดโอกาสอันงามไปของผม
ทำให้มือผมรีบจัดการรูดซิปกางเกงยีนส์ของไอ้นายมันอย่างไว
จนตอนนี้ได้เห็นควยดุ้นเขื่องของมันที่แข็งจัดดันกางเกงในสีน้ำเงินเข้มจนนูนโป่ง
หัวบานๆปานดอกเห็ดของมันแดงจัดพองก๋าอย่างน่าชม โห! ยังกะดอกเห็ดโคนแน่ะครับพี่น้อง! สีก็แดงจัดน่ากินมากๆ ขอบอก
ที่ปลายควยมันมีน้ำใสๆ ซึมอยู่หัวควยมันออกมาพ้นขอบกางเกงในออกมาหมดหัว! ดงหมอยของมันก็ดกดำเซ็กส์ได้ใจ
ตอนนี้ผมเองก็ไม่อยากให้เสียเวลาอันมีค่ารีบจับควยดุ้นไม่ไม่น้อยๆ ของมันชักหนับๆๆๆ
หูยยย...อุ่นมือดีชิบหายอ่ะครับผมจับควยมันชักอยู่เกือบสิบที

มันก็ยังคง...นิ่ง...ไม่มีสัญญาญตอบรับใดๆ หน้ามันยังเป็นปรกติ
คือ หลับสบายและกรนเบาๆ อย่างสบายของมันไปโดยหารู้ไม่ว่าควยมันกำลังโดนผมจัดการอยู่ 5555

พอเห็นอย่างนั้นใจผมก็ยิ่งอยากและร่านสุดๆ ในที่สุดจึงตัดสินใจ นับ 1-2-3
แล้วก้มหัวดูดควยหัวบานๆของไอ้นายเข้าปากทันที!

“อึ้ม!”

เป็นเสียงของผมเองครับที่ครางออกมาจากปาก
มันบ่งบอกถึงความพอใจกับรสสัมผัสที่ได้รับจากควยไอ้นายมันนั่นเองครับ

“แม่งเอ๊ย! เต็มปากเลยว่ะสาด”  ผมคิด

นอกจากจะเต็มปากเต็มคำแล้วกลิ่นก็ยังแมนได้ใจอีกตะหากผมฟุบหน้าโขกหัวกับควยได้นายอย่างเมามันและติดพัน
ผมดูดตั้งแต่โคนจนสุดปลายความยาวจนน้ำลายไหลย้อย
เพราะควยไอ้นายแม้อวบแต่ไม่ยาวเท่าไหร่ ผมจึงจัดการเอาเข้าปากได้หมดดุ้น!


จนแก้มป่องและระหว่างที่ดูดควยให้มันอยู่มือผมก็ขยำไข่มันไปด้วย โดคสะใจอ่ะ
ในขณะที่ดูดควยมันไปตาก็เหลือบมองหน้ามันไปด้วย ว่ามันจะรู้สึกตัวรึป่าว
แต่ก็ไม่ต้องห่วงหรอกครับเพราะผมรู้ว่ามันน่ะหลับลึกแค่ไหน

ก็เพราะว่าไอ้นี่มันน่ะโดนเพื่อนคนอื่นๆ แกล้งอยู่บ่อยๆ ก็เพราะนิสัยที่เป็นคนนอนหลับลึกของมันนี่แหละครับ
อย่างตอนที่เราไปนอนค้างที่บ้านไอ้นิวหรือไม่ก็ที่หอพวกไอ้โดโด้ เพื่อทำรายงาย
มันก็จะโดนไอ้โดโด้ไอ้ท็อป แล้วก็ไอ้นิว แกล้งเกือบทุกครั้งไป

โดยการเอาเมจิกมาเขียนบนตัวมันหรือไม่ก็ ถอดกางเกงมันแล้วถ่ายกะจู๋มันไว้
พอมันตื่นไอ้พวกเพื่อนตัวร้ายก็จะเอาภาพทะลึ่งๆให้มันดู ช่างทำไปได้ 5555

พอมันตื่นขึ้นมามันก็ได้แต่หัวเราะขำๆอ่ะครับ ก็ไอ้นี่มันคนอารมณ์ดี
โกรธใครเป็นที่ไหนอย่างมากก็แค่ขู่นิดๆ กับด่าคำสองคำก็แล้วกันไป

“ไอ้พวกทะลึ่ง! ชอบแกล้งกู!!!”
ก็เท่านั้นเองครับคำพูดมันแล้วก็หัวเราะกันฮาๆ กันเสียมากกกว่า
และหนนี้ที่ผมกล้าลักหลับดูดกระดอมันถึงขนาดนี้ก็เพราะรู้สาเหตุแห่งอาการหลับมันงัยครับ
ไม่งั้นก็คงจะเกรงๆอยู่เหมือนกันว่าจะทำดี ไม่ดี

ผมดูดควยเล่นควยให้มันได้พักใหญ่มันก็ไม่มีทีท่าจะแตกอ่ะครับ แต่ตอนนี้ชักกลัวๆ ว่าไอ้นิวจะกลับมาเห็นภาพผมลักดูดควยไอ้นาย
เลยหยุดดูดควยไอ้นายไว้แค่นี้ โอกาสหน้าค่อยลักหลับมันใหม่ ทั้งที่ขัดใจจะแย่เพราะอยากเห็นน้ำมันโคดๆ
แต่ไม่เป็นไรครับแค่ได้ดูดควย ดูดไข่ของมันก็ได้ใจไปสุดๆ แล้วครับ
ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์แล้วว่างั้นเถอะ 5555

พอผมจัดการเก็บควยที่ยังแข็งโด่ไม่ยอมอ่อนของมันเข้ากางเกงยีนส์ได้แล้วนั่นแหละ
ไอ้นิวก็กลับเข้ามาที่เต็นท์พอดีเล่นเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะพร้อมกับทำทีเป็นหลับต่อ

“สาดนิวเอ๊ย! เล่นเอากูใจหายหมดใจคว่ำหมด!”
ผมด่าไอ้เพื่อนตัวดีในใจ

“นี่ถ้ากูยังไม่กล้าตัดใจจากควยได้นายมึงเป็นได้เห็นฉากเด็ดแน่ๆ 5555”
ผมคิดทั้งรู้สึกขำ ทั้งหวาดเสียวในใจอยู่คนเดียว แล้วผมก็ทำทีเป็นงัวเงียตื่น

“มึงไปตี้ไหนมาวะไอ้นิว”
“ไปเยี่ยวโว้ย! พวกมึงเอาแต่นอนอยู่ได้ลุกได้แล้วไปผ่อพระอาทิตย์ขึ้นกัน เห็นปู้ออกมาผ่อคนนักๆ เลยฮู้ก่อ”
“เออๆๆไปก่อไป”

เลยลุกตามไอ้นิวออกไปปล่อยให้ไอ้นายมันนอนหลับสบายต่อไปแบบไม่มีคนกวน
(ยังงัยก็ได้บ๊วบควยให้มันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนี่5555)

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นแหละผมกับไอ้นิวก็ออกมานั่งชมพระอาทิตย์ขึ้น
พร้อมกับจิบกาแฟไปอย่างสบายใจ ทำเหมือนในโฆษณายังงัยยังงั้นเลย 5555

ผู้คนจำนวนไม่ใช่น้อยออกมายืดเส้นยืดสายสูดอากาศยามเช้ากัน
นักท่องเที่ยวต่างสวมเสื้อกันหนาวเพื่อป้องกันความเย็นกันจนตัวอ้วนทั้งผู้หญิงผู้ชาย
เห็นแล้วก็ให้บรรยากาศและรู้สึกดีไปอีกแบบ

บ้างก็ออกไปถ่ายรูปเป็นหมู่เป็นกลุ่ม บ้างก็มาเป็นคู่ๆ ตามประสาเพื่อนซี้และคู่รัก
ยิ่งสายเสียงจ้อกแจ้กจอแจก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนผู้คนที่มากตาม

แต่ผมกับไอ้นิวก็ยังคงนั่งชมบรรยากาศยามเช้าของดอยปุยใต้ต้นนางพญาเสือโคร่ง
ที่ออกดอกเป็นสีชมพูสวยเต็มต้นโคดแฮปปี้อ่ะครับ
ทิวทันศ์อันสวยงามของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ก็ยังมีอีกหลายอย่างทั้งดอกนางพญาเสือโคร่งที่บานรับลมหนาวให้ชมกันอยู่เกือบทั้งหุบเขา
ล้วนแล้วแต่เพลินตาน่าดูชมเพราะไม่ว่ามองไปทางไหนสีชมพูของ

”ซากุระเมืองไทย”

ก็กระจายแต่งแต้มไปตามดงดอยและเชิงเขา ไล่สลับกับสีเขียวสดของต้นสนสามใบสองใบ และพันธ์ไม้อื่นๆ ดูสวยงามน่าชม
ยิ่งตอนที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานรับลมหนาว สะท้อนแสงแดดในยามเช้า
ยิ่งดูสดชื่นน่าชมดูๆ ไปก็เหมือนหนุ่มๆ วัยละอ่อนที่เริ่มแตกพาน
ดูแล้วสะอาดสดใสน่ามองน่าชม ว่าป่ะครับ 5555

(เขามีแต่เปรียบเทียบกับเด็กสาววัยแรกรุ่นแต่นี่ดันไปเปรียบเทียบกับเด็กหนุ่มวัยละอ่อนเอาเข้าไป5555)

ระหว่างนั้นผมกับไอ้นิวก็ชี้ชวนกันดูผู้คนที่ออกมาสูดอากาศเย็นในตอนเช้าที่บ้านขุนช่างเคี่ยนแห่งนี้
ดูไปก็รู้สึกสุขใจที่คนไทยยังกระตือรือร้นหันมาเที่ยวเมืองไทยกันเยอะแยะอย่างนี้
มองลงไปที่เนินที่กางเต็นท์ก็เห็นกิจกรรมยามเช้าของแต่ละคนที่ต่างกันออกไป
ทั้งนั่งเป็นกลุ่มก้อนจิบกาแฟนเหมือนที่ผมกับไอ้นิวกำลังทำ

หรือไม่ก็นั่งโซ้ยมาม่าที่เตรียมมาจากบ้านท่าทางน่าอร่อยควันฉุยออกอย่างนั้น
เล่นเอาผมกับไอ้นิวถึงกับกลืนน้ำลายคงคอแบบไม่ต้องนัดกัน 5555
ผมกับมันมองหน้ากันก็หัวเราะขำกลิ้ง

“ท่าจะลำแต๊ๆ มึงว่าก่อ”

ไอ้นิวถามผมยิ้มๆผมก็พยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วย แล้วเราก็หัวเราะกันสองคน
ก็อยู่หออาหารประเภทนี้เป็นอาหารหลักเลยก็ว่าได้นี่ครับยิ่งตอนปลายๆ เดือนด้วย
แล้วมันมักจะเป็นทางเลือกที่ผมกับไอ้อี้มักจะเลี่ยงไม่ได้แต่ก็ไม่เคยคิดว่าลำบากหรอกครับ
ถือซะว่าเป็นสีสันให้ชีวิตเด็กหอก็แล้วกัน

แต่พอมากินมาม่ากันในสถานที่สุดแสนจะธรรมชาติสุดๆแบบนี้มันเลยน่ากินขึ้นมาอย่างช่วยไม้ได้ว่าป่ะครับ
ผมกับไอ้นิวนั่งคุยกันต่อเกือบสองชั่วโมงแล้วนั่นแหละครับไอ้นายถึงได้โผล่หัวออกมาจากเต็นท์ด้วยสภาพงัวเงียๆหัวกระเซิงยุ่งเหยิง
จนผมกับไอ้นิวหัวเราะก๊าก! ด้วยความฮาสุดๆ

“ไอ้นายมึงก่อไปล้างหน้าล้างตาซะก่อนเต๊อะ...ไป๊!”
ไอ้นิวไล่ไอ้นายด้วยสีหน้าขันๆ

“เออๆๆพวกมึงอย่าฟั่งไปตี้ไดเน้อ...กูไปบ่เมิน”
มันพูดสำทับก่อนที่จะวิ่งไปทางห้องน้ำ ผมก็มองเป้ามันไม่วางตา
ไม่อยากเชื่อว่าไม่กี่นาทีก่อนผมยังลักดูดเห็ดสดของมันจนเกือบโดนไอ้นิวเห็น5555
แหมเห็นแล้วเสียดายที่ไม่ได้ทำให้น้ำมันแตก 5555

วันนี้ไอ้นิวดูอารมณ์ดีกว่าเมื่อวานเยอะเห็นได้จากสีหน้าที่มีแต่รอยยิ้มของมัน
ซึ่งปกติมันก็เป็นหนุ่มเหนือที่ขาวหล่อหุ่นดี บุคลิกดี ตี๋นิดๆ เพอร์เฟ็คอยู่แล้วอ่ะครับ
ยิ่งพอมันยิ้มอย่างนี้ด้วยแล้วยิ่งทำให้มันน่ามองโดคๆ อ่ะ (ปลื้มๆๆๆ)

ผมแอบเหล่มันด้วยแหละตอนที่มันเผลอแต่มันเป็นคนประเภทละเลยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อ่ะครับ
คือไม่ค่อยสังเกตมันเลยมองไม่ออกว่าผมน่ะปิ๊งๆ มันอยู่

“อากาศบนดอยดีแต๊ๆก่ะ ...เฮ้อ! สบายปอดขนาดแต่หนาวแต๊หนาวว่าจั๊กนักก่ะ”
ไอ้นิวสูดลมหายใจเข้าปอดฟอดใหญ่อย่างสบายอารมณ์

“แม่นล่ะ...อยู่ในเมืองตอนเจ้าๆกูก่อว่าหนาวแต๊ๆ แล้วนา แต่พอมาอยู่บนดอยจะอี้ หนาวกว่าสิบเท่าอีกมึงว่าก่อบรื๋ออออ!”
ผมพูดไปก็รู้สึกขนลุกซู่ซ่ากับอากาศเย็นจัดในตอนเช้าบนดอยปุยที่กำลังสัมผัสกันอยู่ขณะนี้

“แม่นแต๊ๆก่ะ... แต่หนาวๆ จะอี้ได้บรรยากาศขนาด ได้เปลี่ยนบรรยากาศมาผ่อธรรมชาติได้ยะอะหยังตี้เมินๆ ได้ยะ ก่อฮู้สึกดีแต๊ๆ”
มันพูดยิ้มๆเห็นมันยิ้มออกมาได้ผมก็ยิ่งสบายใจตามไปด้วยอ่ะครับ

“มึงเห็นแล้วแม่นก่อว่าเฮาได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจะอี้ ทำหื้อมึงมีความสุข”
“เออ...เป๋นอย่างตี้มึงว่านั่นล่ะ”

มันพยักเพยิดตามผมหน้าที่เคยนิ่งๆ ตอนนี้ระบายไปด้วยรอยยิ้มที่ดูสดใส
ซึ่งมันเป็นผู้ชายที่หน้าตาดี ตี๋หล่อ หน้าใส หุ่นเท่ห์ อยู่แล้ว ยิ่งตอนมันยิ้ม เลยยิ่งน่ามองโคดๆ อ่ะครับ

แล้ววันนั้นเราสามคนเดินเตร่ถ่ายรูปกันบนดอยอยู่จนเกือบเที่ยงค่อยกลับเข้ามาในตัวเมือง
ทั้งๆ ที่ใจผมอยากจะนอนค้างบนดอยอีกซักคืน อยากอยู่สัมผัสกับธรรมชาติสวยๆ กับอากาศเย็นจัดของดอยปุยอีกซักคืน
และที่สำคัญเผื่อได้จัดการโม้คกะดอให้ไอ้นายมันให้น้ำแตกสมใจผมงัย อิอิอิอิ

แต่ก็ต้องตัดใจอ่ะครับเพราะไอ้นิวมันบอกมันมีธุระแต่ก้อไม่เป็นไรครับ
...ดอยปุยอยู่แค่นี้เองถ้าคราวหน้าไอ้อี้ไม่ว่างอีก ไอ้นิวนี่แหละที่ผมจะหิ้วมันมาอีกให้ได้ (มุ่งมั่นๆ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น