วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 51 ไปปีนภูกระดึงกันเถอะ (2) จบภาคมัธยมแล้ว

พอพวกเพื่อนๆ ของอ้นเก็บของและพักกันได้สักครู่ก็ไปอาบน้ำกันก่อน
และพออยู่กันตามลำพังอ้นก็เข้ามาดึงขาผมไปนวดให้
ทำเอาผมสะดุ้งด้วยความตกใจเหมือนกันอะไรจะปานนั้น น่ารักสุดๆ 5555

ตอนขึ้นมาถึงหลังแป(ทางขึ้นยอดภูกระดึง)เห็นวินนวดเท้าบ่อยๆเป็นงัยมั่ง ปวดมากป่ะ
ไอ้ตี๋ถามไปนวดไปด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงหน้าใสๆ ดูอิดโรย แต่ยังดูดีกว่าผมเยอะ
ก็หมอออกจะแข็งแรงเพราะเป็นนักกีฬานี่เนอะ
ผมข้างหน้าของอ้นที่เริ่มยาวเพราะอยู่ ม.6 แล้ว เลยดูยุ่งๆ แต่ก็ยังหล่ออยู่ดี อิอิอิ

ใจผมน่ะก็อยากจะตอบจะตายชักว่าปวดโคดๆ
ตั้งแต่เกิดมาก็ครั้งนี้นี่แหละที่รู้สึกว่าร่างกายมันสาหัสสากรรจ์ที่สุด
ผมว่าหลายๆ คนที่เคยมาเที่ยวภูกระดึงคงจะรู้สึกไม่แตกต่างจากผมเท่าไหร่นักหรอก
(ยกเว้นคนที่แข็งแรงมากๆ)

เพราะกว่าที่จะขึ้นมาถึงหลังแปได้(ยอดภู)ร่างกายมันเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เลยอ่ะ
เพราะจะรู้สึกปวดร้าวไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวทั้งปวดฝ่าเท้า ปวดขา เคล็ดขัดยอกไปหมดทั้งตัว
มันปวดมากมายจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมาเลยอ่ะครับโฮๆๆๆ

แต่พอขึ้นมาเห็นธรรมชาติงามๆบนภูกระดึง อาการอย่างว่าจะหายไปพักนึง
แต่การได้มาเที่ยวกับเพื่อนๆแบบนี้จะมาทำตัวอ่อนแอก็คงไม่ดีจริงป่ะ
เพื่อนคนอื่นๆ เห็นแล้วก็หมดสนุกกันพอดีผมเลยทำใจแข็งฝืนยิ้ม
เพราะคิดว่ามันปวดได้มันก็หายเองได้แหล่ะน่า และไม่อยากให้ไอ้ตี๋แฟนผมไม่สบายใจ

โอ้ย! แค่นี้สีทนได้ ไม่ต้องห่วง 5555

ผมตบไหล่แข็งแรงของไอ้ตี๋แปะๆหลายทีเพื่อให้อ้นสบายใจ
ไม่ต้องปากแข็งเลย อ้นรู้หรอกน่าว่าวินอ่ะปวดขามากแต่ที่วินไม่พูด
ก็คงไม่อยากให้เพื่อนคนอื่นเป็นห่วงใช่มั๊ยล่าเลยทำเป็นปากแข็งฝืนยิ้มว่าไม่เป็นอะไร
แน้! รู้ด้วย อุตส่าเก็บอาการสุดๆ แล้วนา 5555
ผมพยายามทำให้มันดูเป็นเหมือนเรื่องตลกซึ่งไอ้ตี๋ก็หัวเราะออกมาอย่างที่ผมตั้งใจ
เฮ้อ เชื่อเขาเลย
อ้นพ่นลมหายใจออกมาแล้วส่ายหน้าแบบระอา
แล้วอ้นอ่ะปวดตรงไหน มาเดี๋ยวนวดให้
ดีเลย กำลังปวดๆ ที่หลังอยู่พอดี
ว่าแล้วไอ้ตี๋ก็นั่งหันหลังให้ผมผมก็ทุบเบาๆ และนวดให้อย่างบรรจง
ไอ้ตี๋ก็นั่งให้ผมนวดหลังอย่างสบายใจไปจนผมนวดได้สักพักอ้นก็ชวนไปอาบน้ำ
ค่อยยังชั่วแล้ว ป่ะรีบไปอาบน้ำกันเหอะจะได้ไปกินข้าวซะที อ้นหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย
ไอ้ตี๋ลูบท้องของตัวเองไปมาอย่างน่าสงสาร
หนาวอ่ะ ไม่อาบไม่ได้เหรอ
ผมครวญเพราะอากาศเริ่มเย็นยะเยือกทั้งๆที่ฟ้ายังไม่มืดด้วยซ้ำ
ไม่ได้! ถ้าไม่อาบน้ำ ไม่ให้นอนด้วยนะจะบอกให้
เอาอีกแล้ว ไอ้ตี๋ใช้ไม้ตายไม้นี้กับผมอีกแล้วเหมือนกับทุกๆ ครั้งที่เราได้นอนด้วยกัน
โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่ผมจะขี้เกียจอาบน้ำเป็นที่สุด
อ้นใจร้ายอ่ะ!”
ลุกเลยคนเรา อย่างอแง
ผมบ่นออกมาแบบงอแง แต่อ้นก็ยังดึงแขนผมลุกออกมาจากเต๊นท์จนได้
พอไปถึงห้องน้ำก็ต้องต่อคิวยาวเหยียดแต่ละห้องต่อคิวเป็นสิบยี่สิบคน
เฮ้อตูยิ่งปวดขาอยู่ด้วยผมโอดครวญในใจ
และพออาบน้ำกันสร็จพวกเราก็ออกไปหาข้าวที่ร้านอาหารกินกัน
อาหารบนภูกระดึงราคาค่อนข้าง แต่พวกเราก็เข้าใจว่ากว่าจะเอาอาหารพวกนี้ขึ้นมได้นั้นมันลำบากมากแค่ไหนเลยไม่ได้ปริปากบ่นกัน
ด้วยความที่เหนื่อยและหิวโซกันสุดๆเพื่อนๆ คนอื่นๆ เลยกินกันซะพุงกางเลย
อากาศยามค่ำคืนบนภูกระดึงปีนั้นช่างหนาวและเย็นยะเยือกเข้ากระดูกได้ใจโคดๆ
อุณหภูมิน่าจะซักประมาณ10 -11 องศาเห็นจะได้
เวลาลมหนาวพัดมาทีขนก็ลุกซู่ซ่าๆเกีรยวทุกที และอากาศที่เย็นยะเยือกพอพัดมาปะทะหน้าก็รู้สึกแสบๆชาๆ จนรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว
แต่ในความหนาวเย็นในฤดูหนาวอย่างน้อยๆ ก็ยังมีสิ่งดีๆ ให้ได้ชื่นใจ
เพราะดาวบนภูกระดึงก็สวยระยิบระยับสุกสกาวเต็มฟ้าไปหมด
มองเห็นได้ชัดเจนจนแทบจะนับได้หมดว่ามีกลุ่มดาวอะไรมั่ง
พอกลับกันไปที่เต็นท์พวกเราก็เอาเสื่อออกมาปูที่หน้าเต็นท์
แล้วจุดไฟด้วยเทียนไขเล่มโตหลายอันที่เตรียมกันมาตั้งแต่บ้านเพื่อสร้างบรรยากาศ
ยิ่งค่ำอากาศก็ยิ่งเย็นจัดลงเรื่อยๆจนพวกเราต้องหาเสื้อกันหนาวมาห่มคนละหลายตัวน่าเสียดายในปีที่พวกเราไปเที่ยวกัน
ทางอุทยานมีกฎห้ามก่อกองไฟด้วยฟืนซะแล้ว
ไม่งั้นคงได้บรรยากาศและโรแมนติกมากกว่านี้แน่ๆว้าแย่จัง
ภายใต้ความมืดกับอากาศที่เย็นยะเยือกแสงไฟจับใบหน้าบรรดาเพื่อนๆ แต่ละคน
ดูแล้วให้ความรู้สึกที่แปลกตา
ไอ้ซันเอากีต้าร์ที่อุตส่าห์แบกมาอย่างยากลำบากตลอดทางออกมาเกาติ๊งๆ
ไอ้น็อตท่าทางจะหนาวจัดปากคอสั่นเชียว ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากผมเท่าไหร่นักหรอก
ไอ้สินก็เอาแต่กินขนมกรุ่บกรั่บๆอยู่ไม่หยุดปาก
ไอ้เข้มกับ กับสาดอี้ก็สาละวนกับหนังสือเพลงเพื่อชีวิตเพื่อเลือกเพลงที่จะร้อง
ส่วนพวกอ้นก็คุยถึงเรื่องการเดินทางในวันพรุ่งนี้อย่างออกรส
ท่าทางนายต้นจะเป็นพวกชอบเที่ยวเหมือนผมเห็นคุยฟุ้งมากกว่าใคร
ส่วนผมกับไอ้ทินก็เคาะขวดเหล้าเป็นจังหวะให้ไอ้ซันมันไปสนุกๆ เฮ้วๆ กันครับ
ดูในแววตาของแต่ละคนผมรู้สึกได้ถึงความอิ่มอกอิ่มใจและมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
ได้ยินเสียงใสๆของกีต้าร์แล้วผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
พวกเราร้องเพลงกันไป ก๊งเหล้าBlackLable ไปด้วย
ซึ่งนายโอแอบกิ๊กเหล้าของพ่อมาจากที่บ้านเพื่อนการนี้โดยเฉพาะ5555
เพราะบ้านนี้เขามีร้านมินิมาร์ทในตัวเมืองเลยรวยไม่ใช่เล่น
พอกรึ๊บๆกันไปได้ซักพัก เสียงแต่ละคนก็เริ่มอ้อแอ้ๆ
และเริ่มจะดังแข่งกับเต็นท์อื่นๆแล้วล่ะครับทีนี้
ร้องเพลงกันไปปรบมือเคาะขวดเข้าจังหวะกันไป
สนุกๆตามประสาเด็กวัยรุ่น ม.ปลาย อย่างเราๆ อ่ะครับ
(เฮ้อคิดถึงทีไรอดยิ้มไม่ได้ทุกที)
พวกเราก็หาบทสรุปกันว่าพรุ่งนี้เราจะเริ่มต้นจากการเที่ยวที่ไหนก่อนดี
และ ผม ผู้ซึ่งศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวภูกระดึงมาดิบดี
เลยออกความคิดว่าวันแรกเราน่าจะตื่นแต่เช้าเพื่อไปทะเลหมอก
และพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผานกแอ่นกัน จะเป็นโปรเจคที่น่าสนใจที่สุด
แล้วค่อยกลับมากินข้าวกันแล้วออกเดินทางไปตามน้ำตกต่างๆ
บรรยากาศค่ำคืนนั้นก็เต็มไปด้วยความครื้นเครงและเป็นกันเองสุดๆ
เสียงเพลงเพราะๆจากปากของหนุ่มๆ แต่ละคนก็เพราะกันไปคนละแบบ
ทั้งเพลงป๊อบ เพลงร็อค และเพลงเพื่อชีวิตเรางัดกันขึ้นมาร้องอย่างสนุกสนาน
จำเนื้อได้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่ว่ากันครับไม่มีอะไรผิดไม่มีอะรถูก ณ นาทีแห่งมิตรภาพนี้ และเหมือนเคย
เสียงไอ้ซัน กับอ้นก็ยังคงเพราะจับใจสำหรับผมอยู่ดีอิอิอิอิ
และอีกคนก็ไอ้อี้ครับเพราะถึงแม้ว่าขามันจะเดี้ยงก็ตามที แต่ปากมันก็ยังร้องเพลงเพื่อชีวิตได้เพราะกินใจผมเป็นที่สุด
โดยมีไอ้ถึกเข้มคอยเป็นลูกคอให้เพราะขานั้นเขาแฟนพันธ์แท้เพื่อเพลงชีวิต5555

แล้วอีกคนก็นายต้นเพื่อนซี้ของอ้นนั่นไงนี่ก็คอเพลงเพื่อชีวิตอีกคน
คราวนี้เลยได้คุยกันถูกคอกันเข้าไปใหญ่อ่ะครับ
ยิ่งดึกก็ยิ่งคึกคักอ่ะครับแต่เจ้าหน้าที่เขาไม่ได้คึกคักด้วยนี่ครับ 5555
เพราะจะเป็นการกวนสัตว์ป่าให้ตกใจตื่นได้
เจ้าหน้าที่อุทยานเดินมาบอกพวกเราได้สองที
พวกผมก็เลยสัญญาว่าจะไม่เสียงดังอีกแล้วพี่เจ้าหน้าที่คนนั้นถึงได้ยอมกลับไปที่ศูนย์
ณตอนนี้ก็มีบ้างที่กลับเข้าไปนอนในเต็นท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ก็เลยเหลือแค่ ผม อ้นไอ้ซัน ไอ้อี้ ไอ้เข้ม นายโอ และนายต้นรวม 7 คน
ที่เรายังคงร้องเพลงคลอไปท่ามกลางอากาศที่เย็นจัด
จนบางครั้งฟันถึงกับกระทบกันกึกๆๆอย่างไม่ได้ตั้งใจ
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็อดทนท่ามกลางความมืดและอากาศที่สาหัสแบบนั้น
เพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆในค่ำคืนแสนพิเศษแบบนี้
และระหว่างที่ร้องเพลงอยู่ดีๆนายต้นก็เต้นโหยง! พร้อมกับร้องเสียงหลง
เฮ้ย! ทากๆๆ
เฮ้ยจริงเหรอวะไหนๆๆ อยู่ไหน!”
ไอ้อี้ถึงกับสปริงตัวขึ้นแบบอัตโนเมติกจนลืมว่าขาตัวเองยังเคล็ดอยู่อ่ะ
ส่วนมือก็แทบปล่อยกีต้าร์เลยอ่ะครับพี่น้อง5555  
ก็ไอ้นี่มันกลัวสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจะตายเห็นแล้วขำกลิ้งอ่ะ 5555
อ้นเอาไฟส่องไปดูที่เท้าต้นก็เห็นตัวอะไรซักอย่างเหมือนปลิงเข็มตัวเล็กกระจิริด
เกาะอยู่ที่ง่ามเท้าของต้นเกาะอยู่ระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้
พร้อมกับเลือดแดงๆที่เต็มง่ามเท้า
อื๋ยยย! เลือดซิบเลยมึง! สาดต้น
ผมเองก็เคยแต่ได้ยินเสียงร่ำลือมาเท่านั้นว่าระวังทากบนภูกระดึงไว้
ทีแรกก็นึกว่าหน้าตาก็คงเหมือนหอยทากทั่วๆไป
ที่ไหนได้มันปลิงเข็มดีๆนี่เองครับ เพียงแต่มันอยู่บนบกได้เท่านั้นเอง 5555
สาดอ้น! เอามันออกไปจากตีนกูเร็วๆ ซิวะ บรื๋ออออน่าหยะแหยงชิบหาย!”
เอาออกแล้วๆ ทำเป็นกลัวไปได้มึงนี่
อ้นดึงทากออกจากง่ามเท้าของต้นด้วยสีหน้าที่ดูแหยงๆอยู่เหมือนกัน
แต่ไอ้อี้นี่ดิครับ แม่งดูท่าขี้จะขึ้นสมองแล้วนะนั่นดูหน้ามันเลิ่กลั่กๆ
มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวงเห็นแล้วโคดขำอ่ะครับ 5555
ไอ้ซันมันคงนึกสนุกอ่ะครับมันเลยแกล้งไอ้อี้ไปที
เฮ้ย สาดอี้ทากเกาะขามึงอยู่โว้ย! ตัวเป้งๆ เลยมึง
จ๊าก! ไหนๆๆ เอาออกให้กูทีๆ!”
มันเต้นแร้งเต้นกาด้วยความกลัวสุดขีด ซึ่งตอนแรกผมกับคนอื่นๆก็นึกว่าไอ้อี้โดนกันอีกคน

เลยมองตามแข้งขาของตัวเองกันเป็นพัลวัน
แต่พอไอ้ซันมันหัวเราะก๊ากๆอยู่ ก็เลยเดาออกว่าไอ้ซันมันต้องแกล้งอำไอ้อี้แน่
ไอ้อี้พอรู้ไต๋เลยไล่เตะไอ้ซันมันไปหลายทีก็สนุกๆ กันครับ
คนไรว้าตัวโตยังกะควายแต่กลัวปลิง กลัวหนอน เป็นที่หนึ่ง
คืนนั้นจึงนับได้ว่าเป็นอีกประสบการณ์นึงที่นึกถึงทีไรก็หยะแหยงปนขำทุกที 5555
จนผ่านไปเกือบเที่ยงคืนเราก็เข้านอนกัน
โดยที่ไอ้อี้ขอตามผมกับไอ้ซันมานอนที่เต็นท์ด้วย
พวกเราก็ไม่ว่าอะไรเพราะนอนเบียดกันหลายๆคนยิ่งดี จะได้อุ่นๆ
โดยอ้นนอนชิดด้านในแล้วก็เป็นผมไอ้อี้ ไอ้ซัน ต้น โอ มาร์ค และก็เป้ เรียงๆ กันไป
พอเข้ามาอยู่ภายใต้ผ้าห่มด้วยกันปุ้บไอ้ตี๋ก็กอดผมปั๊บ
ผมเองก็หนาวมากๆเลยดึงแขนอ้นมากอดให้แน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ถึงจะนอนกันหลายคนแต่เนื่องด้วยทั้งเหนื่อยทั้งเพลียทั้งเมา และก็มืดซะขนาดนั้น
จึงไม่มีใครมาสนใจใครผมกับอ้นเลยกอดกันแน่นอุ่นโคดๆ
เฮ้อนอนกอดแฟนในสภาพหนาวๆแล้วเนี่ยรู้สึกดีจังครับ อิอิอิ
ผมให้อ้นกอดจนเริ่มอุ่นแล้วทีนี้ก็เกิดอาการอยากขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เอาล่ะซิๆ

ผมเลยอ้อมมือกลับไปกำควยอ้นแบบเต็มๆ กำมือ
ตอนนี้ควยอ้นยังไม่แข็งเท่าไหร่แค่โด่ๆเพราะอากาศเย็นมาก
ผมรูดซิบกางเกงอ้นลงแล้วล้วงควยอ้นออกมาถอกอย่างติดมือ
ควยอ้นอย่างอุ่นอ่ะช่างแตกต่างจากอากาศในตอนตีหนึ่งกว่าๆ
บนภูกระดึงแบบนี้ซะจริงๆ
อ้นเริ่มส่งเสียงครางออกมาเบาๆที่ข้างหูผมเพราะกลัวเพื่อนๆ คนอื่นจะได้ยิน
“ซี้ดดดด”
ไอ้ตี๋คงจะเสียวอ่ะนะเลยขบที่ติ่งหูให้ผมไปด้วยเล่นเอาผมเสียวเป็นบ้า
แล้วผมก็ดึงหน้าอ้นมาดูดปากโหย บอกตามตรงว่าได้อารมณ์โคดๆ อ่ะครับ
คนเยอะๆแบบนี้ แต่เล่นมาดูดปากกันระยะเผาขนแบบนี้ได้ใจจริงๆ 5555
มือผมถอกควยอ้นอีกพักผมก็รับรู้ได้ว่าอ้นเกิดอาการอยากสุดๆแล้ว
เพราะอ้นขยำตูดผมแรงๆแล้วยังถอดกางเกงผมลงพร้อมกับเอามือมาแยงรูผมด้วย
เล่นเอาผมเสียวจนร่านขึ้นมาสุดๆแล้วอ่ะครับ ผมเลยดันตัวอ้นให้มาแนบกับข้างหลังผม

แล้วจับควยอ้นให้ตรงรูผมช้าๆมันเข้ามาได้เรื่อยๆ
ระหว่างผมจัดการให้อ้นดันควยเข้ามาในตูดผมนั้นตาผมก็สังเกตไปด้วยว่าเพื่อนคนอื่นจะรู้สึกตัวหรือป่าว
แต่ดึกขนาดนี้หลับกันหมดแล้วครับเหลือแค่คนหน้ามืดจะเย็ดกัน 5555
ใจนึงก็กลัวเพื่อนคนอื่นจะรู้ใจนึงก็สะใจเป็นบ้า โรคจิตมั๊ยล่ะผม 5555
จนกระทั่งควยอ้นดันเข้ามาจนมิดลำ!
“อือ!”
ผมถึงกับร้องออกมาเบาๆมั่ง
ระหว่างที่อ้นซอยตูดผมไปอ้นก็ชักว่าวให้ผมไปด้วยตลอด
ความรู้สึกแบบว่ามันเป็นบ้าอ่ะครับพี่น้อง เสียวได้ใจโคดๆ
ผมโดนอ้นชักว่าวไปโดนอ้นเด้าตูดไปได้ไม่นานนัก น้ำผมก็แตกทะลักออกมา
พอผมน้ำแตกอ้นก็เด้าตูดตูดงอนๆของผมต่อแบบเนิบๆ เด้าไปเรื่อยๆ เพราะกลัวเสียงดัง
ระหว่างที่ซอยตูดผมไปอ้นก็เคล้นตามหน้าอกและตามตัวผมไปด้วยตลอด
อ้นซอยได้อีกพักก็เริ่มจะซอยตูดผมเร็วขึ้นๆเสียงหอบหายใจแฮ่กๆๆๆ อย่างได้อารมณ์
จนในทีสุดอ้นก็กระตุกกึกๆๆๆสาม-สี่ที
“ซี้ดดดด”  อ้นครางออกมาเบาๆ
แล้วก็กอดผมแน่นๆแสดงได้ว่าน้ำอ้นแตกคาตูดผมเรียบร้อยแล้ว 5555
อ้นหอมแก้มผมฟอดนึงแล้วใส่กางเกงให้ผมและของตัวเอง
แล้วเราก็นอนกอดกันจนถึงเช้า
เฮ้อ! วันนี้ผมคงจะจำไปอีกนายเลยอ่ะครับ เพราะนับว่าเป็นวันที่ทำให้ผมประทับใจหลายๆอย่างก็ว่าได้
ไม่ว่าจะเป็นการได้มาปีนภูกระดึงหนนี้การได้มาร้องเพลงรอบกองไฟ(เทียนไข)
ในบรรยากาศสุดจะเย็นยะเยือกแต่ก็แฝงไปด้วยบรรยากาศที่แสนจะเป็นกันเองและอบอุ่นใจในครั้งนี้
อากาศในตอนเช้าบนภูกระดึงนั้นสุดแสนจะทรมานโคดๆ
ทั้งเย็นยะเยือกจนรู้สึกปวดลึกเข้าไปตามกระดูกเลยก็ว่าได้
เมื่อวานก็เหนื่อยจากการเดินทางไกลและปีนขึ้นมาบนภูกระดึงอย่างยากลำบาก
พอตอนเช้าๆเลยแทบไม่มีแรงจะลุกออกจากเต็นท์
และบอกตามตรงว่าผมแทบไม่อยากจะตื่นเลยด้วยซ้ำ
นี่ถ้าไอ้ตี๋ไม่ดึงผมลุกออกมาจากเต็นท์ล่ะก็ผมก็คงไม่ยอมออกมาจากเต็นท์แน่ๆ
ก็ตอนนั้นพึ่งจะตีห้านิดๆเองนี่นา ฟ้าก็ยังไม่ทันได้สว่าง
แต่แผนก็คือแผนอ่ะนะพวกเราก็ต้องทำตามที่วางไว้ไม่งั้นก็จะรวนไปหมด
ซึ่งเช้าแรกก็คือการไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและชมทะเลหมอกที่  “ผานกแอ่น”
หน้าผาที่สวยที่สุดในยามเช้าของภูกระดึงเลยก็ว่าได้
ผู้คนค่อนข้างคับคั่งและหนาตาเพราะนี่เป็นโปรแกรมสำคัญอีกหนึ่งประการ
ที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาดในการมาเที่ยวภูกระดึงก็ว่าได้
จากหน้าผาที่สูงชันพอมองออกไปก็เห็นทะเลหมอกขาวอมเทาราวปุยนุ่นจับตัวกันอย่างหนาแน่นสีขาวสะอาด
ที่ผสมสีเทานิดลอยฟ่องอยู่เต็มท้องฟ้าฟากตะวันออก
เมื่อกระทบกับแสงแดดในยามเช้ายิ่งดูสวยแปลกตาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
พอมองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตาก็เห็นภูเขาสัณฐานสูงๆ ต่ำๆ สลับซับซ้อน
สลับกับท้องไร่ท้องนาของชาวบ้าน
พวกผมก็เบียดเสียดกันกับฝูงชนอื่นๆเพื่อที่จะได้ดูทะเลหมอกในปีนั้นอย่างยากลำบาก
ด้วยความที่ต่างคนก็ต่างอยากเห็นจะๆตาเลยต่างก็แยกๆ กันไปดู
ผมถูกอ้นดึงมือไว้ไม่ปล่อยระหว่างที่ดูไปอ้นก็กอดคอผมแน่น
ดูๆ ไปก็ไม่ได้แตกต่างจากเพื่อนกันกอดกันอย่างสนิทสนมเท่าไหร่นักหรอก
หากแต่เรารู้ว่าเราเป็นอะไรกัน5555
แต่วินานทีนั้นไม่มีใครสนใจใครไปมากกว่าการได้มาชมภาพสวยๆ
ที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างมาให้พวกเราได้ชื่นชม
และปีนั้นผมกับอ้นก็ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นและทเลหมอกบน“ผานกแอ่น”
ด้วยความรู้สึกที่อิ่มเอมใจเป็นที่สุด
ถึงแม้ว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าสิ่งที่เราตั้งใจกันไว้อาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราหวัง
อย่างน้อยๆวันนี้เราก็ได้มายืนอยู่คู่กันเพื่อชื่นชมทะเลหมอกอันงดงามในครั้งนี้
และมันจะอยู่ในความทรงจำของผมกับอ้นตลอดไป
“สวยเนอะ”
ไอ้ตี๋พูดขึ้นมาทั้งที่ตายังจับจ้องที่ภาพตรงหน้าไม่วาง
ในขณะที่สายตาผมยังตะลึงลานกับภาพที่สวยงามและแสนจะน่าอัศจรรย์ครั้งนี้
“อือ...สวย”
ไอ้ตี๋รู้ว่าผมเป็นคนบ้าเที่ยวและรักธรรมชาติก็หันมายิ้มอย่างขำๆและยีๆ หัวผมอย่างเอ็นดู
“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มาเห็นภาพสวยๆแบบนี้อีกเนอะ”
ผมพูดเหมือนถามกับตัวเองเสียมากกว่าแต่ไอ้ตี๋ดันเข้าใจว่าผมกำลังเคลิ้มอ่ะ
“ปีหน้ามาอีกก็ได้ถ้าวินอยากมากนะ เดี๋ยวอ้นจะพามาเอง”
ผมก็อดขำในใจไม่ได้ในความซื่อของแฟนตัวเองแต่ก็น่ารักดีครับ อิอิอิ
ผมก็หันไปยิ้มแทนคำขอบใจให้กับไอ้ตี๋
“จริงอ่ะ”
“จริงดิอ้นซะอย่างเคยโกหกวินซักครั้งป่าว”
ผมก็ยิ้มๆเพราะอย่างไอ้ตี๋น่ะถ้าได้พูดออกมาจากปากแล้วเชื่อใจได้เสมอ  
กำลังซึ้งๆกับอ้นอยู่ดีๆ พวกไอ้อี้ก็ตามมาสมทบ
อ้นก็ไวชะมัดรีบเอามือออกจากคอผมอย่างรวดเร็ว
แล้วทำเนียนเป็นเสยผมแทนผมเห็นแล้วก็รู้สึกว่าน่ารักดีครับแฟนผมเนี่ย อิอิอิ
“สาดวินพวกมึงอยู่ตรงนี้เองพวกกูตามหาซะแทบแย่ ไปๆๆ จะได้ถ่ายรูปหมู่กัน”
“เออๆ ดีเหมือนกันว่ะกล้องก็ดันอยู่กับพวกมึงหมด พวกกูเลยไม่ได้ถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ขึ้นเลย”
“ไม่ต้องห่วงกูเก็บช็อตเด็ดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วโว้ย!”
“เจ๋งไปเลยมึงกูนึกว่าจะไม่ได้ภาพสวยๆ ของผานกแอ่นซะแล้ว”

ผมชมไอ้อี้ออกมาจากใจจริง แล้วพวกเราก็ตามไปสมทบกับเพื่อนๆ คนอื่น
แล้วพวกเราก็หามุมสวยๆถ่ายรูปกันเป็นสิบๆ ใบ
เฉพาะที่นี่ที่เดียวก็หมดฟิล์มไปเกือบม้วนแน่ะ ก็มันเห่อนี่ครับ 5555
แต่กว่าจะถ่ายได้แต่ละรูปก็เล่นเอาเหนื่อยหน่อยเพราะคนเยอะมากๆ
และต่างก็อยากจะได้ภาพสวยๆด้วยกันทั้งนั้น
พอชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกจนเป็นที่พอใจแล้ว
พวกเราก็ยกขบวนกันกลับมาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อพักทานอาหารกัน
แล้วพอสายๆก็ออกเดินทางท่องเที่ยวกันต่อ
วันแรกของการเที่ยวบนภูกระดึง เราเดินทางผ่าน “สระแก้ว”ซึ่งเป็นสระน้ำขนาดใหญ่
น้ำในสระใสมากจนมองเห็นพื้นหินที่มีสีขาวสะอาดได้ และตลอดเส้นทางที่ผ่าน
ก็จะมีลานหินธรรมชาติจะและมีดอกไม้หลายพันธ์ทั้งดอกหรีดสีม่วงอมน้ำเงิน
กระดุมเงินสีขาวอมเทาและสร้อยสุวรรณาขึ้นอยู่เป็นทุ่งอย่างน่าชม
ไปจนตลอดทางจนถึงผานาน้อย
เส้นทางนี้จะพาพวกเราไปชมความงามของธรรมชาติของหน้าผาแต่ละแห่งกัน
ทั้งผานาน้อยผาเหยียบเมฆ ผาหมากดูก และผาแดง แต่ละที่ก็สวยงามแตกต่างกันออกไป
เล็กใหญ่ไม่เท่ากันแต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นลานหิน
และป่าสนเป็นดงที่เกิดอยู่ริมๆ หน้าผา ไม่เพียงได้มาชมหน้าผาสวยๆ
ทิวทัศน์ที่มองออกไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตาก็งามตาเห็นแล้วสบายใจ
ยิ่งได้มาเห็นป่าสนต้นสูงๆแทงยอดขึ้นไปบนฟ้าแล้วก็นึกถึงฉากในหนังฝรั่งขึ้นมาไม่ได้โรแมนติกโคดๆ อิอิอิ
ยิ่งสายฟ้าก็คลึ้มด้วยเมฆหมอกแทนที่อากาศจะร้อนกลับเย็นจัดจนมือไม้เริ่มชา
แต่ถึงผมจะสวมเสื้อกันหนาวมาด้วยก็เหอะถึงอย่างนั้นฟันก็กระทบกันดังกึกๆ
อย่างน่าขำอะไรเนี่ยกลางวันแสกๆ นะโว้ย! ผมคิด
ส่วนไอ้ตี๋ใส่มาแค่เสื้อยืดสีน้ำเงินตัวเดียวแต่หมอก็คงไม่ได้หนาวมากเท่าผมหรอก
เพราะอ้นน่ะเป็นคนชอบอากาศเย็นไม่เหมือนผมไม่ได้เกลียดนะแต่แพ้อากาศเย็นมากกว่า 5555
ตลอดทางที่เดินมีแต่ทุ่งหญ้าและป่าสนสลับซับซ้อนกันไป
มองเข้าไปในทุ่งหญ้าก็จะมีดอกไม้จำพวกกล้วยไม้ดินชื่อยี่โถปีนัง
ออกดอกบ้างสีม่วงบ้างสีชมพูอมขาว โดดเด่นในพงหญ้า
จนผมอดที่จะเดินเข้าไปเพื่อถ่ายรูปไม่ได้
แต่พอไอ้อี้เห็นเข้าก็วิ่งเข้ามาลากคอผมกลับออกมาจากพงหญ้าจนได้
“สาดวินเดี๋ยวก็เกิดเรื่องอีกหรอกมึง มึงนี่บ้าได้ขนาดของแท้เลยสาดเห็นดอกไม้ใบหญ้าหน่อยเป็นดอดเข้าใส่ ระวังตัวเองบ้างซิวะมึง”
ผมยืนเอ๋องงเป็นไก่ตาแตกเพราะนานๆทีไอ้อี้มันจะพูดจาในทำนองเป็นห่วงผมแบบนี้
ซึ่งหาได้ยากมากๆเพราะส่วนมากมันจะกวนๆ แบบไร้สาระเสียมากกว่า
“นี่มึงเป็นห่วงกูจริงๆเหรอวะสาด”
ไอ้อี้ถึงกับหน้าแดงขึ้นมาในทันทีแล้วเขกหัวผมดังโป๊กทีนึง
“โอ้ย! เจ็บนะมึง ถามแค่นี้ทำเป็นเขิน”
“เขินเตี่ยมึงดิกูก็แค่ไม่อยากเจ็บตัวเพราะมึงอีกตะหาก...มาๆๆ ออกมาจากรกจากพงเลยมึงในนี้ไม่รู้ว่ามีงูอยู่รึป่าวก็ไม่รู้อื๋ยยยย”
พูดไปมันก็หันรีหันขวางด้วยท่าทีสำรวจๆแล้วเมื่อกี้ดันวิ่งเข้ามาได้สาดเอ๊ย 5555
“นั่นพวกมึงทำไรกันอยู่วะสาดจะอยู่ในนั้นอีกนานมั๊ย คนอื่นเขาไปถึงไหนกันแล้วนะโว้ย!”
ไอ้เหมเดินมาตามผมกับไอ้อี้ด้วยสีหน้าปรือๆตามประสามัน
“มึงรอแป๊บกูขอกดซักแชะสองแชะก็พอ”
ไอ้อี้จนด้วยเกล้าจนต้องเกาหัวด้วยความจนใจอ่ะครับ กับความบ้าธรรมชาติของผม 5555
จนกระทั่งเรามาถึงผาเหยียบเมฆผมก็ถึงกับหมดแรงอ่ะครับ เพราะเดินมาทั้งวันนี่นะ
แต่เพื่อนคนอื่นๆก็ยังคงสาละวนกับการถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ อย่างสนุกสนาน
ส่วนอ้นไอ้ซัน แล้วก็ต้น ก็เดินไปหาซื้ออะไรมาให้พวกเรากินกัน
ก็ได้ไก่ย่างไข่ปิ้ง ขนมและน้ำมาพอแจกจ่ายพวกเราจนครบคน
ตอนนี้ผมแทบไม่มีอารมณ์จะถ่ายรูปต่อแล้วครับเพราะเหนื่อยและหิวมากๆ
กำลังนั่งทุบแข้งนวดขาอยู่คนเดียวอ้นก็ถือน้ำมาพร้อมกับไข่ปิ้งสองสามฟอง
รู้มั๊ยครับว่าแค่ไข่ปิ้งฟองนึงก็ปาเข้าไปฟองละสิบบาทแน่ะขอบอก
แต่ด้วยความหิวอ่ะครับเลยกินไข่ปิ้งจิ้มกับซอสภูเขาทองอย่างเอร็ดอร่อย
รสชาติยังกะอาหารทิพย์เลยนะนั่น5555
อ้นมองผมด้วยสีหน้าขำๆ
“หิวมากอ่ะดี๊ ดูๆๆกินเข้า กินช้าๆ ก็ได้เดี๋ยวก็ติดคอกันพอดี”

“แค่กๆๆๆ”
ไอ้ตี๋พูดไม่ทันจบคำผมก็มีอาการไข่ติดคอขึ้นมาทันที
ดีหน่อยที่ได้ไอ้ตี๋ยื่นน้ำให้ทันท่วงทีไม่งั้นเป็นไข่ได้ติดคอตาย5555
“เป็นงัยมั่งเนี่ย” อ้นถามด้วยอาการเป็นห่วง

“ดีขึ้นแล้ว แหะๆๆๆ”
ไอ้ตี๋เลยได้แต่ยิ้มๆส่ายหน้ากับความมูมมามของผม
พอมองๆดูเพื่อนคนอื่นๆ ก็กำลังกินไข่ปิ้งจิ้มซอสกันอย่างเอร็ดอร่อย
คิดถึงทีไรกลิ่นซอสในวันนั้นยังติดจมูกทุกทีซิน่า5555
“แม่งกูเพิ่งรู้ว่าไข่ปิ้งที่อร่อยที่สุดในโลกต้องมากินบนภูกระดึงอร่อยโคดๆ ว่ะจ๊วบๆ”
นั่นคือเสียงการันตีจากไอ้น็อตขาตดอีกคนก็ว่าไม่ได้นะเพราะต่างก็เหนื่อยๆ กันทั้งนั้น
ตอนนี้กินอะไรก็อร่อยกันสุดๆแล้วล่ะครับ
แต่คิดถึงสภาพการที่ต้องนอนร่วมเต็นท์กับมันในคืนนี้ก็สยองอ่ะครับ
เพราะแค่ไม่กินไข่พ่อยังเล่นตดไม่รู้เวล่ำเวลาแต่นี่เล่นกินไข่เข้าไปอีกหลายฟอง
บรื๋อออออ! ไม่อยากคิด สงสารพวกไอ้เข้มไอ้เหมและคนอื่นๆ ขึ้นมาตะหงิดๆ 5555
ระหว่างที่ผมกำลังจัดการแกะเปลือกไข่ปิ้งฟองที่สุดท้ายเพื่อให้ไอ้ตี๋อยู่นั้น
อุตส่าห์แกะอย่างประณีตด้วยหวังเอาใจแฟนไอ้อี้มันไม่รู้มาจากไหนคว้าหมับไปทันที
“สาดเอาคืนกูมาเลยมึง กูกำลังจะแกะให้...เอ่อ”


จะบอกว่าแกะให้อ้นเป็นได้เรื่องแดงแหงมๆ เอจะอ้างว่าไรดีหว่า
“แกะให้ใครว่ะแกะให้ไอ้อ้นเหรอ”
“พูดบ้าๆ! กูก็แกะกินเองเด่ะเอาคืนมาเลยมึง สาดนี่”
แทนที่มันจะสนใจคำพูดผม พอผมพูดว่าจะกินเองเท่านั้นแหละ
มันก็ยัดไข่ปิ้งทั้งฟองเข้าไปทั้งฟองเลยครับพี่น้องโฮๆๆๆ จะบ้าตายไอ้อี้ตัวแสบ
มึงนะมึง ไข่นี่กูอุตส่าห์จะแกะให้แฟนกูกินแท้ๆ เชียว
ผมโกรธจนต้องวิ่งไล่เตะมันไปหลายทีมันก็ร้องโหวกเหวกเสียงดังจนนักท่องเที่ยวอื่นๆ
หันมามองด้วยความตกใจในเสียงอันดังก้องของมัน
แต่พวกเพื่อนๆ คนอื่นๆ ดิครับ เอาแต่หัวเราะก๊ากๆคงขำกันว่าทำมัยคนตัวโตๆ
อย่างไอ้เชี่ยอี้ถึงได้กลัวเพื่อนตัวย่อมอย่างผมกันนัก
แต่ผมรู้ว่ามันน่ะยอมให้ผมคนเดียวเพราะถึงผมจะเล่นกับมันแรงๆ
แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก อย่างมากก็แค่หัวโนบ่อยๆเท่านั้นเอง 5555

“เดี๋ยวก็ได้ตกเหวตายกันหรอกพวกมึง”

ไอ้ซันด่าผมกับไอ้อี้ด้วยความเป็นห่วงเพราะผาเหยียบเมฆก็ค่อนข้างชันซะด้วยสิ
แต่ใครล่ะจะบ้าและใจกล้าไปวิ่งไล่กันแถวๆ หน้าผาล่ะครับ กลัวตายเหมือนกันนิ
จนกระทั่งรายการทัวร์หน้าผาต่างๆของวันนี้เป็นอันสำเร็จตามแผนที่ได้วางไว้
ดูเวลาตอนนี้ก็เกือบห้าโมงเย็นเต็มทีพระอาทิตย์น่ะเหรอหายหัวไปตั้งแต่หลังเที่ยงแล้วฉะนั้นตอนนี้
บรรยากาศก็เลยดูโพล้เพล้แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนก็ยังคงหนาตาตลอดเส้นทางการเดินทางกลับสู่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
เลยไม่มีอะไรให้ต้องกลัว
และพอมืดลงแสงไฟฉายก็เริ่มสว่างไปตลอดทางไอ้อี้และคนอื่นๆ ก็คงเกิดนึกสนุกร้องเพลงของหนูมิเตอร์ อัลบั้ม
“ให้เป็นกำลังใจ” ซึ่งมีเพลงเพราะๆ ซึ้งๆและมีความหมายดีๆ อยู่หลายเพลง
และผมว่าเหมาะมากๆกับบรรยากาศในการท่องเที่ยวแบบนี้
เลยพลอยแหกปากตะโกนแข่งกับพวกมันไปด้วยได้บรรยากาศดีเหมือนกันแฮะ
พอกลับถึงเต็นท์พวกเราก็รีบอาบน้ำกินข้าว แล้วตั้งวงรอบกองไฟ(เทียน)กันอีก
ไอ้อี้ก็รับหน้าที่เกากีต้าร์เหมือนเดิมและดูท่าอาการติดเพลงเพื่อชีวิตตั้งแต่ตอนหัวค่ำ
ยังไม่หายมั๊งคืนนี้เลยหนักไปทางเพลงเพื่อชีวิตเสียมากกว่า
แต่ผมว่าเข้ากับบรรยากาศดีเหมือนกันนะ
มาเที่ยวป่าเที่ยวดงทั้งทีมัวแต่ร้องเพลงป๊อบเพลงร็อคก็ไม่เข้าท่าเท่าไหร่นักจริงมะ
เราตั้งวงกันได้ไม่นานเต็นท์ที่อยู่ใกล้เคียงสองเต็นท์ก็มาขอร่วมแจมด้วย
แต่ต่างคนต่างมานะครับกลุ่มแรกมีผู้หญิงมาด้วยมาด้วยกันสี่คน
ชายสองหญิงสอง(มารู้ทีหลังว่ามาเป็นคู่ๆ อ่ะจึ๋ยๆ น่าอิจฉาวุ้ย 5555)


ส่วนกลุ่มหลังมากันแต่ผู้ชายล้วนๆประมาณห้าคนได้ ตอนนี้ประชากรก็เลยร่วมๆยี่สิบคน ก็เฮฮากันไปครับ
กลุ่มแรกน่ะไม่เท่าไหร่หรอกครับถึงแม้ว่าพี่ผู้ชายสองคนจะหน้าตาดีและหุ่นแน่นน่ากินยังงัยก็เหอะ
แต่กลุ่มหลังนี่ดิน่าสนเพราะมากันแบบชายล้วน
เรียนอยู่ปีสองมหาลัยแถวๆภาคอิสาน แต่ที่เป็นคนอิสานกลับมีแค่พี่เต็งแค่คนเดียว
เลยทำให้พี่แกคุยกับพวกผมอย่างเป็นกันเองเพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน
พี่เต็งหน้าตาแบบหนุ่มอิสานทั่วไปคมๆ ผิวสองสีแต่ดูดีและแมนได้ใจไอ้วินอย่างแรง
หุ่นแน่นสมชายน่าฟัดชิบหายเห็นแล้วน้ำลายหก
แถมยิ้มทีอยากจะกระโดดเข้างับเป็นที่สุด5555


แล้วก็พี่เหน่งพี่แกเป็นคนใต้แต่เอ็นท์ติด มหาลัย ที่ภาคอิสาน แต่ถึงแกจะเป็นคนใต้แต่ผิวแกกลับขาวจั๊วะ
และหล่อคมได้ใจสุดๆเห็นทีแรกนี่ปิ๊งที่หน้าตาแกเลยก็ว่าได้ 5555
ส่วนหุ่นน่ะไม่ต้องพูดถึงทั้งสูงทั้งล่ำอีกแล้วครับท่าน
พี่เข็มแกเป็นคนหน้าตาดีแต่ไม่ได้หล่อเด่นเท่าพี่เหน่ง แต่ก็แมนดีครับ แกเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด
เพื่อนพูดอะไรก็ตามเพื่อนเสียมากกว่า เลยดูเหมือนคนไม่ค่อยมีความคิดอะไร


พี่ป้องเป็นหนุ่มเหนือคนเดียวในกลุ่ม บ้านเดียวกับแม่ผม เราเลยคุยกันได้ถูกคอกว่าใคร อู้เหนือกันจนอ้นไอ้อี้
แล้วก็พวกเพื่อนๆ ของพี่แกมองกันตาค้าง
คืออ้นและเพื่อนๆของผมมันไม่เคยได้ยินผมอู้กำเมืองมาก่อน

ส่วนบรรดาเพื่อนๆพี่ป้องก็ไม่เคยเห็นแกพูดภาษาเหนือนอกจากภาษากลาง
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเพื่อนๆพี่แกตะลึงกันไปพักใหญ่  ขำดีครับ
พอผมอยู่กันตามลำพังกับอ้นเป็นเหตุให้อ้นก็เข้ามาแซวประมาณว่า

“ไม่นึกว่าวินจะพูดภาษาเหนือได้เพราะอย่างนี้วันหลังพูดให้ฟังมั่งดิ”

ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ ด้วยความเขินๆ แล้วก็สุดท้ายพี่อ้วนพี่แกก็ไม่ได้อ้วนสมชื่อเท่าไหร่นักหรอกแค่อวบๆ เท่านั้น
และด้วยความที่แกออกตี๋ๆ ขาวๆ เลยไม่ได้ดูน่าเกลียด ผมว่าออกตุ้ยนุ้ยแบบนี้น่ารักดีออก
ที่สำคัญแกเป็นคนที่อารมณ์ดี และปล่อยมุขฮาๆ ทำให้พวกผมขำได้ตลอดเวลาก็เป็นที่ครื้นเครงกันไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น