วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรื่องเซ็กส์ของเด็กร่าน บทที่ 51 ไปปีนภูกระดึงกันเถอะ (3) จบภาคมัธยมแล้ว

พวกเราก็ดีดกีต้าร์และร้องเพลงแกล้มเหล้ากันไปสุดแสนจะได้บรรยากาศโคดๆ!!!
แถมคืนนี้ยังโชคดีได้เพื่อนใหม่มาอีกหลายคนซะด้วย

เลยพลอยทำให้บรรยากาศคืนนี้ดูครึกครื้นยิ่งกว่าคืนแรกซะอีก
ด้วยความที่มีแต่ผู้ชายทั้งนั้นเลยทำให้พวกเราพูดคุยกันอย่างถูกคอ
ตอนแรกๆก็สงวนท่าทีบ้างเพราะมีผู้หญิงอยู่ในวงเหล้าด้วย

แต่ไม่นานนักพวกพี่ผู้หญิงสองคนก็ขอตัวไปนอนคงจะกระดากอ่ะนะ
เพราะพวกเราพูดคุยแต่เรื่องที่ค่อนข้างสัปดนและลามก แม้ว่าจะพยายามไม่พูดทะลึ่งๆ มาก
แล้วก็เหอะแต่ยังงัยมันก็มีหลุดๆออกมามั่งแหละน่า 5555

คืนนั้นเลยเป็นอีกคืนที่น่าจดจำที่ได้พบกับมิตรภาพดีๆของคนที่มาจากต่างถิ่นกัน
คุยไปจึงได้รู้ว่าพวกพี่ๆแกมาเที่ยวแบบไม่ค่อยรู้เรื่อง
และไม่ได้ศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวซักเท่าไหร่
พวกแกตั้งใจแค่ว่าจะมาปีนภูกระดึงและแดกเหล้าร้องเพลงเคล้ากีต้าร์
ในบรรยากาศที่หนาวสะเย็นบนภูกระดึงเสียมากกว่า

พรุ่งนี้พวกเราเลยชวนพวกพี่ๆแกให้ไปเที่ยวกับพวกเราด้วย
พวกพี่ๆแกก็รีบตกลงทันที เพราะอยากมีเพื่อนเที่ยวเยอะๆ สนุกดีพวกแกว่า
พอดึกชักจะง่วงๆกันแล้วพวกเราเลยแยกย้ายกันเข้านอน
เพราะวันนี้ก็เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว
แต่ก่อนที่ผมกำลังจะก้าวเข้าเต็นท์อ้นก็มาดึงแขนผมไว้ซะก่อน

“วินไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยดิ”
ผมเห็นสายตาของไอ้ตี๋แล้วก็เดาออกว่าไอ้ตี๋คงอยากจะไปสวีทกับผมแค่สองคน
เพราะทั้งวันไม่ได้กุ๊กกิ๊กกันซักเท่าไหร่

“อือ...ได้สิ”
กำลังจะเดินกันออกมาไอ้อี้ก็ร้องเรียกขึ้นมาซะก่อน

“เฮ้ยพวกมึงจะไปห้องน้ำกันป่าววะงั้นกูขอไปด้วยคนดิ
โคดปวดฉี่เลยว่ะ จะไปคนเดียวก็ไม่กล้า บรื๋อ! หนาวชิบหาย”

ยังไม่ทันที่ผมกับไอ้ตี๋จะอนุญาตไอ้อี้ก็เข้ามากอดคอตีซี้กับผม
ผมเลยได้แต่มองหน้าไอ้ตี๋อย่างจนใจอ้นก็หัวเราะขำๆ อ่ะครับ
ไอ้บ้าเอ๊ย!วันนี้มึงเป็นคานที่เข้ามาสอดพวกกูหลายทีแล้วนะสาด ผมด่าไอ้อี้ในใจ
แต่ก็ทำใจอ่ะครับก็มันไม่รู้นี่ว่าผมเป็นแฟนกันจริงมะ 5555
อีกอย่างหนาวขนาดนี้ผมกับอ้นก็คงไม่ได้คิดทำอะไรกันมากกว่านั้นหรอกน่า
เราเลยเดินไปคุยกันไประหว่างทางคนก็ยังคงมีเดินไปมาบ้างทั้งๆ ที่ดึกมากแล้ว
เราก็คุยกันไปในหลายๆเรื่อง แม้จะเริ่มงัวเงียกันแล้ว
แต่คุยถึงเรื่องเที่ยววันนี้ทีไรก็รู้สึกว่าวันนี้ได้ผ่านไปแบบคุ้มค่าจริงๆ

“สาดวินกูพึ่งจะรู้นะเนี่ยว่ามึงก็มีดีเหมือนกัน... พาพวกกูเที่ยวแบบไม่มีหลง”
ผมเลยยืดอกรับคำชมแบบเต็มๆ

“ให้มึงรู้ไว้ว่าใครมากับพวกมึง5555”
“เออๆๆชมหน่อยล่ะทำเป็นยืดๆ สาด แล้วพรุ่งนี้มึงจะพาพวกกูไปเที่ยวที่ไหนบ้างวะ

แต่กูนะอยากไปถ่ายรูปที่ผาหล่มว่ะ เห็นในรูปสวยชิบหาย”

“ว่าไงล่ะไกด์วิน”
อ้นตบหลังผมแล้วแซวตามมั่งหน้าตาดูยิ้มๆ ยียวน

“ยห.อันนี้มันอยู่ในสมองอันชาญฉลาดนี่แล้ว”
“แหวะ! ฉลาดตายแหละมึงที่เรียนดีขึ้นมาได้ก็เพราะพวกกูนี่ล่ะว๊า!”
ไอ้อี้มันด่าผม แต่ก็จริงของมันอ่ะนะ  ยอมมันไปทีนึงแล้วกัน 5555

“เออ!แล้วกูเถียงมึงซักคำมั๊ยล่ะ 5555 สำหรับพรุ่งนี้เหรอวะก็กะว่าจะพาเที่ยวไปตามสายน้ำตกอ่ะ
รู้ป่าวว่าบนภูกระดึงเนี่ยมีน้ำตกอยู่เยอะแยะเลยนาจะบอกให้

แต่ละที่ก็สวยๆทั้งนั้น อย่างใกล้ๆ ศูนย์ฯ นี่ก็มีน้ำตกร้องกวาง ลึกๆ เข้าไปหน่อยก็จะมีอีกเยอะอย่างน้ำตกเพ็ญพบ
น้ำตกโผนพบ น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกธารสวรรค์ น้ำตกพระองค์ น้ำตกสอเหนือ น้ำตกสอใต้ ฯลฯ
แถมที่ป่าปิดก็ยังมีน้ำตกขุนพองซึ่งสูงมากๆ
แต่เสียดายพวกเราคงได้เห็นแค่น้ำตกที่อยู่ในบริเวณป่าเปิดเท่านั้น”
ผมสาธยายซะยืดยาวจนไอ้อี้กับอ้นมองหน้าผมแบบทึ่งๆ ปนงงๆ

“ทีเรื่องเรียนไม่เห็นท่องได้แบบนี้เลยนะสาด”
ไอ้อี้เข้ามาลูบหัวผมแบบเอ็นดูจนผมจับพิรุธได้
“สาดอี้! มึงหลอกด่ากู!”
ผมเลยเขกกะบาลมันไปทีเสียงดังโป๊ก! ด้วยความหมั่นเขี้ยว

“โอ้ย! เจ็บนะมึงสาดวิน กูก็แค่ล้อมึงเล่นๆเท่านั้นเองน่า 5555”
“มานี่เลยมึงมาให้กูถีบซะดีๆหนอยพูดไปพูดมาก็หลอกด่ากูนี่เอง มานี่อยาหนีซิวะ!”
“อ้นๆๆ มึงช่วยกูทีระวังอย่าให้ให้หมาบ้าวินมันกัดกูนะโว้ย! อย่า ว้าก!”
ไอ้อี้วิ่งไปหลบอยู่หลังอ้นจนผมก็ลำบากที่จะวิ่งไล่มัน
เลยได้แต่มองมันด้วยสายตาอาฆาตพร้อมคำขู่ฟ่อๆ

“จำไว้เลยนะมึง”
“แล้วอย่าลืมมาเอาคืนนะโว้ย! ถ้านานกูคิดดอกด้วยว่ะมึง 5555”

ไอ้อี้ก็ยื่นหน้าออกมาจากหลังไอ้ตี๋อย่างล้อเลียนแม่งเห็นแล้วโคดรมณ์เสียอ่ะ
ที่ทำอะไรมันไม่ได้เพราะมีอ้นอยู่ด้วย เจ็บใจๆ

“หนอยไอ้เลว! มาให้กูเตะซะดีๆ เลยมึง”

แล้วผมกับไอ้อี้ก็วิ่งไล่กวดกันไปจนถึงห้องน้ำปล่อยให้อ้นหัวเราะตามด้วยความขำๆ
ที่เพื่อนซี้สองคนเล่นกันยังกะเด็กไม่รู้จักโตทั้งๆ ที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ก็จะเอ็นท์แล้ว
แล้วคืนนั้นก็ผ่านไปอีกหนึ่งคืนตอนดึกๆ บรรยากาศไม่ต้องพูดถึงครับเย็นโคดๆ
แต่ได้มานอนกอดอ้นแบบนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อยมากทีเดียวอิอิอิอิ
(ใครที่คิดจะพาแฟนมาด้วยก็ถือซะว่าได้เปรียบกว่าคนอื่นอ่ะนะ5555)

ด้วยความที่คืนนี้ไอ้อี้มานอนด้วยอีกคืนผมกับอ้นเลยไม่กล้าทำอะไรให้มากกว่านั้น
เลยได้แค่นอนกอดเฉยๆเพราะวันนี้แต่ละคนก็ไม่ค่อยเมากันเสียเท่าไหร่
อดเปลี้ยวไว้กินหวานดีกว่าเนาะอิอิอิอิ

มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเช้าตื่นมาก็โดนไอ้อี้กอดซะแน่นเลย
หันไปมองไอ้ตี๋ก็เห็นนอนหันหน้าเข้าหาเต็นท์ท่าทางจะหลับสบาย
กลิ่นตัวแมนๆของไอ้อี้โชยมาเข้าเตะจมูก จนผมเริ่มมีอารมณ์ตาม
เพราะควยมันดันแข็งอยู่ตรงร่องตูดผมพอดีอ่ะจิ5555

จริงๆ ก็เคยเห็นควยมันมาหลายทีแล้วอ่ะนะ
อย่างตอนไปนอนค้างบ้านมัน  หรือไปนอนค้างบ้านไอ้ซันที่นอกเมือง
หรือตอนที่พวกมันๆทั้งหลายไปนอนค้างที่บ้านผม
แต่ก็แค่ได้เห็นแต่ไม่เคยได้จับซักทีเพราะไม่มีโอกาส
เช้านี้เห็นว่าเป็นโอกาสอันดีเลยอ้อมมือไปกำควยมันซักหน่อย
ด้วยความอยากมันบังตาอ่ะนะ5555

อย่าตื่นมานะมึง ผมคิดในใจ อู้! ใหญ่และแข็งมากๆ ครับพี่น้อง
เพราะขนาดเห็นด้วยตาควยไอ้นี่ก็ตั้ง 7 นิ้วแน่ะ
แต่พอได้จับแล้วแทบติดมือแน่ะครับแทบไม่อยากเอามือออกเสียด้วยซ้ำ 5555
พอดีเห็นมันดิ้นเหมือนจะเปลี่ยนท่านอนอ่ะนะเลยต้องเอามือออกอย่างแสนเสียดาย!

แต่เอาเหอะวันนี้นับว่าเป็นการกำควยต้อนรับเช้าวันใหม่บนภูกระดึงก็แล้วกัน อิอิอิอิ
นอนพลิกไปพลิกมาอีกแป๊บผมเลยปลุกไอ้ตี๋ให้ลุกเพื่อที่จะได้ไปล้างหน้าล้างตา
เพราะอยากจะเดินทางแต่เช้าๆอ่ะครับ ยอมรับว่าตื่นเต้นมากๆ ในการไปเที่ยววันนี้

เพราะอยากจะเห็นใบเมเปิ้ลสีแดงสดที่กระจายอยู่ตามน้ำตกสายต่างๆ ใจแทบขาด
ก็เคยเห็นแต่ในรูปนี่ครับแต่วันนี้จะได้เห็นของจริงเสียที เฮ้อ รู้สึกดีจัง

“อ้นตื่นๆๆ ลุกไปล้างหน้าล้างตาได้แล้ว”
“เช้าแล้วเหรอ”
ไอ้ตี๋ลุกขึ้นนั่งหน้าตางัวเงียเกาหัวยุ่งๆด้วยท่าทีงงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็หล่ออ่ะครับแฟนผม 5555
แล้วอ้นก็ยิ้มๆมองมาทางผมด้วยสีหน้าแปลกใจ

“วันนี้แปลกแฮะตื่นแต่เช้าได้ด้วยคนเรา... 5555”
“พูดมากน่า...คนเรามันก็ต้องมีดีมั่งดิเร็วๆ ลุกเลย!”

ผมรุนหลังไอ้ตี๋ให้ออกไปจากเต็นท์ซึ่งตอนนั้นพวกนายโอ ก็เริ่มตื่นกันมั่งแล้ว
มีแต่ไอ้ตัวดีอี้นั่นแหละที่นอนขี้เซาแบบไม่รู้เรื่องราว

พอทุกคนพร้องแล้วพวกเราก็ออกเดินทางทันที ทริปของวันนี้ก็เป็นไปอย่างที่ได้วางแผนไว้คือเที่ยวไปตามน้ำตกต่างๆ
ที่มีอยู่หลายแห่งบนภูกระดึง แต่ละที่ก็มีทัศนียภาพที่สวยงาม และแตกต่างกันออกไป
บ้างเล็กบ้างใหญ่บ้างต่ำบ้างสูง บ้างก็เป็นแอ่งขนาดใหญ่ บ้างก็มีลำธารใสๆ น่าเล่น

แต่ที่ผมประทับใจเป็นที่สุดก็คือ “ต้นเมเปิ้ล” นี่แหละครับ
เพราะช่วงที่ไปเที่ยวครั้งนั้นใบของมันกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงสดพอดีเลย
เวลามองมาจากที่ไกลๆก็มองเห็นสะดุดตามาแต่ไกลๆ
ว่าต้องเป็นต้นเมเปิ้ลแน่นอนเพราะสีใบจะแดงส้ม เหลือง โดดเด่นกว่าพรรณไม้ชนิดอื่นๆ

เห็นวินแล้วยังกะได้มาอยู่ที่ญี่ปุ่นแน่ะครับ วันนี้อากาศดีและค่อนข้างร้อน แตกต่างจากเมื่อวานมาก
แต่ได้ไอน้ำจากน้ำตกเย็นๆ  พวกเราเลยแทบไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยก็ว่าได้
อีกอย่างคงเป็นเพราะพวกเราเที่ยวกันตามป่ามั๊งเลยไม่รู้สึกร้อนออกจะเย็นๆ เสียด้วยซ้ำ

เพราะทางเดินก็จะเลียบไปตามน้ำตกตลอดสายบ้างก็เป็นน้ำตกสูงๆ บ้างก็มีแก่งหิน
แซมด้วยต้นเมเปิ้ลที่เปลี่ยนใบเป็นสีแดงไปทั่วป่า
บางครั้งมันก็จะร่วงกราวลงสู่น้ำตกดูแล้วสวยดีครับ

ระหว่างทางที่จะไปน้ำตกสอเหนือจะมีพรรณไม้ดึกดำบรรพ์อยู่หลายอย่าง
และนอกจากนี้ยังมีพรรณไม้ดอกสวยๆอีกด้วย ช่วงนึงเราเดินผ่านสายน้ำตก
พี่เหน่งชี้มือให้ผมดูดอกไม้สีขาวสะอาดที่มีลักษณะดอกบานเหมือนไข่ดาว
ตรงกลางมีเกสรสีเหลืองความโดดเด่นอยู่ตรงที่ลักษณะดอกที่ใหญ่นั่นเอง

“นั่นดอกไรวะวินดอกใหญ่ๆ ที่ลอยอยู่ในน้ำอ่ะ”
“นั่นเขาเรียกว่าดอกส้านเขาหรืออีกชื่อก็ดอกไข่ดาวอ่ะพี่เหน่ง”
ผมตอบอย่างผู้ชำนาญการพี่เหน่งกับเพื่อนๆ ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“เห็นแล้วหิวข้าวเลยสาด”

พี่อ้วนพูดขึ้นมาแบบตลกๆตามนิสัยแก พวกเราก็หัวเราะกันไปอย่างครื้นเครง
น้ำตกบางแห่งจะมีมอสเขียวสดขึ้นคลุมอยู่เห็นทีแรกยังคิดว่ามีคนมาปูพรมเอาไว้ซะอีกน่านั่งมากๆ เลยครับ
(แต่ไม่ดีนะครับอย่าไปเหยียบหรือไปนั่งมันเลยเสียดายของครับ)

บางแห่งก็จะมีต้นกุหลาบพันปีออกดอกบานสะพรั่งแดงไปทั้งราวน้ำตก
ทำให้ผมทั้งอึ้งและทึ่งกับสิ่งที่ธรรมชาติได้สร้างมาจริงๆ

“สวยว่ะอย่างที่เคยเห็นในหนังสือท่องเที่ยวเลย ดูดิ”

ผมถึงกับเพ้อเมื่อเข้าไปสำรวจดอกไม้ที่มีความคล้ายดอกชบาแต่ออกดอกดกกว่า
ช่อนึงจะมีประมาณสามถึงห้าดอก ไอ้ตี๋เห็นว่าผมสนใจดอกกุหลาบพันปีซะขนาดหนักเลยจะถ่ายรูปให้

“มาเดี๋ยวอ้นถ่ายรูปให้”
“ดีเลยแต่ถ่ายให้เราอยู่มุมๆ นะ จะได้เห็นวิวสวยๆ”

ผมกำชับไอ้ตี๋ให้ถ่ายภาพออกมาอย่างที่ผมต้องการ
ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ใจผมมากไปกว่าอ้นอยู่แล้ว กำลังถ่ายรูปคู่กับดอกกุหลาบพันปีอยู่ดีๆ พวกเพื่อนๆ
ไอ้ตี๋ก็เข้ามาขอแจมด้วย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะถ่ายรูปได้หลายใบแล้ว

แล้วก็ตามมาด้วยพวกเพื่อนๆของผมมั่งเราพักกันที่น้ำตกธารสวรรค์อยู่ค่อนข้างนาน
เพราะน้ำตกแห่งนี้ไม่สูงชันเท่าไหร่และน้ำก็ใสมากๆด้วย บรรยากาศรอบข้างก็สดชื่นและไม่ทึมทึบ
ขณะที่ผมกำลังถ่ายรูปดอกไม้เพลินๆ ไอ้อี้ก็ลากผมลงไปที่น้ำตกแล้ววิดซะเปียกโชกไปทั้งตัว!

“สาดนี่!...เดี๋ยวกล้องก็เปียกกันพอดี”

แต่มันหาได้ใส่ใจก็ป่าวผมหมั่นเขี้ยวสุดๆ เลยฝากกล้องกับไอ้ซันแล้วไล่มันในน้ำ
จนเปียกปอนกันไปทั้งคู่พอดีเห็นไอ้เหมเชียร์เย้วๆ อยู่ใกล้ๆ
เลยลากมันลงมาด้วยซะเลยสมน้ำหน้ามัน 5555

ขากลับพระอาทิตย์ก็เกือบตกดินแล้วพวกเราเดินผ่านลำธารแห่งหนึ่ง
เห็นใสดีเลยอาบน้ำกันซะที่นั่นให้เรียบร้อยพอไปถึงที่ศูนย์ฯ จะได้ไม่ต้องแย่งคนอื่นเข้าห้องน้ำ

ซึ่งแต่ละคนก็ถอดกางเกงออกหมดเหลือแค่กางเกงในคนละตัว
เป็นดุ้นเป็นลำทั้งนั้นเลยเห็นแล้วแทบต้องกลืนน้ำลายเอื้อกๆเลยครับ 5555

โดยเฉพาะพวกพี่ๆเขาด้วยแหละดูหุ่นพี่เหน่ง กับพี่เต็งดิจะบ้าตาย หุ่นแม่งน่าเอาชิบ
แทบตบะแตกอ่ะครับเสียดายไม่มีโอกาสได้จัดการน้องชายของพวกพี่แก
นี่ถ้าไอ้ตี๋อ้นไม่ได้มาด้วยล่ะก็คิดเหรอว่าจะรอด5555
ช่วงนึงที่อาบๆอยู่ไอ้ทินก็ร้องแว้กๆๆ ขึ้นมาแล้วกระโจนลงน้ำจนพวกผมตกใจ

“ทากๆๆ ยี๊! มันเด้งดึ๋งๆ กระโดดใส่กูแม่งสยองชิบหาย!”

พอได้ยินดังนั้นทุกคนก็หูผึ่งเลยครับ! เพราะทราบกิติศัพท์เจ้าแห่งภูผามานักต่อนักแล้ว!
ว่าร้ายกาจซักแค่ไหน พวกผมก็มองตามที่มือไอ้ทินมันชี้เป็นตาเดียว!

แล้วทีนี้ไอ้น็อตก็ร้องว๊าก! ขึ้นมามั่งเมื่อเจ้านี่มันดันโดนกัดจริงๆ
เพราะดันไปนั่งวิดอาบอยู่ริมๆ ลำธารไม่ได้ลงมาทั้งตัวเหมือนพวกผม
ก็ไอ้นี่มันขี้หนาวไม่แพ้ผมอ่ะครับ ทากมันชอบที่ชื้นแฉะ แต่ไม่ชอบอยู่ในน้ำครับพวกผมเลยรอดไป

แต่ละคนเห็นดังนั้นก็รีบกระโดดขึ้นมาจากน้ำแล้ววิ่งกันกระเจิงไปเลยดิครับ
เห็นท่าทีตาลีตาเหลือกของแต่ละคนแล้วโคดฮาอ่ะตัวก็โตๆ กันทั้งนั้นแต่กลัวทากตัวเล็กเท่าหนอน 5555
ยิ่งไอ้อี้แล้วด้วยวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเลยครับ

เพราะมันกลัวหนอนกลัวสัตว์ไร้กระดูกสันหลังจนขึ้นสมองอย่างที่รู้ๆกัน
นี่ก็เป็นอีกประสบการณ์นึงที่พวกเราได้พบเจอกันบนภูกระดึงครับ
เพราะไม่เพียงจะได้อาบน้ำตกเย็นๆ(จนหนาวยะเยือก)บนภูกระดึงเท่านั้น
ยังได้ผจญกับกองทัพทากที่วิ่งไล่กวดพวกเราอย่างน่าขันเป็นที่สุด 5555

และพอวันสุดท้ายบ่ายแก่ๆ ของการเดินทาง
พวกเราก็มาถึง “ผาหล่มสัก” ผาชื่อดังแห่งภูกระดึง!!!
เพราะไม่ว่าใครที่ได้มาเที่ยวภูกระดึง
ก็ต้องมาถ่ายรูปคู่กับหน้าผาแห่งนี้กันทุกคนเพื่อเป็นที่ระลึก!

ยกเว้นคนที่กลัวความสูงเอามากๆ 5555

บริเวณรอบๆ มีก้อนหินใหญ่ๆ บางก้อนใหญ่เท่าบ้านหลังเล็กๆ เลยด้วยซ้ำ
รูปร่างและสัณฐานแปลกตาสลับกับป่าสนและป่าไม้อื่นๆ
มองออกไปที่หน้าผาแล้วรู้สึกว่าน่าหวาดเสียวสุดๆ

พวกเราก็รอต่อคิวกันกับนักท่องเที่ยวอื่นๆเพื่อจะได้ถ่ายรูปคู่กับผมหล่มสักแห่งนี้
รอนานโขเพราะคนรอคิวกันยาวเหยียดเป็นร้อยๆคนเห็นจะได้

ไม่นับรวมคนที่กำลังเดินทางมาถึงอีกมิใช่น้อย ตอนมองดูอยู่ไกลๆก็ว่าเสียวแล้วนา
แต่เมื่อต้องไปนั่งบนชะง่อนผาที่มีสัณฐานยื่นยาวออกไปกลางอากาศ
ขาผมก็เกิดสั่นๆขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ความรู้สึกครั้งนั้นยังจดจำได้ดี

“สาดวินขาสั่นเหรอมึงเฮ้ย!ไอ้วินขาสั่นโว้ยพวกมึง”
ไอ้อี้จับขาผมดูเมื่อเห็นอาการขากระตุกของผม
แล้วมันก็แหกปากให้เพื่อนคนอื่นๆได้ยินกันถ้วนหน้า

“ไม่แค่ไอ้วินหรอกโว้ย! กูก็สั่นจนหำหดแล้วว่ะมึง”

ไอ้เข้มที่เงียบๆมาตลอด พอมันพูดก็เล่นเอาเพื่อนคนอื่นๆ ขำก๊าก ฮากลิ้งกันลั่นผา
แต่จะว่าไปพอมองออกไปไกลๆทัศนียภาพข้างล่างก็สวยงามสุดลูกหูลูกตา
ที่เห็นเมืองอยู่ลิบๆนั่น คือ อ.หล่มสัก ของจังหวัดเพชรบูรณ์หล่ะ
และนี่จึงเป็นที่มาของชื่อ “ผาหล่มสัก” นั่นเอง

ดีหน่อยที่พวกผมมาถึงในช่วงที่แสงสีส้มของดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าพอดี
เลยได้รูปสวยๆมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก

บอกได้คำเดียวว่าเป็นผาชมพระอาทิตย์ตกได้สวยสมคำร่ำลือจริงๆ
ผมมองหน้าเพื่อนๆแต่ละคนแล้ว ถึงแม้หน้าตาจะดูมอมแมมและดูอิดโรย
แต่ในความเหนื่อยล้าทางร่างกายแววตาของแต่ละคนกลับดูสดใสและเต็มไปด้วยความเบิกบานใจจนสัมผัสได้
นับเป็นอีกหนึ่งความรู้สึกที่ผมจะไม่มีวันลืมวันได้เลย

แม้ว่าพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับบ้านกันแล้วก็ตาม
และหลายคืนบนภูกระดึงก็ได้สร้างความประทับใจให้เราทุกคนแบบที่ไม่มีวันลืมเลือน
ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายอย่างเรื่องที่ได้อี้ข้อเท้าเคล็ด ต้นโดนทากกัดที่ง่ามเท้า
ไอ้เหมลื่นตกน้ำที่น้ำตกเข่าแตกแต่ก็ไม่เจ็บตัวมากเท่าไหร่

และก็ท้ายสุดก็ไอ้ทินกับไอ้น็อตโดนทากกระโจนเข้าใส่ในวันที่อาบน้ำที่น้ำตกนั่นเอง
คนอื่นๆคิดยังงัยผมไม่รู้นะ แต่สำหรับผมคงไม่มีวันลืมเลือน “ภูกระดึง”แห่งนี้แน่นอน
ทั้งผานกแอ่นผาที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุด
ผาหล่มสักหน้าผาที่ทำเอาไอ้ถึกเข้มหำหดได้(นึกขึ้นมาแล้วขำทุกที)

หน้าผาที่ชมพระอาทิตย์ตกได้สวยที่สุดเช่นกัน สระใสสวยงามอย่างสระอโนดาตกับสระแก้ว
น้ำตกที่สวยงามเย็นสดชื่นทั้งหลายแห่งทั้ง น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกธารสวรรค์ ถ้ำสอเหนือ ถ้ำสอใต้ ฯลฯ

ใบเมเปิ้ลสีแดงๆ ดอกกุหลาบแดง และกุหลาบพันปี ข้าวตอกฤาษี ทุ่งหญ้าที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
และป่าสน กับพันธ์ไม้อื่นๆ อีกมากมาย ที่เราจะจดจำไว้ในความทรงจำตลอดไป.........

...................................................................

แล้วพอถึงเดือนมีนาคมปีต่อมาการลาจากก็ทำเอาพวกเราเศร้ากันเป็นแถบๆ

วันนั้นผมก็ได้เห็นน้ำตาไอ้อี้ไอ้ซันเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าระยะเวลาแค่สามปีจะไม่ได้นานนมเท่าไหร่นัก
แต่สำหรับพวกเรามันมีค่ามากกว่านั้นพร้อมๆ กับคำที่ทุกคนพูดกันติดปากว่า

“พวกมึงอย่าลืมกูนะ”

ในช่วงนั้นคำๆ นี้กลายมาเป็นคำพูดฮิตติดปากของแต่ละคนเลยก็ว่าได้
แล้วพวกเราก็กอดคอกันน้ำตาซึม
พอมองๆ หน้ากันก็หัวเราะสลับกับร้องไห้อ่ะครับ โคดขำอ่ะ ทั้งเศร้า ทั้งซึ้งเลยผับผ่าสิ

“ขอบใจพวกมึงทุกคนเลยนะโว้ยสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”
ผมทำซึ้งมองหน้าเพื่อนซี้ทุกๆคน จนเป็นเหตุให้ไอ้อี้มันเบิ้ดกะโหลกป้าบนึง

“คนยิ่งเศร้าๆ อยู่ดันมาทำซึ้งอีกนะมึงสาดนี่”
แล้วพวกเราก็หัวเราะกันขำๆเคล้าน้ำตาอ่ะครับ 5555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น