วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2563

หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 69 ตอนเกือบพลาดท่าในงานแต่ง

              หนุ่มขอพ่อกับแม่ให้ผมมางานแต่งด้วยเพราะต้องพากลับไปนอนที่หอด้วยกัน
              ผมใส่เสื้อเชิ้ดแขนยาวสีชมพูอ่อนๆ กับกางเกงยีนส์ตัวเก่งสวมผ้าใบคู่เก่ง หนุ่มเองก็ใส่เสื้อเชิ้ดแขนยาวสีฟ้าอ่อน ๆใส่กางเกงยีนส์ขากระบอกเข้ารูปสีเข้มกับรองเท้าผ้าใบ
              ผมกับหนุ่มมาถึงงานแต่งประมาณ6 โมงกว่า ๆ โดยพ่อกับแม่หนุ่มนั่งรอที่ร็อบบี้โรงแรม พอเจอกันหนุ่มแนะนำให้ผมรู้จักพ่อกับแม่
              “ต๊ะนี่พ่อกับแม่เรา”หนุ่มแนะนำให้ผมรู้จักพ่อกับแม่ พ่อใส่เสื้อผ้าไหมทรงซาฟารีสีเขียวหัวเป็ดส่วนแม่ใส่ผ้าไหมสีโอรสทั้งชุดดูสวยงามสะดุดตา หนุ่มรูปหน้าหล่อเหมือนพ่อแต่ตาหวานได้แม่มาเต็ม ๆ และผิวขาวของหนุ่มก็ได้แม่มาเต็ม ๆ
              ผมยืนตัวตรงแล้วพนมมือก้มหัวไหว้พ่อกับแม่แม่ยื่นมือมาจับที่มือผมแล้วกำไว้แน่น
              “ไหว้พระเถอะลูกแหมกริยามารญาตช่างงดงามเสียจริง ๆ  ใช่มั้ยพ่อ”
              “อืม หนุ่มต้องเอาอย่างเพื่อนนะไม่ต้องให้พ่อกับแม่คอยบอกว่าต้องไหว้ใคร” พ่อยื่นมือตบบ่าผมเบา ๆ พร้อมกับหันไปต่อว่าหนุ่มที่ยืนหน้าหงิกข้าง ๆ
              “ลูกเต้าเหล่าใครล่ะแล้วรู้จักกันได้ยังไง”ตามสัญชาตยาณของผู้เป็นแม่ก็อดห่วงลูกไม่ได้ เลยต้องถามที่มาที่ไปของเพื่อนลูก
              “ผมเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคครับรู้จักหนุ่มตอนไปดูงานทักษะผีมือช่างที่ขอนแก่น”
              “ก็ต๊ะนี่แหละแม่ที่ช่วยผมทำรายงาน”
              “อ๋อ”
              “คือหนุ่มเรียนสายวิทย์จะไม่ค่อยรู้เรื่องสายช่าง เลยให้ต๊ะช่วยติวให้จนผ่านวิชานี้” หนุ่มรีบเล่าก่อนเพราะกลัวพ่อกับแม่จะสงสัย เดี๋ยวหาเรื่องแก้ตัวไม่ถูก
              “แล้วเรียนสาขาอะไรล่ะลูก” พ่อหันมาถาม
              “ผมเรียนไฟฟ้ากำลังครับ”
              “อายุน่าจะพอ ๆกันนะแม่ว่า”
              “รุ่นเดียวกันเลยแม่” หนุ่มหันไปบอกแม่
              “เด็กวัยรุ่นเขาคุยภาษาเดียวกันรุ่นเดียวกันอีกเลยสนิทกันไว จริงมั้ยพ่อ”
              “งานยังไม่เริ่มหรือแม่”หนุ่มถามแม่ที่เห็นพ่อกับแม่ยังอยู่ที่ร็อบบี้ และเบี่ยงเบนความสนใจ
              “เห็นคนเริ่มมาแล้วแต่ยังไม่มากรอเราสองคนด้วย”
              “ต๊ะ ต๊ะ” ผมหันไปตามเสียง เป็นไอ้วิทเดินแกมวิ่งมาทางประตูโรงแรม
              “เฮ้ยวิทมึงมาทำไม”
              “พ่อกับแม่กูให้ขับรถมางานแต่งลูกเพื่อนแกที่นี่ว่าแต่มึงมาทำไม”
              “กูมากับเพื่อนนี่พ่อกับแม่เพื่อน”
              “ไอ้วิทยกมือไหว้พ่อกับแม่แบบงงๆ”
              “ไหว้พระเถอะลูกเป็นเพื่อนกับต๊ะหรอ”
              “เรียนห้องเดียวกันเลยครับ”
              “โลกมันกลมเนาะคนรู้จักกันทั้งนั้น แม่ก็มางานแต่งนี้เหมือนกัน”
              “ครับ”
              “นี่หนุ่มเพื่อนเราเรียนที่ขอนแก่น แล้วนี่วิทเพื่อนเราเรียนห้องเดียวกัน”ผมแนะนำให้ไอ้วิทรู้จักหนุ่มแล้วแนะนำหนุ่มให้รู้จักไอ้วิท
              “แล้วไม่เข้าไปในงานกับพ่อแม่ล่ะลูก”พ่อหนุ่มหันมาถามไอ้วิท
              “ไม่ไหวครับคนเยอะ อีกอย่างใส่ซองเดียวมากินกันทั้งบ้านแบบนี้เจ้าภาพหมดตัวพอดี”
              “55555555555555555” เสียงพ่อหัวเราะดังขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
              “งั้นเราเข้าไปในงานดีกว่าปล่อยให้เด็ก ๆ เขาคุยกัน” แม่หันมาชวนพ่อเข้างาน
              “เออหนุ่มรอพ่อกับแม่ด้วยนะ”
              “ครับ”
              พอพ่อกับแม่เข้าไปในห้องจัดเลี้ยงปล่อยให้เราสามคนคุยกันอย่างออกรสและถูกคอ หนุ่มกับวิทคุยกันถูกคอมาก คนนึงโยนอีกคนตบ รับลูกกันอย่างสนุกสนาน
              “เด็ก ๆเจ้าภาพให้มาชวนเข้างาน ยังมีโต๊ะเหลือ”แม่ออกมาชวนพวกเราเข้างาน โดยจัดให้เราสามคนนั่งโต๊ะเดียวกัน พอเราไปนั่งที่โต๊ะรู้ทันทีว่าอยากอวดลูกชาย เพื่อแนะนำให้บรรดาเพื่อน ๆ รู้จักซึ่งส่วนใหญ่ก็พาลูกสาวมาเปิดตัว
              เราสามคนพอมานั่งโต๊ะเดียวกันในงานแต่งทำให้เป็นจุดสนใจของสาวตาหลายคู่เพราะเราสามคนถือว่าหน้าตาหล่อเหลา กันที่สุดในงานก็ว่าได้
              แม่หนุ่มถึงกับยิ้มแก้มปริออกนอกหน้าที่มีแต่คนหันหลังหรือแอบชำเรืองมาดูเราสามคน แล้วแอบกระซิบพร้อมส่งสายตายั่วยวน
              “หุบยิ้มบ้างก็ได้นะแม่” ได้ยินพ่อแอบกระซิบ แต่พ่อเองก็ยิ้มแก้มแทบปริเหมือนกัน
              “ออกงานทั้งทีมันก็ต้องยิ้มแย้มแจ่มใสบ้างซิพ่อ”
              “ยิ้มเพราะได้ออกงานหรือยิ้มเพราะกำลังอวดลูกชาย”
              “พ่อก็....” แม่หนุ่มหันไปตีพ่อเบา ๆ ด้วยความเขิลอายที่พ่อรู้ทัน
              “555555555555555”
              “พ่อดูซิ ใคร ๆก็หันมาดูลูกเรากันทั้งงานเลย”
              “สงสัยจะลูกสะไภ้ก็คราวนี้ละมั้ง”
              “ยังย่ะแค่อวดเฉย ๆ ไม่ยอมให้แต่งง่าย ๆ หรอก”
              “แหม...แค่ล้อเล่น”
              “เดี๋ยวมานะพ่อ” แม่เดินไปหาคนรู้จักปล่อยให้พวกเรานั่งที่โต๊ะรวมกับแขกอื่นซึ่งก็สนใจแต่อาหารบนโต๊ะมากกว่าที่จะคุยกันหรือต่างคนต่างมาโดยไม่รู้จักกันก็ไม่รู้ส่วนพ่อนั่งได้สักครู่ก็เดินไปคุยกับเพื่อนที่รู้จัก
              บรรดาลูกสาวเพื่อนๆ แม่หนุ่มแต่ละนางประโคมแต่งตัวกันเต็มที่ บางคนนุ่งผ้าไหมมาทั้งชุดแทบแยกกันไม่ออกว่าคนไหนแม่คนไหนลูกบางคนก็แต่งตัวยังกะมาเป็นเจ้าสาวเสียเอง เราสามคนได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ
              มีป้าคนนึงมาจับมือเราสามคนว่าอยากได้เป็นลูกเขยขอจองไว้ก่อน พอเห็นลูกสาวป้าแกเราสามคนถึงกับกลั้นหัวเราะจนหน้าเขียว เพราะลูกสาวที่แกเอ่ยถึงน้ำหนักน่าจะเกินร้อย ขนาดยืนบังเราสามคนมิดได้ในทีเดียวพ่อเดินมาจากไหนไม่รู้มาตบบ่าเราสามคน เหมือนรู้ใจ
              “อืม....ใจเย็นไว้ลูก” เราแหงนดูหน้าพ่อหนุ่มที่แอบมายืนยิ้มเจื่อน ๆ ข้างหลังเราตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้พอพูดเสร็จก็แล้วก็เดินออกไป
              ป้าแกยังไม่เลิกลวนลามที่จะเอาเราสามคนเป็นลูกเขยให้ได้จนเจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินมาแจกของชำร่วย เราสามคนถูกเชิญให้ยืนข้าง ๆ เจ้าบ่าวเพื่อถ่ายรูป ส่วนข้างเจ้าสาวก็มีบันดาสาว ๆ มายืนถ่ายรูปด้วย
              เจ้าบ่าวอายุน่าจะเกือบ30 ส่วนเจ้าสาว 20 ต้น ๆ หล่อสวยสมกัน ได้ข่าวมาว่าเจ้าบ่าวเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่นส่วนเจ้าสาวเรียนจบ มศ.5 แล้วก็ไม่ได้เรียนต่อ อยู่ช่วยพ่อแม่ทำงาน
              เราสามคนพอถ่ายรูปเสร็จก็ถือในช่วงที่บ่าวสาวกำลังสาละวนกับการถ่ายรูปโจ๊ะนั้นโต๊ะนี้เลยรีบถือโอกาสเดินเลี่ยงออกมาจากในงาน
              “เมื่อกี้กูกลั้นหัวเราะจนขี้จะแตกเลยว่ะ  ว่ามั้ยหนุ่ม”  ไอ้วิทหันไปคุยกับหนุ่ม
              “เออ...ลูกสาวตัวยังกะยักษ์ดีนะที่พ่อมาตบบ่าไว้ไม่งั้นก็ปล่อยก๊ากเหมือนกัน”
              “สองคนทำเป็นพูดดีไปเถอะ....ไปหัวเราะเค้าระวังกรรมจะตามสนองได้เมียแบบนั้น”
              “มึงอย่ามาทำเป็นพูดดีเลยไอ้ต๊ะมึงเองก็กลั้นหัวเราะจนหน้าเขียวเหมือนกันแหละว๊ะ”ไอ้วิทหันมาตบบ่าผมอย่างแรง
              เราสามคนเดินมาเล่นหน้าโรงแรมรับลมเย็นๆ เห็นร้านข้าวต้มกุ้ยเลยชวนกันไปกิน
              “กินข้าวต้มกันมั้ย” ผมหันไปชวนทั้งสองคน
              “เออดีเหมือนกันเมื่อกี้กินโต๊ะจีนไปได้นิดเดียว สายตาป้า ๆ และสาว ๆ แต่ละคนจ้องกูยังกะจะกินกูเข้าไปทั้งตัว”ไอ้วิทเสนอขึ้นมาก่อน
              “เราก็หิว”  หนุ่มบ่นหิวเหมือนกัน
              เราสามคนสั่งกับข้าวสามสี่อย่างพร้อมข้าวต้มที่หอมใบเตยคนละถ้วย
              ผมเคยแต่ผ่านโรงแรมนี้ตอนกลางวันไม่เคยมาตอนกลางคนจึงไม่รู้ว่าหน้าโรงแรมมีข้าวต้มกุ้ยแสนอร่อยถัดไปเป็นก๊วยเตี๋ยวรถเข็น ซึ่งมีคนนั่งกินบ้างประปราย
              “กูไม่เคยมาแถวนี้กลางคืนเลย” ผมหันไปถามไอ้วิท
              “กูก็เพิ่งมาเหมือนกันหอกูอยู่คนละทาง”
              “อ้าววิทก็พักหอเหมือนกันหรอ” หนุ่มหันมาถามไอ้วิท
              “เคยพัก แต่ก็กลับไปอยู่บ้านเป็นครั้งคราวสลับกันไปมา”
              “บ้านมันรวย อย่าไปสนใจมันเลยหนุ่ม”
              “ไอ้เหี้ยต๊ะ” ไอ้วิทมันหันมาค้อนผมวงใหญ่
              ไอ้วิทมันเบื่อทางบ้านมันก็มาอยู่หอพอหายเบื่อมันก็กลับบ้านแต่หอมันก็เช่าทิ้งไว้  เพราะครอบครัวมันครอบครับใหญ่ คนอยู่กันเยอะอยู่กินแบบกงสี พี่ชายพี่สาวมันเองก็ไป ๆ มา ๆ ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านมีพี่ชายคนโตของมันเท่านั้นที่เป็นหลัก เพราะมีครอบครัวแล้ว แถมมีลูกชายอีก 3 คนลูกสาว 2 คน
              เราหันไปทางโรงแรมเห็นคนเริ่มทยอยออกมาแสดงว่างานเสร็จแล้วผมจ่ายตังค่าข้าวต้ม กินกัน 3 คนจนท้องแทบแตกหมดไป 180 บาท
              “หนุ่มทางนี้” เสียงแม่ตะโกนเรียก
              “ต๊ะกูไปก่อนนะวิทเราไปก่อนนะ” ไอ้วิทโบกมือแล้วรีบวิ่งไปหาครอบครัวมันที่ยืนรออยู่หน้าโรงแรมเหมือนกัน
              ผมกับหนุ่มเดินไปหาพ่อกับแม่
              “งานไม่สนุกหรอ” แม่ถามหนุ่มขึ้นมาทันที
              “แม่ถามพ่อดูดิ” หนุ่มโบ้ยปากไปทางพ่อทันที
              “มีอะไรกันพ่อ”
              “เดี๋ยวเล่าให้ฟัง555555555555” พ่อพูดจบก็หัวเราะทันที
              “เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย”แม่เสียงเขียวขึ้นมาทันที เพราะคิดว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอนจนพ่อต้องค่อย ๆ เล่าให้ฟัง
              “ก็มีป้าคนนึงเข้ามาจะเอาไอ้สามคนนี้เป็นลูกเขยจะเอาทั้งสามคนหรือเอาคนเดียวก็ไม่รู้  แต่พอเอาลูกสาวมาแนะนำไอ้สามคนนี้ก็ทำสีหน้าแบบอมทุกข์กลั้นลมหายใจกันจนหน้าเขียว”
              “ไม่สวยหรอ”
              “ต๊ะหลบ” หนุ่มกระชากผมหลบไปอยู่ด้านหลังพ่ออย่างรวดเร็ว ผมก็เข้าไปหลบแบบงง ๆหนุ่มชี้มือให้พ่อดู พอพ่อหันไปเห็นก็หันมาพูดกับแม่
              “สาวที่ใส่ชุดราตรีสีชมพูสดคนนั้นไงลูกสาวป้าคนนั้นสวยมั้ยล่ะ”
              แม่หันไปตามมือพ่อทันทีจริง ๆ แล้วจะเรียกว่าสีชมพูคงไม่ใช่ ผมว่าสีบานเย็นสดน่าจะถูกกว่า
              “เฮ้ย................” แม่ร้องขึ้นมาพร้อมกับรีบเอามือปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว
              “สวยมั้ยล่ะแม่” พ่อหันมาถามแม่
              “ความสวยก็พอไปวัดไปวาได้แต่ความใหญ่นี่สุดยอด” แม่หันมามองเราด้วยความเห็นใจทันที
              “ท่าทางจะอยากได้สามคนนี้เป็นผัวในทีเดียวแน่ ๆ ตัวใหญ่ซ๊ะขนาดนั้น”
              “พ่อก็พูดเกินไป.....เห็นเดินในงานไปตามโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ รู้จักเขาไปทั่ว  คิดว่าต้องญาตฝ่ายเจ้าบ่าวหรือฝ่ายเจ้าสาว  ดีแล้วลูกที่ไม่ทำให้สาวเขาเสียหน้าหลบออกมาแบบนี้”สุดท้ายแม่หันมาพูดกับผมสองคน
              “ไอ้สามคนนี้ก็เกือบไปแล้วมั้งเห็นปิดปากกลั้นหายใจกันจนหน้าเขียว”
              “ไม่ได้กลั้นหายใจเลยพ่อเราสามคนกลั้นหัวเราะ”
              “รักหรือไม่รักชอบหรือไม่ชอบ พอใจหรือไม่พอใจก็นิ่ง ๆ ไว้ก่อน อย่าไปทำตัวรุ่มร่ามยังไงเขาก็เป็นผู้หญิง”
              “คราบบบบบ” หนุ่มหันไปกอดแม่แบบอ้อน ๆ
              “แล้วนี่จะกลับกันยังไง”
              “ผมเอามอเตอร์ไซต์มาครับเดี๋ยวก็กลับหอ”
              “ขับรถดี ๆนะลูก แล้วพรุ่งนี้ก็มาเจอกันสัก 10 โมง”
              “ได้ครับแม่” หนุ่มหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ ก่อนที่จะเข้าไปกอดพ่ออีกคน
              “ทำไรเป็นเด็กๆ ไม่อายเพื่อนเลย” แม่เอามือลูบหลังหนุ่มด้วยความรัก
              พ่อกับแม่ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนเราสองคนขี่มอไซต์ออกมาเรื่อย  ๆ
              “พ่อกับแม่หนุ่มน่ารักเนาะ”
              “แล้วลูกชายไม่น่ารักหรอ”
              “ไม่น่ารัก...น่าอย่างอื่นมากกว่า”
              “พลั๊ก!!!!”  หนุ่มเอากำปั้นทุบหลังผมอย่างแรง
              “โอ้ยเดี๋ยวเถอะกลับถึงหอจะจัดการให้เข็ด”     
              “คืนนี้อด.....เพราะระบมมาก” หนุ่มกอดเอวผมแน่น พร้อมกระซิบมาจากข้างหลัง
              คงจะระบบไม่น้อยเพราะหนุ่มเองอารมณ์ก็รุนแรงใช่เล่น กระแทกจนควยผมแทบหักเช่นกัน แต่ก็นึกในใจว่าขอให้จริงเถอะเดี๋ยวจะแกล้งยั่วให้ดู
              ผมขี่รถมอไซต์ฝ่าความมืดกลับไปที่หอผมอย่างช้าๆ หนุ่มกอดหนังผมแน่น พร้อมเอาคางมาเกยที่บ่าผม
              หนุ่มเอามมือเอามือมากุมเป้าผมพร้อมกับดึงชายเสื้อออกมาคลุมไว้
              “ก่อนเรามาต๊ะแอบพาไอ้ตัวน้อยนี่ไปหากินที่ไหนมาบ้างหรือเปล่า”
              “เมื่อเช้าโดนจัดหนักเหมือนตายอดตายอยากขนาดนั้นพอเดาออกหรือยังล่ะว่าไอ้ตัวน้อยมันไปแอบกินใครมาก่อนหรือเปล่า”
              “ไม่รู้ยังพิสูจน์ไม่ได้”
              “งั้นเดี๋ยวไปถึงหอจะพิสูจน์ให้ดู”
              “พลั๊ก !!!!!” หนุ่มกำกำปั้นทุบหลังผมเสียงดัง
              “ทะลึ่งขึ้นทุกวัน”
              “มีเมียขี้เงี่ยนก็ต้องทะลึ่งบ้างเป็นของธรรมดา”
              “ใครขี้เงี่ยน”
              “แหม...ล้วงควยซ๊ะขนาดนั้นไม่ขี้เงี่ยนแล้วเรียกว่าอะไร”
              “โอ้ยยยยยยย” ผมร้องเสียงหลงเพราะหนุ่มบีบกระโปกผมอย่างแรง จนผมจุก
              “นี่แนะ....จะบีบให้มันแตกเลย”
              “เดี๋ยวใช้การไม่ได้อย่ามาโทษกันนะ”
              “ดีจะได้ไม่ต้องเอาไปใช้กับคนอื่น”
              “ใช้กับคนอื่นที่ไหนล่ะ กระแทกเมียคนเดียว”
              “ทำเป็นปากดีไปเถอะ”
              “เราโดนหนุ่มรีดน้ำไปขนาดนั้นจะมีเหลือไปเผื่อแผ่ใครได้ล่ะ”
              “ยังจะมาพูดดีอีกเดี๋ยวจะโดนอีกรอบ”
              “กลัวแล้วคราบ”หนุ่มเอาจมูกมาไซ้ที่ซอกคอผมอย่างแผ่วเบา
              “หนุ่ม”
              “หือ...มีไร”
              “ลองทำแบบรึมบึงมั้ย”
              “ไอ้บ้าต๊ะ..........พลั๊ก” หนุ่มตะโกนด่าเสียงดังพร้อมกับทุบหลังผมอย่างแรงอีกครั้ง เล่นเอาหลังแอ่น
              “ชอบเล่นเจ็บ ๆเดี๋ยวให้สาวชุดชมพูล้มทับเลย”
              “เออ....พูดถึงสาวชุดชมพูพูดถึงหน้าตาเขาก็สวยดีนะ ผิดที่ปล่อยตัวให้อ้วนไปหน่อย”
              “ชอบหรอ”
              “บ้า...แค่พูดถึงเฉยๆ ถ้าชอบแบบนั้นจะมาหาต๊ะทำไม”
              “ถ้าชอบผู้หญิงก็บอกนะ  เรายินดีหลีกทางให้”
              “แล้วถ้าชอบผู้ชายล่ะ”
              “ถ้าชอบผู้ชายเราไม่ยอม”
              “จ้า....เราจะมีผัวชื่อต๊ะเพียงคนเดียวเราสัญญา” หนุ่มพูดเสร็จก็ซบหน้าลงบนบ่าผมนิ่ง
              “ผมรู้สึกสุขใจและอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกมันเป็นความสุขที่สุดเท่าที่เคยมีมา หรือว่าหนุ่มจะเป็นคนที่ใช่สำหรับผมสายตาผมจ้องไปข้างหน้าอย่างมีความสุข หนุ่มกอดผมแน่นกระชับขึ้น ไออุ่นของเราสองคนแผ่นซ่านเข้าหากัน
              อากาศยามค่ำคืนสดชื่นเย็นสบายกลางคืนแบบนี้ถึงแม้จะเป็นตัวจังหวัดแต่แทบจะไม่มีรถวิ่ง  มีไฟถนนเป็นระยะ ๆ ร้านค้าปิดสนิท
              กลับถึงหอต่างคนต่างไม่พูดอะไรคงเพลียเราสองอาบน้ำพร้อมกันแต่ไม่มีอะไร พออาบน้ำเสร็จต่างคนต่างล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วกอดกันอย่างมีความสุข
              “ง่วงก็นอนก่อนเลยนะ” หนุ่มนอนหนุนแขนผมนิ่ง เอามือวางบนอกผมเบาๆ
              “ต๊ะยังไม่ง่วงหรอ”
              “ง่วงเหมือนกันแต่รอดูหนุ่มหลับก่อน”
              “ทำไมต้องให้เราหลับก่อนจะลักหลับเราหรอ”
              “อุ้ย...ขนาดนี้แล้วยังต้องลักหลับอีกหรอ”
              “ขนาดไหนบอกมา”
              “ก็เขี่ยปุ๊บอ้าปั๊บ เสียบปุ๊บ กระแทกปั๊บ ตรงนี้ไง”ผมเอามือลงไปขยำที่ก้นแน่น ๆ ของหนุ่มเบา ๆ
              “นอนเถอะดึกแล้ว” หนุ่มแก้เขิลด้วยการทิ้งหัวลงบนหมอนทันที
              ผมเอื้อมมือไปปิดไฟแล้วนอนกอดหนุ่มอย่างมีความสุขจนเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น