วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2563

หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 89 ตอนลงแขกแลกเกรด 1

               ถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว อาจารย์มาถามว่ามีใครพอว่างมั้ยจะชวนไปเกี่ยวข้าว แต่ละคนก็นิ่งเงียบเพราะที่บ้านตัวเองก็มีข้าวที่ต้องเก็บเกี่ยวเหมือนกัน
              “ไม่ว่างไม่เป็นไร เกรดออกมาต่ำก็อย่ามาว่าครูโหดนะ”
              “โห..............อาจารย์” เสียงไอ้นะโวยขึ้นมาทันที
              ผมเองคะแนนสูง  ไม่ไปก็คงไม่มีปัญหา แต่อาจารย์คงหาคนช่วยไม่ได้จริง ๆ ถึงต้องใช้ไม้นี้
              “วันไหนครับอาจารย์ เดี๋ยวผมไปช่วย”
              “เฮ้ยต๊ะ วิชาของอาจารย์มึงได้เกือบเต็มเลยนะ มึงยังจะไปอีกหรอ” ไอ้อ้อมหันมากระซิบข้าง ๆ
              “อาทิตย์หน้าถ้าได้สัก 10 คน 3 วันก็น่าจะเสร็จ ครูมีค่าแรงให้”
              “ได้ครับอาจารย์”
              “ขอบใจมากต๊ะ” อาจารย์พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป
              “ไอ้ต๊ะ ใครจะไปกับมึง อีกอย่างคะแนนมึงเกือบเต็มอยู่แล้ว” ไอ้นะปรี่เข้ามาหาผมอย่างพร้อมเพรียงกับ ไอ้เจต ไอ้อ้อม ไอ้วิท ไอ้วัน
              “ตั้งแต่อาจารย์สอนแกเคยเอาเรื่องนี้มาพูดมั้ย แสดงว่าตอนนี้แกเดือดร้อนจริง ๆ ถึงกล้าทำขนาดนี้ วิธีการพูดอาจจะดูไม่ถูกต้อง แต่ดูจากแววตาจารย์แล้วแกน่าจะวิตกกังวลหลายอย่าง”
              ผมมองสีหน้าเพื่อน ๆ ทุกคนเริ่มนิ่ง
              “แค่ 3 วัน ถือเสียว่าไปเที่ยว อีกอย่างจารแกก็บอกว่ามีค่าแรงให้ อย่าคิดว่าไปทำงานแลกเกรดดิ คิดว่าไปช่วยอาจารย์แล้วได้เที่ยวด้วย”
              “อืม” ทุกคนเริ่มเสียงอ่อนลง แต่ยังยืนนิ่งไม่ออกความเห็น
              “กูไม่ได้บังคับพวกมึงนะ อาชีพพ่อแม่พวกเราก็ทำนา การเกี่ยวข้าวมันอยู่ในสายเลือด บางคนอาจจะไม่เก่ง แต่เชื่อว่าไม่เกินความสามารถหรอก”
              “งั้นไปยกห้องเลย ดีมั้ย” ไอ้เจตเสนอ
              “เออ....เอาไงพวกกูเอาด้วยโว้ยต๊ะ” เพื่อนในห้องสนับสนุนกันทั้งห้อง
              “พวกมึงมันต้องอย่างนี้ซิว๊ะ”
              “เฮ้......................”
              “พวกเธอทำอะไรกัน เสียงดังรบกวนคนอื่น”
              อาจารย์ปราณี ที่สอนห้องข้าง ๆ เดินมาทุบประตูด่า
              “ขอโทษครับอาจารย์”
              “ไม่มีเรียนก็ไปที่อื่น อย่ามารบกวน”
              “ทุกคนรีบคว้ากระเป๋าเรียนได้ก็รีบวิ่งลงจากอาตารเรียนอย่างรวดเร็ว
*******************
              เช้าวันเสาร์เราขึ้นรถสองแถวไปบ้านอาจารย์ ซึ่งห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 60 กว่าโล ทุกคนมาอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า
              แต่ละคนทำตัวเหมือนมาทัศนะศึกษา คุยกันแต่เรื่องเที่ยว บางคนก็เอากีต้าร์ไปด้วย
              “เดี๋ยว รอด้วย” ผมหันไปตามเสียง เป็นไอ้หยกกับไอ้บอย
              ผมหันหน้าไปมองไอ้เจตทันที
              “กู.............” ไอ้เจตพูดได้แค่นั้นแล้วก็รีบก้มหน้าหลบตาผม
              “พวกมึงสองคนจะไปไหน”
              “ก็ไปเที่ยวกับพี่ ๆ ไง”
              “ไปเที่ยวที่ไหน พวกกูจะไปเกี่ยวข้าว”
              “พวกพี่ ๆ ก็เกี่ยวข้าวไปดิ ผมสองคนจะไปเที่ยว”
              “แล้วพวกมึงจะไปให้มันหนักรถทำไม อีกอย่างกูไม่ได้ชวน”
              “ก็แล้วแต่พี่ต๊ะดิ ผมไปตามคำชวนของพี่เจต”
              ผมหน้าไปมองไอ้เจตอีกครั้ง
              “เออ.....กูไม่ได้ชวน กูแค่เล่าให้มันฟังเฉย ๆ”
              “มึงจะอะไรมากนักว๊ะต๊ะ ให้มันไปเถอะ ไหน ๆ มันก็เอากระเป๋ามาแล้ว ตัวเท่าเขียดมันคงไม่เปลืองเท่าไหร่หรอกว๊ะ ให้มันไปด้วยเถอะ” ไอ้วันแสดงความเห็นขึ้นมา
              ผมมนึกในใจว่ากูไม่ได้กลัวเปลืองข้าวเปลืองน้ำหรอก  แต่กลัวใจไอ้หยกมันจะลากไอ้เจตไปดูดควยจนไม่เป็นอันทำงาน เดี๋ยวมีใครเห็นเข้าทีนี้เรื่องคงฉาวโฉ่ทั้งวิทลัยแน่  แต่ก็ได้แค่กังวล ผมหันหน้าไปถลึงตาใส่ไอ้เจต มันก็คงรู้ว่าผมกลัวอะไร แต่มาสำนึกผิดตอนนี้มันคงสายไปแล้ว
              ไอ้หยกขึ้นไปนั่งตักไอ้เจตทันที โดยไอ้เจตเองก็หันมามองหน้าผมทำตาปริบ ๆ
              ผมนึกในใจว่าสมน้ำหน้าหาเรื่องเอง อยากชวนกันดีนัก
              ไม่ถึง 10 นาทีรถสองแถวก็เคลื่อนออกจาก บขส มุ่งหน้าไปอำเถอบ้านอาจารย์
              60 กิโลเมตรใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง แวะทุกป้าย แวะทุกจุด แวะรอผู้โดยสารด้วย ถึงบ้านอาจารย์พวกเราต้องเดินอีกประมาณกิโลกว่า ๆ
              “มา ๆ เข้าบ้านก่อน” มีลุงแก่ ๆ ออกมาต้อนรับ สงสัยจะเป็นพ่ออาจารย์
              “หวัดดีครับลุง” พวกเรายกมือไหว้แทบจะพร้อมเพรียง
              “ไหว้พระเถอะ มากันเยอะเลย มา ๆ เข้าบ้านพักให้หายเหนื่อยก่อน”
              ยังไม่ทันก้าวขาเข้าบ้านอาจารย์ก็เดินเข้ามาสมทบ
              “จารย์หวัดดีครับ”
              “เฮ้ย....มาทั้งห้องเลยหรอ” ห้องผมตอนนี้เหลือ 18 คน ปกติมี 20 ลาออกไป 2 เพราะทำผู้หญิงท้องตั้งแต่ปี 1 ไป 1 คน ไอ้เชนลาออกเพราะย้ายไปเรียนที่กรุงเทพอีก 1 คน
              “แค่ 15 คนครับอาจารย์”
              “แค่นี้ก็ขอบใจมากแล้วต๊ะ” อาจารย์ก็คงรู้ว่าในห้องก็จะมีแปลก ๆ ไม่เอาเพื่อนเอาฝูงอยู่สามสี่คน
              “ให้พวกผมทำอะไรบ้างครับ”
              “เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้”
              “ไม่เป็นไรครับอาจารน์ คุยกันตอนนี้จะได้รีบวางแผน”
              “คือครูจะเกี่ยวข้าว แต่ไม่มีที่เก็บข้าวเปลือกเลยต้องเกี่ยวไปสีข้าวไปแล้วเอาไปตากที่ลานมันที่เช่าเขาไว้อีกที รถสีข้าวเขามีเวลาให้แค่ 3 วัน แต่ครูหาคนขนข้าวไม่ได้เลยต้องรบกวนพวกเรา”
              “โหจารเรื่องแค่นี้เอง”
              “ข้าวเยอะมั้ยครับ”
              “500 กว่าไร่”
              “หา.................................” ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด
              “คือครูหาได้ทั้งคนทั้งรถ แต่กลัวเสร็จไม่ทันเลยอยากให้พวกเราช่วยจะได้เสร็จเร็วขึ้น”
              “อ๋ออออออออออออออ” พวกเราอ๋อแทบจะพร้อมกัน ผมเองตอนแรกก็ตกใจนึกว่าต้องทำทั้ง 500 ไร่
              อาจารย์มีที่นาตรงนี้หลายร้อยไร่ ทุกปีเกี่ยวเสร็จจะมีลานเก็บรวงข้าวไว้เป็นกองใหญ่ ๆ เพื่อรอจ้างรถมาสีแยกระหว่างเมล็ดข้าวเปลือกกับฟางข้าวออกจากกัน จะใช้เวลาอยู่ประมาณเกือบเดือน
              แต่ปีนี้เห็นว่าติดขัดเรื่องรถสีข้าว มีเวลาว่างแค่ช่วงนี้ 3 วัน แต่ข้าวยังเกี่ยวไม่เสร็จ บางส่วนที่เสร็จก็ยังไม่ได้ขนมารวมกันรอสีข้าว ต้องทำงานแข่งกับเวลา
              ทุ่งนาทางอีสานจะเป็นที่ลาดเอียงเลยต้องทำคันนาเพื่อเก็บกักน้ำตอนปลูกข้าว การที่จะใช้รถเกี่ยวจึงยากเพราะจะติดคันนา นาแปลงไหนใหญ่และใกล้ทางรถเข้าได้ก็จะใช้รถเกี่ยวและขนกลับ แปลงไหนเล็กก็ต้องใช้แรงงานคน ถ้าจะใช้รถทั้งหมดก็ต้องจ้างคนขุดคันนาออกเพื่อให้รถเกี่ยวข้าววิ่งได้ และก็ต้องจ้างคนมาปิดคันนาเพื่อทำนาครั้งต่อไปอีก ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงไม่คุ้ม
              นาแถวภาคอีสานจะไม่เหมือนภาคกลาง ทางภาคกลางแทบจะไม่มีคันนาเลย เป็นแปลงใหญ่ ๆ เพราะเป็นพื้นที่ราบ ดังนั้นการทำนาทางถาคกลางถึงใช้รถดำนา รถเกี่ยวข้าวได้อย่างสบาย
              วันแรกเราวางแผนว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ทุกคนแบ่งหน้าที่กัน ยกเว้นไอ้หยกกับไอ้บอยที่เดินตามไอ้เจตไม่ห่าง
              “ต๊ะ  กูถามหน่อย” ผมหันไปเจอไอ้ยะ หรือปิยะเพื่อนในห้อง ปกติก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะมันก็มีกลุ่มของมันและมีบัดดี้คือไอ้ตุ๊ก ไปไหนสองคนแบบดูโอ้
              “มีอะไรยะ”
              “กูว่าไอ้เจตกับไอ้หยกมันดูแปลก ๆ มั้ย”
              “แปลกยังไง” ผมเริ่มกังวลขึ้นมาทันที
              “มึงไม่สังเกตหรอ ดูได้หยกมันเอาใจไอ้เจตเป็นพิเศษ”
              “มึงก็คิดมากไปไอ้ ไอ้หยกมันติดไอ้เจตมาตั้งแต่ปี 1 เหมือนขาดความอบอุ่น เหมือนขาดพี่ชาย”
              “อืม......แต่ก็ว่ามันสนิทกันเกินกว่าพี่ชายนะ ดูสายตาที่ไอ้หยกมันมองไอ้เจตดิ”
              “ไม่ถามมันดูล่ะ ว่ามันคิดกับไอ้เจตแบบไหน”
              “ไอ้บ้า....ไม่เอา” ไอ้ยะพูดเสร็จมันก็เดินไปทำงานต่อ สมัยนั้นเรื่องเกย์ยังไม่เป็นที่รู้จัก จะมีแต่ตุ๊สกับกระเทย
              ตุ๊สก็คือเด็กผู้ชายปกติแต่ชอบออกอาการกระตุ้งกระติ้ง จีบปากจีบคอพูด แอบแต่งหน้าบ้างเล็กน้อย
              กระเทยคือผู้ชายที่ชอบแต่งหญิง นิยมไว้ผมยาว แต่งหน้าเข้ม จัดจ้าน
              แต่ไอ้หยกไม่มีลักษณะทั้งสอง เพียงแต่มันชอบอ้อนไอ้เจต แล้วตามติดไอ้เจตแจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น