ถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว อาจารย์มาถามว่ามีใครพอว่างมั้ยจะชวนไปเกี่ยวข้าว
แต่ละคนก็นิ่งเงียบเพราะที่บ้านตัวเองก็มีข้าวที่ต้องเก็บเกี่ยวเหมือนกัน
“ไม่ว่างไม่เป็นไร เกรดออกมาต่ำก็อย่ามาว่าครูโหดนะ”
“โห..............อาจารย์” เสียงไอ้นะโวยขึ้นมาทันที
ผมเองคะแนนสูง ไม่ไปก็คงไม่มีปัญหา แต่อาจารย์คงหาคนช่วยไม่ได้จริง ๆ ถึงต้องใช้ไม้นี้
“วันไหนครับอาจารย์ เดี๋ยวผมไปช่วย”
“เฮ้ยต๊ะ วิชาของอาจารย์มึงได้เกือบเต็มเลยนะ มึงยังจะไปอีกหรอ” ไอ้อ้อมหันมากระซิบข้าง ๆ
“อาทิตย์หน้าถ้าได้สัก 10 คน 3 วันก็น่าจะเสร็จ ครูมีค่าแรงให้”
“ได้ครับอาจารย์”
“ขอบใจมากต๊ะ” อาจารย์พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป
“ไอ้ต๊ะ ใครจะไปกับมึง อีกอย่างคะแนนมึงเกือบเต็มอยู่แล้ว”
ไอ้นะปรี่เข้ามาหาผมอย่างพร้อมเพรียงกับ ไอ้เจต ไอ้อ้อม ไอ้วิท ไอ้วัน
“ตั้งแต่อาจารย์สอนแกเคยเอาเรื่องนี้มาพูดมั้ย
แสดงว่าตอนนี้แกเดือดร้อนจริง ๆ ถึงกล้าทำขนาดนี้
วิธีการพูดอาจจะดูไม่ถูกต้อง
แต่ดูจากแววตาจารย์แล้วแกน่าจะวิตกกังวลหลายอย่าง”
ผมมองสีหน้าเพื่อน ๆ ทุกคนเริ่มนิ่ง
“แค่ 3 วัน ถือเสียว่าไปเที่ยว
อีกอย่างจารแกก็บอกว่ามีค่าแรงให้ อย่าคิดว่าไปทำงานแลกเกรดดิ
คิดว่าไปช่วยอาจารย์แล้วได้เที่ยวด้วย”
“อืม” ทุกคนเริ่มเสียงอ่อนลง แต่ยังยืนนิ่งไม่ออกความเห็น
“กูไม่ได้บังคับพวกมึงนะ อาชีพพ่อแม่พวกเราก็ทำนา
การเกี่ยวข้าวมันอยู่ในสายเลือด บางคนอาจจะไม่เก่ง
แต่เชื่อว่าไม่เกินความสามารถหรอก”
“งั้นไปยกห้องเลย ดีมั้ย” ไอ้เจตเสนอ
“เออ....เอาไงพวกกูเอาด้วยโว้ยต๊ะ” เพื่อนในห้องสนับสนุนกันทั้งห้อง
“พวกมึงมันต้องอย่างนี้ซิว๊ะ”
“เฮ้......................”
“พวกเธอทำอะไรกัน เสียงดังรบกวนคนอื่น”
อาจารย์ปราณี ที่สอนห้องข้าง ๆ เดินมาทุบประตูด่า
“ขอโทษครับอาจารย์”
“ไม่มีเรียนก็ไปที่อื่น อย่ามารบกวน”
“ทุกคนรีบคว้ากระเป๋าเรียนได้ก็รีบวิ่งลงจากอาตารเรียนอย่างรวดเร็ว
*******************
เช้าวันเสาร์เราขึ้นรถสองแถวไปบ้านอาจารย์
ซึ่งห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 60 กว่าโล ทุกคนมาอย่างพร้อมเพรียง
พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า
แต่ละคนทำตัวเหมือนมาทัศนะศึกษา คุยกันแต่เรื่องเที่ยว บางคนก็เอากีต้าร์ไปด้วย
“เดี๋ยว รอด้วย” ผมหันไปตามเสียง เป็นไอ้หยกกับไอ้บอย
ผมหันหน้าไปมองไอ้เจตทันที
“กู.............” ไอ้เจตพูดได้แค่นั้นแล้วก็รีบก้มหน้าหลบตาผม
“พวกมึงสองคนจะไปไหน”
“ก็ไปเที่ยวกับพี่ ๆ ไง”
“ไปเที่ยวที่ไหน พวกกูจะไปเกี่ยวข้าว”
“พวกพี่ ๆ ก็เกี่ยวข้าวไปดิ ผมสองคนจะไปเที่ยว”
“แล้วพวกมึงจะไปให้มันหนักรถทำไม อีกอย่างกูไม่ได้ชวน”
“ก็แล้วแต่พี่ต๊ะดิ ผมไปตามคำชวนของพี่เจต”
ผมหน้าไปมองไอ้เจตอีกครั้ง
“เออ.....กูไม่ได้ชวน กูแค่เล่าให้มันฟังเฉย ๆ”
“มึงจะอะไรมากนักว๊ะต๊ะ ให้มันไปเถอะ ไหน ๆ
มันก็เอากระเป๋ามาแล้ว ตัวเท่าเขียดมันคงไม่เปลืองเท่าไหร่หรอกว๊ะ
ให้มันไปด้วยเถอะ” ไอ้วันแสดงความเห็นขึ้นมา
ผมมนึกในใจว่ากูไม่ได้กลัวเปลืองข้าวเปลืองน้ำหรอก แต่กลัวใจไอ้หยกมันจะลากไอ้เจตไปดูดควยจนไม่เป็นอันทำงาน
เดี๋ยวมีใครเห็นเข้าทีนี้เรื่องคงฉาวโฉ่ทั้งวิทลัยแน่ แต่ก็ได้แค่กังวล
ผมหันหน้าไปถลึงตาใส่ไอ้เจต มันก็คงรู้ว่าผมกลัวอะไร
แต่มาสำนึกผิดตอนนี้มันคงสายไปแล้ว
ไอ้หยกขึ้นไปนั่งตักไอ้เจตทันที โดยไอ้เจตเองก็หันมามองหน้าผมทำตาปริบ ๆ
ผมนึกในใจว่าสมน้ำหน้าหาเรื่องเอง อยากชวนกันดีนัก
ไม่ถึง 10 นาทีรถสองแถวก็เคลื่อนออกจาก บขส มุ่งหน้าไปอำเถอบ้านอาจารย์
60 กิโลเมตรใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง แวะทุกป้าย แวะทุกจุด
แวะรอผู้โดยสารด้วย ถึงบ้านอาจารย์พวกเราต้องเดินอีกประมาณกิโลกว่า ๆ
“มา ๆ เข้าบ้านก่อน” มีลุงแก่ ๆ ออกมาต้อนรับ สงสัยจะเป็นพ่ออาจารย์
“หวัดดีครับลุง” พวกเรายกมือไหว้แทบจะพร้อมเพรียง
“ไหว้พระเถอะ มากันเยอะเลย มา ๆ เข้าบ้านพักให้หายเหนื่อยก่อน”
ยังไม่ทันก้าวขาเข้าบ้านอาจารย์ก็เดินเข้ามาสมทบ
“จารย์หวัดดีครับ”
“เฮ้ย....มาทั้งห้องเลยหรอ” ห้องผมตอนนี้เหลือ 18 คน ปกติมี
20 ลาออกไป 2 เพราะทำผู้หญิงท้องตั้งแต่ปี 1 ไป 1 คน
ไอ้เชนลาออกเพราะย้ายไปเรียนที่กรุงเทพอีก 1 คน
“แค่ 15 คนครับอาจารย์”
“แค่นี้ก็ขอบใจมากแล้วต๊ะ” อาจารย์ก็คงรู้ว่าในห้องก็จะมีแปลก ๆ ไม่เอาเพื่อนเอาฝูงอยู่สามสี่คน
“ให้พวกผมทำอะไรบ้างครับ”
“เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับอาจารน์ คุยกันตอนนี้จะได้รีบวางแผน”
“คือครูจะเกี่ยวข้าว
แต่ไม่มีที่เก็บข้าวเปลือกเลยต้องเกี่ยวไปสีข้าวไปแล้วเอาไปตากที่ลานมันที่เช่าเขาไว้อีกที
รถสีข้าวเขามีเวลาให้แค่ 3 วัน แต่ครูหาคนขนข้าวไม่ได้เลยต้องรบกวนพวกเรา”
“โหจารเรื่องแค่นี้เอง”
“ข้าวเยอะมั้ยครับ”
“500 กว่าไร่”
“หา.................................” ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด
“คือครูหาได้ทั้งคนทั้งรถ แต่กลัวเสร็จไม่ทันเลยอยากให้พวกเราช่วยจะได้เสร็จเร็วขึ้น”
“อ๋ออออออออออออออ” พวกเราอ๋อแทบจะพร้อมกัน ผมเองตอนแรกก็ตกใจนึกว่าต้องทำทั้ง 500 ไร่
อาจารย์มีที่นาตรงนี้หลายร้อยไร่
ทุกปีเกี่ยวเสร็จจะมีลานเก็บรวงข้าวไว้เป็นกองใหญ่ ๆ
เพื่อรอจ้างรถมาสีแยกระหว่างเมล็ดข้าวเปลือกกับฟางข้าวออกจากกัน
จะใช้เวลาอยู่ประมาณเกือบเดือน
แต่ปีนี้เห็นว่าติดขัดเรื่องรถสีข้าว มีเวลาว่างแค่ช่วงนี้ 3
วัน แต่ข้าวยังเกี่ยวไม่เสร็จ
บางส่วนที่เสร็จก็ยังไม่ได้ขนมารวมกันรอสีข้าว ต้องทำงานแข่งกับเวลา
ทุ่งนาทางอีสานจะเป็นที่ลาดเอียงเลยต้องทำคันนาเพื่อเก็บกักน้ำตอนปลูกข้าว
การที่จะใช้รถเกี่ยวจึงยากเพราะจะติดคันนา
นาแปลงไหนใหญ่และใกล้ทางรถเข้าได้ก็จะใช้รถเกี่ยวและขนกลับ
แปลงไหนเล็กก็ต้องใช้แรงงานคน
ถ้าจะใช้รถทั้งหมดก็ต้องจ้างคนขุดคันนาออกเพื่อให้รถเกี่ยวข้าววิ่งได้
และก็ต้องจ้างคนมาปิดคันนาเพื่อทำนาครั้งต่อไปอีก
ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงไม่คุ้ม
นาแถวภาคอีสานจะไม่เหมือนภาคกลาง
ทางภาคกลางแทบจะไม่มีคันนาเลย เป็นแปลงใหญ่ ๆ เพราะเป็นพื้นที่ราบ
ดังนั้นการทำนาทางถาคกลางถึงใช้รถดำนา รถเกี่ยวข้าวได้อย่างสบาย
วันแรกเราวางแผนว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ทุกคนแบ่งหน้าที่กัน ยกเว้นไอ้หยกกับไอ้บอยที่เดินตามไอ้เจตไม่ห่าง
“ต๊ะ กูถามหน่อย” ผมหันไปเจอไอ้ยะ หรือปิยะเพื่อนในห้อง
ปกติก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะมันก็มีกลุ่มของมันและมีบัดดี้คือไอ้ตุ๊ก
ไปไหนสองคนแบบดูโอ้
“มีอะไรยะ”
“กูว่าไอ้เจตกับไอ้หยกมันดูแปลก ๆ มั้ย”
“แปลกยังไง” ผมเริ่มกังวลขึ้นมาทันที
“มึงไม่สังเกตหรอ ดูได้หยกมันเอาใจไอ้เจตเป็นพิเศษ”
“มึงก็คิดมากไปไอ้ ไอ้หยกมันติดไอ้เจตมาตั้งแต่ปี 1 เหมือนขาดความอบอุ่น เหมือนขาดพี่ชาย”
“อืม......แต่ก็ว่ามันสนิทกันเกินกว่าพี่ชายนะ ดูสายตาที่ไอ้หยกมันมองไอ้เจตดิ”
“ไม่ถามมันดูล่ะ ว่ามันคิดกับไอ้เจตแบบไหน”
“ไอ้บ้า....ไม่เอา” ไอ้ยะพูดเสร็จมันก็เดินไปทำงานต่อ สมัยนั้นเรื่องเกย์ยังไม่เป็นที่รู้จัก จะมีแต่ตุ๊สกับกระเทย
ตุ๊สก็คือเด็กผู้ชายปกติแต่ชอบออกอาการกระตุ้งกระติ้ง จีบปากจีบคอพูด แอบแต่งหน้าบ้างเล็กน้อย
กระเทยคือผู้ชายที่ชอบแต่งหญิง นิยมไว้ผมยาว แต่งหน้าเข้ม จัดจ้าน
แต่ไอ้หยกไม่มีลักษณะทั้งสอง เพียงแต่มันชอบอ้อนไอ้เจต แล้วตามติดไอ้เจตแจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น