วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2563

หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 87 ตอนพาน้องท่องโลก

              วันเสาร์สาย ๆ ไอ้ชินพาไอ้โต้งมาหาที่หอเพื่อติวหนังสือ ผมตากผ้าเสร็จพอดี
              “หวัดดีพี่ต๊ะ” ไอ้ชินยกมือไหว้มาแต่ไกล
              “หวัดดีครับพี่” ไอ้โต้งไหว้ผมตามหลังไอ้ชิน
              “ได้ลูกศิษย์เพิ่มอีกแล้วหรอต๊ะ” เสียงลุงสมหมายพี่ชายป้าเจ้าของหอทักมาแต่ไกล
              “หวัดดีครับลุง  มาหาป้าหรอครับ” ผมยกมือไหว้ โดยไอ้ชินกับไอ้โต้งยกมือไหว้ตาม
              “เออ  แต่ไม่รู้ไหน”
              “ไปตลาดยังไม่กลับมั้งครับ”
              “สงสัยจะใช่  ว่าไงเจ้าชิน เรียนถึงไหนแล้ว” ลุงสมหมายหันมาถามไอ้ชินที่ยืนฟังตาแป๋ว
              “ดีขึ้นตามลำดับครับ เข้าใจมากขึ้น”
              “เอ็งนี่สอนเก่งนะ น่าจะเรียนสายครู”
              “ไม่ได้เก่งอะไรครับ สอนตามที่ตัวเองเข้าใจ”
              “น่าจะเปิดติวอย่างเป็นทางการ คงมีคนมาเรียนเยอะ”
              “ไม่ไหวครับ สอนเวลาว่างอย่างนี้ดีกว่า ถือเป็นการทบทวน อยากสอนเวลาไหนก็ได้ เก็บเงินแล้วเครียดครับ”
              “555555555555 ดีเหมือนกันช่วยเหลือเด็ก ๆ มัน เดี่ยวลุงไปก่อนนะ”
              “หวัดดีครับลุง”  เราสามคนยกมือไหว้ลุงพร้อมกัน ลุงยกมือนึงเป็นการรับไหว แล้วขี่มอเตอร์ไซต์ออกไป
              “ไปชินพาเพื่อนขึ้นห้องก่อน” ไอ้ชินเดินนำหน้าไอ้โต้งไปยังห้องผม
              ผมเริ่มติวหนังสือให้ไอ้ชินกับไอ้โต้งตั้งแต่สาย ๆ จนใกล้เที่ยง เริ่มหิวข้าว เลยบอกให้สองคนอ่านหนังสือไปก่อน ส่วนผมว่าจะออกไปซื้อก๊วยเตี๋ยวหน้าปากซอยมากินมื้อเที่ยง
              “พ่อให้ตังมาด้วยพี่ต๊ะ”
              “เอ็งเก็บไว้เถอะ” ผมคว้ากุญแจห้องได้ ก็ลงมาถีบจักรยานไปซื้อก๊วยเตี๋ยวหน้าปากซอย
              ผมได้ก๊วยเดี๋ยวมา 3 ถุง ผมใส่ชามแล้วเรียกเด็ก ๆ มานั่งล้อมวงกินก๊วยเตี๋ยว
              “เมื่อกี้พอเข้าใจมั้ยโต้ง” ผมหันไปตามไอ้โต้ง ส่วนไอ้ชินพอมองมันออกแล้วว่ามันหัวไวไม่น่าเป็นห่วง
              “ก็ยังงงครับ”
              “งั้นมึงต้องมาบ่อย ๆ จะได้เข้าใจมากขึ้น” ไอ้ชินพูดไปกินไป
              “กูไม่รู้จะมาได้บ่อยๆมั้ย”
              “อ้าวทำไมล่ะ” ผมหันไปถามไอ้โต้งด้วยความสงสัย
              “ก็พ่อกับแม่ออกไปทำงาน ผมอยู่บ้านกับย่าสองคน วันไหนพ่อหรือแม่หยุดอยู่เป็นเพื่อนย่า ผมถึงจะออกมาได้”
              “อ้าวหรอ แล้วพ่อกับแม่ทำงานไร”
              “ขับรถครับ บางทีแม่ก็ไปด้วย”
              “แล้วพี่น้องเราล่ะ”
              “พี่ชายผมสองคนไปเรียนที่โคราช กลับมาเสาร์อาทิตย์ บางทีก็ไม่กลับ”
              “ก็มาติววันที่พี่ชายเรามาก็ได้นี่”
              “พวกมันมาก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน”
              “เออ.........ถ้างั้นว่างเมื่อไหร่ก็มาแล้วกัน”
*********************
              ตั้งแต่วันนั้นผมติวหนังสือให้ไอ้โต้งอีกหลายครั้งจนเกิดความคุ้นเคยกัน ทั้งที่มาคนเดียวและมากับไอ้ชิน
              การเรียนมันพัฒนาขึ้นเหมือนได้เปิดสมอง เท่าที่ดูจากบุคลิกไอ้โต้งน่าจะเหมาะกฎหมายมากกว่าสายวิทย์-คณิต เพราะการพูดการจามันเป็นหลักเป็นการมาก มีการกล่าวอ้าง ส่วนไอ้ชินน่าจะไปทางวิศวะหรือเครื่องกล เพราะสนใจพวกรถยนต์ พวกเครื่องยนต์ มิน่าวิชาคำนวณมันถึงได้อ่อน
              “สาร์หน้าพี่อาจจะไม่ได้ติวนะ” ผมเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่กำลังติวหนังสือไอ้ไอ้ชินกับไอ้โต้ง
              “อ้าวทำไมล่ะพี่ต๊ะ ผมว่างพอดีเลย พ่อกับแม่อยู่กันครบ”
              “พี่ไปช่วยเพื่อนเล่นมโหรีงานบวช อีกอำเภอนึง”
              ผมนอกจากจะเล่นหมอลำเป็นตัวตลกแล้ว ยังมีความสามารถร้องเพลงลูกทุ่งหมอลำได้บ้าง แต่ไม่ไพเราะเท่ากับเพื่อนในห้อง เวลามีคนจ้างมโหรีวงของเพื่อนไปเล่นถ้าขาดคนร้องจริง ๆ มันก็จะมาชวนผมไปเติมเต็ม หรือเอาไปเสริมเผื่อนักร้องตัวจริงมันเมาไม่รู้เรื่อง ซึ่งก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยครั้ง
              จริง ๆ แล้วไอ้แหวง หรือแสวงมันก็ไม่ใช่เพื่อนผมโดยตรง เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมกับไอ้รม พี่ไอ้ริน มันเคยดูผมเล่นหมอลำเลยแกล้งชวนให้ไปช่วยเล่นมโหรี แต่ผมคนชอบสนุกเลยไปกับมันจริง ๆ แรก ๆ ก็ได้ค่าจ้างบ้างไม่ได้บ้าง
              มโหรีก็คล้าย ๆ กับแตรวงทางภาคกลางนั่นแหละ เอาไว้แห่นาค แห่งานบุญต่าง ๆ โดยจะเล่นสด
              มโหรีส่วนใหญ่จะมีเครื่องดนตรีทางอีสานเป็นหลัก เช่น กลองยาว กลองใหญ่ พิน ซอ แคน ฉิ่ง ฉาบ โหวด หรือมีคีบอร์ดเสริมบ้าง
              การว่าจ้างงานก็มีหลายอย่าง เช่น เล่นดนตรีเพื่อแห่นาคกลับจากโกนผมที่วัด เล่นดนตรีคลอตอนทำขวัญนาค พอตกกลางคืนก็เล่นดนตรีกล่อมนาคซึ่งช่วงนี้เอามันส์สนุกสนานเข้าว่า จังหวะต้องเร้าใจ บางงานมีนักร้องประจำถิ่นมาร่วมแจมคับคั่ง โดยเราไม่ต้องร้องเลยสักเพลง
              จริง ๆ แล้วการเล่นดนตรีในคืนนี้ถือว่าเป็นคืนสุกดิบ เป็นการเล่นดนตรีเพื่อให้ขี้เหล้า หรือแม่ครัวเต้นกัน หรือให้พวกญาต ๆ ที่เดินทางไกลมาร่วมงานได้สนุกกันเต็มที่ เพื่อรอบวชลูกหลานในวันรุ่งขึ้น
              และการเล่นมโหรีในช่วงนี้ถ้าใครจ้างมโหรีได้วงใหญ่มีชื่อเสียงแสดงว่าฐานะทางบ้านค่อนข้างดี หรือบางเจ้าภาพที่ร่ำรวยและมีคนนับหน้าถือตา หรือนักการเมืองท้องถิ่นก็จ้างหมอลำวงใหญ่มาเล่นกันอย่างเต็มที่
              การจะเล่นมโหรีคืนนี้ส่วนใหญ่ตกลงกันเที่ยงคืน แต่ถ้าจะเล่นดึกกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับการตบรางวัลของบรรดาขาเต้นและรางวัลที่เจ้าภาพให้ รวมทั้งเหล้ายาปลาปิ้งที่รับรอง
              พอตอนเช้าก็เล่นดนตรีเพื่อแห่นาคจากบ้านเจ้าภาพไปบวชวัด แล้วแห่รอบโบสส่งนาคเข้าโบสก็ถือว่าเสร็จงาน
              แต่บางงานก็จ้างต่อให้เล่นกลางคืนของอีกวันเพื่อฉลองพระใหม่
              “เฮ้ย....พี่เล่นเป็นหรอ” ไอ้ชินหันมาถามด้วยความสนใจ
              “ก็นิดหน่อย”
              “เสียดาย อุตส่าว่าง” ไอ้โต้งบ่นเสียดาย
              “มึงไปกับพี่ต๊ะดิโต้ง...น่าสนุกนะ” ไอ้ชินเสนอความเห็น
              “มึงไปมั้ย ถ้ามึงไปกูก็จะขอพ่อไปด้วย”
              “กูคงไม่ได้ไปว่ะ  กลางคืนพ่อกูแทบจะไม่ให้ออกจากบ้านไปไหนเลยกลัวมีเรื่อง” ผมเข้าใจสถานะของไอ้ชินว่าพ่อมันเข้มงวด หลังจากไอ้เชนติดคุก
              “น่าเสียดายเนาะ” ไอ้โต้งพูดด้วยความเสียดาย แล้วมันก็หมอบลงกับพื้นก้มหน้าต่ำดูหนังสือเรียนมันไป
              “ไปเสียดายทำไมโต้ง มันเหนื่อยนะไม่สนุกหรอก” ผมพูดปลอบใจไอ้โต้ง ซึ่งไอ้โต้งก้มหน้านิ่ง
              วันเสาร์ผมเตรียมตัวเสร็จตั้งแต่ 8 โมง รอเพื่อนมารับเพื่อไปเล่นมโหรี
              “ก๊อก ก๊อก”
              “มาเร็วแท้ นัดกัน 9 โมงนี่หว่า” ผมเดินไปเปิดประตู
              “อ้าวโต้ง  ไปไหนวันนี้พี่บอกแล้วไงไม่ว่าง” ผมมองดูไอ้โต้ง ยืนยิ้มหน้าห้อง วันนี้มันนุ่งกางเกงยีนส์ใส่เสื้อยืดเอาเข้าในกางเกง สวมรองเท้านักเรียนสีน้ำตาล
              “ผมไปกับพี่ต๊ะด้วย”
              “เฮ้ยไปได้ไง พี่ไปค้างคืนนะ กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้เย็น ๆ”
              “ผมขอพ่อแล้ว”
              “บอกพ่อหรือเปล่าพี่ไปค้างคืน”
              “พ่ออยู่ข้างล่าง” ผมงง หันหน้าเลิกลัก ทำการปิดห้องแล้วเดินตามไอโต้งลงไปข้างล่าง
              ผมเห็นชายวัยประมาณ 30 กว่า ๆ ยืนหันหลังสูบบุหรี่ข้าง ๆ โต๊ะหินอ่อน ไอ้โต้งรีบวิ่งเข้าไปหา
              “พ่อ พ่อ นี่พี่ต๊ะ” พ่อไอ้โต้งหันมายิ้ม ก่อนที่จะทิ้งก้นบุหรี่แล้วเอาเท้าบี้ก้นบุหรี่
              “หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้พ่อไอ้โต้ง
              “ผมฝากไอ้โต้งด้วย มันจะขอไปเล่นมโหรีกับต๊ะ” ผมเพิ่งเห็นพ่อไอ้โต้งครั้งแรก แต่พ่อไอ้โต้งเรียกชื่อผมเหมือนคุ้นเคยมานาน
              “เออ......ผมไปค้างคืนนะครับ”
              “ไอ้โต้งมันบอกผมแล้ว เคยได้ยินแต่มันเล่าให้ฟังว่ามาติวหนังสือกับต๊ะ เพิ่งเห็นตัวจริงวันนี้”
              “อย่าเรียกว่าติวเลยครับ เป็นการทบทวนให้มากกว่า”
              “ตั้งแต่ต๊ะติวให้การเรียนมันดีขึ้นมากเลย ผมเคยดูผลการเรียนมัน เจอครูก็ถามว่าทำไมเดี๋ยวนี้ไอ้โต้งมันเรียนดีขึ้น”
              “พี่ต๊ะสอนเก่งมากเลยพ่อ สอนเก่งกว่าครูอีก”
              “เวอร์ไปโต้ง 5555555”
              “จริง ๆ พ่อ พอพี่ต๊ะแนะมันทำไมเข้าใจง่ายกว่าที่ครูสอนอีก”
              “ถ้าตั้งใจเรียนก็รู้เรื่องหมดและโต้ง” ผมเริ่มอายกับคำยอ
              “จริง ๆ ครับ ขนาดครูยังเคยมาถามที่บ้านเลยว่าอยู่กันยังไง ทำไมเดี๋ยวนี้การเรียนดีขึ้น” พ่อไอ้โต้งพูดเสริมขึ้น
              “ขอบคุณครับ”
              “พอไอ้โต้งมันมาขอไปกับต๊ะผมอนุญาตทันที”
              “เออ......”
              “นะพี่ต๊ะนะ ไหน ๆ พ่อก็อนุญาตแล้ว ให้ผมไปด้วยนะ”
              “อ้าว...มึงไม่ได้บอกพี่เขาไว้ก่อนหรอ”
              “พี่ต๊ะชวนผมเองเลยพ่อ ผมถึงกล้าไปขอพ่อไง” ไม่น่าปากพร่อยเลยไอ้ต๊ะเอ้ย ต้องมานั่งรับผิดชอบลูกชาวบ้านอีก
              “ครับ เห็นตั้งใจเรียนเลยอยากพาไปเปิดสมองเป็นรางวัล” ผมแถไปเรื่อย แต่จริง ๆ ชวนเพราะปากพร่อยมากกว่า
              “ก็ดีเหมือนกันครับ ไอ้โต้งมันไม่ค่อยได้ไปไหน ไอ้ผมกับแม่มันก็ต้องทำงาน เลยให้มันอยู่เป็นเพื่อนย่าที่บ้าน พอดีอาทิตย์นี้ปิดงานเร็วเลยได้กลับมาพักผ่อน”
              “ได้ครับ”
              “งั้นผมฝากไอ้โต้งด้วยนะครับ มึงก็อย่ากวนพี่เขามากนะโต้ง”
              “ครับผม” ไอ้โต้งรับปากเสียงขันแข็ง
              “เดี๋ยวผมขอตัวก่อน ว่าจะเอารถไปให้เขาดูสักหน่อย”
              “หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้พ่อไอ้โต้ง ก่อนที่พ่อไอ้โต้งจะขี่มอเตอร์ไซต์ออกไป
              ผมพาไอ้โต้งขึ้นมารอบนห้อง รอเวลารถมารับ ไอ้โต้งนั่งกอดเป้อยู่บนเตียงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ว่าจะได้ไปเที่ยว
              9 โมงกว่า ๆ ไอ้แหวง หรือแสวงที่เป็นเจ้าของมโหรี มารับ
              “เฮ้ยโทษทีว่ามาเลสนิดนึง”
              “ไม่เป็นไร เออแหวง กูพาน้องไปด้วยคนนึงได้เปล่า”
              “ได้สบายมาก ที่นั่งเหลือเฟือ” พอไอ้แหวงอนุญาตไอ้โต้งถึงกับฉีกยิ้มปากจนแทบถึงรูหู เพราะเมื่อกี้มันก็ยังนั่งลุ้นว่าไอ้แหวงจะให้ไปด้วยหรือไม่
              “ไป ๆ ขึ้นรถ ถึงเร็วก็ได้พักผ่อนเร็ว”
              “งานกี่โมง”
              “วันนี้เริ่มเล่นตอน 5 โมงเย็น ถ้าออกตอนนี้กว่าจะถึงก็บ่าย ๆ มีเวลานอนเอาแรง เพราะคืนนี้น่าจะเลิกประมาณเที่ยงคืนได้”
              “อืม...ไป ๆ โต้ง” ผมเดินไปที่รถ 6 ล้อ มีคอกกั้น โดยเอาผ้าใบคลุมเป็นหลังคา มีเครื่องดนตรีเต็มรถ และมีพี่ ๆ ลุง ๆ ที่เป็นนักดนตรี 10 กว่าคน
              “หวัดดีครับ” ผมกับไอ้โต้งยกมือไหว้ทุกคนก่อนปีนขึ้นรถ
              “เลือกนั่งตามสบายเลยต๊ะ” พี่บุญชัย หมอแคนลีลาพริ้ว เคยร่วมงานกับแกสามสี่ครั้ง พอคุ้นเคยหน้ากันดี
              เราเลือกได้ที่นั่งห้าง ๆ กลอง โดยไอ้โต้งไปนั่งข้าง ๆ เราทั้งคู่นั่งเงียบ สักพักไอ้โต้งเริ่มเอนไปเอนมา
              “ง่วงหรอโต้ง”
              “อืม....” ไอ้โต้งพูดโดยไม่ลืมตา ผมเลยจับหัวไอ้โต้งให้ไปนอนหนุนตักผม ไอ้โต้งทำตามอย่างว่าง่าย ไม่นานมันก็หลับสนิท
              ประมาณ บ่าย 2 กว่า ๆ เรามาถึงบ้านงาน เห็นคนวิ่งไปมาพลุ้งพล่าน ก็เหมือนงานบวชทางภาคอีสานทั่วไป ชาวบ้านจะทิ้งงานมาออกแรงช่วยกันอย่างเต็มที่
              พวกเราขนเครื่องดนตรีลง  พร้อมกับเอาไปตั้งในเพิงมุงแฝกที่ทำขึ้นใหม่ ขนาดกว้างประมาณ 4 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตร เสาร์ทั้งสี่ต้นตกแต่งด้วยทางมะพร้าวขัดเป็นตาข่าย และดอกไม้อย่างสวยงาม ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยริบบิ้นริ้วหลากสี และธงกระดาษ    พื้นปูด้วยแผ่นกระดาน  
              ไอ้โต้งช่วยหยิบนั่นจับนี่โดยไม่ต้องร้องบอกให้ช่วย ถือว่าเป็นเด็กที่ไม่นิ่งดูดาย
              ผมหันไปมองไอ้โต้งมันช่วยพี่ ๆ จับโน่นจับนี่ ใบหน้ามันยิ้มแย้มสดใส และบางครั้งได้ยินเสียงมันหัวเราะอย่างมีความสุข
              “เหนื่อยมั้ยโต้ง”
              “สนุกดีครับพี่ต๊ะ” เสื้อไอ้โต้งเปียกโชกไปด้วยเหนื่อ หน้าตามันก็เต็มไปด้วยเหงื่อไคลไหลย้อยไปเต็มหน้า แต่แววตาและสีหน้ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
              เราตั้งเครื่องดนตรีเสร็จ บางคนก็ทดสองเครื่อง บางคนก็นั่ง ๆ นอน ๆ บางคนก็เริ่มมองหันหาเหล้าที่เจ้าภาพจัดมาให้พร้อมกับแกล้มเป็นเนื้อวัวสดๆ จิ้มกับแจ่วแสนเผ็ด ผมเห็นแล้วถึงผวากลัว ขอตัวหลบไปที่อื่น ถึงแม่ผมเป็นคนอีสานก็จริงแต่ผมไม่กินเนื้อวัว กินแต่หมู ไก่ และปลา ส่วนปลาก็กินเฉพาะปลาที่มีเกล็ด ผมพยายามลดกินกินสัตว์ใหญ่ เพื่อเป็นกุศลเนื่องจากพ่อ แม่ ปู่ ย่าตายาย จะเข้าวัดเป็นประจำ ดังนั้นจะถูกสอนไม่ให้เบียดเบียนสัตว์โลก หรือท่าจำเป็นจริง ๆ ก็กินสัตว์ที่มีวงจรชีวิตสั้น และจากความเชื่อของผมก็เชื่อว่าปลามีเกล็ดจะอายุสั้นกว่าปลาไม่มีเกล็ด เช้น ปลาดุก ปลาไหล ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงนิยมปล่อยปลาดุก หรือปลาไหล เพื่อเชื่อว่าปล่อยแล้วจะทำให้อานิสงอายุยืนไปด้วย
              ของสด ๆ ผมนิยมอย่างเดียวคือเย็ดสด เสียวสุดใจดี 55555555555
              ผมถามเจ้าภาพว่าอาบน้ำที่ไหน เจ้าภาพบอกมีห้องน้ำให้ หรือจะไปอาบที่สระท้ายหมู่บ้านก็ได้เดินไปไม่ไกล
              “โต้งไปอาบน้ำที่สระกันมั้ย”
              “ไปพี่” ผมคว้ากระเป๋าแล้วชวนไอ้โต้งไปยังสระเพื่ออาบน้ำ
              ไอ้โต้งถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงในมันโดน้ำตูมลงไปทันที ดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน
              “โต้ง โต้ง มาถูสบู่ก่อน” ไอ้โต้งว่ามาใกล้ ๆ ผมเอาแซมพูเทลงหัวให้มันสระผม ถึงแม่มันจะหัวเกรียนตัดสั้น แต่เหงื่อไคลออกมาก็จำเป็นต้องสระผม
              เราเล่นน้ำอยู่นาน เพราะเย็นสบาย
              “กลับเถอะโต้ง หิวว่ะ”
              “ไปพี่” ไอ้โต้งขึ้นจากสระน้ำมันกำลังจะนุ่งกางเกงยีนใส่ทับกางเกงในที่เปียก ๆ ผมรีบห้ามทันที
              “เฮ้ย...ไม่เปลี่ยนเกงในออกก่อน เดี๋ยวเปียกหมด”
              “ผมไม่ได้เอาเกงในมาเปลี่ยน”
              “อ้าว เดี๋ยวคันตายห่า”
              “ไม่คันพี่..ผมทำบ่อย”
              “ไม่ได้ เอาออกมาซัก แล้วนุ่งแค่เกงยีนก็พอ เกงในแห้งแล้วค่อยเอามาใส่”
              “แต่........”
              “ไม่มีแต่...งั้นเอางี้เอามาซักทั้งชุดเลย แล้วเอาชุดใหม่ใส่ แดดดีแบบนี้แปบเดียวก็แห้ง”
              “แต่ผมไม่ได้เอาชุดมา”
              “อ้าว...แล้วเป้ที่มึงแบกมามีอะไร”
              “แม่ห่อข้าวมาให้” จะขำก็ขำไม่ออก
              “กำของกู” จากประสบการณ์ในการเดินทางเพื่อไปเล่นหมอลำ หรือเล่นมโหรีที่ผ่านมา สอนให้ผมรู้ว่าจะไปไหนต้องเตรียมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวไปให้พร้อม อย่าหวังน้ำบ่อหน้าหรือหยิบยืมจากใคร เพราะบางคนที่ไปด้วยกันไม่มีเสื้อผ้าชุดเดียวผ้าขาวม้าผืนนึง แก้ผ้าอาบน้ำ สบู่ยาสีฟันไม่ต้อง
              ผมมาครั้งนี้เตรียมกางเกงกีฬามา 3 ตัว เพราะมันเบาไม่หนัก ใส่ทำงาน ใส่นอน แล้วเอามาเผื่อ เพราะเวลาเล่นกลางคืนเจออากาศร้อนมากผสมกับเหล้าที่เจ้าภาพประเคนให้ เหงื่อจะออกมากกว่าปกติ ถ้าไม่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า เมายังไงก็นอนไม่หลับ ผมเลยต้องพกมาเผื่อ เกงใน 3 ตัว เสื้อยืด 3 ตัว ผ้าขนหนู 1 ผืน ผ้าขาวม้า 1 ผืนและสบู่ยาสีฟันแปลงสีพันพร้อม
              “แล้วแปลงสีพันเอามาหรือเปล่า”
              “เอามาครับ นี่ไง” ไอ้โต้งหยิบห่อข้าวออกมา แล้วมีแปรงสีพันออกมาด้วย”
              “ก็ยังดีที่พกแปรงมาด้วย”
              “เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเอาชุดพี่ใส่ก่อน แล้วเอาชุดโต้งซัก แดดดีแบบนี้แปบเดียวก็แห้ง”
              ผมเอากางเกงบอลกับเสื้อยืดให้ไอ้โต้งใส่ เสื้อตัวใหญ่ คลุมเกือบถึงหัวเข่า กางเกงกีฬาพอนุ่งเสร็จเหมือนมันนุ่งกระโปรงเลย
              “ซักผ้าเป็นมั้ย”
              “โหพี่นี่ดับไหนแล้ว อยู่บ้านผมซักให้ย่าประจำ” ก็จริงเพราะเวลาพ่อกับแม่มันไปทำงานมันต้องดูแลย่า
              เราอาบน้ำเสร็จก็เดินทางกลับบ้านงาน เจ้าภาพเริ่มเอาข้าวปลาอาหารมาให้ใครว่าง ใครหิวก็กิน บางคนก็เข้าครัวตีซี้กับแม่ครัวหาของดี ๆ กิน บางคนก็ไปรวมกับกลุ่มวงเหล้า
              นี่เพิ่ง 3 โมงครึ่ง อีก ทั่วโมงเศษ ๆ ถึงจะเริ่มเล่นมโหรี ผมไปหาข้าวมาให้ไอ้โต้งกิน เพราะของพี่เจ้าภาพหามาให้หนักไปทางของสด ๆ เพื่อเป็นกับแกล้มเหล้ามากกว่า อีกอย่างมีแต่เนื้อสด ๆ แดง ๆ เห็นแล้วขนลุก
              ผมได้ไข่เจียว ต้มฟัก  หมูผัดถั่ว แล้วก็ส้มตำ กับข้าวเหนียว 1 กระติ๊บเล็ก ๆ ผมนั่งกินกันสองคนกับไอ้โต้ง
              “กินได้มั้ยโต้ง”
              “อร่อยมากครับ” คงตอบเพราะความหิว
              “เออ...แล้วห่อข้าวที่แม่ให้มาล่ะ” ไอ้โต้งล้วงเข้าใบในเป้ เป็นไก่ย่างกับข้าวเหนียวท่าทางน่าจะซื้อที่ตลาดแล้วห่อมาให้ ผมฉีกไก่ที่ทาขมิ้นสีเหลืองอ๋อย แต่ข้างในเนื้อไก่ยังไม่สุกดี ส่วนข้าวเหนียวที่อยู่ในถุงก็แฉะ ๆ ท่าทางจะเป็นข้าวเหนียวค้างคืน ผมดูสภาพห่อข้าวแล้วไม่น่าจะกินได้ คงบูดแล้ว
              “พี่ว่าอย่ากินเลยโต้ง เดี๋ยวท้องจะเสีย” ไอ้โต้งมองหาหารด้วยความเสียดาย
              “ครับ”
              ผมเอาไก่ให้หมาที่อยู่แถวนั้นกิน แล้วเราสองคนก็มานั่งกินข้าวต่อ
              “อิ่มแล้ว ทำไรต่อพี่ต๊ะ”
              “ก็นั่งอยู่แถวนี้แหละ หรือจะไปเล่นแถว ๆ นี้ก็ได้ 5 โมงค่อยมาคอยช่วยพี่  ๆ เขา” ผมเก็บจานไปในครัว สาวแก่แม่ม่ายเห็นหน้าผมต่างจากคนอีสานทั่วไป พากันก้มหน้ายิ้ม
              บางคนก็ส่งสายตาหวานเยิ้ม คนแก่บางคนก็เผลอมาลูบตามแขนขาแล้วก็ชมว่าหล่อ ตักขนมให้เต็มมือ
              ผมหอบขนมมาเต็มสองจานใหญ่ ๆ ไอ้โต้งถึงกับตารุกวาว แต่พี่ ๆ นักดนตรีไม่มีใครสนใจสักคน จดจ่ออยู่กับเหล้าขาวแกล้มด้วยเนื้อวัวสด ๆ
              5 โมงเย็นมโหรีเริ่มเล่นพร้อมกับทำพิธีเรียกขวัญนาคไปเรื่อย ๆ โดยทำพิธีอยู่บนเรือนเจ้าภาพ
              ประมาณ 2 ทุ่มพิธีเรียกขวัญนาคเสร็จสิ้นก็ถึงเวลาเล่นมโหรีแบบเต็มที่ ทั้งแม่ครัว คอเหล้า ขาดิ้น ขากระตุกทั้งหลาย ล้อมวงมาหน้าเพิงมโหรี ลีลาการดีดพินของไอ้แหวงกับลีลากันเป่าแคนของพี่บุญชัย มันสนุกครึกคลื้นจัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก
              พี่พงษ์มือคีบอร์ดเป็นนักร้องนำคู่กับพี่บุญเรือนน้องสาวพี่บุญชัย
              พูดถึงพี่พงษ์กับพี่บุญเรือนแกสองคนแอบมีอะไรกันอยู่ เวลาร้องเพลงแล้วเกี้ยวพาราสี พี่สองคนแกใส่อารฒณ์กันเต็มที่เหมือนโลกนี้มีกันแค่สองคน
              ประมาณ 4 ทุ่มพี่พงษ์เสียงเริ่มหายเพราะวันนี้แกดื่มไปเยอะเหมือนกัน
              “ต๊ะกูไม่ไหวว่ะ ร้องแทนกูหน่อย” ผมมากับวงก็เพื่อการณ์นี้แหละคือเป็นนักร้องคั่นเวลา หรือนักร้องขัดตาทัพ เพื่อให้นักร้องตัวจริงเขาได้พักเสียงบ้าง
              ผมจับไมได้ก็มีเสียงกรีสสสสสกันสนั่น เนื่องจากรูปร่างหน้าตาที่เป็นจุดสนใจเป็นตัวเบิกทาง ผิวก็ขาวต่างกับคนอื่นในคณะที่มาด้วย
              เรื่องรูปร่างหน้าตาผมนำหน้าไปหลายขุม แต่เรื่องเสียงผมอยู่ท้าย ๆ เสียงพอไปวัดไปวาได้ และลูกเล่นลีลาก็ยังไม่แพรวพราวเท่าที่ควร
              ผมเขย่าลูกคอเพลงแรกด้วยเพลงกุหลาบแดงของสมจิตร บ่อทอง ทั้งเสียงกรีส เสียงโห่ รางวัลน้ำใจ พลั่งพลูมาหาผมอย่างท่วมท้น ไม่รู้ว่าประทับใจเสียงหรือประทับใจรูปร่างหน้าตา
              ส่วนใหญ่จะเป็นเหลียนบาทกับเหลียน 5 ใบสิบ ใบยี่สิบ ใบ 100 ก็มีบ้างนิดหน่อย ได้มาเท่าไหร่ผมยัดลงกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว
              ผมเขย่าเสียงเพลงไปได้ 5 เพลง พอเริ่มเพลงที่ 6 หนุ่มนานครพนม เสียงเริ่มแกว่ง หันไปหาพี่พงษ์ก็ส่ายหน้าเพราะยังเจ็บคอ ส่วนพี่บุญเรือนบอกขอพักก่อนแต่ไม่รู้ไปหลบพักอยู่ตรงไหนท่าทางจะเมาหนักเหมือนกัน
              เพราะงานนี้เจ้าภาพเลี้ยงดีเกิ้น ไม่รู้ว่าเจ้าภาพเอาเหล้ามาให้กินหรือมาให้อาบ สารพัดเหล้า ทั้งเหล้าขาว เหล้าสี สาโท เบียร์ มีครบ ผมกระดกสาโทไปหลายแก้วตอนกินก็หวานลิ้นดี พอสักพักเริ่มเมาเล่นเอามึนหัวเลยขอหยุดกินก่อน ตอนแรกคิดว่าร้องไม่กี่เพลงเลยกินไปเยอะ
              ผมหันหาใครก็ไม่มีใครยอมสบตากับผม ไอ้แหวงก็บอกให้ต่อไปเรื่อย ๆ
              เพลงอีสานโดยเฉพาะหมอลำเพลินที่มีจังหวะเร็ว ๆ เป็นการร้องที่ต้องใช้พลังเสียงและลูกคออย่างมาก ถ้าร้องติดกันถึง 5 เพลงได้ก็ถือว่าเก่ง เพลงที่ 6 เสียงเริ่มแห้งหรือแหบ ถ้าไม่หยุดพักหรือฝืนต่อ บอกได้เลยว่าไม่ทันจบเพลงที่ 6 เสียงหมดและเจ็บคอมาก
              “พี่ต๊ะ เพลงนี้ผมร้องได้” ผมหันมาทางไอ้โต้ง ขณะที่ผมกำลังร้องเพลงหนุ่มนานครพนมของพรศักดิ์ ส่องแสงได้เพียงสองท่อน
              “เฮ้ยจริงง่ะ” ผมถามไอ้โต้ง แล้วก็หันไปทางไอ้แหวงเพราะมันเป็นเจ้าของวงมโหรี เพื่อขอความเห็นมัน ไอ้แหวงพยักหน้า เพราะเวลานี้เป็นไงเป็นกัน
              พอเพลงถึงท่อนโซโล่ ผมยื่นไมค์โครโฟนให้ไอ้โต้ง มันรับไมค์โครโฟนไปกำไว้แน่น ผมเห็นท่ากำไมค์โครโฟนมันแล้วอดร้อน ๆ หนาว ๆ ไม่ได้ หันมามองไอ้แหวงมันก็ทำสีหน้านิ่ง
              เหตุการณ์นักร้องน็อคกลางงานแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย จึงต้องหานักร้องขัดตาทัพมาเพื่อรอเสียบไม่ให้งานล่ม ไปเจอบางงานที่ชอบให้เล่นบรรเลงแต่เสียงดนตรีแบบไม่ร้องเพลงก็ดีไป แต่ไปเจองานไหนที่ชอบให้ร้องเพลงก็ลำบากหน่อย บางงานไม่ให้เล่นแต่เพลงสนุก ๆ เพราะมีแต่ขี้เมาขาเต้น เจองานแบบนี้ทั้งคืนรับรองนักร้องตายคาเวที
              พอถึงช่วงเนื้อเพลงไอ้โต้งเปล่งเสียงออกไป เสียงมันใสกังวาน สำเนียงการร้องของมันเป็นหมอลำมืออาชีพชัด ๆ เสียงดีกว่าพี่พงษ์หลายเท่าตัว บรรดาแม่ ๆ ทั้งหลายหันมามองเป็นตาเดียวกัน ทั้งเสียงโห่ เสียงกรีส ดังกว่าตอนที่ผมขึ้นร้องเสียอีก
              ผมถอยออกมายืนข้าง ๆ ไม่คิดว่าไอ้โต้งจะเสียงดีขนาดนี้ ลูกคอก็พริ้วสุด ๆ แถมลงจังหวะแม่นมาก
              มาลัยน้ำใจวิ่งมาหาไอ้โต้งโดยไม่ขาดสาย ทั้งขอหอมแก้ม ทั้งหยิกแก้ม ทั้งกอด ผมหันไปมองไอ้แหวง มันยิ้มหน้าบาน ส่วนพี่พงษ์เอาแต่ยักคิ้ว
              “โต้งมึงร้องเพลงอะไรได้บ้าง” พอจบเพลงหนุ่มนานครพนมผมรีบเข้าไปหาไอ้โต้งทันที
              “หลายเพลงพี่” ไอ้โต้งมันบอกชื่อเพลงต่าง ๆ ที่มันร้องได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงลูกทุ่งหมอลำ หรือลำเพลิน  ผมหันไปบอกไอ้แหวงว่าไอ้โต้งร้องเพลงนั้นได้ ร้องเพลงนี้ได้เป็น 10 กว่าเพลง ไอ้แหวงอมยิ้มแล้วแล้วจัดการปล่อยอินโทรเพลงแรกขึ้นมาทันที พออินโทรขึ้นเสร็จ ไอ้โต้งจ่อไมค์โครโฟนตรงปากมันเขย่าลูกคอเปล่งเสียงใสยังกะแก้ว ทั้งลูกทุ่ง หมอลำ หรือแม้แต่ลำเพลินของทองมัย มาลี หมอลำรุ่นปู่ มันก็ยังร้องได้อีก
              ผมถอยออกมายืนดูห่าง ๆ คู่กับไอ้แหวงมันดีดพินไปยิ้มไป สงสัยวันนี้เจอเพชรเม็ดงาม
              ไอ้โต้งไม่ทำให้ผิดหวัง 10 เพลงผ่านไป เสียงไม่มีตก ลีการการเต้นประกอบเพลงของมันก็มันส์ขึ้นเรื่อย ๆ บรรดาแม่ครัว  ขี้เหล้า ต่างยอมแพ้ถอยทัพไปนั่ง เต้นไม่ไหวเพราะเหนื่อยใจจะขาดเลยต้องหาที่นั่งพัก
              พอเห็นไม่ค่อยมีคนเต้น ไอ้โต้งเปลี่ยนแนวการเล่นมาเป็นเพลงช้า โดยเริ่มจากเพลงหนาวใจที่ชายแดน ของไพรวัลย์ ลูกเพชร ซึ่งเป็นเพลงที่ผมถนัด พออินโทรจบหยิบไมจ่อปากกำลังจะอ้าปากร้องไอ้โต้งแย่งขึ้นเพลงทันที
              “ลม.......เย็น ๆ หน้าหนาวมันทรมาร หวน.....คิดถึงบ้านที่จากมา...............” ผมได้ยินท่อนแรกถึงกับขนลุก ไอ้โต้งมันมีพรสวรรค์จริง ๆ ทั้งเพลงช้าเพลงเร็วมันได้หมด เพลงเก่า ๆ รุ่นปู่มันก็ร้องได้ ไอ้แหวงฉีกยิ้มด้วยความพอใจ
              เสียงตบมือกราวใหญ่ดังมาจากห้องครัว แม่ครัวต่างวิ่งมาดูว่าเสียงใคร พอเห็นเป็นเสียงไอ้โต้งต่างชื่นชมกันเป็นแถว
              จาก 4 ทุ่มครึ่งถึงเที่ยงคืน ไอ้โต้งเหมาคนเดียว โดยไม่มีทีท่าว่าเสียงมันจะตกแม้แต่น้อย
              เราหยุดทำการเล่นประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ เพราะนักเต้นเมาหลับกันเกลื่อนหน้าเวที แม่ครัวที่นอนตั้งแต่หัวค่ำตื่นมาเตรียมหั่นผักหั่นหมูทำกับข้าวสำหรับพรุ่งนี้
              นักดนตรีบางคนก็เมาหลับคาเครื่องดนตรี
              “เก่งมากว่ะโต้ง” ผมเข้าไปเกาะบ่าชมไอ้โต้ง
              “เสียงดีมากเลยโต้งไปหัดมาจากไหน”
              “ย่าชอบฟังเพลง ผมก็เลยฟังไปด้วยร้องไปด้วยกับย่ามาตลอด”
              “มิน่าล่ะเพลงใหม่เพลงเก่า......แม่งร้องได้หมด”
              “เคยร้องที่ไหนมั้ย”
              “เคยร้องที่โรงเรียน แต่ร้องเล่น ๆ นะพี่”
              “เสียงและลีลาอย่างมึงไม่เรียกว่าเล่นแล้วไอ้โต้ง” เสียงไอ้แหวงดังมาแต่ไกล ขณะที่มันกำลังเดินออกไปทางหลังบ้าน
              “พี่ต๊ะนี่เงิน” ไอ้โต้งควักเงินออกมาเต็มกระเป๋า
              “เขาให้เป็นรางวัลเอ็ง เอ็งก็เก็บไว้เถอะ”
              “แต่วงพี่แหวง”
              “เอาน่า...ไหนได้เท่าไหร่” ผมเอาเงินไอ้โต้งมาคลี่ออกแล้วนับ
              “797 บาท โหเยอะเหมือนกันนะมึง” สมัยนั้นค่าเช่าหอเดือนละ 300 – 500 บาท ทองบาทละ 3000-4000 แล้วร้องเพลงเพียงชั่วโมงครึ่งได้รางวัลถึง 797 บาท คิดว่ามากหรือน้อยละครับ
              “แล้วของพี่ต๊ะได้เท่าไหร่” ผมล้วงตังออกมาดูแล้วนับ เจอใบ 500 บาท 1 ใบ ใจลิงโลดขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจให้หรือเมาจนหยิบผิด
              “1365 บาท”
              “โห......พี่ต๊ะร้องไม่กี่เพลงได้มากกว่าผมอีก”
              “มึงสองคนปลื้มปริ่มกันไปเถอะ ค่าตัวคืนนี้ไม่ต้องเอาทั้งสองคน เพราะได้รางวัลเยอะแล้ว” ไอ้แหวงโผล่มาตอนไหนไม่รู้
              ค่าตัวมาเล่นมโหรีแต่ละครั้งผมจะได้ประมาณ 200-500 บาท ข้าวฟรี น้ำฟรี เหล้าฟรี พวงมาลัยของใครของมัน นักร้องนำก็ได้รางวัลต่างกันคนละร้อยสองร้อย ส่วนนักดนตรี ได้คนละ 1000 บาท ใครเล่นดนตรีด้วยร้องด้วยก็ได้สองเด้ง ออกมาเล่นแต่ละครั้งหักค่าใช่จ่ายแล้วเจ้าของวงก็จะได้ประมาณ 3000-5000 บาท
              เครื่องดนตรีของใครของมัน ยกเว้นเครื่องเสียงของหัวหน้าวง หรือไปเช่ามา ส่วนค่าจ้างทั้งวงก็ขึ้นกับระยะทางด้วย ถ้าไกลก็แพงหน่อย ถ้าใกล้ก็ถูกประมาณ 10000 -20000 บาท
              ไอ้โต้งหน้าเสียกำเงินรางวัลแน่น เพราะกลัวไอ้แหวงจะมาเอา มันยื่นมาเหมือนจะให้ผมถือ
              “มาพี่เก็บตังไว้ให้” ไอ้โต้งเอาเงินมาให้ผมเก็บไว้
              “ไปอาบน้ำเถอะจะได้นอนสบาย ๆ” ผมพาไอ้โต้งไปอาบน้ำที่ห้องน้ำข้าง ๆ ครัวเพราะไม่กล้าเดินไปอาบน้ำที่สระเพราะไม่ชินเส้นทางทั้งคู่
              พวกนักดนตรีต่างนอนเฝ้าเครื่องดนตรีของตัวเอง กางมุ้งนอนกันในเพิง รวมทั้งไอ้แหวงด้วย ส่วนผมเจ้าภาพให้มุ้งมา 1 หลัง เสื่อ 1 ผืนใหญ่หมอน 2 ใบและผ้าผวย 2 ผืน
              บนรถก็มีคนนอนท่าทางจะเป็นพี่บุญเรือน แต่ตัวแกไม่รู้ไปไหนเห็นแต่มุ้งกางไว้ ท่าทางจะโดนพี่พงษ์ลากไปเย็ดในป่าละเมาะแถวนี้แน่ ๆ
              ผมเดินมาข้าง ๆ ยุ้งข้าว มีเพิงสังกะสียื่นออกมาแล้วมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ ผมส่องไฟฉายดูไม่มีคน เลยชวนไอ้โต้งนอน ถ้ามองไปที่บ้านงานก็ประมาณ 20 กว่าเมตร
              “นอนที่นี้ดีกว่าเนาะโต้ง”
              “ได้พี่” ผมกางมุ้งเสร็จไอ้โต้งมุดมุ้ง หัวถึงหมอนได้มันหลับทันที
              ผมนึกใจใจ กินง่าย นอนง่ายจริงนะมึงไอ้โต้ง
              ผมสะดุ้งตื่นกลางดึก เพราะไอ้โต้งมันพลิกมากอดผมแล้วเอาหัวเข่ากระแทกต้นขาเฉียดไข่ไปนิดเดียว ไม่งั้นคงจุก
              ผมเอาขามันออก มันก็ฝืนกอดผมจนแน่น พร้อมกับเอาควยน้อย ๆ มันถูต้นขาผม สงสัยไอ้โต้งฝันเปียกแน่ จริงอย่างที่ผมคิด ไอ้โต้งบดควยใส่ต้นขาผมเบา ๆ กางเกงกีฬาที่มันนุ่งตัวก็ใหญ่ ขาก็บาน ผมเลยเอามือล้วงเข้าไปในขากางเกงมัน จับควยมันถอกชักเบา ๆ ไอ้โต้งกระเด้ามือผมทันที
              มันเอามือกอดอกผมแน่น ส่วนเอวมันก็กระเด้าควยใส่มือผม ไม่นานไอ้โต้งคงเสียวจนทนไม่ไหว น้ำพุ่งออกมาเต็มมือผม
              “เฮ้ย.....” ผมร้องเสียงหลงรีบชักมือออก จนไอ้โต้งตื่น
              “เป็นไรพี่ต๊ะ”
              “มึงนะดิ เย็ดขากูจนน้ำแตก” ผมกระซิบมันเบา ๆ
              “เฮ้ย...จริงหรือพี่”
              “มึงเอามือลงไปจับควยมึงดูดิ” ไอ้โต้งเอามือล้วงลงไปควยมันเพิ่งหดตัว แต่น้ำแฉะเต็มกางเกง
              “เฮ้ย.........” มันร้องเสียงหลงแล้วลุกขึ้น หันซ้าย หันขวา แสงไปจากเรือนเจ้าภาพส่องมาพอเห็นอาการของไอ้โต้ง มันรีบหาผ้ามาเช็ด
              “พี่ ผมขอโทษ” ไอ้โต้ง เข้ามาขอโทษผม
              “เฮ้ยไม่เป็นไร”
              “พี่เลอะตรงไหน มาผมเช็ดให้”
              “ไม่เป็นไรจริง ๆ ไม่เลอะ” แต่จริง ๆ แล้วน้ำไอ้โต้งแฉะเต็มมือผม
              “พี่อย่าบอกใครนะ ผมอาย” ไอ้โต้งจะเอามือมาจับมือผมเพื่อขอร้อง เป็นมือที่เลอะน้ำควยมัน ผมรีบชักมือหนี ไอ้โต้งเลยกำเข้ากับควยผมเต็ม ๆ
              “เฮ้ย.....” ไอ้โต้งชักมือหนีอย่างรวดเร็ว ควยผมพอโดนมือไอ้โต้งมันค่อย ๆ พองก๋าขึ้นมาทันที
              “มึงมาจับควยกูทำไม”
              “เออเปล่า...คือ....ผมจะจับมือพี่”ไอ้โต้งตอบเสียงตะกุกตะกัก
              “มึงมาจับควยกูทำให้ควยกูแข็งเลย” ผมแกล้งหาเรื่องใส่ไอ้โต้งทันที จริง ๆ ควยผมก็แข็งตั้งแต่จับไอ้โต้งชักว่าวแล้วล่ะ
              “พี่ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
              “มึงรับผิดชอบเลย”
              “ให้ผมทำไร”
              “ทำให้มันสงบด้วย”
              “เออ....ทำแบบไหนพี่”
              “ก็ทำแบบที่มึงทำกับกูเมื่อกี้ไง”
              “เฮ้ยพี่....ผมไม่รู้ตัว”
              ผมจับไอ้โต้งเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเอามือมันไปจับควยผมที่แข็งเต็มที่ ไอ้โต้งมีอาการขัดขืน แต่ก็ค่อย ๆ กำควยผมเต็มกำมือ
              “เออ.....ทำไมมันใหญ่จังพี่”
              “ไม่รู้ดิ” ไอ้โต้งเริ่มชินกับควยผม จากที่นั่งเกร็งเมื่อกี้เริ่มขยับเข้ามาใหล้เอง ผมค่อย ๆ ลงนอนหงายไปบนเสื่อ โดยเอาควยออกมาทางขากางเกงกีฬา ไอ้โต้งขยับไปนั่งข้าง ๆ เอามือกำควยผมรูดขึ้นรูดลง
              ผมนึกในใจเล่นแบบนี้รุ่งเช้าน้ำกูก็ไม่แตก ผมเลยคิดแผนใหม่
              “ลองอมดูดิ”
              “ไม่เอา...เหม็น..สกปรก”
              “มึงเคยอมหรอ”
              “ไม่เคยดมหรอ”
              “ไอ้ต่ายเคยเอามาป้ายจมูกผม เหม็นจะตาย” ไอ้ต่ายที่ไอ้โต้งพูดถึง คือพี่ชายมัน
              “งั้นมึงลองดมของกูดูว่าจะเหม็นเหมือนของพี่ชายมึงมั้ย” ผมสังเหตุเห็นไอ้โต้งมีอาการลังเลย แต่มือยังคงกำควยผมแน่น
              มันนั่งสักพักก็ค่อย ๆ ก้มเอาจมูกไปใกล้ ๆ ควยผม แล้วสูดหายใจเข้าปอด มันก้มหน้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนปลายจมูกมันชนเข้ากับปลายควยผม
              “ควยกูเหม็นมั้ย” ไอ้โต้งไม่ตอบแต่มันแลบลิ้นไปแตะที่ปลายควย แล้วก็ชักลิ้นกลับ แล้วก็ทำแบบนี้สามสี่ครั้ง ผมคิดในใจว่าสงสัยมันกำลังชิมควย
              พอเริ่มคุ้นเคย ไอ้โต้งก็อ้าปากดูดควย ผมช้า ๆ มันอมได้แค่หัวควยผม พอจะยัดควยเข้าไปอีก โดนฟันไอ้โต้งเต็ม ๆ ผมถึงกับดันหน้ามันออกอย่างรวดเร็ว
              “อย่าให้โดนฟันดิ...เจ็บ”
              ไอ้โต้งก้มหน้าลงไปดูดควยผมอีกครั้ง ตอนนี้ไม่โดนฟัน แค่มันอมไว้เฉย ๆ  น้ำลายมันไหลมากองที่โคนควยผมจนแฉะ
              “มึงจะอมแบบนี้อีกนานมั้ย”
              “แล้วพี่ให้ผมทำไงต่อล่ะ” ผมลากมันลงมานอนข้าง ๆ ไอ้โต้งมีอาการขัดขืนเล็กน้อย แต่ก็ยอมลงมานอน มันตัวสั่นเทิ้ม หายใจเต้นแรง
              “กลัวหรอ”
              “ปะ เปล่า”
              “แล้วมึงสั่นทำไม”
              “ไม่ได้สั่น”
              “ยังจะมาโกหกอีก ดูซิมือเย็นเฉียบเลย”
              ผมเอามือขึ้นมาทาบบนอกไอ้โต้ง ไอ้โต้งถึงกับตกใจเอามือมันมากุมมือผมไว้แน่น
              “พี่จะทำอะไร”
              ผมเลื่อนมือลงไปที่เป้ามัน ควยไอ้โต้งกลับมาแข็งอีกครั้ง
              “ควยแข็ง”
              “ก็พี่ไปโดนมัน”
              “งั้นเดี๋ยวทำให้มันอ่อน”
              “ไม่ต้องพี่...เดี๋ยวมันก็อ่อนเอง” ผมไม่ฟังเสียง แอบบ้วนน้ำลายใส่นิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำควยไอ้โต้งที่กำลังจะแห้งติดมือผม พอเจอน้ำลายมำให้มันกลับมาลื่นอีกครั้ง ผมเอาไปป้ายที่ปลายควย แล้วคลึงปลายควยไอ้โต้ง ไอ้โต้งถึงกับผวาครางซีส
              “อ้า......อย่าพี่ต๊ะ....ผมเสียว” ไอ้โต้งนอนปิดตัวเป็นเกลียว ผมค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วถอดกางเกงมันออก  จับไอ้โต้งถ่างขาออก แล้วชักควยให้มันเบา        ไอ้โต้งคงไม่เคยเจอลีลาแบบนี้มันถึงกับเพ้อ
              “อ้า.............” มือหนึ่งรูดควย อีกมือหนึ่งคลึงกระโปกไอ้โต้งที่ยาน ไอ้โต้งกระโปกใหญ่มาก แถมยานอีกด้วย
              พอไอ้โต้งเริ่มเสียว ผมก็ผ่อนมือ ทำให้ไอ้โต้งชะงักหลายครั้ง มือผมเริ่มเลื้อยลามลงไปแถวงามตูดไอ้โต้ง โดยที่ไอ้โต้งไม่ขัดขืนทำให้ผมได้ใจ
              ผมกดเบา ๆ เข้าที่โคนควยใต้พวงกระโปกไอโต้งเพื่อเพิ่มความเสียว โดยที่ปลายนิ้วชี้ผมไปจ่อที่รูตูดไอ้โต้งที่ขมิบแน่น
              ผมเปลี่ยนมือที่แฉะไปด้วยน้ำลายและน้ำควยไอ้โต้งไปวนรอบที่ตูด ส่วนอีกมือก็เอามาชักว่าวให้มัน
              ไอ้โต้งไม่ขัดขืน มันนอนถ่างขาให้ผมทำ คงเพราะเสียวเต้มที่ มือที่เต็มไปด้วยน้ำลายและน้ำควยไอ้โต้ง ผมใช้นิ้วชี้ค่อย ๆ แทรกเข้าไปในรูตูดไอ้โต้ง ไอ้โต้งขัดขืนเล็กน้อยแต่ก็ปล่อยให้ผมแทรกเข้าไปทีละนิดจนสุดนิ้วชี้
              ผมแทงนิ้วชี้เข้าออก ไอ้โต้งเกร็งตูดแน่นขึ้น ควยมันกระดกสู้มือผม
              “อ้า.........” ไอ้โต้งถึงกับครางออกมาเบา ๆ ผมแทรกนิ้วกลางเข้าไปอีก จนเข้าไปสุดถึงสองนิ้ว แล้วค่อย ๆ แทงเข้าแทงออก
              ผมล้มตัวลงไปนอนข้าง ๆ เอาปากไปดูดนมไอ้โต้ง ส่วนมือก็ยังคงเอานิ้วแทงเข้าตูดไอ้โต้ง ทังคว้าน ทั้งรั้ง เพื่อให้รูตูดมันขยายเต็มที่เพื่อรับควยผม ยังไงคืนนี้ต้องจัดการเย็ดไอ้โต้งให้ได้
              ไอ้โต้งเสียวจนต้องกดหัวผมไว้แน่นกับอกมัน ผมค่อย ๆ เอามือดึงกางเกงกีฬาผมออก ส่วนปากก็ยังคงดูดนมมันไปเรื่อย ๆ ไอ้โต้งถึงกับแอนอกสู้ลิ้นผม
              “ผมค่อย ๆ ขยับเอวขึ้นคล่อม เอามือจับขามันกลางออก แล้วเข้าไปแทรกอยู่ระหว่างกลางขามัน ปากก็ยังคงดูดนมกระตุ้นความเสียว
              พอเข้าไปอยู่ระหว่างกลางขาไอ้โต้งได้ ผมก็เงยตัวขึ้นแล้วบ้วนน้ำลายใส่มืออีกข้างล็อตใหญ่ไปชโลมที่ควยจนชุ่ม จับปลายควยไปจ่อที่รูตูดไอ้โต้ง ค่อย ๆ ดึงนิ้วออกมา แล้วเสียบปลายควยเข้าไปแทนอย่างช้า ๆ
              พอหัวควยผลุบเข้าไปไอ้โต้งถึงกับสะดุ้ง ดีดตัวขึ้นมา ผมรีบกอดไอ้โต้งแน่น จังหวะที่ไอ้โต้งตีดตัวขึ้นมา แล้วผมรีบกอดมันทำให้ควยผมผลุบเข้าไปอยู่ในตูดไอ้โต้งถึง2ในสาม
              “อ้า....พี่ต๊ะ....เจ็บ” ไอ้โต้งสั่นเทิ้ม หัวใจเต้นแรงอย่างเห็นได้ชัด มันกอดผมแน่นขึ้น
              “อ้า.......” ผมโดนตูดไอ้โต้งบีบรัดควยถึงกับเผลอครางออกมาด้วยความเสียว
              ผมแช่ควยไว้อย่างนั้นโดยไม่ขยับ จนไอ้โต้งหายใจเบาลง และลดอาการสั่นลง
              “หายเจ็บหรือยัง” ผมเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อไอ้โต้งแล้วลูบหลังเบา ๆ ผมค่อย ๆ เหยียดขาออกไปแล้วจับให้ไอ้โต้งขึ้นมานั่งตักแบบเต็ม ๆ ทำให้ควยผมไปไหลเข้าไปใสตูดไอ้โต้งหมดทั้งดุ้น
              ไอ้โต้งนั่งทับควยผมนิ่งไม่ไหวติง ผมกระดกควยใส่ลำไส้เพื่อเป็นการทักทายลำไส้มันสร้างความคุ้นเคย ไอ้โต้งแหงนหน้าขึ้นมามองผม
              “ช่วยทำให้มันอ่อนด้วย” ผมพูดกับไอ้โต้งเบา ๆ
              เราอยู่ในท่านั่งควยไอ้โต้งกลับมาแข็งอีกครั้งกระดกใส่หน้าท้องผม ผมเอามือสองข้างมาประคองตูดไอ้โต้งยกขึ้น แล้วปล่อย ๆ ไอ้โต้งเริ่มรู้ความต้องการผม มันเอามือขึ้นมากอดคอผมแน่น แล้วยกตูดขึ้นลง ท่านี้ควยผมเข้าไปกระทุ้งพวงลำไส้ไอ้โต้งเต็ม ๆ ไอ้โต้งเองถึงกับผวาทุกครั้งที่มันทิ้งตัวลงมา ผมเองก็เริ่มเสียวขึ้นมาบ้าง
              ควยมันเสียดสีระหว่างหน้าท้องผมกับหน้าท้องไอ้โต้ง ไม่ถึง 5 นาที ไอ้โต้งมีอาการกระตุกกดตูดใส่ควยผมแน่น มือกอดคอผมแน่นแล้วปล่อยน้ำสองออกมาไปไปกองที่ดงหมอยผมเต็ม ๆ
              “อ้า..............”
              “เสียวหรอ”
              “อืม...แล้วพี่ต๊ะละ”
              “ยังเลย”
              “แล้วพี่จะทำไง”
              ผมไม่พูดต่อ จับไอ้โต้งนอนหงายไปบนเสื่อนอนรสบไปตามสองข้างผมที่เหยียดตรง ผมเอาขามันสองข้างขึ้นมาพาดบ่า พอทั้งท่าได้ ผมจับต้นขามันกระชากเข้าหา แล้วเสยควยใส่ตูดมันแบบเต็ม ๆ ไอ้โต้งถึงกับหัวสั่น
              ผมเปลี่ยนท่าค่อย ๆ ลุกขึ้น จับสองขามันพับแนบไปกับลำตัว แล้วเอาขาผมเหยียดตรง ก่อนที่จะกระแทกควยใส่ตูดไอ้โต้งแบบเน้น ๆ ในท่าเบสิก ไอ้โต้งนอนหงายมองผมเย็ดมันแบบไม่ขัดขืน
              “ตับ ตับ”
              “อัก อัก” เสียงไอ้โต้งคงจุกท้อง เพราะผมกดขามันลงไปเต็มที่  
              ผมเย็ดท่านี้ไม่ถึง 10 นาทีน้ำเสียวเดินมาถึงปลายท่อ ผมกัดฟันกระแทกควยเน้น ๆ อีกไม่กี่ครั้งก่อนที่จะกดควยแน่นปล่อยน้ำควยใส่ตูดไอ้โต้งแบบไม่มีกั๊ก พอความเสียวเริ่มลดลงผมปล่อยขาไอ้โต้งลง แต่ควยผมมันไม่ยอมอ่อนตัว
              “พี่ต๊ะเสร็จแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมมันยังแข็งอยู่ล่ะ”
              “เออ....ไม่รู้ ถามมันดูดิ” ผมแกล้งเย้าไอ้โต้งเพื่อสร้างบรรยากาศไม่ให้ตึงเครียด พอความเงี่ยนลดลงความสำนึกผิดก็เริ่มกลับมา คิดไปคิดมาไม่น่าทำกับน้องมันเลย ระหว่างที่คิดสำนึกควยก็ไม่เป็นใจ มันยังคงแข็งฝังอยู่ในตูดไอ้โต้งแน่น
              ใจหนึ่งก็อยากเบิ้ล แต่อีกใจหนึ่งก็อยากหยุด
              “ทำต่ออีกก็ได้พี่ต๊ะ จนกว่ามันจะอ่อน” ไอ้โต้งเห็นว่าควยผมมันไม่อ่อนตัวมันเลยบอกให้ผมเย็ดต่อ ผมว่ามันเองก็คงเสียวเหมือนกัน
              ผมพักเหนื่อยได้สักครู่ก็จับไอ้โต้งพลิกหันหลัง ให้อยู่ในท่าคุกเข่าโก่งตูดใส่ควยผม โดยที่ควยผมยังอยู่ในตูดมัน
              ผมจับเอามือกอดอกไอ้โต้งจากด้านหลังแน่น แล้วค่อย ๆ กระเด้าเสยควยเย็ดตูดมัน ไอ้โต้งเองก็รู้งานมันแอ่นตูดรับควยผมสุด ๆ มันเอามือกอดมือผมแน่น
              “อ้า....พี่ต๊ะ  ผมเสียว” คราวนี้แน่ใจแล้วว่าไอ้โต้งเสียวตูดที่โดนเย็ดแน่นอน เพราะไม่มีส่วนไหนโดนควยมันเลย ผมกระแทกเย็ดแบบเน้น ๆ อยู่นาน เพราะน้ำแรกเพิ่งแตก ผมกดไอ้โต้งหมอบคลานในท่าสี่ขา แล้วยกตัวสูงขึ้นไปยืนคล่อมมัน โน้มตัวลงไปกอดมันจากด้านหลัง ยกเอวขึ้นแล้วกระแทกควยใส่ตูดมันเน้น ๆ ท่านี่ควยผมเข้าลึกสุด ๆ เย็ดท่านี้ได้ไม่นานน้ำสองผมเริ่มเดิน
              “พี่จะแตกแล้วนะโต้ง” ไอ้โต้งเองก็คงเสียว เพราะมันเอามือลงไปรูดควยมันอีกครั้ง รูตูดมันขมิบตลอดแรงขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่ามันเองก็ใกล้จะแตก ผมกระแทกควยเน้น ๆ อีกห้าหกครั้งแล้วกดควยนิ่งปล่อยน้ำสองเข้าตูดไอ้โต้ง
              ไอ้โต้งรัวมือชักว่าจนน้ำสามมันแตกตามมาติด ๆ พอน้ำมันแตก มันถึงกับหมดแรงนอนคว่ำหน้าราบไปบนเสื่อ ผมล้มตัวลงไปนอนทับมันเต็ม ๆ
              “พี่ต๊ะ...หนัก” ผมพยุงตัวขึ้นทำให้ควยผมที่เริ่มอ่อนตัวกดเข้าไปในตูดไอ้โต้งอีกครั้ง
              “ยังไม่เสร็จหรอ”
              “เสร็จแล้ว” ผมค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ไอ้โต้งนอนนิ่งไม่ไหวติง ผมเอากางเกงมาใส่ให้มัน แล้วใส่ของผม ดึงผ้าผวยขึ้นมาห่มแล้วค่อย ๆ หลับตาลง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น