วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 1 จุดเริ่มต้นของชีวิต 1

              ปี 2525  ผมได้โควต้ามาเรียนต่อที่วิทยาลัยเทคนิคในตัวจังหวัด  เกณฑ์การคัดเลือกเด็กคือเป็นเด็กเรียนดีและยากจน  ซึ่งผมไม่มีคุณสมบัติเหล่านั้นเลยเพราะการเรียนก็งั้นๆ ฐานะทางบ้านก็เข้าขั้นดี  แต่รายการนี้ไม่มีเด็กคนไหนสนใจสมัครและอยากมาเรียนสายช่างเลย  ทุกคนอยากจะเรียนแต่สายวิทย์กันทั้งนั้นซึ่งก็รวมถึงผมด้วย 
              พ่อผมเป็นกรรมการของโรงเรียนและค่อนข้างสนิทกับครูทุกคนในโรงเรียนเลยทำให้ผมเป็นเป้าหมายหลักในการถูกคัดสรรตามโควต้าเพราะไหน ๆ เขาก็ให้โควต้าเข้าไปเรียนโดยไม่ต้องสอบแล้ว  อีกทั้งปีนี้เพิ่งเป็นปีแรกที่ได้โควต้ามาด้วย  ถ้าไม่ส่งเด็กเข้าเรียนตั้งแต่ปีแรกรับรองปีต่อไปลำบากแน่ถ้าจะขอโควต้าแบบนี้ 
              ครูแนะแนวเล็งเป้าหมายมาที่ผมถามว่าพ่อว่างไหมเย็นๆ ครูจะแวะไปไหว้ท่าน ตอนนั้นผมไม่รู้จุดประสงค์ของครูแนะแนวก็บอกว่าพ่อจะว่าง ๆ ก็ประมาณบ่ายกว่า ๆ คือบ้านผมค้าขายช่วงเช้าจะขายของดีไปจนถึงเที่ยง  พอบ่าย ๆ เริ่มซา  และจะมาขายดีอีกครั้งก็ประมาณ   4 โมงเย็นกว่า ๆ เพราะเขาเลิกงานแล้วมาซื้อของ
              ผมเลิกเรียนบ่าย3 กลับมาถึงบ้านเห็นครูแนะแนวนั่งคุยกับพ่อและแม่ตรงโต๊ะหน้าบ้านผมยกมือไหว้แล้วก็วิ่งจู๊ดไปเปิดทีวีดูรายการโปรดการ์ตูนช่อง9 
              ผมได้ยินครูแนะแนวทั้งหว่านทั้งล้อมว่าถ้าได้เรียนสายช่างนี้อนาคตเป็นวิศวกรแน่นอนแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะคิดว่าตัวเองไม่สมัครคงไม่เกี่ยวกับผมแน่นอน
              และแล้วหลังจากนั้นไม่นานก็มีบัญชาจากพ่อว่าผมต้องไปเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคที่ตัวจังหวัด
              “ผมไม่ได้สมัครไว้นะพ่อ  นี่ก็เลยวันรับสมัครเขาตั้งนานแล้ว”
              “มึงไม่ต้องกลัวกูอำนวยความสะดวกสมัครให้มึงเรียบร้อยแล้ว”  พ่อผมใช้อำนาจและวาจาสมัยพ่อขุนรามคำแหงมาใช้บังคับทันที
              “ไอ้ต๊ะมึงก็ทำตามพ่อมึงเถอะ  พ่อเขาอาบน้ำร้อนมาก่อน พ่อเขาย่อมรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร”  เสียงลอยมาจากหลังบ้านผมหันไปดูเห็นแม่กำลังเดินถือกับข้าววางบนโต๊ะกินข้าว
              ผมทั้งอึ้ง  ทั้งจุกในอก พูดไม่ออก  คุยกับเพื่อน ๆไว้เยอะว่ายังไงก็ต้องได้ไปเรียนต่อสายวิทย์แน่นอน  ถ้าไม่ใช่จังหวัดใกล้เคียงก็อาจเป็นที่กรุงเทพ
              อีกไม่ถึงสองสัปดาห์ผมจะต้องสอบปลายภาคเพื่อจบม.3  ผมแทบไม่อยากไปสอบ  เพื่อน ๆ ถามก็ไม่บอก ส่วนคนอื่นมันคุยฟุ้งว่ามันไปสมัครสอบที่โน่นที่นี่มา  ส่วนผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะเขียนใบสมัครเพราะพ่อเขียนให้เสร็จ
              ถึงวันต้องเดินทางมาเรียนในตัวจังหวัดตามบัญชาของพ่อ  พ่อกับแม่มาส่งถึงหอที่จะพัก  ผมนึกในใจว่าพ่อกับแม่กูมาหาไว้ตอนไหนว๊ะ   ลักษณะของหอสองชั้น  ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน  ชั้นบนเป็นไม้ มีอยู่ชั้นละ 10 ห้องมีทางเดินและระเบียงหน้าห้อง   มีห้องน้ำรวม 2 ห้องด้านหลังหอซ้ายขวา 
              ผมเข้าไปในบ้านเจ้าของหอผมตกใจเห็นเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกันแต่คนละห้องชื่อสาทร  แต่ผมเรียกมันว่า “ไอ้ดอน”ผมรีบเดินไปหามันถามว่ามาทำไมมันบอกว่ามันได้โควต้ามาเรียนเทคนิค  ผมร้องเฮ้ย ไหนบอกว่าไม่มีใครสมัครไง ผมหันไปมองหน้าแม่ผมเพื่อหาคำตอบ พ่อผมเหมือนรู้ใจผมว่าจะถามอะไรพ่อเลยบอกว่า
              “เขาให้โควต้าโรงเรียนบ้านเรา2 อัตรา คือช่างไฟฟ้า 1 คน และช่างเชื่อม 1 คนพ่อก็เห็นว่าลูกแม่ไหม(แม่ไหมคือแม่ไอ้ดอน ชื่อจริงแกชื่อไหมทอง แต่แกไม่ชอบให้ใครเรียกว่าทอง  ชอบให้เขาเรียกว่าไหม และพวกผมก็จะเรียกพ่อแม่เพื่อว่าพ่อแม่และพ่อกับแม่ก็จะเรียกด้วยโดยใส่ชื่อตาม  อย่างที่พ่อผมแม่ผมเรียกแม่ไอ้ดอนว่าแม่ไหม  แม่ไหมก็จะเรียกแม่ผมว่าแม่จิตรหรือเรียกพ่อผมว่า  พ่อคมหรือพ่อคมสัน   พ่อกับแม่ก็เลยคุยกันว่าน่าจะมาพักด้วยกันจะได้คอยดูแลกันและมีเพื่อนด้วย)
               ผมหันไปมองหน้าเพื่อนเหมือนโดนหลอกมาขายตัวยังไงยังงั้น  นึกในใจว่าพ่อกูกับแม่ไหมแม่ของไอ้ดอนไปคุยกันตอนไหนว๊ะ
              “ดอนมึงสมัครตอนไหน”  ผมหันไปตามไอ้ดอน
              “กูสมัครที่ไหนล่ะ  เมื่อสองวันก่อน แม่กูมาบอกว่าให้กูมาเรียนที่นี่และมาพักกับมึง”  ผมงงเป็นไก่ตาแตกเข้าไปอีกแสดงว่าผู้ใหญ่คุยกันเองเออเองกันหมดเลย
              “เดี๋ยวพวกผมจะเอาของลูก ๆไปเก็บก็จะขอตัวกลับเลยนะครับ ว่าจะไปซื้อจักรยานให้เขาสักคันจะได้ถีบไปเรียน”  ผมได้ยินพ่อผมพูดกับเจ้าของหอ
              “ว่าจะดูมอเตอร์ไซด์ให้เขาแต่มันอันตรายเนื้อหุ้มเหล็ก  ที่เรียนก็ไม่ไกลมาก  ถีบจักรยานยังไม่ทันเหนื่อยหรอกถึงแล้ว”  แม่ผมสำทับอีกครั้งก่อนยกมือไว้แล้วไปที่ห้อง 
              ผมกับไอ้ดอนได้นอนชั้นล่างหน้าห้องเขียนชื่อว่า A1  นึกในในว่าคงเป็นห้องแรก  ภายในห้องเอาโต๊ะทำเป็นเตียงสูงประมาณ 80เซนติเมตร ไม่มีที่นอนให้  เพราะผมกับไอ้ดอนเตรียมเครื่องนอนมากันเอง  ก็มีที่นอนยัดนุ่นแบบพับ 4 ท่อน  หมอนคนละ 1 ใบ ในห้องก็จะมีตู้กับข้าว  โต๊ะเล็ก ๆเหมือนไว้อ่านหนังสือและเก้าอี้ 1 ตัว ความกว้างของห้องประมาณ 3 คูณ 4 เมตร ก็เกินพอสำหรับเด็ก ๆ อย่างพวกเรา  ไม่มีแอร์ไม่มีพัดลมใดๆ เพราะเจ้าของหอเขาบอกว่าถ้าจะมีพัดลมขอเพิ่มค่าไฟ 100 บาทต่อเดือน  ส่วนเตารีดและหม้อหุงข้าวไม่คิดเงินเพิ่มเพราะเป็นปัจจัยพื้นฐาน   ผมนึกอยู่ในใจว่าแล้วงี้คงนอนกันร้อนขี้สุกเลยมั้ง  ผมมารู้ทีหลังว่าค่าเช่าหอเดือนละ 400  บาท แต่เขาเก็บเป็นเทอม (ประมาณ 4 เดือน) คือเก็บครั้งเดียว 1600 บาท ก่อนเข้าไปอยู่ ไม่ต้องมีมัดจำเพราะไม่มีทรัพย์สินอะไรพอจะแบกไปขายได้เลย ดังนั้นเรื่องไม่มีเงินจ่ายค่าหอไม่ต้องห่วงเลย
              เมื่อวางของและสำรวจสภาพเสร็จแล้วผมให้ไอ้ดอนรอที่หอ เพราะผมจะไปซื้อจักรยานและหม้อหุงข้าวกับพ่อและแม่ผม ส่วนแม่ไหมแม่ไอ้ดอนก็ไปด้วยเพราะเขาจะติดรถบ้านผมกลับบ้านพร้อมกันเลย 
              บ้านผมอยู่ต่างอำเภอห่างจากตัวจังหวัดประมาณ150 กิโลเมตร มีรถยนต์ประจำทางไม่กี่เที่ยวต่อวันในการเดินทาง  แต่บ้านผมมีรถกระบะ  จึงไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทาง ถ้าเดินทางจากตัวจังหวัดถึงบ้านผมก็จะผ่านบ้านไอ้ดอนก่อน  อีกประมาณ 10 กิโลเมตรก็ถึงบ้านผม  แม่ไหมจึงกลับด้วยกับบ้านผมซึ่งก็เป็นเหตุการณ์ปกติของคนในหมู่บ้านที่เวลาไปไหนมาไหนก็จะอาศัยกันแบบนี้
              แม่ผมเลือกจักรยานยี่ห้อเฟรสสัน  แฮนสูง ๆ เหมือนผู้หญิงถีบ มีตะกล้าใบเล็ก ๆ ด้านหน้าและที่ปวดใจหนักแม่เลือกสีชมพูอีกต่างหาก ซึ่งผมอยากได้แบบเสือหมอบ แต่แม่ให้เหตุผลว่า ถ้ามึงเรียนจบแล้วจะได้เอาไว้ให้พี่สาวมึงถีบไปตลาดได้  โหหลักสูตร ปวช. 3 ปี จักรยานมันจะเหลือซากถึงพี่สาวกูเป่าว๊ะนี่ผมนึกอยู่ในใจ
              เมื่อได้จักรยานแล้วพ่อก็ให้ผมถีบตามแกไปซื้อหม้อหุงข้าวขนาดย่อมๆ 1 ใบ และเตารีด 1 อัน  ผมเอาใส่ตะกร้าหน้ารถจักรยานแล้วก็ร่ำลาพ่อกับผม่
              “ตั้งใจเรียนนะลูก  อย่าเกเรอันไหนไม่ดีก็อย่าไปยุ่งเพื่ออนาคต พ่อกับแม่อยากให้ลูกได้ดีจะได้เป็นที่พึ่งยามแก่เฒ่า  ลูกชอบเรียนอยู่แล้วคงไม่น่ามีปัญหา”  แม่ผมสาธยายยาวยืด  ผมนึกในใจผมชอบเรียนนะจริง  แต่ผมไม้อยากเรียนสายช่าง
              “ต๊ะ..แม่ฝากดอนด้วยนะ  มันไม่เคยจากบ้านไปไหนเลยดูแลกันนะ” แม่ไหมหันมาลูบหัวผมแล้วก็สั่งให้ผมดูแลไอ้ดอน  ผมอยากตะโกนดัง ๆ ว่าผมเองก็ไม่เคยไปไหนไกล ๆเหมือนกันครับแม่ไหม  แต่ก็ได้แต่คิด  พยักหน้างึก ๆ เหมือนรับปาก  แล้วยกมือไหว้ พ่อกับแม่และแม่ไหมก็ขึ้นรถขับออกไปอย่างช้า ๆ      
              ผมถีบจักรยานคันใหม่มาตามเส้นทางที่ผมไม่คุ้นเคยมองซ้ายมองขวาดูสภาพแวดล้อมไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ จำเส้นทางด้วยเดี๋ยวหลงไม่ถึง 10นาทีผมก็ถึงทางเข้าหอผมลงจอดค่อย ๆจูงไม่กล้าถีบขึ้นไปเพราะถนนมันต่ำกว่าพื้นฟุตบาทกลัวหม้อหุงข้าวกับเตารีดที่ซื้อมาใหม่กระเด็นออกจากตะกล้า  อีกอย่างผมก็ถีบจักรยานไม่ค่อยแข็งด้วย  ผมเข้ามาถึงก็เห็นไอ้ดอนกำลังกวาดห้องจัดของ
              “เออ......ต๊ะมึงจะนอนตรงไหน  กูขอนอนติดหน้าต่างนะ มึงนอนตรงนี้แล้วกัน”  ไอ้ดอนมันเลือกนอนริมหน้าต่าง  เพราะเตียงมันวางด้านนึงชิดหน้าต่างพอดี แหมเลือกมุมดีเลยนะแล้วมึงจะถามกูหาพระแสงอะไรว๊ะ  หรือมีที่อื่นให้เลือก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น