สภาพหอก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรหรอกออกจะแย่ๆ ผมก็ถามพ่อกับแม่ว่ามีดีกว่านี้ทำไมพ่อกับแม่ไม่ให้ผมไปพัก แม่บอกว่าแม่ไหมเป็นคนมาหา แล้วแม่ไหมก็ชวนให้มาอยู่ด้วยกัน อีกอย่างมาอยู่ที่นี่กว่าจะได้เพื่อนใหม่ก็คงอีกนาน มีเพื่อนเก่ามาจากมาเรียนด้วยจะได้ไม่เหงา แต่ผมว่าเหตุผลหลักคือแม่ไหมแกไม่มีเงินจ่ายค่าหอแพง ๆ ให้ไอ้ดอน เพราะฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พ่อกับแม่ผมแกขัดใครไม่ค่อยเป็นเลยปล่อยตามเลย และสัญญาว่าปีหน้าจะย้ายหอให้
ที่อยู่ใหม่ ที่เรียนใหม่ ผมต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก อย่างแรกเลยคือชุดต้องนุ่งกางเกงขายาวสีกรมท่า จากที่เคยนุ่งกางเกงขาสั้นสีกากีมาตลอด ต้องเดินเรียนตามห้องต่าง ๆไม่เหมือนสมัยมัธยม นั่งรอเมื่อไหร่ครูจะมาสอน แต่มาเรียนที่นี่ ต้องวิ่งไปหาครูหมดชั่วโมงทีก็เหมือนนกกระจอกแตกรังเจี้ยวจ้าวกันไปหมด ต่างคนต่างรีบวิ่งให้ทันเพื่อไปเช็กชื่อ ทำให้ไม่ง่วงแต่ทำให้หิวบ่อยมากกกกกกก ส่วนการปรับตัวที่หอก็ต้องสำนึกว่ามีคนนอนข้างๆ นึกอยากจะกางแขนกางขาเหมือนก่อนคงไม่ได้ บ้านผมที่ต่างอำเภอลูก ๆ ทุกคนจะมีห้องส่วนตัวไม่นอนรวมกันพอมาอยู่ที่นี่แรก ๆ ก็อึดอัดนอนแบบระแวงว่าจะหลงไปถีบมันตกเตียงเมื่อไหร่ การนอนรวมกันผมก็เคยแต่ตอนไปเข้าค่ายลูกเสือเท่านั้น แต่ตอนนั้นเต็นหลังนึงนอนกันเป็นสิบคนมันไม่รู้สึกอึดอัด แต่มันสนุกกูถีบมึงมึงถีบกู แต่ต่อไปนี้จะต้องมานอนคู่กับไอ้ดอนทุกคืนอย่างน้อยก็เทอมนึงประมาณ 4 เดือน
เรื่องอาหารการกินไม่ต้องปรับตัวมาก เอาข้าวใส่หม้อล้างข้าว แล้วล้างไข่ไก่ แล้วใส่ลงไปในหม้อข้าวทั้งต้มทั้งหุงข้าวพร้อมกันเลย จะได้ทำก็เพียงเสาร์กับอาทิตย์ ส่วนวันจันทร์ถึงศุกร์กินที่วิทยาลัย ถูกแสนถูกกับข้าว 1 อย่าง 12 บาท กับข้าว 2 อย่าง 15 บาท แม่ให้ไว้ใช้เดือนละ 1000 บาท สบาย
สมัยอยู่ที่ต่างอำเภอผมก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินเปลืองเท่าไหร่ ข้าวแม่ห่อให้เพราะกับข้าวที่โรงเรียนมันแสนจะทุเรศ หมาไม่แดกค่ารถประจำทางไปกลับ 2 บาท กินขนม 1 บาท แม่ให้ 5 บาท เหลือเก็บ วันละ 2 บาท ชิว ๆ ผมเก็บเงินเก่ง แต่ไม่เคยเหลือเพราะโดนพี่ชายตัวดีงัดไปกินเหล้าประจำ หาที่ซ่อนเงินจนทั่วบ้านพี่ชายก็หาเจอ จะฝากแม่ไว้แม่ก็ลืมตลอดว่าฝากไว้เท่าไหร่จะเหลือ20 บาทตลอด ....เฮ่อ ให้ลุงทำกล่องไม้ใหญ่ๆ แล้วเจาะรูสำหรับใส่เงินพี่ชายตัวดีมันก็ใช้วิชามารงัดมากินเรียบ หยอดกระปุกทุกวัน แต่เงินเหลือไม่เกิน 20 บาท เลยหยุดหยอด
ทุกเดือนผมจะเหลือเงินประมาณเดือนละ500 กว่าบาท จบเทอมแรกผมมีเงินในกระเป๋าเหนาะ ๆ ประมาณ 2000 บาท
เทอมแรกผ่านไปอย่างเจ็บปวดใจเพราะยังทำใจรับสภาพกับนักเรียนเทคนิคไม่ได้ ทำใจให้รักมันก็ไม่รัก ทำใจให้ชอบมันก็ไม่ชอบ กลับบ้านไปเจอเพื่อนเห็นมันคุยเรื่องฟิสิกส์ เคมี แล้วมันปวดใจ ส่วนเรามีแต่เดินสายไฟ ดูสายไฟ
เทอมสองผมเดินทางมาเองและยังคงได้อยู่ที่หอเก่า ผมมาก่อนเปิดเรียนประมาณ 1สัปดาห์เพราะต้องมาซื้อหนังสือ ตอนนั้นผมคิดว่าทำไม่ขายในวันเปิดเรียน ไม่เห็นต้องมาซื้อก่อนแบบนี้เลยคนต่างจังหวัดบางคนก็มาซื้อแล้วก็เดินทางกลับบ้านแต่ผมขี้เกียดกลับเลยอยู่ต่อรอเปิดเทอมเลย ผมไม่เห็นไอ้ดอน เห็นแต่พี่ ๆที่หอที่เริ่มทยอยมา ผมไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ทั้งที่บางคนเรียนที่วิทยาลัยเดียวกัน แต่คนละแผนก อาจเป็นเพราะอายุห่างกันหรือกลัว ๆก็ไม่รู้ เพราะแต่ละคนกินเหล้ากันเป็นน้ำแทบจะไม่เห็นสภาพพี่ ๆ เขาในสภาพปกติเลย เจอทีไรอยู่ในสภาพเมาแอ๋ เลยดูน่ากลัว สมัยนั้นผมไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ ทั้งที่บ้านผมขายทุกอย่างแต่เห็นลุง(พี่ชายแม่)ที่อยู่ด้วยแกเมาทุกวัน เมาทั้งวัน เมาเสร็จก็เก่งสารพัดเตะลูก เตะเมีย จนเมียหนีก็เลยมาอยู่บ้านผม พ่อผมเป็นคนใจดีเลยไม่มีปัญหาทั้งที่เมาทีไรด่าพ่อด่าแม่ผมประจำผมเห็นลุงด่าพ่อผมทีไรผมจะเห็นแม่ผมจะชักสีหน้าว่าโกรธลุง แต่สำหรับพ่อผมแกจะยิ้ม แล้วแกก็จะพยายามพาลุงไปนอนพูดกับลุงอย่างนั้น ลุงอย่างนี้แทบทุกวันแล้วลุงแกก็เชื่อพ่อเข้าไปนอนแล้วก็หลับเป็นตาย เป็นอย่างนี้ประจำ เลยทำให้ผมไม่อยากเข้าใกล้คนเมา
“ต๊ะ..มาทำไมเร็วจังวิทยาลัยเปิดอาทิตย์หน้าไม่ใช่หรือ” ผมนั่งอยู่ในห้องหันไปตามเสียง พี่นาวนี่เองชื่อจริงชื่ออะไรก็ไม่เคยถามอีกเหมือนกัน แกอยู่ชั้น 2 ห้องตรงกับผมพี่แกเรียนที่วิทยาลัยเกษตร ปีไหนไม่เคยถามแต่แกดูกร้านชีวิตมาก ตัดผมสั้นเหมือนนักเรียนนายร้อยแต่ปล่อยหนวดเคราคลึ้ม จมูกถึงแม้จะไม่โด่งมากแต่ก็รับกับปากและรูปหน้า รูปร่างสูงประมาณ 175 สมส่วนไม่ผอมไม่อ้วน วงแขนมีกล้ามน้อย ๆ นุ่งกางเกงยีนส์ซีด ๆกับเสื้อยืดขาวข้างในและคลุมด้วยเสื้อเซิ๊ตลายสก๊อตสีออกตุ่น ๆ มือถือกระเป๋าใบไม่ใหญ่มาก คงเพิ่งกลับมาจากบ้านเหมือนกัน
“ผมมาซื้อหนังสือเรียนนะครับ เลยขี้เกียดกลับบ้าน”
“ไอ้โรงเรียนห่านี่ก็เหมือนกันแม่งจะให้ซื้อวันเปิดเรียนมันจะตายห่าหรือไง ต้องมาซื้อก่อนเปิดเรียน วันเปิดเรียนจริงๆ กูไม่เห็นแม่งจะสอนไรเต็มที่ เสียเวลาทำมาหากิน” แก่บ่นให้ผมฟัง
“แล้วไอ้ดอนล่ะไม่มาหรอ”
“ยังไม่เจอกันเลยครับพี่นาว มันคงซื้อหนังสือแล้วกลับบ้านเลยนะครับ เห็นมันว่าอย่างนั้น”
แล้วพี่นาวแกก็เดินลงส้นเท้าขึ้นไปชั้นสอง ได้ยินเสียงโยนกระเป๋าดังโครมแล้วเสียงก็เงียบไป
วันที่สามของการรอเปิดเทอม2 เป็นไปอย่างเงียบเหงาหลังกินข้าวเที่ยงแล้วไม่รู้ไปไหนก็เลยปิดประตูปิดหน้าต่างแล้วก็จะนอน เจ้าของหอเคยบอกว่าเวลาจะนอนก็ให้ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด เพราะไว้ใจใครไม่ได้เขาอาจย่องเข้ามาขโมยของเราตอนหลับก็ได้ นี่เป็นคำเตือนครั้งแรกที่ผมมาอยู่หอนี้ และผมก็ทำแบบนี้เป็นประจำแต่วันนี้เอาจักรยานเข้ามาเก็บในห้องด้วยเพราะปกติจะใส่กุญแจคล้องไว้กับเสาหน้าห้อง
ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้มารู้สึกตัวอีกทีเหมือนมีคนคุยกันและเสียงกระแทกปับ ปับ ผมนึกว่าเป็นไอ้ดอนมาเรียกค่อย ๆ ลืมตามองไปรอบห้องก็ไม่เห็นมีใคร ถ้าอยู่ข้างในห้องจะมองดูคนข้างนอกได้ชัดเจนมากเพราะห้องทุกห้องจะมีรูทุกห้อง ร่องประตู ร่องหน้าต่างร่องพื้น โดยเฉพาะพวกที่อยู่ชั้น 2เวลากวาดพื้นทีนึงมันจะร่วงลงมากราวใหญ่ใส่ห้องข้างล่าง และห้องข้างบนที่ตรงกับห้องผมพื้นห้องที่เป็นกระดานมีร่องบางช่วงห่างกันประเภทนิ้วหัวแม่มือยัดลงไปได้สบาย แต่พี่นาวที่อยู่ห้องข้างบนแกไม่เคยกวาดพื้นหรือแกไม่กวาดให้มันตรงร่องก็ไม่รู้มันจึงไม่เคยมีฝุ่นร่วงมาห้องผมเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น