ตื่นมาวันที่สามของการมาค้างที่บ้านไอ้เจตวันนี้ผมลืมตาขึ้นมายังเห็นไอ้เจตนอนหลับอยู่จึงเอามือไปเขย่า ปรากฏว่าตัวมันรุม ๆเหมือนจะเป็นไข้ สงสัยเมื่อวานเล่นน้ำกันทั้งวันได้ยินเสียงพี่ต้อยคุยกับแม่จึงรีบลุกไปหาพี่ต้อยทันที
“พี่อ้อยครับไอ้เจตไม่สบาย”
“กูว่าแล้วว่ามันต้องไม่สบายเล่นน้ำกันทั้งวันแบบนั้น” เสียงแม่ดังขัดขึ้นมาจากในห้องนอน
“เจตเป็นไรมากมั้ยไปเข้าไปดูกัน” พี่อ้อยรีบเดินเข้าห้องเจตตลบมุ้งเข้าไปแล้วเอามือแตะหน้าผากน้องชายดู
“อืม รุม ๆคงเป็นไข้แดด เมื่อวานเล่นน้ำกันทั้งวันละซิ” พี่อ้อยหันมาหาผม
“แฮะ ๆนิดหน่อยครับ”
“ไม่นิดละมั้งเห็นพี่หมานบอกว่าแช่อยู่ในน้ำกันตั้งแต่สายจนถึงค่ำ”
“มันเย็นสบายดีครับเล่นจนลืมเวลา”
“เดี๋ยวพี่ต้มข้าวต้มให้แล้วจะได้กินยา”
พี่อ้อยพูดเสร็จก็เดินออกไปนอกห้องพอดีกับไอ้เจตค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“ใครมาหรอต๊ะ”
“พี่อ้อยมาดูมึงนะดิตัวมึงร้อน เป็นไงบ้างว๊ะ ไหวมั้ย”
“ไอ้เหี้ย...ตัวกูไม่เท่าไหร่แต่ตูดกูนี่ดิโคตรระบมเลย ขนาดตดยังแสบ” มันพูดเบา ๆ พร้อมกัดฟันใส่ผม
ผมถึงบ้างอ้อเลยว่าทำไมมันถึงเป็นไข้เพราะผมก็เล่นน้ำกับมันแต่แค่ปวดเมื่อยตามตัวแต่ไอ้เจตมันถึงกับไข้ขึ้น ผมนึกขึ้นได้เลยปิดปากหัวเราะ
“มึงหัวเราทำเหี้ยไรงานนี้ต้องมีการเอาคืนแน่มึง ระวังให้ดีเถอะ”
“55555555อย่าทำอวดเก่งให้หายไข้ก่อนเดี๋ยวกูซ้ำให้”
“ส้นตีนกูนี่..โอ้ย” มันไม่พูดเปล่าแต่ยกเท้าถีบเข้าตรงสะโพกผมอย่างจังแต่มันเองกลับต้องบิดตัวเพราะแสบตูด
“แรงถีบหนักขนาดนี้แสดงว่าไม่เป็นไรมากอย่างนี้ต้องซ้ำ ต้องซ้ำ”
“ซ้ำอะไรกันหรอลูก” แม่เดินเข้ามาตอนไหนไม่รู้
“ต้องไปตัดไผ่ซ้ำนะครับแม่” ผมแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ
“เป็นไงบ้างเจต” แม่ลงมานั่งข้าง ๆ เจตพร้อมกับเอาหลังมือมาแตะหน้าผาก
“แค่รุม ๆกินยาเม็ดสองเม็ดก็หาย เป็นไข้แดดนะลูกงั้นวันนี้ไม่ต้องไปเอาไผ่หรอกนอนพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวให้ทิดหมานไปเอามาแล้วกัน”
“ครับแม่”ไอ้เจตรับปากตาปริบ ๆ พอแม่เดินพ้นประตูมันหันหน้ามาแยกเขี้ยวใส่ผมทันที
พี่อ้อยต้มข้าวต้มมาให้ไอ้เจตพร้อมกับยาสองเม็ด ผมเลยเลี่ยงออกมาเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปลงฟันเสร็จแล้วจะเดินกลับห้องเห็นพี่อ้อยค่อยๆ ป้อนข้าวไอ้เจตเลยเดินเลี่ยงลงเรือนไปทางวัดเห็นผู้คนเริ่มเดินทางกลับจากวัดประปรายวันนี้ไม่ใช่วันพระแต่ทำไมคนเดินเข้าออกวัดกันจังด้วยความสงสัยเลยเดินเรื่อยเปื่อยเข้าไปในวัด
พอดีเห็นป้าคนนึงกำลังเดินออกมาจากวัดผมจึงรีบเข้าไปถาม
“ป้า..ในวัดเขามีงานอะไรครับเห็นคนเยอะแยะ”
“อ๋อ....หลวงพ่อเพินเพิ่งกลับมาจากกรุงเทพ เลยเข้าไปไหว้เพิน”
“ครับ” แล้วผมก็เดินเข้าไปในวัด สายตาไปเจอเด็กหนุ่มคนหนึ่งอายุน่าจะรุ่นน้องผมน่าจะอยู่ ม.ต้นนั่งอยู่ใต้ต้นมะม่วงข้างกุฏิเด็กหนุ่มหันมายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร ผมเลยเดินเข้าไปหา
“มาเที่ยววัดหรือครับ”
“เปล่าครับหลวงตามาบวชที่นี่” เด็กหนุ่มชี้ไปทาง กุฏิที่มีคนเดินเข้าออกแสดงว่าหลวงพ่อที่ป้าพูดถึงก็คือหลวงตาของเด็กหนุ่มคนนี้แน่นอน
“ทำไมไม่อยู่ข้างในล่ะ”
“คนเยอะครับผมเลยเดินออกมาข้างนอก”
“หลวงตาเพิ่งมาหรอเห็นป้าเมื่อกี้บอก”
“ครับ...หลวงตาเพิ่งกลับมาจากกรุงเทพปิดเทอมผมเลยกลับมาด้วย”
“เราอยู่กรุงเทพหรอ”
“ครับพ่อกับแม่ทำงานที่กรุงเทพ ปิดเทอมแม่เลยให้มาอยู่กับหลวงตาที่นี่”
ผมสังเกตเห็นน้องเขาดูเงียบ ๆ เลยไม่กล้าถามต่อจึงเดินเลี่ยงออกมาจากวัดเพื่อกลับบ้าน
ผมขึ้นไปบนเรือนเห็นไอ้เจตนั่งอยู่นอกห้อง
“เจตทำไมไม่นอนล่ะ เดี๋ยวไข้กลับนะ”
“กูไม่เห็นมึงเลยกำลังจะไปตามหานึกว่าหลงทาง 555555”
“ไอ้บ้ากูเดินเข้าไปเล่นในวัดมา”
“อ๋อในวัดมีไรหรอ”
“เปล่าเห็นบอกหลวงพ่อกลับมาจากกรุงเทพ เห็นคนเยอะแยะ เลยเดินเข้าไปดูว่าเขามีไรกัน”
“หลวงพ่อกลับมาแล้วหรอต๊ะกลับมาเมื่อไหร่ ตอนไหน” เสียงแม่ดังมาแต่ไกล
“ครับแม่แต่ไม่รู้ท่านกลับมาตอนไหนครับ”
“พ่อมึงหลวงพ่อกลับมาแล้ว ไป ๆ วัดกัน”แม่ตะโกนเรียกพ่อพร้อมหาเสื้อใส่ทับเสื้อคอกระเช้า แล้วรีบลงเรือไป
“ทำไมพ่อกับแม่รีบจังเจต”
“อ๋อพ่อกับแม่เขานับถือหลวงพ่อมาก ท่านเป็นพระปฏิบัติ ชอบช่วยเหลือคนอื่นใครอยากได้น้ำมนต์ท่านก็ทำให้ ใครอยากได้ของขลังท่านก็ทำให้ใครเจ็บป่วยมาท่านก็เป่าให้หาย ทั้งวัดก็มีท่านกับหลวงพี่จันทร์และเณรอีกองค์หลวงพี่จันทร์ก็บ้าแต่เล่นกล้าม ส่วนเณรก็เอาแต่ซน”
หลังกินข้าวเช้าเสร็จ เจตเข้านอนต่อเพราะตัวยังรุม ๆ จากพิษไข้ ผมเลยเดินไปทางทุ่งนากะว่าจะไปแบกไผ่กลับมาบ้านสักส้นสองต้นถือคติที่ว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่นผมเดินแบกไม้ไผ่มาถึงเถียงนาเลยนั่งพักเหนื่อย อากาศเย็นสบายเลยนอนเล่นเผลหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว
“ต๊ะ ต๊ะ” ผมสะดุ้งตื่น เพระเสียงเจตเรียก
“อ้าวเจต”
“ทำไมมึงมานอนตรงนี้กูตื่นมาไม่เห็นมึงถามใครก็ไม่มีใครรู้ กูเลยลองเดินมาดู นึกแล้วว่ามึงต้องมาที่นี่”
“กี่โมงแล้วเจต”
“บ่ายกว่าแล้วแม่ให้ตามไปกินข้าว”
“กูไปแบกไผ่มาแวะพักเหนื่อย แต่อากาศเย็นสบายเลยเผลอหลับ แล้วมึงล่ะหายไข้แล้วหรอ”
“เรื่องไข้แค่นี้เรื่องเล็ก แต่กูยังขัด ตูดอยู่เลย”
“ซ้ำอีกสักดอกสองดอกมั้ยจะได้หายขัด555555”
“ส้นตีนกูนี่”มันพูดพร้อมกับหน้าแดงสุกปรั่งขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าสุกเพราะอายหรือสุกเพราะแดดวันนี้แดดค่อนข้างแรง
“ไปกลับบ้านเถอะกูหิวข้าวแล้วนั่นกูแบกไผ่มาได้สองต้น ช่วยกูแบกกลับด้วย"
เราสองคนแบกไผ่คนละข้างค่อย ๆ เดินบนคันนามาแบบไม่รีบ ไม่นานก็ถึงบ้านได้ยินเสียงคนคุยกัน ดังมาจากบนเรือนสงสัยเพื่อนพ่อหรือเพื่อนแม่มาเรื่องงานแต่งพี่ต้อย
“เจตมาพอดีเลยลูกมานั่งนี่”
“มีไรแม่”
“นี่นพลูกน้าพรหลานหลวงพ่อจะมาอยู่กับเราจนเปิดเทอม คงอายุน้อยกว่าเจตสักปีสองปีมั้งให้พักที่วัดกับหลวงพ่อคงไม่สะดวกเลยให้มาพักที่บ้านเรา ใกล้วัดด้วย”
ผมมองหน้าน้องนพคือคนที่ผมเห็นเมื่อเช้านี้นี่เอง
“เดี๋ยวให้นอนห้องเดียวกับเจตเป็นเพื่อนกัน”
“ได้ครับแม่” เจตรับคำแบบไม่ต้องคิด
“อยู่กันเยอะ ๆ สนุกดี”
“แล้วอย่าพากันไปเล่นน้ำจนเป็นไข้กลับมาอีกล่ะแม่จะตีให้หลังลายเลย”
“แม่ฝากผิดคนแล้วละมั้ง” เสียงพี่หมานดังมาแต่ไกล
“ดูเจ้าต๊ะนั้นซิมาไม่ถึงอาทิตดำเป็นตอเลย เพราะเอาแต่ไปเล่นน้ำกับไอ้เจต”
“โห พี่หมาน ผมทำงานให้พี่นะครับพี่ไม่เข้าข้างผมเลย วันนี้ผมก็ไปแบกมาให้อีก 2 ต้น ขนาดไม่สบายนะนี่”
“โอ.....น้องชายที่แสนดีอะล้อเล่นนนนนนน”พี่หมานพูดพร้อมกับเอามือมาขยี้หัวเจต
“คนเยอะคึกคักดีแม่เจตจะได้ไม่เหงา” พี่อ้อยโผล่ออกมาจากในครัวพูดเสริมอีกครั้ง
“มากินข้าวเที่ยงกันเถอะ วันนี้ช้าไปนิดนึงมัวแต่ไปอยู่วัดเสียนาน” แม่ให้ทุกคนร่วมกินข้าวหลังจากพี่อ้อยตั้งสำรับข้าวเรียบร้อย
ผมมองดูเจ้านพดูเกร็งๆ ไม่ค่อยพูด กินข้าวเอาแต่ก้มหน้า ผมสะกิดเจตให้ดูเจ้านพ
“เฮ้ยนพไม่หร่อยหรอ กินน้อยจัง กับข้าวฝีมือพี่อ้อยไม่เป็นสองรองใครวาสนาไม่ถึงไม่มีทางได้กินนะโว้ย”
เจ้าเจตเริ่มสร้างบรรยากาศ
“อร่อยครับ”
“อร่อยก็ต้องกินเยอะๆ ซินพจะได้มีแรงไปเที่ยวกับพี่ ๆ เขา” พี่อ้อยหันมาทางนพพร้อมตักกับข้าวใส่จานให้นพ
“ใช้แล้วพี่อ้อยกว่าจะถึงค่ำเดี๋ยวพี่พาแกไปเที่ยวรับรองแกไม่อยากกลับกรุงเทพแน่ๆ”
“จะพาน้องไปว่ายน้ำอีกละซิเดี๋ยวได้จมน้ำตายแน่มึง ว่าแต่นพว่ายน้ำเป็นมั้ยลูก”
“ว่ายเป็นครับ”
“เฮ่อ...โล่งอกหายห่วงไปเปราะนึง”
หลังกินข้าวเสร็จเราสร้างความคุ้นเคยเพื่อนใหม่ด้วยการพาเดินไปท้ายหมู่บ้านเจ้านพเริ่มคุ้นเคยพูดมากขึ้น ร่าเริงขึ้น หน้าจากซีด ๆ ก็เริ่มสดใส เราสามคนเดินไปรอบหมู่บ้านจนวกกลับมาที่กระท่อมปลายนาที่เดิม
“พักเหนื่อยก่อนเถอะเหนื่อยว่ะ” เจ้าเจตเสนอขึ้นมา
“พี่เจตไหนบอกว่ามีสระน้ำ ผมอยากอาบน้ำ”
“เฮ่ยเอาวันนี้เลยหรอ”
“ทำไมครับ....?” เจ้านพหันหน้ามองคนนั้นทีคนนี้ที
“พี่เจตเขายังไม่หายเจ็บระบม.......เฮ่ยยังไม่หายไข้”
“ไอ้เหี้ยต๊ะ” มันพูดพร้อมกับกระโดดมาบีบคอผมอย่างแรง
“คือ พี่ยังไม่หายไข้เอาไว้วันหลังค่อยมาไหว้น้ำพี่จะได้ไหว้ด้วย อีกอย่างวันนี้บ่ายมากแล้วกลับบ้านก่อนดีกว่าพี่หิวข้าว”มันพูดไปเรื่อยเปื่อยแต่มือยังคงกอดคอผมแน่ สายตามันจ้องมองผมเขม็งส่วนผมได้แต่หัวเราะ 5555555555
“ได้ครับนพก็เริ่มหิวข้าวเหมือนกัน”
“เราพากันเดินกลับบ้านด้วยอาการหิวแสบไส้แย่งกันวิ่งขึ้นเรือนได้ก็ตรงดิ่งไปห้องครัวทันทีกำลังจะเปิดประตูห้องครัวเสียงแม่ดังมาแต่ไกล
“ข้าวอยู่ทางโน้น....หิวโซมากันเชียวนึกว่าพากันตกน้ำตกท่า”
พวกเราหันไปตามเสียงแม่เห็นแกพูดแต่ไม่หันมามองพวกเรา ก้มหน้าตัดผ้าไปเรื่อย ๆ
เราสามคนวิ่งถลาไปที่สำรับข้าวอย่างรวดเร็วเปิดฝาชีได้ก็รีบตักใส่ปากแบบไม่ต้องกลืน
“ไปตายอดตายอยากมาจากไหนว๊ะ” เสียงพี่หมานเดินออกมาจากห้อง
“นึกแล้วว่าต้องหิวโซกลับมาพี่เลยทำกับข้าวไว้ให้” พี่อ้อยเดินตามพี่หมานออกมาจากห้อง
“ผมนึกแล้วว่าพี่อ้อยต้องทำไว้ให้หาพี่สาวที่แสนดีอย่างนี้ได้ที่ไหน เนาะต๊ะเนาะ เองว่าจริงมั้ยว๊ะนพ”
“ย่ะ....ไอ้พ่อมหาจำเริญส่วนแกนะน้องไม่ได้เรื่อง” พี่อ้อยบ่นไปเรื่อยเปื่อย
ส่วนผมกับเจ้านพก้มหน้าก้มตากินลูกเดียวจานไข่เจียวของโปรดต่างคนต่างแย่งกันตักเสียงช้อนกระทบจานช้งเช้ง
“เฮ่อ....เด็กๆ มันสนิทกันไวเนาะแม่ เจ้านพมาเมื่อเช้าดูหงอย ๆ เชื่อง ๆ นี่ยังไม่พอข้ามคืนเลยดูมันเข้าขากันดีเสียนี่กระไร” เสียงพี่อ้อยพูดกับแม่มาแต่ไกล
“ดีแล้วที่เด็กมันสนิทกันไวสงสารเจ้านพมัน อยู่กับหลวงพ่อคงเหงา เจอเพื่อนวัยเดียวกันเลยเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจะได้ไปบอกหลวงพ่อได้ว่าไม่ต้องเป็นห่วง”
“ระวังแต่เจ้าเจตมันจะพาเจ้านพเสียคนก็พอแหละ55555” เสียงพี่หมานแว่วมา ผมหันไปค้อนพี่หมาน 1ควับก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ใช้เวลาไม่นาน ทั้งข้าวทั้งกับข้าวเกลี้ยงสำรับพี่อ้อยเดินมาดูถึงกับตกใจ
“โห....นี่พวกแกกินหรือแกปล้นกันว๊ะนี่ไม่มีอะไรเหลือติดจานเลย”
“เด็กวัยกำลังกินกำลังโตก็แบบนี้แหละพี่”ไอ้เจตพูดใส่พี่อ้อย
“ไปพากันไปตรงโน้นเดี๋ยวพี่จะเก็บสำรับ” พี่อ้อยที่แสนดี หาข้าวไว้ให้ กินเสร็จมาเก็บให้ด้วย ก็บอกแล้วว่าแม่ศรีเรือนพี่อ้อยไม่มีขาดตกบกพร่อง
หนังท้องตึงได้ไม่นานพวกผมก็ตาเริ่มหย่อนเผลอหลับไปตรงชานบ้านมารู้สึกตัวอีกทีได้ยินเหมือนเสียงเลื่อยไม้ลุกขึ้นไปดูเห็นมีผู้ชายสองสามคนกำลังเลื่อยไม้ไผ่ที่ผมกับไอ้เจตไปตัดมา
“ตื่นแล้วหรอต๊ะ ไปล้างหน้าล้างตาจะได้สดชื่น” เสียงพ่อมาจากระเบียง พ่อนั่งสูบบุหรี่อยู่ไกล้ ๆ ผมมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นไอ้เจตกับไอ้นพ
“สองคนนั้นไปไหนล่ะพ่อ”
“เห็นมันซ้อนท้ายรถไอ้ทิดหมานไปไหนรู้บอกว่าบ่าย ๆ ถึงจะกลับ” แหมไอ้สองตัวนี่ไม่ชวนกูเลย ผมนึกเคืองนิด ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น