วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 18 ปิดเทอมแต่ไม่เลิกเด้า 1

              “ต๊ะ ต๊ะ” ผมหันไปตามเสียง
              “อ้าว เจต มาทำอะไรตรงนี้” เจต หรือเจษฎาเพื่อนร่วมห้องที่มีทักษะกีฬาบาสเก็ตบอลอย่างหาตัวจับยาก ตัวไม่สูงแต่ความสามารถในการกระโดดมันสูงมาก และชูดแม่นอีกต่างหาก สาว ๆหลงใหลในความเก่งและความน่ารักของมัน มนุษยสัมพันธ์ดีเลิศ
              “ปิดเทอมนี้มึงไปไหน”
              “กลับบ้านดิ...ถามไม”
              “ไปเที่ยวบ้านกูปะ  บ้านกูมีงานบุญใหญ่”
              “ที่ไหน” ไอ้เจตมันบอกชื่ออำเภอ  ซึ่งห่างจากตัวจังหวัดไปประมาณ 60 กิโลเมตรแต่ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงเพราะถนนยังเป็นลูกรังที่มีทั้งหลุมทั้งบ่อเต็มไปหมด
              “พี่สาวกูกินดอง”
              กินดองก็คือแต่งงานนั่นแหละครับ พี่สาวมันจะแต่งงานอีกสองอาทิตข้างหน้าแต่ปิดเทอมปลายภาคนี้เกือบสามเดือน ไปเที่ยวบ้านมันก็ดีเหมือนกันผมไปโทรเลขบอกแม่ว่าจะไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่.........สักสองอาทิตเดี๋ยวกับ และนัดเจอกับไอ้เจตที่บขส วันพรุ่งนี้ตอนบ่ายสาม
              หมู่บ้านที่ไอ้เจตอยู่จะออกไปจากอำเภออีกประมาณ20 โล มีรถสองแถวขนาดใหญ่วิ่งวันละเที่ยว ออกจากหมู่บ้าน เวลา 6 โมงเช้า ถึงตัวจังหวัดประมาณ 4 โมงเช้าและออกจากตัวจังหวัด ประมาณบ่ายสาม ถึงหมู่บ้านประมาณ 1 ทุ่มวันอาทิตไม่วิ่งเพราะคนขับจะดูมวยตู้
              วันนี้ตรงกับวันเสาร์ผมนัดเจอเจตเพื่อไปเที่ยวบ้านมันผมมาก่อนเวลาประมาณ 10 นาที พอจะเอาก้นลงนั่งก็เห็นไอ้เจตวิ่งมาตาเหลือก
              “โทษทีว๊ะต๊ะ .....กูมัวแต่ไปส่งแก้วมาว่ะ”
              แก้วคือแฟนสาวมันที่เรียนอยู่โรงเรียนสตรีประจำจังหวัดเท่าที่ดูจากสภาพท่าทางเมื่อคืนมันจะสั่งลากันไปหลายดอก จนไม่มีแรงตื่นแน่ ๆ
              “หนักละซิมือ..จัดไปกี่ดอกล่ะ”
              “ไอ้บ้า........ จัดเจิดที่ไหน”
              “มึงอย่ามาตอแหลสีหน้ามึงอิดโรยขนาดนี้ กูว่าไม่ต่ำกว่า 3 ดอก”
              “หน้ากูโทรมมากเลยหรอ”
              “เออดิ”
              “ไป ไปหาที่นั่งก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน” มันฉุดผมลุกขึ้นเดินไปที่ท่ารถ
              เป็นรถยนต์ 6ล้อขนาดใหญ่ สภาพรถครึ่งไม้ครึ่งเหล็ก มีที่นั่งสองข้างริมหน้าต่าง และที่นั่งตรงกลางอีก2 แถว คนทั้งนั่งทั้งยืนแน่นกันรถแทบระเบิด ไหนจะของที่พากันซื้อกลับบ้านอีกส่วนใหญ่สีหน้าเคร่งเครียด คงเพราะแย่งอากาศหายใจ ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม อากาศบ่าย3 ร้อนแทบระอุ บางกลุ่มก็คุยกันเหมือนไม่เจอกันมานานแสนนาน
              “ไหนที่นั่งของมึงไอ้เจตมือสักข้างนึงก็ยังยัดไม่ลงเลย”
              “โน่น...อย่างพวกเราต้องนั่งชั้นVIP”มันยื่นปากขึ้นไปบนหลังคา
              ผมแหงนหน้าขึ้นไปมีผู้ชายวัยกลางคน10 กว่าคนนั่งอยู่บนหลังคาแล้ว สูบบุหรี่กันคลุ้งไปหมด ผมถึงบ้างอ้อทันทีก็คงไม่ต่างจากบ้านผม
              ผมปีนบันไดด้านข้างขึ้นไปจับจองที่นั่งได้ข้างพี่คนหนึ่งอายุน่าจะ20 ปลาย ๆ นั่งก้มหน้ากอดกระเป๋า ขาห้อยลงตรงข้างรถแต่งตัวเหมือนเพิ่งเดินทางมาจากทางไกล ไอ้เจตนั่งข้างผม
              บ่าย 3 ตรงรถไม่มีรีรอออกตัวอย่างช้า ๆ จากท่ารถออกไปทางทิศตะวันออกของจังหวัดขับมาได้ประมาณ 10 โลพอพ้นตัวเมือง สภาพถนนเป็นลูกรัง มีทั้งหลุมทั้งบ่อ ถ้าหน้าฝนคงลำบากกว่านี้แน่ฝุ่นแดงตลบอบอวน รถขับไปได้เรื่อย ๆ ตกหลุถมตกบ่อเป็นระยะเบลกทีฝุ่นแดงตีย้อนกลับมาที จนต้องเอาเสื้อขึ้นมาปิดจมูก
              สองข้างทางเป็นไร่มันสำปะหลังไร่ข้าวโพด มีบ้านคนอยู่เป็นระยะผมรู้สาเหตุที่รถช้าอีกประเด็นหนึ่งคือต้องแวะรับส่งคนตลอดระยะทางกว่าจะขนของลงกว่าจะขนของขึ้น เด็กท้ายรถก็ไม่มี ผู้โดยสารต้องช่วยเหลือตัวเอง ไม่มีใครช่วยใครเพราะลุกเมื่อไหร่จะเสียม้าทันที ไอ้เจตมันคงเพลียจากการส่งส่วยน้องแก้วมันใช้ตักผมเป็นหมอนนอนเอียงจนหลับส่วนผมก็มองดูสองข้างทางไปเรื่อย ๆ จนตะวันเริ่มตกดิน
              ถึงหมู่บ้านประมาณทุ่มกว่าๆ ซึ่งเป็นการเดินทางที่ผมปวดเอวมากกกกก ต้องนั่งเกร็งมาตลอดทาง ไหนจะกลัวตกไหนไอ้เจตจะนอนทับขา
              “เจต เจต” ผมเขย่าตัวไอ้เจต
              “ฮือ”
              “ถึงบ้านมึงหรือยังเห็นคนลงหมดแล้ว”
              มันงัวเงียขึ้นมาพร้อมกับขยี้ตา
              “เลยมาแล้ว มึงทำไมไม่บอกกู”
              “อ้าว...ไอ้เหี้ยนี่กูไม่เคยมากูจะไปรู้หรอว่าถึงหรือยัง”
              “บ้านกูอยู่หลังวัดที่ผ่านมาก่อนต้องเดินย้อนกลับไปอีกนิดนึง”
              “ไม่นิดละมังเมื่อกี้ก็เห็นไกลเลยล่ะ”
              “เออ....ไปเดิน ๆ แค่นี้ทำบ่น”
              ผมลงจากรถได้ก็ทั้งปัดทั้งสะบัด ฝุ่นแดงเต็มหัวเต็มเสื้อผ้า แต่ละคนสาระวนกับการขนของลงจากรถ จ่ายค่ารถเสียงเจี้ยวจ้าวบางคนมีญาติมารับ ไฟฟ้ายังไม่มีใช้ ส่วนใหญ่จุดตะเกียงบ้านไหนฐานะดีหน่อยก็จุดตะเกียงจ้าวพายุ หรือใช้แบตเตอรี่ เพื่อใช้ไฟฟ้าหรือใช่เครื่องปั่นไฟฟ้าขนาดเล็ก
              ไอ้เจตเดินนำหน้าผมย้อนกลับมาทางเข้าหมู่บ้านเพื่อไปบ้านมัน
              “ต๊ะ...”  อยู่ ๆ ไอ้เจตก็เรียกชื่อผมขึ้นมา
              “หือ...มีไร”
              “มึงกลัวผีหรือเปล่า”
              “ไอ้เหี้ย...มึงจะพูดทำไมกูไม่กลัวหรอก”
              “มึงไม่กลัวนะดีแล้ว แต่กูกลัว” มันไม่พูดเปล่ามันเดินเข้ามาเบียดผมจนจะตกถนน
              เราสองคนเดินไม่นานก็มาถึงประตูวัดมันเกาะแขนผมแน่น
              “บ้านมึงอยู่ข้างวัดแต่ดันกลัวผีนี่นะ”
              “มันไม่มีใครกำหนดนี่หว่าว่าอยู่ข้างวัดต้องไม่กลัวผีมึงเดินไปตามแสงไปแล้วเลี้ยวตรงซอยข้างวัดนะ” ผมเดินนำหน้าโดยไอ้เจตมันชี้ทางเป็นระยะพอพ้นกำแพงวัด เป็นทุ่งนา วันนี้เดือนไม่เต็มดวงเลยเห็นทุ่งนายามค่ำคืนไม่เต็มที่ผมเดินเลยวัดไปตามถนนก็เห็นแสงไฟคงเป็นบ้านเรือนมาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งใช้ไฟฟ้าเพียงหลังเดียวในระแวกนี้แสดงว่าฐานนะคงค่อนข้างดี เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงประมาณเมตรกว่า ๆ หลังใหญ่มีเสียงพูดคุยกันบนเรือนเบา ๆ สักพักเสียงหมาเห่ากันขรม
              “ใครน่ะ” มีเสียงถามมาจากข้างบนพร้อมชายสูงอายุถือไฟฉายมาส่อง
              “อ้าว...ไอ้เจตมาแล้วทำไมไม่ขึ้นบ้าน แล้วพาใครมาด้วยล่ะ”
              “หวัดดีพ่อ”ไอ้เจตมันเรียกพร้อมยกมือไหว้
              ผมยกมือไหว้ตามมันด้วยแบบงง ๆ
              “มาขึ้นบ้านไอ้นี่มาถึงก็ไม่ขึ้นบ้าน”
              “กำลังจะขึ้นแหละ พอดีหมาเห่าแล้วพ่อก็ออกมาพอดี” มันพาผมขึ้นบันไดไปบนบ้าน มีผู้หญิงกลางคนนั่ง
              “แม่หวัดดีครับ”มันพูดพร้อมกับโผเข้าไปกอดแม่ แล้วเอามืออีกข้างบีบนมแม่
              “ไอ้ลูกคนนี้นี่ ไม่อายเพื่อน” แม่ตีมือที่บีบนมอยู่แล้วแกะมือออกแบบอายๆ พร้อมกับหัวเราะ
              “ไอ้ต๊ะนี่แม่กู แล้วนั่นพ่อกู”
              “หวัดดีครับแม่ หวัดดีครับพ่อ”ผมยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมตามที่พ่อแม่เคยสั่งสอนมา
              “บุญรักษานะลูกแม่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ว่าป่านนี้แล้วทำไมยังมาไม่ถึง”
              “ก็รถนั่นแหละแม่ วันนี้แวะรับแวะส่งตลอดทาง”
              “ต้องทำใจ เพราะบ้านเรามันมีรถเที่ยวเดียวไปพาเพื่อนไปอาบน้ำ จะได้กินข้าว แม่ทำไว้โน่น พ่อกับแม่กินแล้ว”
              “แล้วพี้อ้อยละแม่” พี่อ้อยคือพี่สาวคนที่จะแต่งงานอีก2 อาทิตข้างหน้า
              “อ๋อ....ไอ้ทิดหมานมันพาไปแจกการ์ดที่บ้านมัน” ไอ้ทิดหมานคือว่าที่พี่เขยไอ้เจตแกชื่อสมาน แต่ที่เรียกไอ้ทิดคือคนที่ผ่านการบวชเรียนมาแล้วจะเรียกทิดนำหน้าชื่อ
              ผมนั่งกินข้ากับไอ้เจตสองคนหันกลับมาอีกทีพ่อกับแม่แอบไปนอนตอนไหนไม่รู้อย่างว่าแหละครับบ้านต่างจังหวัด ทุ่มกว่า ๆ ก็ปิดไฟนอนกันหมดแล้วตื่นอีกทีก็ตีสี่ลงไร่ลงสวนเพราะแดดมันไม่ร้อน ซึ่งที่หมู่บ้านนี้ก็เหมือนกัน
              ผมมาตื่นอีกทีตอนสามโมงกว่าๆ รู้สึกปวดเนื้อปวดตัว คงเพราะนั่งรถโยกมา4ชั่วโมงเต็ม
              “ตื่นแล้วหรือว๊ะ”เสียงไอ้เจตพูดพร้อมเปิดประตูเข้ามา
              “อืม”
              “ห้องนี้ห้องกูกับพี่สาวแต่ต่อไปกูต้องไปนอนอีกห้อง เพราะห้องนี้เขาจะเตรียมเป็นห้องหอพี่กู” ผมมองไปรอบ ๆห้องมีแต่ห่อของต่าง ๆ มากมาย คงเตรียมไว้จัดเรือนหอเมื่อคืนรีบนอนเลยไม่ได้สังเกต อาบน้ำเสร็จก็มุดมุ้งเลย หลับเป็นตาย
              “ไปล้างหน้า จะได้กินข้าว”ไอ้เจตมันพูดเสร็จก็เดินออกนอกห้องไปก่อน
              “หลับสบายมั้ยลูก” พอพ้นประตูออกมาแม่ทักทายก่อนเพื่อน
              “หลับเป็นตายเลยครับ”
              “เออ..ปกติจะเห็นแต่คนแปลกที่มักจะนอนไม่หลับ”
              “เด็กหนุ่มเขาไม่เหมือนพวกเราหรอก  เด็กไม่ต้องคิดอะไร กินง่าย อยู่ง่าย หลับง่าย ใครจะเหมือนได้เจตล่ะกว่าจะหลับได้กลัวโน่นกลับนี่” พ่อพูดกับแม่
              “พ่อง่ะ...อย่าขายกันดิ”
              “เจตมันคนกลัวผีนอนกับพี่สาวมาตลอด พอพี่สาวจะแต่งงานมันก็เลยจะกลับมานอนกับพ่อกับแม่แม่บอกไม่ให้นอนห้องตัวเองก็มี” แม่หันมาพูดกับผม
              ผมนึกในใจมิน่าล่ะมันถึงชวนผมมา พอพี่สาวมันแต่งงานต้องนอนกับผัว และมันจะต้องนอนคนเดียวในห้องอีกห้องนึงมันเลยพาผมมานอนเป็นเพื่อน...ไอ้นี่แผนสูง
              “มิน่าล่ะแม่เจตมันไม่กล้านอนคนเดียวนี่เองมันถึงหลอกผมมานอนด้วย”
              “กูหลอกมึงที่ไหนพี่กูจะแต่งงานจริง ๆ “
              พ่อกับแม่พากันหัวเราะใหญ่ส่วนไอ้เจตอายจนหน้ามันแดงกล่ำ
              “ไปพากันไปกินข้าวเดี๋ยวจะได้ช่วยกันมาเตรียมของ อาทิตหน้าจะลงมือจัดที่จัดทางกันเต็มที่เดี๋ยวชาวบ้านก็จะทยอยมาช่วยกันจับโน่นจับนี่”แม่ไล่ให้เราสองคนไปหาข้าวหาน้ำกินในครัวแล้วจะได้มาช่วยกันจัดของแต่งงานให้เข้าที่เข้าทาง
              บ่ายแก่ ๆมีผู้หญิงกับผู้ชายเดินเข้ามาในบ้านผมเดาเอาคงเป็นพี่ต้อยกับพี่ทิดหมานแน่นอนเพราะหน้าพี่ต้อยมีส่วนคล้ายแม่มาก
              “หวัดดีครับพี่” ผมยกมือไหว้พี่ทั้งสอง
              “เพื่อนไอ้เจตหรอ”
              “ครับ ชื่อต๊ะครับ”
              “หวัดดีจ๊ะ/ครับ” พี่อ้อยกับพี่หมานรับไว้แล้วเดินเข้าไปในบ้าน
              “แล้วไอ้เจตไปไหนล่ะต๊ะ” พี่อ้อยหันมาถามผม
              “พาแม่ไปคุ้มใต้ครับ” ผมบอกทั้งที่ไม่รู้ว่าคุ้มเหนือหรือคุ้มใต้มันอยู่ตรงไหน
              “อ๋อ...สงสัยไปหาลุง สงสัยเอารถเครื่องไปแล้วพ่อล่ะ”
              “พ่อไปวัดครับ”
              “จ๊ะ...เลยปล่อยให้เราเฝ้าบ้านกับอีแต้มล่ะซิ”  ผมงงกับอีแต้มมันคือใคร
              เย็นวันนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะอยู่กันครบหน้า พูดคุยปรึกษาเตรียมจัดงานแต่งพี่อ้อยกับพี่หมานไอ้เจตมันเลยชวนผมเดินลงไปข้างล่าง วันนี้เดือนสว่างขึ้นมาแล้ว พอมองเห็นทาง เราพากันเดินออกไปกลางทุ่งนา
              “พี่อ้อยกับพี่หมานเขาเจอกันที่กรุงเทพพี่กูไปทำงานโรงทอ พี่หมานเป็นช่างเครื่อง เขาอยู่ด้วยกันแล้วที่กรุงเทพ แล้วกลับมาแต่งงานกันที่นี่” เราเดินไปไอ้เจตก็เล่าไปผมถึงบางอ้อทันทีว่าทำไมถึงปล่อยลูกสาวไปกับหนุ่มทั้งที่ยังไม่แต่งงานก็ยังดีที่เขากลับมาแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว
              “มาทีไรกูก็นอนในห้องนั้นแหละแม่ก็ไม่ว่าอะไร แต่ต่อไปนี้เขาแต่งงานกันแล้วแม่กูห้ามเด็ดขาด ห้ามเข้าไปยุ่ง”
              “มึงก็เลยลากกูมานอนเป็นเพื่อนเพราะมึงดันกลัวผีขึ้นสมอง”
              “ไอ้ห่าต๊ะมึงอย่าพูดดิกูตั้งใจชวนมึงมางานแต่งพี่สาวกูจริง ๆ “
              “เออ เอา กูจะพยายามเชื่อมึง”
              อากาศเย็นสบายเราเดินคุยกันไปเรื่อย ๆ จนเริ่มล้ามองเห็นเถียงนาอยู่ไม่ไกลจึงเดินไปนั่งเล่นบนเถียงนา
              “อากาศเย็นสบายดีเนาะเจต” ผมเอ่ยขึ้นก่อน
              “อืม บ้านนอกก็แบบนี้แหละแล้วที่บ้านมึงล่ะต๊ะ”
              “บ้านกูค้าขาย มีที่นาก็ให้เขาเช่ามีไร่ก็ให้เขาเช่า ค้าขายอย่างเดียว เช้ามาก็ขายของ ค่ำลงก็เตรียมของขายอยู่แบบนี้ตลอดไม่ค่อยได้ออกไปไหน กูมีพี่ชายคนนึง พี่สาวคนนึงแล้วก็น้องชายอีกคนนึง แต่ไม่ค่อยได้คุยกันพี่สาวกูก็เป็นแต่นางห้องพ่อแม่กูตามใจ พี่ชายกูวัน ๆ ก็เอาแต่เมาแล้วตีหัวหมาด่าแม่เจ๊กไปเรื่อยเปื่อย  ส่วนน้องกูลูกหลงมา ห่างจากกูหลายปีอยู่กับพี่เลี้ยงซึ่งเป็นลูกจ้างขายของด้วย”
              เรานอนคุยกันบนเถียงนาอากาศที่เย็นสบายทำให้เราสองคนเผลอกลับไปนอนไหนไม่รู้
              รู้สึกตัวอีกทีเหมือนมีอะไรมาทับตรงท้องค่อยๆ ลืมตาขึ้น เป็นขาไอ้เจต มันก่ายขึ้นมาทับตรงท้องน้อยพอดี
              “เจต เจต” ผมเขย่าตัวมัน
              “อือ อือ”
              “มัว อือ อือ อยู่นั่นแหละมันกี่ทุ่มแล้วนี่ เผลอหลับไปนอนไหนไม่รู้ พ่อกับแม่ตามหาแล้วก็ไม่รู้”
              “เขาไม่ตามหรอก กูมานอนที่นี่กับพ่อบ่อยมาเฝ้านา ที่เดินผ่านมานะนาบ้านกูทั้งนั้น”ผมคลายวิตกกังวลลงไปบ้างเพราะกลัวพ่อกับมามันจะเป็นห่วง  อีกอย่างก็ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนั่งถ้าเป็นกลางวันมองจากที่นี่คงมองเห็นหลังคาบ้าน
              “ไปลุก กลับบ้านเถอะกี่ทุ่มแล้วนี่” ผมดันขามันออกพร้อมกับลุกขึ้น
              “ไม่อยากลุกว่ะอากาศกำลังเย็นสบาย” มันไม่พูดเปล่าเอาหัวเข่าดันท้องผมให้นอนลงไปที่เดิมแล้วมันก็เข้ามากอดกระชับแน่นกว่าเดิม
              ในใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะไม่อยากจะคิดว่า เหตุการณ์มันจะจบลงแบบไอ้ดอนหรือเปล่า ผมหันหน้าไปมองหน้ามันลมหายใจอุ่น ๆ ของมันปะทะเข้ากับหน้าผมอย่างจัง ทำให้ผมถึงกับขนลุกพร้อมกับควยที่เริ่มอาการพองขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
              “เจต เจต” ไม่มีเสียงตอบจากไอ้เจตผมยื่นหน้าเข้าไปจนชิด เหมือนมันกำลังหอมแก้มผมมือผมอีกข้างที่มันใช้หนุนหัวเริ่มโอบคอมันส่วนอีกข้างกุมมือไว้แล้วลูบไล้เบา ๆ
              “ต๊ะ” ไอ้เจตมันเรียกผมเบา ๆ
              ผมถึงกับสดุ้งตื่นจากผวังแล้วรีบคลายมือทั้งสองข้างออกจากตัวมัน
              “มีไร”ผมตอบมันไปโดยที่ไม่หันไปมองมัน
              “มึงว่ากูหล่อมั้ย” อยู่ ๆ มันก็ถามคำนี้ออกมา
              “ทำไมอยู่ ๆมึงถามคำนี้ออกมาว๊ะ”
              “แก้วเขาบอกว่ากูหล่อสู้มึงไม่ได้” อ้าวเวรแล้วไง อยู่ ๆแก้วแฟนมันไหงมาพูดแบบนี้ว๊ะ
              “เฮ่ย...กูไปเกี่ยวอะไรด้วย”ผมตกใจกับสิ่งที่มันพูดเมื่อครู่
              “แก้วเขาบอกว่าสาว ๆโรงเรียนสตรีใครก็พูดถึงแต่มึง รู้จักมึงกันทั้งนั้น” ผมถึงบางอ้อทันทีจะไม่รู้จักผมได้ยังไงล่ะครับ เพราะสาว ๆ พวกนั้นเอาผมเป็นสะพานเพื่อที่จะส่งของให้เพื่อนๆ ผม เพื่อจะขอเบอร์เพื่อน ๆ ผม พวกหล่อนไม่ได้มีจิตพิสวาสผมเลยสักคนหรือจะบอกว่าพวกหล่อนมองไม่เห็นหัวผมหรอกแต่ถ้าจะเล่าความจริงออกไปก็กลัวจะเสียเชิง
              “เปล่ามั้งกูว่ามึงหล่อกว่ากูด้วยซ้ำ เป็นนักกีฬาด้วย มึงลงสนามทีเห็นสาว ๆ กรีดกันสนั่น  กูเสียอีกกีฬาก็เล่นไม่เป็นดนตรีก็เล่นไม่ได้เรื่อง เรียนก็งั้น ๆ ดีที่ลีลาพริ้ว”
              “เฮ้ย มึงลีลาเด็ดขนาดเลยหรอสอนกูมั่งดิ กูจะเอาไปใช้กับแก้ว งานนี้จะสอยให้ร่วงเลย ”ลีลาที่ผมพูดหมายถึงกะล่อนไปวัน ๆ แต่มันดันเข้าใจว่าลีลารัก
              “เออ เออ ว่าง ๆ กูจะสอนให้”
              “ไม่ได้ สอนวันนี้เลย” มันเข่าผมแน่นเข้าไปอีก
              “บ้าดิ มันไม่มีผู้ช่วย” ผมแถไปอีก
              “มันต้องมีผู้ช่วยด้วยหรอ”
              “ก็เออดิเอาไววันหลังหาผู้ช่วยได้กูจะสอนให้”
              “สักนิดนึงวันนี้ไม่ได้หรอ กูอยากรู้ว่ะ นะ นะเพื่อน”
              “ก็กูบอกว่าไม่มีผู้ช่วยแล้วจะสอนยังไง หรือมึงจะเป็นผู้ช่วยกู”
              “เออ เอาไงเอากันกูเป็นผู้ช่วยมึงเอง”
              “แน่ใจนะ”
              “แน่ใจ”
              “มึงอย่าเปลี่ยนใจกลางคันนะ”
              “ลูกผู้ชายคำไหน คำนั้น”เอาละซิครับผมโดนมันท้าเสียแล้ว มีหรือจะปล่อยให้เสียเชิงชายใช่ว่าจะไม่เคยมีประสบการเรื่องนี้ ผมนึกในใจเอาว๊ะ ไหน ๆ ก็ตกปากรับคำมันไปแล้วผีบ้าน ผีเรือน ผีนา ผี กระท่อม เจ้าป่า เจ้าเขา อย่าลงโทษลูกเลย  สาธุ”ผมนึกในใจพร้อมกับยกมือขึ้นขอขมา
              “เฮ้ยถึงกับไว้ครูเลยหรอ” ไอ้เจตมันเห็นผมยกมือถ้วมหัว
              “กูเป็นศิษมีครูจะสอนใจต้องขออนุญาตครูบาอาจารย์ก่อน” ผมโกหกได้โล่เลยตอนนั้น
              “ว่าแต่มึงพร้อมนะ”
              “กูพร้อมนานแล้ว”
              ผมนึ่งสักพักก่อนที่จะค่อยๆ ใช้ข้อศอกดันตัวเองขึ้นมา มืออีกข้างหนึ่งล้างเข้าไปในชายเสื้อเชิตไอ้เจต
              “เฮ้ย ทำไรนะ”
              “อ้าว ก็ไหนมึงบอกให้กูสอนไงกูก็กำลังสอนอยู่นี่ หรือมึงไม่กล้า”
              “เอาก็เอาว๊ะ” ปากมันพูดเอา แต่มันยังมีอาการขืนๆ คอยเอามือมาปัด ตลอด
              “มึงจะปัดทำไมปล่อยไปตามอารมย์ นึกถึงตอนที่มึงกับแก้วกำลังมีอะไรกัน มึงเสียวตรงไหนแก้วก็เสียวตรงนั้นแหละ” ผมก้มลงไปพูดใกล้ ๆ หูมัน รู้สึกได้ว่ามันมีอาการขนลุกขึ้นมาทันที
              ผมล้วงลงไปคลึงนมมันเล่นเบาๆ บีบหัวนมเป็นระยะ
              “ต๊ะ กูเสียวมากเลยว่ะ”
              “เดี๋ยวมึงจะเสียวมากกว่านี้อีก” ผมค่อย ๆปลอดกระดุมเสื้อมันออกจนหมด แล้วก้มลงไปค่อย ๆ เอาลิ้นเลียที่หัวนมมันช้า ๆ
              “ต๊ะ  ต๊ะ กู เสียว มากเลย”มันพูดพร้อมกับเอามือมากดหัวผมลง
              ผมทำการดูดนมมันอย่างช้าๆ สลับซ้ายขวา ไอ้เจตมีอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัด ขนมันลุก พร้อมกับเสียงครางเบา ๆ
              “อา  อารรรร”
              “ผมค่อย ๆเอามือลงไปคลึงที่เป้ามัน วันนี้มันนุ่งกางเกงนักเรียนขาสั้น ควยมันแข็งแทบระเบิดผมคลึงควยมันนอกกางเกงแล้วค่อย ๆ ปลดขอกางเกงและรูดซิบเอามือคลึงควยมันนอกกางเกงใน
              “ต๊ะ อย่าทรมานกูเลยใจกูจะขาด” ผมค่อย ๆถอดกางเกงนอกกางเกงในมันออกพร้อมกันทีเดียว ควยไอ้เจตดีดผึงออกมาสูดอากาศโดยที่ไอ้เจตไม่มีอาการขัดขืนแม้แต่น้อย
              ปากผมก็ดูดนมสลับซ้ายขวามือผมก็สาวควยมันไปเรื่อย ๆ แบบไม่เร่ง ไม่ถึง 5 นาทีได้เจตมีอาการเกร็งกระตุกก่อนที่จะปล่อยน้ำพุ่งออกมาโดนหน้าผมอย่างจัง
              “อ้า...ต๊ะ กูแตกแล้วววววววววววววว”
              ผมค่อย ๆเอามือคลึงตรงหัวควยมันที่มีน้ำเจิ่งนอง มันเสียวจนต้องกระเถิบตัวหนี
              “ต๊ะ พอเถอะ กูเสียว” มันทิ้งมือทิ้งขานอนแผ่นหรา
              “เป็นไงบ้างเจต” ผมเช็ดมือกับเสื้อมัน
              “กูไม่เคยเสียวแบบนี้มาก่อนเลย” แล้วมันเกี่ยวกับแก้วตรงไหน
              “อ้าว  ไอ้นี่กูกำลังจะบอกมึงว่าเวลาเอากันอย่าตั้งหน้าตั้งตาเย็ดอย่างเดียว มือก็เขี่ยปากก็ดูด ตูดก็เด้า สาว ๆ ที่ไหนมันจะทนได้”
              “เออ  ก็จริงเนาะ เวลากูเอาแก้วแก้ผ้าได้กูก็ตั้งหน้าตั้งตาเย็ดลูกเดียว พอน้ำแตกกูก็นอน”
              “นั่นแสดงว่ามึงเอาแต่ตัวมึงไม่สนใจคู่มึงนะซิ”
              “ทำแค่นี้แล้วแก้วจะรักจะหลงกูเลยหรอ”
              “ไอ้บ้า นี่แค่เริ่มต้นยังมีเด็ดกว่านี้อีกเยอะ”
              “งั้นสอนมาเลยกูอยากรู้”
              “งั้นสอนมาเลยกูอยากรู้”
              “เอาไว้วันหลังเถอะวันนี้กูเหม็นคาวน้ำมึงเต็มทน”
              “เออ ก็ได้งั้นพรุ่งนี้มึงสอนกูอีกนะ”
              “เออ  กลับได้หรือยัง”
              ไอ้เจตหันไปหากางเกงมาใส่แล้วเราสองคนก็เดินกลับบ้านผมเห็นนาฬิกาข้างฝาบอกเวลา 5ทุ่มกว่า ๆ ค่อย ๆ ย่องเข้าไปนอนห้องไอ้เจตซึ่งติดกับห้องพี่อ้อยถ้าผมหูไม่แว่วผมได้ยินเสียงพี่อ้อยครางซึ่งไอ้เจตก็คงได้ยินเช่นกันมันหันหน้ามามองผมแล้วอมยิ้มพร้อมเอามือจุ๊ปากไว้บ้านได้เจตจะมีระเบียงตรงกลางและใช้เป็นห้องโถงรับแขก กินข้าว หรือจัดกิจกรรมต่างๆ กว้างประมาณ 30 ตารางเมตร สองฝั่งจะเป็นห้องนอน ซึ่งห้องพ่อกับแม่ประมาณ 25กว่าตารางเมตร จะอยู่อีกฝั่งกับห้องพระประมาณ 16 ตารางเมตร ส่วนห้องพี่อ้อยประมาณ 25ตารางเมตรติดกับห้องไอ้เจตขนาด20 ตารางเมตร จะอยู่อีกฝั่ง อีกด้านนึงจะเป็นห้องครัวกับห้องน้ำ
              เราสองคนค่อยๆ ย่องเข้าห้องนอนแบบเงียบสนิท เสียงครางของพี่อ้อยทำให้เราลืมเรื่องที่เราเล่นกันมาจากเถียงนาเมื่อครู่นี้สนิทไปเลยพอหัวถึงหมอน เราสองคนก็หลับเป็นตาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น